ใบหน้าที่เหมือนจะบอกว่า อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถอะ เขาไม่คิดจะใส่ใจกับมันหรอกกับแววตาคู่นั้นที่มันหม่นหมองไร้ความกระจ่างสดใสอย่างที่เห็นในคราแรกได้เปลี่ยนไป สี่หนิงเหอกล้าที่จะโต้ตอบกับพวกเราโดยไม่หวาดกลัวว่าจะทำให้เรามีโทสะจนถูกทำร้ายเข้า
หนักสุดที่ทำให้เขาตกตะลึง ก็เรื่องที่สี่หนิงเหอทนหิวไม่ไหว ร้องขออาหารระหว่างที่ม้ากำลังวิ่งอยู่นั่นแหละ ช่างเป็นบุรุษที่แปลกเสียจริง ที่ซานเกอคิดว่าสี่หนิงเหอน่าจะต้องมีดีในตัวมิใช่น้อย ที่เขาจะรอดู!
“ข้าพอเข้าใจแล้วล่ะ ตัวเจ้านั้นแม้ปรารถนาอยากจะมีรูปกายกำยำล่ำสัน มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง มีร่องรอยของบาดแผลที่มาจากการทำศึก หากตัวเจ้านั้นกลับ...ผอมแห้งยิ่งเด็กขอทานข้างถนนเสียอีก เจ้าจึงรู้สึกริษยาข้าใช่หรือไม่”
“ใครว่ากันเล่า ข้าเพียงแค่สงสัยทำไมท่านถึงยังมิอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อยเสียที ข้ารอท่านนานแล้วนะ...ข้าหิวแล้ว”
“ถ้าข้าจะจำมิผิด เจ้าเพิ่งจะทานเซาปิ่งไส้เนื้อ ถังหูลู่กับเสี่ยวหลงเปาไปมิใช่หรือหนิงเหอ”
“แค่นั้นมันจะพออะไร ท้องข้ายังสามารถบรรจุอาหารรสเลิศได้อีกเยอะแยะเลยล่ะ”
สี่หนิงเหอยังคงอวดอ้างความสามารถในการทานอาหาร แล้วยังจะส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับยกมือตบท้องตัวเองที่มันทำให้เขาถึงกับ...เชื่อเลยจริง ๆ น่าสงสัยยิ่งนัก ตอนอยู่เรือนตระกูลสี่ สี่หนิงเหอคงจะต้องกินมิอิ่มนอนหลับมิเพียงพอเป็นแน่ พอมาตอนนี้มีคนยินยอมให้ทำตามความต้องการ ถึงได้จัดการตามที่ใจและร่างกายเรียกร้องเสียขนาดนี้
ตัวเขาก็ไม่ได้คิดจะแกล้งคนหิวหรอกนะ แต่รู้สึกพอใจที่ได้เห็นใบหน้าเขินอายของหนิงเหอ ดวงตาคู่นั้นดูเป็นประกายและมีชีวิตชีวาชวนให้นึกถึงแมวน้อยขี้เล่นมันทำให้เผลอหลุดปากออกไปว่า...
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ร่วมอาบน้ำกับข้าสิ เจ้าจะได้ช่วยข้าขัดถูกคราบสกปรกออกจากร่างกายด้วย อาบด้วยกัน จะได้เร็วหน่อย”
“ท่าน...ท่าน...”
สี่หนิงเหออ้าปากค้างเช่นเดียวกับดวงตาเรียวคู่นั้นเบิกกว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง มันทำให้ซานเกอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
“หือ...นี่ข้าหวังดีกับเจ้านะหนิงเหอ อยากให้เจ้าได้ทานอาหารโดยเร็ว อีกทั้งถังอาบน้ำใบนี้ก็กว้างพอรับบุรุษอย่างเจ้ากับข้าอาบน้ำด้วยกัน...ข้าว่า มันคงจะเจริญหูเจริญตาดี คงจะทานอาหารได้เยอะขึ้น เพราะไม่ต้องทนกลิ่นเน่าเหม็นของเจ้าที่นับตั้งแต่เดินทางจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ เจ้าก็ยังมิได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายมิใช่หรือไร” ซานเกอคิดว่า ดวงตาของเขาคงจะวาวระยับมิใช่น้อย ยามเมื่อมองคนที่ตกใจจนหาทางโต้ตอบมิได้
“แล้วมันเป็นความผิดของใครกันเล่าที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ ก็พวกท่านมิใช่หรือไง มิยอมให้ข้าได้ทานอาหารจนอิ่ม มิยอมให้ข้าได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายจนถูกผู้คนมองด้วยความรังเกียจ”
“พวกข้า...พวกข้าผิดที่ใด ในเมื่อเจ้ามิเอ่ยปากบอก พวกข้าจะไปล่วงรู้ใจผู้ใดได้กันเล่า” ซานเกอเดินผ่านถังอาบน้ำไปหยุดยืนเบื้องหน้าสี่หนิงเหอที่รีบสาวเท้าถอยไปด้านหลังทันที เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บกาย เขาจึงรีบตวัดแขนโอบรัดรอบเอว...ที่มันบางเหลือเกินเอาไว้และเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของบุรุษน้อยตรงหน้า ทำให้อดที่จะหัวเราะมิได้
“ข้าว่า...เรามาอาบน้ำชำระล้างร่างกายด้วยกันเถอะหนิงเหอ เดี๋ยวข้าจะช่วยขัดถูกครบสกปรกออกจากตัวเจ้าให้” เขาเพียงแค่ต้องการแกล้งสี่หนิงเหอเท่านั้น เพราะชอบที่จะได้เห็นใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ เดี๋ยวก็บึ้งตึงแต่เพียงแค่แวบเดียวก็หัวเราะร่า มาอีกนิดก็เขียวคล้ำด้วยไม่สบอารมณ์ เฉกเช่นดวงตาที่เดี๋ยวมันก็แวววาวด้วยความซุกซนและสดใสรื่นเริง เดี๋ยวก็ขุ่นเคืองไม่สบอารมณ์กับวาจาและการกระทำของเขาและคนอื่น ๆ
เขาว่านะ...สี่หนิงเหอคงจะจดจำเรื่องที่พวกเขาทุกคนทำเอาไว้หมดทุกอย่างเพื่อจะหาทางเอาคืน แต่ครั้นจะไปฟ้องให้ท่านอ๋องให้รับรู้นั้น...อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ สี่หนิงเหอน่าจะเป็นคนประเภทที่ว่า ใครทำอันใดตัวเองก็จะหาทางเอาคืนด้วยตนเอง มิยอมยืมมือผู้อื่นให้ทำแทนแน่นอน
“ไม่! หยุดนะซานเกอ...ไหน...ไหนท่านบอกว่า...ข้ากับท่านมิควรใกล้ชิดกันเกินไป...อย่างไรละขอรับ”
“หือ...ข้ากล่าวเช่นนั้นเมื่อใดรึ เท่าที่ข้าจะจำมิผิด ตอนที่ได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องมานั้น ท่านอ๋องกล่าวกับพวกข้าว่า...”
ซานเกอแอบยิ้ม ในดวงตาของสี่หนิงเหอปกปิดความอยากรู้เอาไว้ไม่มิด หากปากกลับเอ่ยออกมาว่า
“ข้ามิอยากรู้ว่าคนผู้นั้นจะกล่าวอันใดกับพวกท่าน”
“แต่ข้าอยากจะบอกให้เจ้าได้รู้ ท่านอ๋องกล่าวกับพวกข้าว่า...ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามิพึงพอใจที่ข้าต้องแต่บุรุษผู้นั้นเป็นอนุภรรยา แต่เมื่อข้าจำเป็นต้องทำ ข้าอยากจะให้พวกเจ้ายอมรับในตัวเขา เรียนรู้เพื่อให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนที่พร้อมจะยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตให้แก่กันได้”
“โอ้...วาจาท่านอ๋อง ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง แต่ข้าผู้น้อยเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น อีกทั้งยังไร้ฝีมือการต่อสู้ หากเจอกับศัตรูหมายจะทำร้าย ก็คงทำได้เพียงแค่วิ่งหนีจากคมหอกคมดาบมิให้สัมผัสตัวได้ ความสามารถอย่างอื่นอย่างที่บุรุษควรมี ข้าก็มิมีสักอย่าง คงจะทำอย่างที่ท่านอ๋องทรงหวังไว้มิได้หรอกขอรับ”
แล้วสี่หนิงเหอก็ส่งสายตามาว่าตัวเขานั่นแหละที่ผิด ที่มิยอมตกปากรับคำสอนวรยุทธ์ให้แก่ตัวเอง เจ้านี่ช่าง...เชื่อมโยงแต่ละเรื่องราวเข้าหากันได้เป็นอย่างดีเลยนะหนิงเหอ
“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว เรื่องนี้ข้ามิอาจตัดสินใจได้ เป็นท่านอ๋องผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ถ้าหากเจ้าอยากจะเรียนรู้จริง ๆ ข้าว่าก็พอจะมีทางอยู่นะ”
รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าสี่หนิงเหอ...แม้กระทั่งแววตาคู่นั้นก็พราวระยับขึ้นทันตาเห็น จนเขาแทบจะข่มกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้มิได้
“มีทางใดหรือขอรับซานเกอ ขอท่านผู้ใจดีช่วยชี้แนะข้าน้อยด้วย”
“ข้ากลัวแต่ว่าหากบอกให้เจ้ารู้ไป เจ้าจะโกรธเคืองข้าเอานะสิ” เชื่อเถอะ เขาหลุดปากบอกไปเมื่อใด สี่หนิงเหออับอายจนอยากจะทำให้ปากเขาได้รับบาดเจ็บเป็นแน่แท้
“ข้า...ข้าสัญญาว่าจะมิโกรธเคืองท่าน”
สี่หนิงเหออยากรู้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ท่านจะบอกกับข้าได้หรือไม่ขอรับ มีทางใดทำให้ท่านอ๋องใจอ่อนยอมให้ข้าเรียนรู้วรยุทธ์กับพวกท่าน”
“ถ้าเจ้ารับปากแล้วว่าจะมิโกรธเคือง ข้าก็จะบอกให้เจ้ารู้ละกัน” ใบหน้าและดวงตาที่เปี่ยมด้วยความหวัง มันทำให้ซานเกอแทบจะพูดมิออกเลย สี่หนิงเหอ...เจ้านี่มันช่างเป็นคนที่อันตรายและมีพิษภัยรอบกายเสียจริง
“เจ้านี่ช่าง...” แม้กระทั่งท่านพี่เองก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน “ให้ท่านพ่อกอดและหอมท่านแม่ดีกว่า จากนั้นเราก็ไปอาบน้ำกัน พ่อจะพาเจ้ากับแม่ไปเล่นกับหลิ่นกวาง” ท่านพี่หมายถึงบุตรของพี่ใหญ่กับพี่ห้า “เสี่ยวเป่าและฉีเทียน”“ซินหลิงกับหย่งอี้มาหรือขอรับ” สี่หนิงเหอไต่ถามด้วยความกังวลใจ ด้วยว่าครั้งล่าสุดที่ซินหลิงมาได้นำข่าวมิดีจากภายนอกมาให้รู้ด้วย บอกให้พวกเราระวังตัวให้ดี กาลเวลาทำให้เรื่องทุกอย่างมันเงียบไปก็จริง หากแต่เราก็ยังไว้วางใจสิ่งใดมิได้ ยังต้องคอยระมัดระวังตนเองอยู่เสมอ“มิได้มีเรื่องร้ายแรงอันใดหรอกหนิงเหอ แค่ซินหลิงกับหย่งอี้บอกว่า เสี่ยวเป่าคิดถึงเจ้าก้อนแป้งน้อย รบเร้าจะมาเล่นกับน้องเท่านั้นเอง”สี่หนิงเหอมองสบสายตากับท่านพี่ก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก “ท่านป้าหย่งอี้นำขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าเยอะแยะเลยด้วย”“ท่านแม่...หอม”เขารู้ว่าเจ้าชอบขนม แต่ลูกจ๋า...เจ้าจะทำเช่นนี้มิได้นะ หากสี่หนิงเหอก็มิได้กล่าวอันใดออกไปรีบทำตามความต้องการของเจ้าก้อนแป้งน้อย เขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มท่านพี่ที่รีบหันหน้ามาหาและประกบจูบกับเขาโดยที่คราวนี้เจ้าก้อนแป้งน้อยมิได้ขัดขวางแม้แต่อย่างใด“คืนนี้เ
“ท่านพี่ดีใจหรือเปล่าขอรับที่เราจะ...” น้ำเสียงของสี่หนิงเหอที่เปล่งออกไปคงจะเบามาก เขาดีใจที่มีเจ้าก้อนแป้งน้อย หากท่านพี่...“คิดมาก...เจ้าเป็นคนคิดมากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” อี้เฟยเทียนกดนวดคลึงหน้าผากสี่หนิงเหอแผ่วเบา “สิ่งที่เกิดขึ้นคือสวรรค์ประทานมาให้เรา ข้าควรจะต้องขอบคุณเจ้ามากกว่า ข้าดีใจจน...กล่าวอันใดมิถูกแล้ว”ท่านพี่จับปลายคางเขาให้เงยหน้าขึ้นแล้วโน้มใบหน้าตนเองลงมาแนบปากลงบนปากเขา ขบกัดบดคลึงอย่างแผ่วและอ่อนโยน“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน”น้ำเสียงนุ่มทุ้มแผ่วเบาหากอ่อนโยนมาพร้อมกับจูบที่เว้าวอน“รักเจ้ามากเพียงใด”ทุกอย่างรางเลือนเพราะสัมผัสของท่านพี่ที่ตั้งใจบอกให้สี่หนิงเหอล่วงรู้ถึงความดีใจกับเรื่องที่ได้รู้และความรักที่มอบให้...สี่หนิงเหอหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างหักห้ามไว้มิได้เมื่อเห็นเจ้าก้อนแป้งน้อยพยายามสาวเท้าก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้า ล้มลุกคลุกคลานไปบ้างหากก็มิได้ย่อท้อเลยและยังจะแสดงออกให้ข้าเห็นว่ามีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากแค่ไหนอี้หยุนเล่อเป็นนามแท้จริงของเจ้าก้อนแป้งน้อยที่ก่อนถือกำเนิดสร้างวีรกรรมเอาไว้อย่างมากม
สี่หนิงเหอได้แต่อ้าปากค้าง รีบคว้าแขนเจ้าก้อนแป้งน้อยที่ออกอาการน้อยอกน้อยใจจนถอยหลังไปยืนอยู่ห่างไกลจากมือข้า“ไม่! ข้ามิได้คิดเช่นนั้นนะก้อนแป้งน้อย ข้า...”“หนิงเหอ”แผ่นดินไหวเหรอ ทำไมแผ่นดินถึงได้ไหวรุนแรงเช่นนี้ แล้วก้อนแป้งน้อยของเขาล่ะ หายไปไหนแล้ว สี่หนิงเหอรีบร้องเรียก หากรอบกาย มิว่ามองไปทางใดก็เต็มไปด้วยหมอกขาวโพลน‘ลูกข้า...ลูกข้าหายไปแล้ว เจ้าก้อนแป้งของข้า เจ้าหายไปไหน’“เกิดอันใดขึ้นหนิงเหอ เจ้าร้องไห้ทำไม”ที่สี่หนิงเหอเข้าใจว่าแผ่นดินไหว ที่แท้จริงแล้วคือท่านพี่กำลังเขย่าปลุกให้เขาตื่น“เกิดอันใดขึ้นขอรับท่านพี่” สี่หนิงเหอถามพลางยกมือขึ้นขยี้ดวงตาหากก็ถูกมือของท่านพี่จับเอาไว้พร้อมกับกดซับ...น้ำตาที่เขามิรู้เลยว่ามันไหลออกไปตั้งแต่เมื่อใด“ข้าควรถามเจ้ามากกว่าหนิงเหอ เกิดอันใดขึ้น ร้องไห้ด้วยเหตุใด”สี่หนิงเหอได้แต่มองอี้เฟยเทียนด้วยความงุนงง“เจ้าฝันร้ายหรือ ถึงได้นอนดิ้นรนราวกับถูกรัดเช่นนี้ แล้วยังจะเอ่ยวาจาบางอย่างออกมา...หากข้าก็จับใจความมิถูก”ตอนแรกเขาก็มีโทสะเล็กน้อยที่ท่านพี่ทำให้เขาต้องตื่นจากฝันที่ดี...หากเมื่อเห็นความรักและห่วงใย ความวิตกกังวลที่มีอยู่ใน
“ข้าจะรอวันนั้นขอรับ...ท่านที่”“มิคิดเลยว่าการถูกเจียวหานหลงทำร้ายในวันนั้น จะกลายเป็นผลดีกับข้าในวันนี้” สี่หนิงเหอเอ่ยเสียงเบาพลางยกมือขึ้นสัมผัสอกตรงส่วนที่เคยถูกกระบี่ปักลงไป บาดแผลแม้จะหาย...แทบมิเหลือร่องรอยให้เห็นอีกแล้ว หากก็ยังทำให้เขายังคงรู้สึกหายใจติด ๆ ขัด ๆ อยู่ มันคงเป็นความรู้สึกที่คงจะลบเลือนมิได้ง่าย ๆ เป็นแน่ หากว่าเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็ต้องวางความรู้สึกมิดีนั้นทิ้งไป มิเช่นนั้นคนที่รักเขาอย่างท่านพี่คิดมากและมิมีความสุขไปด้วยสี่หนิงเหอหันไปคลี่ยิ้มหวานให้กับคนที่เขารัก คนที่คอยอยู่เคียงข้างแม้ในวันที่ยังมิรู้เลยว่าเขาจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ ความเจ็บปวดในวันนั้นเขาจะชดเชยให้ท่านพี่ด้วยความรักทั้งหมดที่มี“ข้ายังมิอยากกลับเรือนเลย ท่านพี่พาข้าเที่ยวก่อนได้ไหมขอรับ”สี่หนิงเหอยกมือลูบท้องตนเองให้ท่านพี่รู้ว่า...ที่พาเที่ยวนั้นหมายถึงให้พาไปทานของอร่อย ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเมื่อเช้าเขาได้ทานอาหารฝีมือท่านพี่ที่อร่อยมากมาแล้ว หากตอนนี้ท้องเขามันก็เริ่มส่งเสียงประท้วงให้รีบหาอาหารรสเลิศมาเติมโดยเร็ว“หือ...หิวอีกแล้ว”เมื่อท่านพี่เลิกคิ้วไต่ถาม สี่
“ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่านพี่” หากปล่อยเวลานานไปก็กลัวจะลืม หากคนที่จดจำเช่นท่านพี่คงจะต้องทุกข์ระทมเป็นแน่ “ท่านมีเรื่องอยากจะไต่ถามข้ามิใช่หรือขอรับ...ที่ท่านมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างคนคิดหนัก บางครั้งก็เหม่อลอย ข้าเรียกท่านก็ยังมิรู้ตัวเลยด้วย” ยามค่ำคืนที่ควรจะพักผ่อน หากท่านพี่กลับนอนพลิกไปพลิกมา“คิดว่าที่ท่านกังวลใจอยู่จะต้องเกี่ยวกับข้า” ความจริงแล้วอยากจะให้ตนเองดีขึ้นกว่านี้จึงจะไต่ถามให้รู้ หากคิดว่าปล่อยนานไปท่านพี่จะมิมีความสุข จึงรีบจัดการให้รู้เสียก่อนจะเป็นการดีกว่าเขาเห็นท่านพี่ยังคงครุ่นคิดอยู่ จึงวางมือทับลงไปบนมือใหญ่ “มีเรื่องอันใดเราควรคุยกันนะขอรับ หากข้าทำสิ่งใดผิดไป หรือทำให้ท่านมิพึงพอใจ ข้าจะได้ปรับปรุงตนเองอย่างไรละขอรับ”“เปล่า...เจ้ามิได้ทำสิ่งผิดหรือทำสิ่งใดมิดี หากว่าข้า...”เมื่อเห็นท่านพี่เงียบไป สี่หนิงเหอก็สอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วแกร่ง เพื่อบอกให้ท่านพี่รู้ว่า...เขายังอยู่ตรงนี้มิได้ไปไหน“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะพอใจแล้วที่พวกเรามีบ้านหลังเล็ก ๆ ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ หากข้าได้ยินเสี่ยวฝานเอ่ยกับเจ้าตอนที่ยังมิฟื้น ทวงสัญญาว่าเจ้าจะทำการค้า จะพากันเดินทา
“เจ้าฟื้นแล้ว แม้ข้าอยากจะบอกว่าดีใจแค่ไหน น้อยใจที่เจ้าปล่อยให้คอยนาน หากเจ้าพักผ่อนอีกหน่อย เจ้าดีขึ้นเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกัน...เจ้าคงมีหลายเรื่องที่อยากรู้”สองมือที่แนบทับตรึงใบหน้าเขาเอาไว้เพื่อให้เห็นว่าในสายตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใยอย่างที่มิอาจกล่าววาจาใดออกมาได้ ก่อนท่านอ๋อง...ท่านพี่จะโน้มใบหน้าลงมาแนบปากลงบนหน้าผากสี่หนิงเหอ“คิดถึง...คิดถึงที่สุดเลย”เพื่อให้มั่นใจว่าสี่หนิงเหอได้ฟื้นแล้วจริง ๆ ท่านอ๋องยังคงกอดเขาเอาไว้แนบอกครู่ใหญ่ ก่อนจะตะโกนบอกทุกคนที่ต่างทำภารกิจของตนเองให้รู้ หลังจากนั้นเขาก็จำมิได้ว่ามันเกิดอันใดขึ้นบ้าง รับรู้เพียงแค่ความดีใจระคนโล่งอกที่เห็นว่าตัวเขาฟื้นขึ้นมา พร้อมบอกกล่าวให้รู้ในหลายเรื่อง แย่งกันบอกจนเขาฟังมิทัน หากจับคำได้ว่าพี่สามมีคนรักที่อยากจะมีข่าวดีในเร็ววัน พี่ใหญ่กำลังมีน้อง เรื่องดี ๆ ที่ทำให้สี่หนิงเหอหัวเราะด้วยความยินดีกับความสุขที่ได้ฟื้นมาอีกครั้งเท่านั้น“ทำไมถึงยังมินอน”สี่หนิงเหอเงยหน้าที่มีรอยยิ้มขึ้นมองคนถามที่ลากไล้นิ้วบนใบหน้าของเขา “สงสัยว่าจะนอนมากเกินไปนะขอรับ...ท่านพี่” กล่าวคำนี้ทีไร ใจมันเต้นรัวเร็ว