Share

Chapter 2. หลิวเข่อซิง

last update Последнее обновление: 2024-10-16 00:44:29

พ่อบ้านจูส่ายหน้าไปมา เขาอับอายกับหลานสาวห่างๆ คนนี้นัก แต่จะทำอย่างไรได้ ภรรยาของเขาบังคับขู่เข็ญให้รับนางมาทำงานในจวน หากวันหน้าได้ดี ทั้งสองก็พลอยได้ดีไปด้วย แต่นางมาอยู่ที่นี่ครึ่งปีแล้ว ทั้งพยายามปีนป่ายขึ้นเตียงองค์ชายสามนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่ถูกองค์ชายสามขับไล่ก็นับว่าบุญแล้ว

“พ่อบ้านจู ให้คนเตรียมสุราอาหารไว้ที่ห้องตำรา ข้ากับที่ปรึกษาหานจะไปที่นั้น”

“ขอรับท่านแม่ทัพซุน”   เนื่องจากซุนเจ้าเฟิงไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่าองค์ชาย แต่ยินดีให้เรียก ‘ท่านแม่ทัพซุน’ ซุนเจ้าเฟิงประจำการที่ชายแดนมาสามปี ทุกคนจึงคุ้นชินกับคำเรียกขานนี้

“ตัวข้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ข้าจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อีกประเดี๋ยวค่อยกินข้าวดื่มสุราและคุยงานกันต่อที่ห้องตำรา”  ซุนเจ้าเฟิงตบบ่าหานหรงเหยา

“ได้” หานหรงเหยาพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่เรือนของตน

ซุนเจ้าเฟิงมองแผ่นหลังของสหายรักเผลอถอนหายใจอีกครั้ง คุณชายรองแห่งตระกูลหานแม้ถูกเลี้ยงดูประคบประหงมดุจไข่ในหิน  แต่ในวัยเด็ก ทั้งสองเป็นเด็กจึงซุกซนและเข้ากันได้เป็นอย่างดีจึงกลายเป็นสหายรักกัน  แต่เดิมหานหรงเหยามิใช่คนเย็นชาเช่นนี้  แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน หลัวซู่เหมย บุตรสาวภรรยาเอกใต้เท้าหลัวเสนาบดีกรมพระคลัง  นางเป็นเด็กหญิงที่มีแววงดงามตั้งแต่อายุยังน้อย ตระกลูหลัวเชิญอาจารย์เก่งกาจให้สอนดนตรีและศิลปะแขนงต่างๆ แต่เพราะตระกูลหลัวและตระหานสนิทสนมกันมาหลายชั่วอายุคน  เด็กๆ จึงพลอยได้สนิทกันไปด้วย   ภาพคุณชายรองกับคุณหนูหลัวซู่เหมยยามเคียงข้างกันนั้นงดงามดุจภาพวาด  เด็กหนุ่มเติบโตเป็นชายหนุ่มงามสง่า เด็กหญิงเติบโตเป็นหญิงสาวแสนงาม   หลังจากเขาตัดสินใจเข้ากองทัพไม่นานก็ได้ยินว่าข่าวงานมงคล ทว่ากลับไม่ใช่สหายรักของเขาแต่กับเป็นหานลี่จู พี่ชายของหานหรงเหยา

และที่น่าปวดใจยิ่งกว่า หลัวซู่เหมยก็เต็มใจแต่งงานกับหานลี่จู

นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้หานหรงเหยาไม่เคยยิ้มอีก และทำให้เดินทางถึงเมืองผิงเหยา  เพราะรู้ถึงปัญหาจึงไม่เอ่ยถามอะไร ฐานะของเขาสามารถดูแลสหายได้ แต่หานหรงเหยามิได้อยู่ที่นี่ทิ้งชีวิตไปวันๆ   ยังช่วยวิเคราะห์วางแผนเส้นทาง  เป็นกุนซือหรือที่ปรึกษาในกองทัพ แต่ไม่ว่าอย่างไร  หานหรงเหยาผู้มีใต้ใบหน้าดุจแผ่นน้ำแข็งก็ยังชอบพูดจาหยอกล้อประชดประชัน  มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นที่จางหายไป

หลังจากอาหารมื้อเย็นผ่านไป  ชายหนุ่มทั้งสองนั่งดื่มสุราสนทนาเรื่องราวทั่วไป จูอี้ซินที่คอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ ถูกไล่ให้ออกไป แม้ใจนางอยากอยู่ใกล้ แต่ด้วยมารยาทและรู้หน้าที่จึงได้แต่จำใจเดินออกมา

“ลมหนาวพัดผ่านมาอีกคราวแล้วสินะ”

“มันก็เป็นเช่นนี้ทุกปีนั้นแหละ”  หานหรงเหยาเอ่ยแล้วรินสุราให้สหาย

“นาง...เป็นพี่สะใภ้ของเจ้ามาสามปีแล้ว ยังตัดใจไม่ได้อีกหรือ? แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะกลับไปเป็นหานหรงเหยาคนเก่า  ทางที่ดีหาสตรีตบแต่งเป็นภรรยาสักคนสิ”

“เจ้ายังไม่แต่งภรรยา ข้าก็ยังไม่เคยเดือดร้อนแทนเจ้า”

“เจ้านี่มันหัวแข็งชะมัด! เออ! ได้ยินว่าหอชมบุหลันหอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองมีหญิงงามมาใหม่เป็นที่กล่าวถึงมากยิ่งนัก  ข้าว่าจะชวนเจ้าไปพิสูจน์เสียหน่อย”

คนถูกชวนเลิกคิ้วขึ้นแล้วแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ  “เจ้าอยากไปก็ชวนลูกน้องไปเถิด ข้าไม่ค่อยถูกชะตากับสถานที่แบบนั้น”

“ยังไม่ได้ไปแล้วตัดสินว่าไม่ถูกชะตามันไม่ถูกต้องนะ”  ซุนเจ้าเฟิงตบเข่าเสียงดัง “ข้าเองได้ยินว่ามีสาวงาม ยังต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาเลย”

หานหรงเหยาได้แต่โคลงศีรษะไปมา แต่เขาก็รู้นิสัยดึงดันของซุนเจ้าเฟิงดี ยิ่งปฏิเสธก็หาทางลากไปให้ได้ เช่นนั้นแล้วเขาจึงได้แต่ยอมทำตามใจสหายรัก 

สายลมแห่งเหมันต์พัดผ่านลูบไล้บาดแผลในใจให้เจ็บปวดขึ้นมาอีกครา

....

          หญิงสาวในชุดผ้าต่วนสีครามอ่อนหวานดุจดอกไม้  ทุกการก้าวย่างพาให้เนื้อผ้าพลิ้วไหวไปกับเรือนร่างที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง  นางดูภูมิใจกับชุดสวยที่ได้สวมและคอยดูว่าเสื้อผ้าจะเลอะเทอะเพราะความซุ่มซ่ามของตน  เป็นครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตให้แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงามเช่นนี้ มือเรียวกระชับห่อผ้าที่คล้องไหล่ไว้แน่นแต่สายตากลับมองเบื้องหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ  แต่กระนั้นก็มิรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นเช่นกัน

            หลิวเข่อซิงออกจากหุบเขาจื่อเซ่อ เป็นครั้งแรก  และนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ตลาด’  นางเคยเห็นมนุษย์อยู่บ้าง ก็เฉพาะเวลาที่มนุษย์เหล่านั้นหลงเข้าไปในหุบเขา ซึ่งส่วนใหญ่จะกลายเป็น ‘อาหาร’ ของนางและบรรดาศิษย์พี่

            ถูกแล้ว ‘มนุษย์’ สำหรับศิษย์พี่และท่านแม่นั้น ล้วนเป็นได้แค่ ‘อาหาร’ เท่านั้น

            หญิงสาวจำไม่ได้แล้วว่าตนเองมาอยู่หุบเขาจื่อเซ่อตั้งแต่เมื่อใด หรือก่อนหน้านี้นางเคยเป็นสิ่งใดมาก่อน  รู้แค่ว่าตนเป็นปีศาจจิ้งจอกแดง นางต้องได้พลังชีวิตจากมนุษย์เพื่อต่ออายุขัยของตน แต่นางยังไม่เคยออกล่าอาหารด้วยตนเอง ได้แต่คอยรับเศษพลังชีวิตที่บรรดาศิษย์พี่มอบให้ด้วยความสงสาร   

            นางไม่ใช่แค่ปีศาจจิ้งจอกแดงฝึกหัดเท่านั้น แถมยังเป็นขั้นต่ำที่บรรดาปีศาจตนอื่นๆ มองด้วยหางตาอย่างดูแคลน  นางจึงเป็นเสมือนหญิงรับใช้คอยรับใช้ปีศาจตนอื่นในหุบเขา แต่ปีศาจทุกตนนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของ ‘ท่านแม่’  บรรดาศิษย์พี่น้องล้วนถูกท่านแม่เลี้ยงดูมาทั้งสิ้น เพียงแค่ต่างที่มาแต่อยู่ร่วมกันที่หุบเขาจื่อเซ่อ  นางเคยได้ยินศิษย์พี่พูดคุยกันว่า แท้จริงแล้วพวกเราควรเรียก ‘อาจารย์’ แต่ท่านแม่ไม่ชอบใจให้พวกเราเรียกนางว่าท่านแม่  ท่านแม่ใจดีมาก  เรียกนางมาใช้งานก็จริงแต่ก็แบ่งปัน (เศษ)พลังชีวิตให้   นางยังไม่ประสีประสาได้แต่คอยศึกษาแอบดูศิษย์พี่ดูดพลังชีวิตจากมนุษย์

            “เข่อซิง! เจ้านี่เสียชื่อปีศาจหมด”

            “ทำไมหรือศิษย์พี่”  นางเอียงคอถามอย่างงุนงง แต่กระนั้นทำหน้าที่กวาดลานตำหนักจื่อเซ่ออย่างขยันขันแข็ง

            “เจ้าไม่รู้จักยั่วยวนบุรุษหรือไร อยู่มาเป็นร้อยปียังหากินเองไม่ได้ต้องคอยกินเศษพลังชีวิตของผู้อื่นอยู่ร่ำไป!”

            “ข้า... ศึก...ศึกษาอยู่” 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง    Chapter 51. ตอนพิเศษ

    ซุนเจ้าเฟิงยอมรับว่าผ่านอะไรมามาก แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้ เพื่อได้อยู่ดูแลคนรัก หานหรงเหยายอมแต่งเข้าสกุลหลิว ตระกูลวานิชที่มั่งคั่งในเมืองหลวง พิธีแต่งงานจัดใหญ่โตสมฐานะ แต่น้อยคนที่จะสังเกตว่าเจ้าสาวไม่ได้สติ ถูกประคองตลอดเวลา เขาพูดอะไรไม่ออก อยากถามย้ำการตัดสินใจครั้งนี้ แต่แววตาของหานหรงเหยาชัดเจนแล้วว่า ต้องการอยู่เคียงข้างหลิวเข่อซิง เขาทำได้เพียงแค่มองสหายรักเข้าพิธีแต่งงาน จนทั้งสองเดินทางออกจากเมืองหลวง เดิมทีเขาควรได้เดินทางกลับชายแดนก่อน แต่กลายเป็นว่าหานหรงเหยาออกเดินทางก่อนเขา และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องนั่งฟังเสด็จพ่อเสด็จแม่ พยายามกล่อมให้เขาเลือกชายาเสียที “จะว่าไปลูกก็มีความดีความชอบไม่น้อย เหตุใดจึงไม่สามารถเลือกชายาของตนเองได้เล่า” ชายหนุ่มบ่นพึมพำแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม “จะบ่ายเบี่ยงไปไย อย่างไรก็ต้องแต่งงาน” “ลูกแค่อยากเลือกคนที่จะมาเป็นชายาด้วยตนเอง” เขาเงยหน้าสบตากับบิดามารดาซึ่งเป็นฮ่องเต้และฮองเฮา “เสด็จพ่อเสด็จแม่จะกังวลเรื่องลูกไปทำไมกัน ในเมื่อพี่น้องคนอื่นล้วนแต

  • สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง    Chapter 50. จบ

    เพราะนางหลับใหลไม่ได้สติ แม้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงมงคล เขาก็ต้องคอยประคองนางอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้สึกเป็นภาระแต่อย่างใด ร่างเล็กเอียงซบต้นแขนของเขา มือใหญ่เกาะกุมมือเล็กไว้มั่น หลิวชิงเซียง คอยประคองยามที่ต้องคารวะให้กันและกัน เมื่อเสร็จพิธีทั้งหมด พวกเขาไม่ได้ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ แต่ขึ้นรถม้าที่ตระเตรียมไว้ออกนอกเมืองทันที “เจ้าติดค้างคืนเข้าหอของข้าอยู่นะ ซิงเอ๋อร์” เขาลูบใบหน้าน้อยที่หลับตาพริ้ม บางครั้งนางเหมือนอยู่ในห้วงฝัน แต่คงเป็นฝันดี เพราะนางยิ้มตลอดเวลา ราวครึ่งชั่วยามรถม้าก็หยุด หลิวชิงเซียงลงจากรถม้าแล้วส่งเสียงบอกหานหรงเหยาว่าถึงที่หมายแล้ว เขาเปิดผ่านประตูรถม้าก้าวลงมาก่อน กวาดตามองกระท่อมหลังเล็กที่มีดอกไม้นานาพรรณรายล้อม ไม่น่าเชื่อว่านี่คือสถานที่ที่ปีศาจอยู่ “ตำหนักของท่านแม่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ท่านกับเข่อซิงพักที่นี่ หมอกสีม่วงที่ปกคลุมบริเวณนี้ไม่ทำอันตรายท่าน แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจถึงแก่ชีวิตได้” “ข้าทราบแล้ว” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม “ข้าต้องดูแลเข่อซิงอย่างไร” “ให้นางนอนหลับเช่นนี้ ห

  • สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง    Chapter 49. นางเป็นภรรยาข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าจะดูแลนางเอง

    “ท่านแม่ รีบช่วยเข่อซิงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หญิงงามในชุดสีม่วงหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปทางหานหรงเหยาและหลิวเข่อซิง นางขยับปลายนิ้วเล็กน้อย โซ่ที่รัดรอบลำคอก็หลุดออก แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตามีแววหวั่นวิตก “อุ้มนางลงมา” หานหรงเหยาไม่รอช้ารีบอุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงของหลิวเข่อซิงลงจากเตียงหยกโลหิตแล้วประคองนางไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม “ท่าน...ท่านแม่...” “เด็กโง่ เหตุใดทำตัวเองเจ็บเช่นนี้” นางพูดด้วยสีหน้าเวทนา “นางจะดีขึ้นใช่ไหม” หานหรงเหยาเอ่ยถาม แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาหน้าซีดลงไปทันที “นางถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปจนพร่องแล้ว เดิมทีนางก็เป็นเพียงจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่ข้าชุบชีวิตให้กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ และพลังชีวิตของนางก็ถ่ายเทไปที่ตัวเจ้าเสียครึ่งหนึ่งแล้ว” “อะไรนะ...เข่อซิง ทำไมเจ้าทำเช่นนี้” เขาก้มหน้ามองคนในอ้อมอกที่หายใจแผ่วเบา แต่นางยังคงฝืนยิ้มให้เขา “ข้า...ข้าอยู่มาหนึ่งร้อยสิบหกปีแล้ว แต่ท่านเพิ่งใช้ชีวิตได้แค่ยี่สิบปีเอง ข้าจึงแบ่งชีวิตครึ่งหนึ่งของข้าให้ท่าน”

  • สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง    Chapter 48. ยอมตาย

    “ข้าไม่เป็นอะไร พวกท่านรีบไปเสีย” “พูดบ้าอะไร!” หลิวชิงเซียงที่ประมือกับนักพรตซีห่าวอยู่ตะคอกออกมา “เจ้าจะถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปหมด เจ้าจะสลายกลายเป็นธุลี!” “อย่าห่วงไป ก่อนนางจะสลายไป ข้าจะควักหัวใจออกมาเช่นเดียวกับที่จะทำกับเจ้า” “ห้าสิบปีที่แล้วเจ้าทำไม่เสร็จ วันนี้เจ้าก็คิดว่าจะทำได้เรอะ!” นางสะแขนเสื้อขึ้นรับแส้หางม้าที่ฟาดลงมา ครั้งนี้เสื้อของนางฉีกขาดและเลือดสีสดกระเซ็นออกมา “เจ้าอยู่หอนางโลมแต่ไม่กินพลังหยางของบุรุษหรือไร เรี่ยวแรงจึงมีเพียงแค่นี้” นักพรตซีห่าวหัวเราะ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน ห้าร้อยปีใช่หรือไม่ ยังคงเชื่อใจว่ามนุษย์จะรักกับปีศาจอย่างเจ้าได้อยู่อีกเหรอ” เพราะถูกสะกิดแผลเก่า หลิวชิงเซียงพุ่งเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย ไม่สิ! นางไม่ยอมตายเพราะนักพรตชั่วที่เคยเปิดโปงร่างปีศาจของนางต่อหน้าชายคนรัก มันทำให้คนผู้นั้นทอดทิ้งนาง ทั้งที่นางเคยช่วยชีวิตเขา สิ่งที่นางไม่ยอมรับคือหลิวเข่อซิงเหมือนกับนางในอดีต แต่หลิวเข่อซิงไม่เหมือนนาง เพราะหานหรงเหยามีความจริงใจและมั่นรักอย่างแท้จริง แม้รู้ว่านางเป็น

  • สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง    Chapter 47. หัวใจ(ปีศาจ)จิ้งจอกแดง

    ดวงตาคู่งามฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตา หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา นางเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงก็จริง แต่ไม่เคยทำร้ายมนุษย์ “ข้า...ข้าไม่เคยทำร้ายใคร...ท่าน ปะ...ปล่อยข้าไปเถิด” “ปีศาจอย่างพวกเจ้า หากไม่เสพพลังชีวิตจากมนุษย์จะอยู่ได้อย่างไร” เขายังคงใบหน้าแย้มยิ้ม “และหากไม่ได้เสพพลังหยางจากบุรุษจะมีพลังได้อย่างไร” หลิวเข่อซิงส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ข้าไม่...” “เจ้าจะปฏิเสธไปไย ในเมื่อตัวเจ้าก็รู้ดีว่าตนเองมีปราณหยางไหลเวียนในกาย” เขาลดมือลงจากปลายคางของปีศาจสาว “ทำชั่วมามากแล้ว ข้าจะขอหัวใจของเจ้าเอาไว้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็แล้วกัน” “หัวใจของข้า...” นางยกมือกุมหัวใจตนเอง นางลืมไปได้อย่างไรว่าหัวใจของจิ้งจอกคือยาวิเศษชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะปีศาจจิ้งจอกแดงที่กินพลังพลังวิญญาณของมนุษย์ และจะยิ่งดีขึ้นเมื่อปีศาจตนนั้นได้กินพลังหยางบริสุทธิ์ ไม่หรอก นางไม่ได้ลืม แต่ทำเป็นจำไม่ได้ เดิมนางเป็นจิ้งจอกแดงตัวน้อย แต่ถูก ‘ท่านแม่’ มอบปราณปิศาจให้กลายเป็นปีศาจที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เพื่อที่นางจะได้สะสมพลังหยาง ทว่านางขลาดกลัวจนเกินไป จึงเป

  • สาวใช้ของนายท่านเป็นปีศาจสาวตนหนึ่ง    Chapter 46. แต่ข้าทนเห็นท่านตายไม่ได้

    หลิวชิงเซียงไม่มีเวลาจะมาโต้เถียงกับซุนเจ้าเฟิง นางจึงหันไปพูดหานหรงเหยาที่ควบม้าขนาบข้าง“ดูแลสหายของเจ้าให้ดี หากได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น เจ้าก็รับผิดชอบเอาเองก็แล้วกัน” ซุนเจ้าเฟิงรู้สึกถ้อยคำของนางแปลกหู ไม่ใช่คำพูดนอบน้อมและยังบังอาจสั่งสหาของเขาอีก หานหรงเหยาสบตากับซุนเจ้าเฟิง เขาไม่มีเวลาอธิบายเรื่องทั้งหมด และไม่รู้ว่าสหายจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ทั้งสามมาถึงอารามฝั่งตะวันตก มองผิวเผินด้านนอกดูสงบร่มรื่นแต่คนที่ผ่านสนามรบมาโชกโชนอย่างซุนเจ้าเฟิงย่อมรู้ดีว่า ที่นี่ไม่ใช่อารามธรรมดาอย่างแน่นอน เขาหันไปสบตากับหานหรงเหยาที่กระชับกระบี่ในมือ หลิวชิงเซียงไม่มีเวลาสนใจเรื่องใดอีก นางก้าวเท้าเข้าไปในอาราม ยังไม่ทันยกเท้าข้ามธรณีประตูก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่พุ่งออกมาทำให้นางผงะถอยหลัง ยันต์กระดาษสีเหลืองมีอักขระสีแดงพุ่งเข้าใส่หญิงสาวราวลูกศร นางเบี่ยงตัวหลบแต่ยันต์แผ่นนั้นปาดแขนเสื้อของนางขาด “บัดซบ! เจ้านักพรตชั่วทำเสื้อข้าขาดเรอะ!” หลิวชิงเซียงกระทืบ เท้าอย่างไม่พอใจ “วันนั้นข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้ารอดตายเลย” หญ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status