จิวซินจากไปองค์ชายห้าท่าทางครุ่นคิด
“พี่ห้าเหตุใดท่าน ถึงปล่อยให้ข้าเป็นฝ่ายผิดที่ทำเหมือนขับไล่องค์ชายใหญ่ไปจากจวน”
“ก็เพื่อให้เขาพร้อมใจ จากไปด้วยความเต็มใจอย่างไรเล่าทำไมน้องข้าถึงคาดไม่ถึง”
ตบไหล่น้องชายเบาๆ ชงไฉ่ขมวดคิ้วสงสัยในอาการของพี่ห้าแต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยปากถาม
“องค์หญิง” จิวซิน ยกมือขึ้นปิดปากจิ่นฉิน ความรู้สึกซาบซ่านแล่นเข้าสู่หัวใจของจิ่นฉิน
“ใครให้เรียกข้าแบบนี้ องค์ชายต้องเรียกองค์ชาย”
จิวซินพูดจาอ้อแอ้ปล่อยตัวตามสบายหลังจากที่พยายามตั้งสติยามอยู่ต่อหน้าองค์ชายห้าและชงไฉ่ จิ่นฉินรวบร่างบางอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกเดินย่ำไปตามทางที่มืดมิดจิวซินโอบมือรอบคอ ซุกหน้าลงบนอกภาพที่เห็นคือ บุรุษร่างบึกบึนกับอุ้มชายหนุ่มร่างอ้อนแอ้นแต่ใครจะรู้เล่าภายใต้อาภรณ์ของบุรุษนั้นได้ซ่อนร่างงามระหงหากแต่คนอุ้มไม่อาจปฏิเสธได้ว่าร่างอุ่นๆ ในอ้อมแขนเป็นร่างบอบบางของหญิงสาวอย่างแท้จริง
องค์ชายห้ายืนลูบคางตัวเองไปมาทั้งๆ ที่ไม่มีเคราอย่างใช้ความคิดเมื่อทั้งหมดจากไปกันแล้วร่วมทั้งชงไฉ่ องค์ชายใหญ่จินเกอคนนั้นไม่เคยมีใครได้เคยพบหน้าค่าตา เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเล่นตลก แต่อย่างไรเสียก็ไม่น่าจะมีความกล้ามาลบลู่เบื้องสูงฮ่องเต้ของไห่ตงหยวนได้ รึจะเพราะพิษสุราทำให้เขาเข้าใจอะไรผิดไปเขาภาวนาให้เป็นอย่างหลังดีกว่าเพราะอย่างน้อยองค์ชายใหญ่ผู้นี้กับเขาก็นับว่ามีวาสนาต่อกันเขาเองก็ถูกชะตาคิดจะคบหาเป็นสหายอีกทั้งน้องสาวของเขาองค์หญิงสิบสี่เองก็ได้ข่าวว่าหลงใหลองค์ชายใหญ่ผู้นี้ไม่น้อยเพียงพบกันเพียงครั้งนางถึงกับเอ่ยปากถามบิดาถึงเรื่องการเสกสมรสหวังจะเร่งวันเร่งคืนกันเลยทีเดียวถ้าหากเป็นการย้อมแมวจริงคนที่น่าสงสารที่สุดก็คงเป็นองค์หญิงสิบสี่
ไม่ได้การแล้วเขาเองต้องพยายามสืบหาความจริงให้ได้แต่ว่าจะด้วยวิธีไหนกัน
ชงไฉ่เดินไล่หลังจิวซินและ จิ่นฉินไปในทิศทางเดียวกันเนื่องด้วย ตำหนักเขาก็อยู่ไม่ห่างออกไป มองเห็นจิวซินซบอกกว้างใช้วงแขนคล้องคอจิ่นซินก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“ไอ้นายกับองครักษ์คนนี้ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ใจกระหวัดคิดถึงใบหน้างามผุดผ่องของหมิงหลิน ช่างงดงามเมื่อดอกไม้ผลิบานหลังวสันต์ฤดูเขาคงต้องหาโอกาสไม่ใช่สิต้องไปเยี่ยมเยือนตำหนักบูรพาให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ เพื่อ...นึกถึงใบหน้ายโสขององค์ชายใหญ่ผู้มีใบหน้างดงามไม่ผิดจากหญิงสาวชงไฉ่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ชาวเหอตงหยวนไฉนช่างมีใบหน้าและผิวพรรณงดงามหล่อเหลากันทุกคนไหนจะเจ้าองครักษ์จิ่นฉินนั้นอีกใบหน้าคมคาย ผิดกับบุรุษทั่วไป
“องค์ชาย เพคะเยว่ฉีรอ เสียนาน”
ภาพตรงหน้าคือหนึ่งในหญิงงามที่ครั้งหนึ่งเขาแทบจะยอมสละทุกอย่างเพื่อนางหากแต่ตอนนี้เมื่อนางเข้ามาใช้ชีวิตในวังหลวงกับไม่ต่างอะไรกับเหล่าผู้หญิงของเขาที่วันๆไม่คิดจะทำอะไรนอกจากหาทางฉุดรั้งทุกวิถีทางให้เขาอยู่กับพวกนางไม่มีทางใดที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นหรือเป็นสุขใจเมื่อต้องอยู่กับพวกนางอีกต่อไปใจกับคิดถึงใบหน้ายโสนั้นอีกครั้งหากเป็นองค์ชายใหญ่ผู้นั้นก็คงจะยินดีที่มีหญิงสาวล้อมหน้าล้อมหลังดูจากท่าทาง ที่เป็นบุรุษเจ้าสำราญนั่นอีกเล่าคงชอบที่จะอยู่กับหญิงงามเป็นอย่างยิ่ง องค์ชายสิบสองสะลัดความคิดหมกมุ่นถึงคนผู้นั้นทิ้งไปนี่เขาเป็นอะไรไปไยต้องไปสนใจคนต่ำชั้นอย่างนั้นด้วย
จิ่นฉินวางร่างบอบบางลงบนแท่นนอนหนานุ่ม จิวซินหลับตาพริ้ม คลายเสื้อออกด้วยความที่คิดว่าคนเมาต้องอึดอัดเป็นแน่ ลืมไปสนิทว่าเขาล่วงเกินนางมากเกินไปแล้ว หมิงหลินเข้าพบพอดีคว้ามือจิ่นฉินโดยเร็ว
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
จิ่นฉินสะดุ้งเล็กน้อยนึกโมโหตัวเองที่บังอาจล่วงเกิน นายหญิงอย่างนั้น
ฮ่องเต้ นั่งเหม่อลูบคลำกระบี่ในมือที่ด้ามของกระบี่สีทองวาววับมีลวดลายมังกรสลักชื่อเหอหยวน กระบี่ที่ดื่มเลือดอีกฝ่ายเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำสาบานร่วมเป็นร่วมตายกันชั่วนิรันดรและสับเปลี่ยนอาวุธคู่กายของเขามอบให้เหอหยวนคือดาบไห่หยวนส่วนกระบี่เหอหยวนอยู่ที่เขาพร้อมเคล็ดวิชา ที่ต่างฝ่ายต่างเต็มใจถ่ายทอดให้กัน
ครั้งหนึ่งเขากับเหอหยวน เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบ กับแคว้นฉีจนเป็นที่ระบือนามไปไกลหากคราใดที่มีเหอหยวนร่วมรบเมื่อนั้นความสำเร็จมักจะอยู่ไม่ไกลเขาไม่เคยห่วงชีวิตตัวเองหากแต่ห่วงชีวิตของสหายเช่นเหอหยวนเลยทำให้เขาไม่ยอมตายเพื่อที่จะได้ยืนเคียงข้างเหอหยวนในการรบทุกครั้งไป แต่แล้วภาพของหญิงงาม ก็ผุดขึ้นมาแทนที่เหอหยวนและเขา ต่างปักใจในนางไม่แม้แต่จะปริปากบอกสักคำว่านางจะเลือกใครแต่เขากับเป็นฝ่ายได้ครอบครองนาง แม้จะเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จนทำให้เขาและเหอหยวนตัดขาดจากการเป็นสหายกันตลอดไป
จนกระทั่งตอนนี้เปรียบเหมือนศัตรูที่ต้องคอยห้ำหั่นกันอยู่ตลอดเวลา แม้เวลาจะล่วงเลยมานานแคไหนก็ตามความขุ่นมัวกับทวีความรุนแรงจนถึงขั้นรบพุ่ง และก่อให้เกิดสงครามระหว่างสองแคว้น เหอหยวนจะรู้ได้อย่างไรว่าเขายังไม่เคยลืมมิตรภาพที่สูญเสียไป เหอหยวนไม่อาจอภัยให้เขาได้แต่ใครจะรู้ใจเขาเล่าว่าไม่เคยลืมคำว่าสหาย วางกระบี่ลงบนหีบอย่างถะนุถนอมจะมีสิ่งใดที่เขาจะลบล้างความแค้นในใจเหอหยวนให้หมดไปได้ ภาพใบหน้าขององค์ชายใหญ่จินเกอ ใบหน้าหมดจด ท่าทางอ่อนน้อมทว่าแววตาแข็งกร้าวไม่ต่างจากเหอหยวน เขาจะทำอย่างไรที่จะชดเชย ให้กับองค์ชายผู้นี้จนเหอหยวนพอใจเขารู้ดีว่าเหอหยวนรักบุตรคนนี้ปานแก้วตา ฮ่องเต้ถอนใจยาวหวังว่าการนี้จะไม่เสียเปล่าพร้อมกับสิ่งที่เขาคิดไว้ว่าจะ ชดเชยให้เหอหยวนเรื่ององค์รัชทายาท องค์ชายสิบสอง
“ร่างราชโองการส่งไปยังแคว้น เหอตงหยวน”
เสียงสำทับบอกแก่ข้าหลวงหน้าพระพักตร์ ใบหน้าคลายกังวลลงไปไม่น้อยหวังว่าครานี้จะชดเชยให้แก่สหายเก่าจนความแค้นเคืองหมดสิ้นไป
จิวซินสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาจากหลับใหล หอมกรุ่นกลิ่นโจ๊กลูกบัวทำจมูกฟุดฟิดลืมกิริยาของบุรุษจนหมดสิ้น
“หมิงหลิน ข้าหิวแล้ว” แต่ฉับพลันเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เปลี่ยนเสียงพูดและกิริยาน่ารักให้หายไป กลายเป็นน้ำเสียงดุดัน
“เข้ามานี่หน่อย หมิงหลิน”
หมิงหลินอมยิ้ม เยื้องย่างเข้ามายกน้ำอุ่นเทลงอ่างอาบน้ำใบใหญ่ปิดหน้าและห้องหับเสียมิดชิดผ้าม่านถูกนำมาขึ้งกันถึงสามชั้น จิวซินเปลื้องผ้าลงไปนอนแช่น้ำอุ่นผมยาวสลวย สยายลงกลางหลังใบหน้าผุดผาดประทุมถันเต่งตึงหน้าท้องเรียบเนียนสวยไร้ที่ติ ผิวขาวอมชมพูจนหมิงหลินเป็นผู้หญิงยังถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อเผลอมองแบบตรงๆ นายหญิงของนางไม่เพียงแต่งดงามเท่านั้นหากแต่ใต้หล้านี้คงจะหาใครเทียบเคียงนางไม่
“ข้ามาลาท่านทั้งสอง บัดนี้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยกงกง ถูกตัดสินโทษประหาร ขุนนางทั้งหลายสวามิภักดิ์กับฝ่าบาทอย่างจริงใจ ขุนนางนอกลู่นอกทางถูกกำจัด ฮุยเจินไม่ใช่พี่ห้าฮุยโม๋ที่จากไปไร้คำล่ำลา” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบาง“น้องสิบสามเจ้าช่างเหน็บพี่ห้าหากเขายังอยู่ที่นี่ไม่สู้เจ้าต้องโดนฝ่ามือซัดเข้าเป็นแน่”“ฝ่าบาท และฮองเฮา ฮุยเจินขอให้ท่านทั้งสองครองคู่กันตราบนิรันดร์มีองค์ชายน้อยเมื่อไหร่ส่งข่าวให้ ข้าทราบด้วย” ชงไฉ่ประคอง จิวซินให้หันหน้าไปทางฮุยเจิน“เจ้าสิบสามเจ้าดูสะใภ้ เจ้าสิ เอาแต่เมินเฉยไม่สดใสเช่นนี้นางจะมีแก่ใจมีประสูติกาลองค์ชายน้อยให้ข้าหรือ”“ฮุยเจินเชื่อว่าท่านทั้งสองเพียงแค่ใกล้ชิดกันอีกไม่นานเหกินรอ จริงไหมพี่สะใภ้”จิวซินยิ้ม“ข้าขอเวลาลืมเรื่องเจ็บช้ำทั้งหมดที่ไม่อาจปล่อยวางรวมทั้งเรื่องของเสด็จพ่อ และเหอตงหยวน”“หลายอย่างแม้จะขุ่นเคืองแม้จะยังไม่เข้าใจแต่อีกไม่นาน ข้าเชื่อว่าด้วยความจริงใจและความรักที่ฝ่าบาทมีต่อพี่สะใภ้จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย”“ข้าต่อแต่นี้สัญญาว่าจะดูแลและรักเจ้า เพื่อชดเชยสิ่งที่เจ้าเสียไป” สบตาจิวซินนิ่งไม่สนใจว่าฮุยเจินอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งฮุยเจ
กงกงเฒ่าแสยะยิ้มน่าเกลียด“ดีดีฝ่าบาท พระทัยกว้างดั่งแม่น้ำ เช่นนั้นแล้วข้ากงกงคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกแล้ว” กระชากผมของจิวซินให้ลุกขึ้นจิวซินกัดฟันแน่นแม้จะรู้สึกเจ็บปวด จินฉิ่นและชงไฉ่สะอึกเข้าใส่“ไม่มีเหตุผลใด ที่ข้าจะปล่อยนางไปรวมทั้งฝ่าบาทและเจ้า” ชี้มือไปที่จินฉิ่น“เจ้าคนทรยศ” มีดสั้นถูกจ่อที่คอหอยของจิวซิน“กงกงท่านปล่อยนางเสีย ข้าพร้อมแล้ว” จินฉิ่นปาดกระบี่คมกริบลงบนคอของตัวเองอย่างไม่รอช้า ชงไฉ่ถลาเข้าแย่งกระบี่เสียงอึกอักแววตาเศร้าสร้อยเหลือบมองจิวซินชึ่งบัดนี้ดิ้นรนสะบัดตัวพร้อมกับเสียงร้องห้ามไม่ให้จินฉิ่นทำเรื่องที่คาดไม่ถึง” กงกงปล่อยจิวซินลงไปกองกับพื้นจิวซินทรุดตัวลงข้างจินฉิ่นที่นอนนิ่งส่งเสียงอึกอักฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตาร่วงรินจากดวงตาของจิวซินเป็นสายจินฉิ่นฝืนยิ้ม“องค์หญิงจินฉิ่นผิดจนไม่อาจอภัย อยุ่ข้างกายท่านเพื่อคอยส่งข่าวคราวให้กับกงกงความผิดนี้มีเพียงโทษตายเท่านั้น”“ไม่ไม่ไม่ ข้าแทบไม่เหลือใครแล้วท่านยังทิ้งข้าได้ลงคอ”“องค์หญิงมีฝ่าบาทมี จิ่นเกอพี่ใหญ่ของท่าน ฮุยโม๋และฮุยเจินที่รักหวังดีกับท่านความเจ็บปวดและแค้นเคืองใดใดขององค์หญิงของให้ตายไปกับจินฉิ่น ข้ารู้ด
“ท่านประเมินเราต่ำไปหรือเปล่า” กงกงเฒ่าขมวดคิ้วองครักษ์ที่เคยภักดีบัดนี้กลับแปรพักตร์ ล้อมกรอบใกล้ชงเข้ามาเรื่อยๆ บุรุษร่างกายกำยำกระชากลากถูร่างหนึ่ง เข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าชงไฉ่ เขม่นมอง จิวซินอ้าปากค้างนึกสงสารเยว่ฉีขึ้นมาทันใด เยว่ฉีที่ถูกปิดปากสนิทไม่ให้ส่งเสียงกงกงเฒ่าแสยะยิ้มกระชากผม เยว่ฉีให้เงยหน้า“ฝ่าบาท พระชายาที่ฝ่าบาทลืมเลือนที่ฝ่าบาทไม่ต้องการข้ากงกงอาสาจัดการนางให้แล้วขอเพียงฝ่าบาท มอบบัลลังก์สูงส่งของไห่ตงหยวนแก่ข้า” เยว่ฉีน้ำตาไหลพราก มองชงไฉ่ด้วยความรู้สึกเจ็บซ้ำ“เจ้าก็รู้ว่าข้าชงไฉ่ไม่เคยมีใจให้นางมาก่อน” ขอเพียงถ่วงเวลาไว้ก่อนแม้ไม่มีใจก็ใช่เขาต้องการให้นางตายแต่ช้าไปเสียแล้วมีดสั้นคมกริบในมือตวัดเพียงสายลมผ่าน เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากลำคองามระหงไร้การร่ำลาใดใดจากเยว์ฉี ชงไฉ่เบิกตาโพลงคาดไม่ถึงว่ากงกงเฒ่าจะกล้าลงมือทั้งๆ ที่เลี้ยงดูเยว่ฉีมาแต่เล็ก เยว่ฉีทรุดกายลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลรินชงไฉ่ซ้อนร่างของเยว่ฉีไว้ จิวซินเผลอตัวลุกขึ้นผลักกงกงเฒ่าเต็มแรงจนเซทรุดลงไป ดีที่องครักษ์ชั่วหลายคนรับไว้ทันมือสั่นเทาด้วยความโกรธชี้หน้าจิวซิน“จับนางไว้ ข้าจะให้นางไ
สวมกอดอีกครั้งทว่าครั้งนี้หยาดน้ำตานองหน้าคราวนี้ชงไฉ่ไม่แกะมือออก“เจ้าไม่คู่ควรกับหัวใจรักของข้าในเมื่อทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนทำไปด้วยความริษยาและเห็นแก่ตัว”“ฝ่าบาทยังไม่ตอบหากเยว่ฉี....หายไป”“หากเจ้าหายไป ในหัวใจข้าไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ข้า...ไม่เคยรู้สึกอะไร” เยว่ฉีหยุดสะอื้นไห้ประเมินคำตอบที่ได้รับผิดไป ผู้คนบางคนเขาดีกับเราเพียงแค่ เขาเป็นคนดีหาใช่เขารู้สึกดีกับเราไม่“ปล่อยข้าเถิดเยว่ฉี ในเมื่อข้าไม่มีใจให้เจ้าเหตุใดต้องเหนี่ยวรั้งข้าให้หัวใจเจ้าเจ็บปวด” คราวนี้เยว่ฉีกับสะอื้นหนักกว่าเดิมชงไฉ่ยกมือขึ้นโอบไหล่เยว่ฉี“ข้าไม่กล่าวโทษไม่ตำหนิไม่ลงโทษเพียงแค่เจ้า หยุดคาดหวังในตัวข้า...หยุดรอ...หยุดทำทุกอย่างเพื่อให้ข้าไม่พอใจมากไปกว่านี้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าจะปล่อยมันไปกับความทรงจำที่หายไป” จิวซินเดินเลาะเลีบยออกมาข้างนอกมือข้างหนึ่งชูขึ้นรองรับเกล็ดหิมะบางเบามือบางสีแดงระเรื่อด้วยความหนาวเย็น เสื้อคลุมสีงาช้างงดงามขับผิวนวล บรรยากาศรอบตัวแม้ชวนให้ล่องลอยทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าชงไฉ่โอบกอดเยว่ฉีที่สะอื้นไห้กับทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ไม่มีวาจาใดใดหลุดออกมามีเพียงการหันหลังเดินกลับไปยังท
"ไม่ช้าเจ้าก็จะได้รู้ว่าทุกอย่างที่ข้าทำ หาใช่การจงใจไม่แต่เป็นเพียงความโง่งมที่ไร้ซึ่งเจ้าคอยบงการ"ชงไฉ่ไม่อาจหลีกหนีคำว่า ผิดต่อจิวซินไปได้ก็ในเมื่อเขาเองที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในวังวนของความทุกข์จนเปิดโอกาสให้เยว่ฉีสามารถทำให้เขาตกเป็นทาสของพิษลืมเลือนได้อย่างไม่ยากอาภรณ์บุรุษของจิวซินที่เขาเก็บไว้อย่างดีถูกเยว่ฉีนำไปเผาทำลายความคับแค้นใจนี้ชงไฉ่ไม่อาจให้อภัยเป็นสามีภรรยยากันเจ็ดชาติต้องรอถึงอีกร้อยปีกว่าจะได้เป็นภรรยากันอีกครั้งชงไฉ่คิดว่าเขากับเยว่ฉีหมดวาสนาต่อกันแล้ว คงต้องรออีกร้อยปีถึงจะกลับมาเป็นสามีภรรยากันอีกครั้งเรียกว่าสิ้นรักหรือไร? ....หรือว่าเขาไม่เคยรักนางความรักกับหลงต่างกันอย่างไรความหลงอยากครอบครองยึดเหนี่ยวเป็นเจ้าของ ไม่สนใจคำห้ามปรามหรือทัดทานหากความรักคือการ ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาเป็นสุขและอยากเห็นรอยยิ้มของคนที่รัก รอยยิ้มนั้นย่อมทำให้เขามีความสุขความรักคือการ ทนรอคอยแม้เขาไม่แยแส ความรักทำให้โลกที่หม่นเศร้าสดใส ความรักทำให้ใบหน้าอมทุกข์กลับกลายเปี่ยมสุขในชั่วพริบตาความรักไม่อาจบรรยายได้ภายในเวลาอันสั้นหากแต่เขารับรู้ว่ามันมากมายจนคณานับได้ท่วมท้นอยู
“ไม่ไม่ไม่..ไม่ ข้าคือเลี่ยงเฟิ่งที่สามารถทำทุกอย่างตามใจตัวเอง....ไม่ใช่จิวซิน” ลืมตาตื่นเวลาดึกสงัดชงไฉ่ฟุบหน้าข้างๆ แท่นนอนกุมมือของจิวซินไว้แน่น อากาศข้างนอกหนาวเหน็บชงไฉ่ขยับตัวกอดอกด้วยความหนาวลืมตามองจิวซิน“เจ้าได้สติแล้ว” ชงไฉ่ลนลานรินชาใส่ถ้วย พยุงจิวซินลุกขึ้น จ่อถ้วยชาที่ริมฝีปากจิวซินเหลือบตามองก่อนจะจิบชาช้าๆ ชงไฉ่ยิ้มใช้มือปัดเส้นผมที่ลงมาละใบหน้างาม“นอนไปเสียนานจนข้าใจหายว่าเจ้าจะไม่ฟื้น จิวซินยังคงนิ่ง“เจ้ารู้ไหม ฟู่โม๋ติดตามมาที่นี่เพื่อ มาหาเจ้าโดยเฉพาะ” แววตาเป็นประกายตื่นเต้นชงไฉ่หลุบตามองพื้นรู้สึกน้อยใจ“ฟู่โม๋อยู่ที่ไหน ฟู่โม๋แต่เดิมเป็นคนของไห่ตงหยวนบัดนี้เมื่อเจ้าไม่สบายเขากำลังต้มยาให้เจ้าอยู่” จิวซินพยักหน้าชงไฉ่คิดถึงคำพูดของฮุยโม๋ที่ให้เขาปิดบังตัวตนของฮุยโม๋เพื่อว่าจะได้ขุดรากถอนโคนขันทีเฒ่าที่มีอำนาจล้นมือในตอนนี้และค่อยๆ พยายามฟื้นความทรงจำของจิวซินไปพร้อมกับยาของฮุ่ยโม๋“ฟู่โม๋ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จะคิดค้นยาถอนพิษชนิดต่างๆ โดยที่ฮุยเจินคอยสนับสนุน เราอยู่ที่เหอตงหยวนแม้จะไม่สบายนักแต่ว่าก็มีสุขไม่น้อยสหายแสนดีอย่างฮุยเจิน คอยสนับสนุนเราสองคนทุกอ