แชร์

บทที่ 6 ข้าอยากหนีไปจากท่าน

ผู้เขียน: เฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-04 23:03:17

เสียงฝีเท้าวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต ฟู่ฟู่กำลังวิ่งใปให้ถึงที่หมายซึ่งเป็นท่าเรือ นางจับย่ามไว้แน่นและวิ่งจนผ้าสะบัดพลิ้วไปตามลม สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนและผู้คนซึ่งออกมาใช้ชีวิตกันเป็นปกติ ทั้งยังมีขอทานนั่งอยู่ตามมุมไม่เว้น แต่ที่น่าหวั่นกลัวคือพวกทหารต่างหาก

หญิงวัยแรกแย้มวิ่งหลบไปตามซอกซอยแคบ ๆ เพื่อหลบให้พ้นพวกทหารที่อาจวิ่งตามมา ทางลัดที่คุ้นเคยทำให้นางมาถึงท่าเรือจนได้ ใบหน้าผินมองรถม้าที่เหมยลี่ได้กำชับไว้ เมื่อเห็นว่ามีอยู่จริงดังว่า นางจึงรีบวิ่งไปด้วยอาการหอบเล็กน้อย

“ข้าจักไปวัดหลินจิง”

“สองตำลึง” บุรุษตรงหน้าพูด เขาคือเจ้าของเกวียนรถม้านั่นเอง บุรุษโพกผ้าพันศีรษะตัวสูงอย่างชายชาตรี อายุน่าจะมากกว่าฟู่ฟู่อยู่ไม่น้อย แต่ดูไม่มากเกินไปจากหน้าตาที่ดูยังหนุ่มแน่น

คนคิดหนีไม่เกลี่ยงราคานางรีบมอบอัดให้ “นี่ข้าให้สี่ตำลึง รีบพาข้าไปที”

คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย มองนางด้วยความสงสัย จากการแต่งกายดูไม่น่าจะมีอัดมากมายขนาดนี้ แต่เขาไม่ถามไถ่เพียงแต่โยนอัดในมือเล่นพลางมองสาวงามผู้นี้อย่างไม่ลดสายตา

“ข้าจะไปส่งเจ้า เชิญเถิดแม่นาง”

ชายแปลกหน้าพูดพลางเปิดม่านบนรถเกวียนให้ ฟู่ฟู่จึงเดินขึ้นไปนั่งอย่างไม่คิดอะไร ม่านที่ถูกเปิดออกได้ปิดลงจึงทำให้ภายในเกวียนมีเพียงนางที่ไม่รับรู้ถึงโลกภายนอกใด ๆ เพียงแต่รู้สึกว่าเกวียนนี้กำลังเคลื่อนที่ไปตามทางด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติเล็กน้อย

ฟู่ฟู่รู้สึกระแวงและไม่อาจไว้ใจ นางจึงแอบแง้มม่านเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่า ชายผู้นี้จะไม่พานางออกนอกเส้นทาง

“กลัวว่าข้าจักพาเจ้าเข้าป่ารึ” พลขับที่นั่งอยู่นอกเกวียนพูดขึ้น ใบหน้าคมคายผินมามองเล็กน้อย

“ข้าแค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงที่หมาย” ฟู่ฟู่แสร้งพูดไปเช่นนี้ ทั้งที่สายตาของนางกำลังมองไปยังสองข้างทาง ซึ่งยังคงอยู่ในเส้นทางที่นางคุ้นชิน

“อีกไม่กี่เพลาก็ถึงที่หมายวางใจเถอะแม่นาง”

ฟู่ฟู่ยอมกลับไปนั่งตามเดิม ไม่ใช่เพราะว่าเชื่อใจอีกฝ่าย แต่นางแค่มาแง้มม่านที่อยู่อีกฝ่ายต่างหาก

“ป่านนี้เจี่ยเจียจักเป็นเช่นไรบ้างนะ” พลางห่วงคิดถึงหญิงรับใช้ซึ่งไม่รู้ว่าชะตากรรมตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง

ในช่วงเวลาเดียวกันเหมยลี่ได้หนีจากท่านแม่ทัพนางจึงรีบวิ่งมาหาคุณหนูฟู่ฟู่ที่นัดแนะกันไว้ ทว่าเมื่อมาถึงนางกลับไม่เห็นอีกฝ่ายเสียแล้ว สายตากวาดมองไปรอบทิศอย่างนึกเป็นห่วง

“คุณหนูฟู่ฟู่ ข้าหวังว่าท่านจะไปถึงวัดได้อย่างปลอดภัย” เหมยลี่ยังไม่คิดจะตามไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าจะถูกไล่ตามจนฟู่ฟู่เป็นอันตรายได้ นางจึงลงเรือเพื่อหมายหนีไปยังแคว้นอื่นแทน

เหมยลี่ย่างกรายก้าวพ้นขอบเรือพร้อมจับชายกระโปรงให้สูงขึ้นเล็กน้อย นางมองไปยังแม่น้ำเบื้องหน้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาจึงไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีม้าเร็วกำลังควบมา และบุรุษร่างสูงกำลังวิ่งขึ้นเรือตาม ๆ กัน

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้ากระทบกับท้องเรือดังแทบประชิดกาย เหมยลี่หันไปมองตามเสียงด้วยความตกใจพลันตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่ขึ้นมาบนเรือไม่ใช่ฝีพายแต่เป็นแม่ทัพมู่หยาง ขณะที่เรือลำนี้ได้ออกจากท่าเป็นที่เรียบร้อย

“เจ้าจะหนีไปที่ใด” มู่หยางจับข้อมือหญิงอัปลักษณ์ไว้แน่นดั่งเขี้ยวง้อ

“โอ๊ย ท่านปล่อยข้านะ” นางร้องด้วยความเจ็บจนน้ำตาเล็ด มองชายที่มีดวงตาดุดันน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ

“เจ้าคือสมบัติของข้าที่ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งยกให้ เจ้ามิมีสิทธิ์ทำการใดตามอำเภอใจทั้งนั้น” มู่หยางพูดพร้อมใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ ต่อให้สมบัติชิ้นนี้ไร้ค่าเหมือนเศษกระเบื้องเพียงใด เขาก็ยังต้องเก็บเศษกระเบื้องที่ได้จากองค์เหนือหัวไว้อยู่ดี

“ของไม่มีราคาเช่นข้า ท่านยังอยากเก็บไว้เป็นสมบัติอีกรึ ท่านควรปล่อยข้าไปเสียจักได้ไม่ถูกตราหน้าว่ามีภรรยาอัปลักษณ์เช่นข้า”

“ใครว่าข้าจะเอาเจ้าเป็นเมีย หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าเป็นได้แค่ข้ารับใช้รองมือรองเท้าข้าก็เท่านั้น” มู่หยางขยะแขยงหญิงอัปลักษณ์เป็นที่สุด กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดว่าเขาจะรับนางไว้ในฐานะภรรยา พร้อมบีบข้อมมือเล็กให้แน่นกว่าเดิมจนเหมยลี่ร้องด้วยความเจ็บ ก่อนผลักให้นางกระเด็นจนศีรษะชนกับขอบเรือ

“โอ๊ย” เหมยลี่รู้สึกเจ็บ นางยกมือไปลูกบริเวณที่ปูดนูน เมื่อรู้ว่าไม่ได้เลือดตก นางจึงคิดที่จะกระโดดลงน้ำไปตายเอาดาบหน้า

ฉึบ!

ทว่าปลายดาบยาวแหลมคมจี้คอระหงอย่างรวดเร็วจนนางตกใจกลัว

“อย่าคิดหนี ไม่อย่างนั้นข้าจะปาดคอเจ้าแล้วจับโยนลงน้ำเสีย” ใบหน้าเหี้ยมโหดหลุบตามองสตรีไม่มีทางสู้ แม่ทัพอย่างมู่หยางมีใจเด็ดเดี่ยว น้ำมือของเขาฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วน หากจะปลิดชีพนางไปอีกคนจึงไม่คณามือนัก

“ท่านก็ฆ่าข้าเลยสิ ท่านเกลียดข้ามากไม่ใช่” เหมยลี่หมดหนทางหนี นางร้องไห้ด้วยความเศร้าสร้อยน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาที่ต้องพบพาน

“เก็บเจ้าไว้รองรับอารมณ์ของข้ามันน่าจะดีกว่า มานี่” มู่หยางลากร่างอรชรจนตัวปลิว เข้าไปข้างในเรือซึ่งมุงหลังคาโค้งทำเป็นห้องรับรองไว้

“ปล่อยข้านะ” เหมยลี่ร้องโวยวายพลันใจสั่นกลัว นางไม่เคยต้องมือชายผู้ใดมาก่อนจึงคิดไปต่าง ๆ นานาว่าท่านแม่ทัพจักทำการที่ล่วงเกิน

“ท่านวิปลาสไปแล้วหรือถึงได้คิดจะทำเรื่องอย่างนี้กับข้า”

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอันใด” มู่หยางจ้องเขม็ง

“ท่านอยากให้ข้าอุ่นเตียงให้มิใช่หรือ”

“ฮ่า ๆ เจ้านี่มันไม่เจียมกะลาหัวเอาเสียเลย หน้าตาอย่างกับศพเน่าอย่างเจ้า ใครจะไปพิศวาสลงได้” มู่หยางหัวเราะ ก่อนสะบัดมือออกอย่างไม่ไยดี ก่อนยืนมองด้วยสายตาหยามเหยียด

“หรือว่าเจ้าเห็นว่าข้ารูปงามจึงกำหนัดจนกายสั่น”

“มิใช่ข้ามิเคยคิดเช่นนั้น ท่านคิดจะทำอันใดกับข้ากันแน่” หยดน้ำตาของเหมยลี่ไหลริน นางมองแม่ทัพที่มีจิตใจอำมหิตด้วยความไม่เข้าใจ และไม่คิดจะเข้าใจด้วย

“ข้าแค่เมื่อยกาย อยากให้เจ้ามานวดให้ข้าก็เท่านั้น หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าทำการอื่น”

“ไม่ ข้าจะนวดให้ท่าน เชิญท่านแม่ทัพ” เหมยลี่รวบรวมสติ พลางลุกขึ้นยืนจ้องท่านแม่ทัพด้วยดวงตาเปียกปอน

มู่หยางสะบัดชายเสื้ออย่างอารมณ์เสีย ก่อนนั่งลงบนตั่งให้หญิงอัปลักษณ์มานวดให้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย เหมยลี่ใจกล้า ๆ กลัว ๆ เดินไปด้วยอาการสั่นเทาอย่างระแวดระวังภัย และต้องฝืนปรนนิบัติท่านแม่ทัพจนกว่าจะถึงฝั่ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 78 ข้าขอใช้ชีวิตบั้นปลายกับเจ้า

    เซียวจ้านวางเป่าเป้ยที่หลับใหลบนเตียงนุ่ม วันนี้บุตรสาวของพวกเขาได้ออกไปเที่ยวเล่นจนเหนื่อยยังไม่ทันได้กลับถึงเรือนก็ผล็อยหลับไปเสียแล้วสายตาเฉี่ยวมองภรรยาอันเป็นที่รักกำลังส่งยิ้มหวานมาให้เขา มือใหญ่จึงกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ“เจ้ายังกังวลเรื่องมู่หยางอยู่รึไม่” เซียวจ้านรู้อยู่แก่ใจว่ามู่หยางเป็นบิดาแท้ ๆ ของเป่าเป้ย เขาคิดว่าลี่หลินกำลังคิดกังวลเรื่องนี้อยู่“ข้ามิมีสิ่งใดต้องกังวล”ลี่หลินยังคงยิ้ม ถึงแม้ความจริงที่ว่านี้อาจถูกเปิดเผยเข้าสักวัน แต่แล้วเยี่ยงไรเล่าบิดาที่แสนอำมหิตเช่นนั้นมิควรเข้ามาข้องเกี่ยวกับเป่าเป้ยอีก นางมิอยากให้ใจดวงน้อยที่แสนบริสุทธิ์ต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้“ข้าจักมิบอกความจริงเรื่องนี้” ความลับนี้มันควรตายไปพร้อมกับเหมยลี่ “ท่านพี่จะยังเป็นบิดาของเป่าเป้ย”เซียวจ้านยิ้ม “ข้าสัญญา”ทั้งสองสบตากันหวานซึ้ง ท่ามกลางความเงียบที่กระตุ้นหัวใจให้เต้นแรง ความหวั่นไหวที่เกิดจากรักนำพาให้เซียวจ้านดึงภรรยาอันเป็นที่รักยิ่งเข้าไปกอดไว้“เราสองคนจักอยู่เยี่ยงนี้ไปจนแก่”คำมั่นสัญญาที่ตรึงใจลี่หลินไว้ นางมิอาจหนีหายไปที่ใดได้เลย แม้จักมีสิ่งใดมาขวางความรักนี้นางก็มิยินดี

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 77 จบสิ้นเสียทีเถิด

    ทั้งเหมยลี่และเซียวจ้านต่างตกใจที่เห็นมู่หยางในวันนี้ คนเป็นสามีรีบเดินมาขวางกั้นกลางระหว่างทั้งสองไว้ เขาจะมิยอมให้มู่หยางมาพรากภรรยาของเขาไปโดยง่าย ดวงตาเฉี่ยวจ้องเขม็งไปยังอดีตสหายพร้อมจับตัวบุตรสาวอันเป็นที่รักไว้แน่นลี่หลินเห็นดังนั้นจึงจับมือประสานเซียวจ้านไว้ นางอยากจบเรื่องนี้ แล้วใช้ชีวิตอย่างมิต้องหวาดระแวงว่าจักมีผู้ใดมาแยกครอบครัวอันเป็นที่รักของนางไป“ข้ามิใช่เหมยลี่ของท่าน ข้าคือลี่หลินต่างหาก” ลี่หลินจึงเลือกพูดความจริงต่อหน้ามู่หยาง“เจ้าอย่าคิดมาทำอะไรภรรยาข้าได้” เซียวจ้านพูดคิ้วของมู่หยางขมวดเป็นปม เขามิเข้าใจสิ่งที่เหมยลี่พูดเมื่อครู่ พลางมองไปยังพวกเขาที่สวมชุดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอย่างชาวบ้านธรรมดา มิมีเครื่องประดับใด ๆ ทั้งสีและเนื้อผ้าที่มิได้มีราคาแพงยิ่งตกใจว่าเหตุใดสหายที่สูงศักดิ์ถึงได้ลดตัวลงมาอยู่กับหญิงอัปลักษณ์ได้“ไม่เจอกันนานเลยนะคุณชายเซียวจ้าน ข้ามิคิดว่าคุณชายเยี่ยงเจ้าจักมาใช้ชีวิตซอมซ่อเช่นนี้”“หึ ชีวิตที่ข้าเลือกเองย่อมมีความสุขดี ข้ามิจำเป็นต้องมีเรือนใหญ่โต หรือทำงานราชการใด ๆ แค่มีภรรยากับลูกที่ข้ารักอยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว”สิ่งที่เซียวจ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 76 เป่าเป้ย

    ท่านแม่ทัพใจว้าวุ่นนั่งใช้ความคิดมากมายว่าเขาควรทำเช่นไรดี สิ่งที่ติดอยู่ในใจก็ยังต้องการค้นหาทางออก และอยากทวงคืนทุกคนให้กลับมาอยู่ข้างกายโดยมิคิดมีสำนึกต่อสิ่งใด เพราะคนที่แข็งกระด้างเยี่ยงเขายังมิเคยเข้าใจถึงความรักที่แท้จริงเลยสักนิด มีเพียงแต่อยากครอบครองไว้เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ตนสมควรได้ผ่านไปหลายวันมู่หยางก็ได้เดินทางไปยังบ้านเกิดของต้าเหนิง ทว่าเมื่อเดินทางไปถึงคนตระกูลนั้นมิได้เปิดประตูต้อนรับ เขาทำได้แต่เพียงยืนมองประตูรั้วที่ปิดสนิทด้วยใจปวดร้าว“ท่านแม่ทัพมาที่เรือนอีกแล้วเจ้าค่ะ” คนรับใช้มารายงานต้าเหนิงเหมือนทุกวันนางยังคงใจแข็งต่อมู่หยางมิเคยเปลี่ยน ใจที่แตกสลายไปแล้วจักเก็บมาติดกาวย่อมมีรอยร้าวต่อให้อีกฝ่ายคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ตรงหน้า ต้าเหนิงก็มิกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีก เพราะนางรักลูกเป็นอย่างมากจึงมิสามารถให้บิดาของลูกมาทำร้ายจิตใจได้อีก“ช่างประไร เจ้าก็อย่าให้ห่าวอวี่รู้”“เจ้าค่ะ”“แม่จ๋า” ห่าวอวี่บุตรชายแสนน่ารักน่าเอ็นดู วิ่งมานั่งตักมารดาพร้อมของเล่นในมือ“ว่าไงลูก”“ของเล่นใหม่ของข้า” เด็กน้อยยื่นของเล่นให้ดู“ใครให้เจ้ามา” พูดพลางลูบศีรษะบุตรชายไปด้วย“ท่านตา”

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 75 คืนอิสระให้แก่ท่าน

    “ฮื้อ แม่จ๋า” ห่าวอวี่กอดกายมารดาพร้อมร้องไห้สะอื้น ตั้งแต่จำความได้เด็กสดใสคนนี้ก็ไม่ค่อยได้เข้าใกล้บิดา ความน้อยใจจึงเกิดขึ้น“ไม่เป็นอะไรนะลูก”ต้าเหนิงสงสารบุตรชายสุดหัวใจ นางฝืนทนอยู่กับมู่หยางเพราะคำว่ารักที่มีอยู่ล้นใจ แต่พอนานไปนางเริ่มตาสว่างแล้วว่ามิว่านางจะพยายามเท่าใดสามีก็มิเคยเหลียวแลนางกับลูกเลยทั้งที่นางเป็นภรรยาเอกของตระกูลกู้แท้ ๆ แต่ถูกปฏิบัติเยี่ยงนี้จักมิให้รู้สึกคับเคืองใจได้เยี่ยงไร“ห่าวอวี่หลานย่า” ฮูหยินชิงชิงเข้ามาหา สายตาของนางมองหลานชายด้วยความสงสารเด็กน้อยที่ติดย่าจึงรีบวิ่งไปกอดพร้อมออดอ้อน นั่นยิ่งทำให้หญิงสูงวัยหลงเข้าไปใหญ่“ข้าขอโทษ ขอโทษนะหลานย่า” มือลูบหลังหลานเบา ๆ ในใจขุ่นเคืองยิ่งนัก พลางคิดไปว่านี่อาจเป็นเวรกรรมที่นางได้ทำไว้จึงส่งผลมาถึงห่าวอวี่ทั้งที่ไม่ผิดเช่นนี้“ท่านแม่” ต้าเหนิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ“ข้าขอพาลูกกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อข้าได้หรือไม่” และตัดสินใจอย่างดีแล้ว ในเมื่อสามีของนางไม่คิดถึงคนที่อยู่ตรงหน้ากลับคิดถึงแต่เพียงหญิงอัปลักษณ์อยู่ทุกคืนวัน นางจึงคิดจากลาไปเสียจักดีกว่าที่นางรู้เป็นเพราะนางแอบดูสามีอยู่ทุกวัน เขามักพร่ำเพ้อถ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 74 เวลาล่วงเลย

    อุแว้ อุแว้ เสียงร้องของเป่าเป้ยดังระงมอยู่ในห้อง ลี่หลินเกือบจำไม่ได้แล้วว่านางได้คลอดบุตรสาวที่น่ารักน่าชังออกมา ในวันนั้นนางเจ็บท้องหนักจนทรมาน เซียวจ้านจึงรีบตามหมอยาให้มาทำคลอดให้โดยมีเขาจับมือให้กำลังใจแก่กันอยู่ไม่ห่าง เหมือนทารกน้อยจักเมตตาให้ความทรมานนี้อยู่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ยอมออกมาลืมตาดูโลกอย่างง่ายดาย ด้วยสุขภาพที่แข็งแรง สมแล้วที่ลี่หลินดูแลถนอมมาเป็นอย่างดี “เจ้าหิวนมอีกแล้วรึ” แม่ที่เหมือนแม่บุญธรรมอย่างลี่หลินรีบอุ้มบุตรสาวตัวจ้ำม่ำมาดูดนมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มือคอยเกลี่ยน้ำตาให้แล้วแอบบีบพวงแก้มนุ่มนิ่มเหมือนก้อนแป้งไปด้วย “เกิดอันใดขึ้นรึ”ทันใดนั้นประตูห้องได้ถูกผลักออกจากฝีมือของเซียวจ้าน สีหน้าดูเป็นกังวลเดินตรงมาหาสองแม่ลูกอย่างนึกเป็นห่วง“เป่าเป้ยเพียงแค่หิวนมเท่านั้น” ลี่หลินยิ้มให้กับท่าทีเช่นนี้ของเขา เซียวจ้านดูเป็นห่วงเป็นใยทารกน้อยยิ่งกว่านางเสียอีกสายตาบุรุษมองไปยังทารกน้อยที่นอนดูดนมจากอกแม่ เขาพลันหน้าแดงและรีบหันหน้าหนีอย่างเคอะเขิน“ข้าขออภัย” เขามิได้ตั้งใจล่วงเกินลี่หลินสักนิด แต่สายตาดันไปจ้อง

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 73 ความตื่นเต้นที่รอคอย

    “อร่อยยิ่งนัก” เซียวจ้านเอ่ยชมคนงานที่พากันชิมต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ทำให้คนทำยิ้มกว้าง“ท่านว่าข้าทำขนมขายไปด้วยจักดีรึไม่” ลี่หลินพูด“เจ้าจักขยันเกินไปแล้ว ข้าคงต้องหาแม่ครัวสักคนมาช่วยเจ้าขาย”“ข้ามิได้ขยันถึงเพียงนั้นสักหน่อย ข้าทำไหวก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในครัวของโรงเตี๊ยมเชียวนะ”“เจ้าอยากทำสิ่งใดข้าจักมิขัด เพียงแต่ให้เจ้าคลอดบุตรออกมาเสียก่อนเถิด”“เจ้าค่ะ คงอีกมินานเกินไป”“ร้านของเจ้าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เจ้าชอบมันรึไม่” เซียวจ้านพูดพลางมองไปยังร้านที่ถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดี อีกไม่ถึงวันก็เสร็จแล้ว“ร้านของท่านกับข้าต่างหาก” นางมิอาจครอบครองร้านแห่งนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะเซียวจ้านเป็นผู้ลงทุนแทบทั้งหมด“สมบัติของข้าก็เหมือนเป็นของเจ้า” สายตาคมหันมามอง“จักเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไร ข้ามิใช่ภรรยาของท่านสักหน่อย” ใบหน้านวลแดงระเรื่อขึ้นทันที“เจ้าก็แต่งเข้าเรือนข้าสิ”“ข้ามิพูดกับท่านแล้ว ข้าไปพักผ่อนสักประเดี๋ยวจักดีกว่า” ลี่หลินเลี่ยงที่จะพูดต่อ นางจึงลุกขึ้น“ข้าพาเจ้าไป” เซียวจ้านรีบลุกตามพร้อมประคองนางไปด้วยเขาได้พานางมาจนถึงเตียง ลี่หลินมองบุรุษตรงหน้าที่ดูแลกันเป็น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status