แชร์

บทที่ 8 บัญชาสวรรค์มิใช่ข้า

ผู้เขียน: เฟยหรง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-09 13:20:44

สายฝนโปรยปรายผสมกับเสียงฟ้าร้องปนเปในยามราตรี พร้อมเสียงเกือกม้าดังเป็นจังหวะ หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษอยู่ในเกวียนกำลังนั่งตัวโยนเล็กน้อยที่เกิดจากถนนหนทางที่เต็มไปด้วยดินโคลน อากาศซึ่งมีเม็ดฝนจึงนำพาลมหนาวพัดลอดช่องผ้าม่านเข้ามาด้านใน ความมืดที่เห็นเพียงเงาเลือนรางของคนข้างกายทำให้สตรีร่างอรชรรู้สึกหวั่นกลัวอยู่ไม่น้อย

เหมยลี่นั่งเกาะขอบไม้ไว้แน่น แต่ถึงอย่างนั้นฟ้าดินก็ไม่อาจเป็นใจ เมื่อล้อลากเกวียนดันตกหลุมลูกใหญ่จนกายนางต้องถลาไหลไปกองรวมอีกฝั่งซึ่งมีท่านแม่ทัพนั่งอยู่

สัมผัสแข็งแรงจากกายบุรุษและจากมือใหญ่กำลังโอบรัดเอวกิ่วของนางไว้ หญิงไม่เคยถูกชายใดแตะต้องรู้สึกประหม่าเขินอายอยู่ในที ใบหน้าอัปลักษณ์ในความมืดสลัวกลับแดงระเรื่อและร้อนผ่าว นางไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนถึงมีอาการเช่นนี้ ยิ่งกลิ่นกายบุรุษบึกบึนอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เลือดลมพลันโลดแล่นไปทั่วร่างราวกับถูกพลังลมปราณเข้าเล่นงาน

“ข้าล่วงเกินท่านแล้ว” เหมยลี่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หัวใจของนางเต้นโครมครามยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องลั่นบนนภาในยามนี้

“พอเจ้าอยู่ในความมืดเช่นนี้ค่อยน่ามองหน่อย” มู่หยางพูดอย่างใจคิด พลางมองใบหน้าของหญิงอัปลักษณ์เมื่ออยู่ในความมืดมิต่างจากสตรีนางอื่น ร่างอรชรเอวบางจนแทบรวบได้ด้วยมือเดียว กลิ่นกายยังหอมดั่งนางในโคมเขียว คนมากรักอย่างเขาจึงแสดงออกมาเช่นนี้อย่างไม่ปิดกลั้นความถวิลหาของบุรุษที่มีอยู่มากล้น

เหมยลี่เมื่อได้ฟังไม่อาจฉุกคิด นางคิดว่าท่านแม่ทัพกำลังเอ่ยเชยชม คนไม่เคยถูกชื่นชมจึงได้ยกยิ้มด้วยความเขินอายจักบอกว่าบรรยากาศภายนอกเป็นใจก็ย่อมได้ เมื่อหนึ่งบุรุษกับหนึ่งสตรีอยู่ด้วยกันในพื้นที่แคบ ๆ ย่อมมีความรู้สึกหวั่นไหวเป็นธรรมดา

“ท่านจักทำอันใดข้า อื้อ” ริมฝีปากบางอมชมพูขยับเพียงเล็กน้อย แต่ยังมิทันได้ไถ่ถามเหมยลี่ดันถูกมือใหญ่แข็งแรงรวบคอระหงเข้าไปใกล้เงาทมิฬ ก่อนถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหยาบโลนไร้ซึ่งความเมตตาปราณีจากท่านแม่ทัพ ซึ่งยามนี้กำลังบดขยี้คล้ายกับกำลังหาศัตรูศึกในโพรงปาก

สตรีไม่เคยถูกล่วงเกินมาก่อน พลันใจกระตุกด้วยความหวาดกลัว นางไม่อาจขยับและขัดขืนได้ จึงได้แต่หลับตาปี๋รับสัมผัสจากบุรุษรูปงามที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่เกิดจากการสมอ้างของนาง เหมยลี่รู้สึกจั๊กจี้แลกรับสัมผัสเปียกแฉะจากเรียวลิ้นพลันได้ยินเสียงสอดประสาน และพรั่นพรึงเกรงว่าคนควบคุมเกวียนจักแหวกม่านเข้ามาเห็น

มือเรียวอ่อนเรี่ยวแรงพยายามผลักและดันกายแกร่งออก ท่านแม่ทัพส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในลำคอคล้ายกำลังหงุดหงิดที่ถูกขัดใจอยู่ไม่น้อย ก่อนยอมปล่อยหญิงอัปลักษณ์ให้เป็นอิสระเพียงริมฝีปากที่ตอนนี้เจ่อบวมอยู่ไม่น้อย

“ท่านแม่ทัพ” ร่างอรชรหอบเล็กน้อย กายของนางอ่อนเหลวจนแทบไหลกองพื้น ดีที่ยังถูกรั้งด้วยวงแขนแกร่งซึ่งกำลังช้อนร่างของนางไว้ เหมยลี่ผินหน้าไปทางอื่นด้วยความเหนียมอายอย่างหาที่สุดมิได้

“จักกะมิดกระเมี้ยนไปไย เจ้าคือสมบัติของค่า ข้าจักทำอะไรกับเจ้าก็ย่อมได้”

เสียงทุ้มปนดุเอ่ยขึ้น พอได้สัมผัสความหวานจากเหมยลี่ ท่านแม่ทัพพลันปวดกำหนัดจนอยากหาที่ระบายความใคร่เป็นอาจิณ เขาออกรบอยู่นานแรมเดือนจึงไม่ได้มีเวลาได้สำราญ จักให้ภรรยาทั้งสามมาปรนนิบัติพลันต้องมารับตัวหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ เหตุนั้นทำให้มู่หยางนึกอยากกลั่นแกล้งให้นางอยู่ใต้อาณัติ

“ทะ...ท่านแม่ทัพ”

เสียงหวานปนหอบเอ่ยออกมาอย่างติดขัด ดวงตากลมโตสีนิลพยามมองใบหน้ามืดดุจเงาเพื่ออ้อนวอนให้โปรดเมตตา ทว่ากลับต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหยาบจับแต่ดาบ กำลังแหวกผ้าแต่ละชั้นเข้ามาหากลีบดอกเหมยซึ่งหลบซ่อนเป็นสิ่งสงวนของสาวสะพรั่ง

“อยากให้พลขับรู้อย่างนั้นรึว่าเจ้ากับข้ากำลังทำอันใด”

ท่านแม่ทัพพูดอย่างกระหายอยาก เมื่อสัมผัสรูปร่างอรชรที่มีทรวดทรงซ่อนรูปใต้เนื้อผ้า ทำให้มู่หยางลืมเลือนว่านางมีใบหน้าอัปลักษณ์ไปเกือบสิ้น แต่เพื่อความอภิรมย์ เขาจึงปิดผ้าคลุมหน้าให้เหมยลี่ไว้ตามเดิม

ก้านนิ้วยาวทั้งห้าแหวกผ้าจนสัมผัสถึงดอกไม้ตุมที่หลบซ่อน ด้วยความชำนิชำนาญจึงสัมผัสกลีบดอกไม้ได้อย่างง่ายดาย

ร่างอรชรสะดุ้งเฮือกราวกับถูกจดจุดฝังเข็ม สัมผัสหยาบโลนกำลังล่วงล้ำคลึงกรีบดอกเหมยให้ช้ำทั้งที่ยังไม่ผลิบาน กายสั่นระริกอย่างน่าอายกำลังขยับดิ้นพล่านซ่านกายราวกับเป็นมัจฉาขาดน้ำ แต่ยังมิน่าแทรกแผ่นดินหนีเท่าเหมยลี่กำลังส่งเสียงครวญครางออกมาท่ามกลางความมืดในคืนฝนตกกระหน่ำ

“เบาเสียงของเจ้าลงเถิด ฟังเสียงฝนด้านนอกอย่างเดียวเสีย” ท่านแม่ทัพยิ้มเยาะ เขาสัมผัสถึงน้ำหวานของดอกเหมยที่ยามนี้ชโลมจนชุ่มก้านนิ้วยาวของเขา จึงหยอกล้อเกสรดอกไม้ที่ชูชันสู้มือให้ร่างอรชรดิ้นทุรนทุรายหนักกว่าเดิม

“อ๊า อะ อิ อ๊า ท่านจะให้ข้าทำเช่นนั้นได้เช่นไร หยุดมือท่านเสียท่านแม่ทัพ” แม้จักกัดชายผ้าไว้จนน้ำตาเล็ดนางก็มิอาจขจัดความพลุ่นพล่านออกไปได้

“หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าควรดีใจเสียที่ข้าอุตส่าห์ลดตัวมาใช้เจ้าเพื่อสนองกำหนัดข้า”

“ไหนท่านบอกว่าจักไม่...”

“แค่เครื่องบรรเทากำหนัด อย่าได้นึกพองขนว่าข้าจักยกเจ้าเป็นภรรยารองคนที่สี่” ท่านแม่ทัพพูดอย่างหนักแน่น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 9 ดอกเหมยแรกแย้ม

    หญิงอัปลักษณ์เป็นได้แค่เครื่องบรรเทากำหนัดให้กับท่านแม่ทัพซึ่งดูไร้ค่ายิ่งนัก เหมยลี่เมื่อได้ฟังถ้อยคำดูหมิ่นยิ่งตรอมตรมชีวิตของนางคงเป็นได้เพียงเท่านี้ ครั้นเมื่อร่างทมิฬที่ยามนี้เห็นเลือนรางกายกำยำกำลังขยับเข้ามาใกล้และซุกไซ้คอระหง สัมผัสวาบหวามซ่านไปทั่วกายแต่ใจกลับเศร้าหมองจนแสดงออกทางดวงหน้าและดวงตาซึ่งมีหยดน้ำตาไหลริน“ท่านมีภรรยามากเช่นนี้ยังมิคิดพออีกรึ” แม้จะรู้สึกเสียใจ แต่ก็ทราบดีว่าเป็นเรื่องปรกติอันชอบธรรมที่บุรุษผู้มากซึ่งยศจักมีภรรยามากย่อมไม่ผิดแผกจากจารีต นางไม่น่าเอ่ยถามคำนี้จากบุรุษไร้ใจด้วยซ้ำมู่หยางขยับใบหน้าออกเล็กน้อยอย่างเสียดาย เขารำคาญเสียงสะอื้นไห้ซะจริง “บุรุษเช่นข้าย่อมมีความใคร่อยากเป็นธรรมดา รึเจ้าไม่คิดอยากกันเล่า ไม่สิข้าต้องพูดว่าเจ้าเองก็กำหนัดอยู่ไม่น้อยถึงได้ยอมแหวกขาให้ข้าเช่นนี้”ก้านนิ้วยาวหยอกเย้ากลีบดอกเหมยให้แย้มกลีบบานจนน้ำหวานของเกสรชุ่มฉ่ำจวนใกล้เวลาเต็มทน แม้มู่หยางไม่ชอบใบหน้าของหญิงอัปลักษณ์แต่พอยามที่ได้ยินเสียงครวญครางกลับอยากเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายยิ่งนัก“มะ...ไม่จริง อ๊า ท่าน อะ อิ ท่านแม่ทัพพอเสียเถิด” มือเรียวพยายามดันมืออีกฝ่ายให้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 10 เรือนของท่านแม่ทัพ

    หญิงอัปลักษณ์ไร้เรี่ยวแรงแต่ต้องยืนด้วยขาทั้งสองที่สั่นไหวระริก นางเปิดผ้าคลุมศีรษะมองเรือนของท่านแม่ทัพอย่างเต็มตา ด้วยยศศักดิ์ที่มีทำให้เรือนนี้ใหญ่โตไปมาก ผู้น้อยจากแดนไกลเดินก้าวพ้นธรณีประตูรั้งเข้าไปตามเจ้าของเรือนด้วยใจหวั่นกลัว นางได้ย่างกรายเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกลูกู้ด้วยความจำยอมเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลจากชานเรือนที่ทอดยาวไปตามแนวเรือนสี่ฤดูซึ่งมีโถงเป็นบ่อบัวอยู่ตรงกลาง เหมยลี่ทอดสายตามองอย่างถือดีเพราะไม่รู้ว่าหญิงสูงวัยที่กำลังเดินมาเป็นผู้ใดฮูหยินชิงชิงได้รู้ข่าวว่าบุตรชายได้เดินทางกลับมาแล้วนางจึงรีบออกมาต้อนรับโดยมีสะใภ้ทั้งสามและนางรับใช้เดินตามอีกเป็นขบวน หญิงที่เกิดจากตระกูลผู้ดีมองสารร่างสะใภ้คนใหม่จากที่ไกล ๆ พลันขมวดคิ้วและมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมกับบุตรชายที่เป็นถึงท่านแม่ทัพสักนิด“นี่รึบุตรสาวแห่งแคว้นอัน” ฮูหยินพูดอย่างไม่เชื่อสายตา เหล่าสะใภ้เห็นไม่ต่างกัน ทำให้ตั้งกำแพงกีดกันไมตรีตั้งแต่แรกเห็น สายตาดูหมิ่นดูแค้นปรากฏบนใบหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้“ขอรับท่านแม่” มู่หยางยกมือขึ้นบรรจบ“เคารพท่านแม่เจ้าค่ะ” เหมยลี่ได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยอย่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 11 หน้าที่ของภรรยารอง

    หญิงอัปลักษณ์ถูกปกป้องจากท่านแม่ทัพซึ่งไม่ได้รู้สึกยินดีนัก เหมยลี่ที่คิดหนีไม่อาจไปที่ใดได้ดั่งนกน้อยในกรงที่ถูกกักขัง นางเดินไปยังโรงฟืนที่อยู่ไกลออกไปจากเรือนตระกูลกู้ ที่แห่งนี้ทั้งเก่าและทรุดโทรมจนแทบไม่สามารถเป็นที่หลับนอนได้ แต่ด้วยถูกล้อมและถูกดาบปลายแหลมคมจี้หลังทำให้นางมิสามารถขัดขืน“จำเอาไว้ซะที่แห่งนี้คือที่ของเจ้า อย่าคิดหนีออกไปจากที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นแคว้นอันของเจ้าจักได้ร้อนเป็นไฟอีกครา” ท่านแม่ทัพลั่นวาจา ซึ่งน้ำเสียงหนักแน่นเป็นที่สุดคนนึกห่วงคุณหนูฟู่ฟู่ไม่กล้าคิดหนีไปที่ใด นางต้องอยู่ที่นี่เพื่อให้คนในแคว้นอันปลอดภัยจากสงคราม แม้ผู้คนในเมืองนั้นจักมองว่านางเป็นปีศาจร้ายทำลายบ้านเมืองก็ตามที แต่คนที่ร้ายที่สุดคือท่านแม่ทัพมู่หยางคนนี้มิใช่หรือ“ท่านพี่คงไม่คิดให้นางงอตีนงอเท้าอยู่เฉย ๆ หรอกกระมัง” ต้าเหนิงที่เดินตามมาติด ๆ พูดขึ้น พลางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยสายตาเหยียด“ข้ามิคิดเช่นนั้นอยู่แล้ว” มู่หยางผินหน้าไปตอบภรรยาเอก ก่อนจ้องมายังหญิงอัปลักษณ์ “หน้าที่ของเจ้าคือเป็นคนรับใช้อย่าคิดเสมอตัวเทียบกับภรรยาของข้า เจ้าต้องหุงหาอาหารและดูแลเรือนของตระกูลกู้ให้เป็นอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 12 หน้าที่ภรรยาเอก

    “เจ้าจักไปที่ใด” หญิงรับใช้ของฮูหยินชิงชิงเอ่ยถามหญิงอัปลักษณ์ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกสำรับผ่านหน้าประตูไป“ข้าจักช่วยยกสำรับ...”“ไม่ต้อง เจ้ามิมีสิทธิ์ไปเหยียบบนเรือนใหญ่ ลืมสิ้นแล้วหรือว่าเจ้าเป็นหญิงอัปมงคล มิมีผู้ใดอยากเห็นหน้าเจ้า เห็นก็คงกลืนข้าวไม่ลงกันพอดี”ยังไม่ทันพูดจบหญิงรับใช้คนสนิทรีบพูดโดยพลัน นางมองหญิงอัปลักษณ์อย่างหาเรื่องตามประสาคนดูแลเรือนแห่งนี้“ให้ข้าไปแทนเถิด” หญิงรับใช้อีกคนที่อยู่เป็นเพื่อนเหมยลี่รีบอาสา นางรับสำรับในมือมาถือไว้แทน“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปทำงานอย่างอื่นแทน” นางพูดแล้วเดินออกไปหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินปรายตามามองเหมยลี่พร้อมแบะปากใส่อย่างไร้ซึ่งการให้เกียรติกัน ก่อนเดินอ้อนแอ้นไปยังเรือนใหญ่เหมยลี่จึงเดินคอตกมานั่งหลบมุมในครัว นางทั้งหิวและไม่มีแรงคล้ายไม่สบาย แต่ถึงตอนนี้อาหารตรงหน้าจะส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย แต่นางมิอาจทานได้เพราะต้องรอให้นายในเรือนทานกันจนหมดก่อนซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหญิงรับใช้ที่นางรู้ดีหญิงรับใช้คนสนิทของฮูหยินที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าเหล่าผู้รับใช้ นางมีนามว่า อู๋ท่ง กำลังเดินนำหญิงรับใช้ทุกคนไปยังห้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-13
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 13 หน้าที่หญิงอัปลักษณ์

    เสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกลหญิงรับใช้นามว่าฮุ่ยชิวเดินกลับมาในครัว นางมองหาหญิงอัปลักษณ์ที่พึ่งได้เจอหน้ากันคราแรก แล้วพบว่าหญิงนางนั้นกำลังนั่งหลบมุมอยู่ในครัวเหมยลี่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นและมองสตรีอายุมากกว่าด้วยแววตามีคำถาม แต่นางไม่ได้ปริปากเปล่งวาจาออกมา“เจ้าหิวรึไม่” ฮุ่ยชิวเอ่ยถาม หญิงอัปลักษณ์พยักหน้าแทนคำตอบ“เดี๋ยวข้าจัดการให้” ฮุ่ยชิวพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นมิตร ก่อนเดินไปหาถ้วยมาตักข้าวสวยจนพูนและอาหารสองสามอย่างมายื่นให้กับหญิงอัปลักษณ์ที่น่าสงสาร“รับไปเสีย”“ขอบน้ำใจเจ้ายิ่งนัก” เหมยลี่พูดก่อนรับถ้วยไว้ในมือฮุ่ยชิวจึงหันกับไปตักข้าวของตัวเองบ้าง ก่อนหันมาหาหญิงอัปลักษณ์ที่ยืนเก้กังอยู่“ข้าว่าเจ้ากับข้าหลบไปกินข้าวที่โรงฟืนเถอะ”ว่าแล้วสหายใหม่ได้เดินนำทางไป เหมยลี่จึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย แล้วพากันมานั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ใต้ต้นบ๊วย ซึ่งตอนนี้มีกิ่งก้านและใบเขียวขจีอยู่เต็มต้น พอให้ร่มเงากับนางทั้งสองได้“เจ้าชื่ออันใด ข้าชื่อฮุ่ยชิว” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามพร้อมเคี้ยวอาหารไปด้วย“ข้ามีนามว่าเหมยลี่”“ชื่อเจ้าไพเราะยิ่งนัก” ฮุ่ยชิวยิ้มจาง ๆ ให้ “รีบกินเสียก่อนที่อู๋ท่งจักมาเห็น”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 14 ใจข้าว้าวุ่นยิ่งนัก

    มู่หยางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยความสงสัย ทั้งที่เขาสั่งไม่ให้นางออกมาเพ่นพ่านมิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ฟังคำกัน ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คิดว่าจะหลบความผิดของตัวเองได้เป็นความคิดที่ผิดมหัน“ตอบข้ามา!”ตุบ!สิ้นเสียงตะคอกเหมยลี่ได้สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัวจนทำให้ถังน้ำหล่นลงพื้นและกลิ้งไปคนละทิศละทาง“ข้าตักน้ำมาใส่อ่างเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น” เหมยลี่จึงตอบแต่โดยดี“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า”“ข้ารู้ หากมิใช่คำของอู๋ท่งสั่งข้าคงไม่ย่างกรายเข้ามาให้ท่านหงุดหงิดใจ” หญิงอัปลักษณ์แหงนหน้าไปเผชิญสายตาคมที่แสนดุและเยือกเย็นยิ่งกว่าในฤดูเหมันต์“รีบไปให้พ้นหน้าข้าเสีย” มู่หยางได้ทีไล่ใช่ว่านางอยากยืนอยู่ในที่แห่งนี้กับอีกฝ่ายสองต่อสองเสียเมื่อไหร่ หญิงอัปลักษณ์จึงรีบเก็บถังน้ำมาแบกหามแล้วรีบเดินออกไปทันที ปล่อยให้บุรุษหน้าขรึมได้อยู่เพียงลำพังตามใจปรารถนาสายตาคมมองร่างอรชรเดินออกมาโดยที่คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เขาแค่นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายดูแข็งแรงดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร“ถึกเกินคน ยิ่งกว่าวัวกระทิงเสียอีก”มู่หยางกำลังดูแคลนอีกฝ่าย เขาไม่นึกสนใจอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-15
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 15 การเดินทางของฟู่ฟู่

    ในพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอัน สตรีผู้น้อยนามว่าฟู่ฟู่ได้เดินทางมาถึงวัดอย่างที่นางตั้งใจไว้ ร่างอรชรเดินลงจากเกวียนและมองไปเบื้องหน้าซึ่งเป็นเขตวัดอันแสนสงบร่มเย็น ด้วยอยู่เป็นเชิงภูเขาสูงจึงมีเหล่าพืชพรรณต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะไผ่ตรงที่อยู่เป็นกอและยืนต้นสูง“ให้ข้ารอรับกลับหรือไม่” บุรุษซึ่งพานางมาส่งเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่านางคงจักแค่มาไหว้พระประเดี๋ยวเดียวก็กลับฟู่ฟู่ส่ายหน้าและยิ้มให้จาง ๆ “ข้าจักมาบวช” พร้อมตอบเสียงเบาแต่ใจหนักแน่นยิ่งนัก นางเบื่อโลกแสนวุ่นวายเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจและมีคนต้องบาดเจ็บล้มตายจากสงครามมานับไม่ถ้วน นางอยากหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี้สักที“เจ้าแน่ใจแล้วรึ การบวชมิใช่ผู้ใดจักมาพูดเล่น ๆ ได้” บุรุษตรงหน้ามองดูหญิงสาววัยละอ่อนที่มีความคิดสุดโต่งอย่างประหลาดใจ“ข้าคิดดีแล้ว ขอบคุณท่านมากที่มาส่งข้าถึงที่นี่” เมื่อพูดจบนางจึงเดินขึ้นบันไดหมายขึ้นไปสักการะท่านเจ้าอาวาส“เดี๋ยวแม่นาง ช้าก่อน” ทว่าบุรุษผู้นี้ดันไม่ยอมให้นางจากไปอย่างง่ายดาย เขารีบวิ่งมายืนขวางหน้าไว้“ท่านมีอันใด?”“ข้ามิอยากให้เจ้าบวช”“ท่านมาขวางทางข้าด้วยเหตุอันใด ไม่กลัวบาปบุญเลยรึ”“ข้าแค่เสียดา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-16
  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 16 ฝันร้ายของเหมยลี่

    สายลมเย็นพัดโชยยามราตรี หญิงอัปลักษณ์ได้ซุกกายอยู่ในโรงฟืน ก่อนหน้านั้นนางได้จัดระเบียบท่อนฟืนเพื่อแบ่งพื้นที่ว่างให้กายของนางได้พักพิง ร่างอรชรแม้จักได้ดื่มยาสมุนไพรจากฮุ่ยชิวไปแล้ว แต่จิตใจที่อ่อนแอยังไม่ได้รับการบรรเทาสักนิด กว่าจะผ่านวันแรกไปได้ช่างทรมานเสียจนดวงตามีหยดน้ำตาไหล แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้ นางไม่กล้าเผาฟืนจุดไฟเพราะความทรงจำเลวร้ายในเยาว์วัยทำให้หวาดกลัว นางยังจำได้ดีถึงความร้อนที่แผดเผาและสีของเปลวเพลิงอันน่ากลัว รอบกายเต็มไปด้วยสีแดงสาดโหมกระหน่ำ และไหม้ใบหน้าของนางจนดิ้นทุรนทุราย“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ไม่ ไม่นะ ข้าร้อน ร้อนไปหมดแล้ว” เหมยลี่ร้องละเมอทั้งยังหลับตา กายของนางแทบร้อนดั่งไฟเผา เหงื่อออกจนแตกพลั่ก แม้อากาศตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงไรก็ตามความทรมานจากพิษไข้ กำลังกัดกินนางไปถึงกระดูกทั้งปวดและทรมานหนักหนา หากยังขืนปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเป็นแน่ภายในห้องทำงานของมู่หยาง บุรุษร่างสูงสวมใส่ด้วยชุดแสนสบาย แต่ใบหน้าคมคายกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เหตุมิใช่เพราะงานที่กองตรงหน้า แต่กลับเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-17

บทล่าสุด

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 22 มู่หยางท่านคือสามีของข้า

    มู่หยางได้เดินย่องกลับมายังห้องนอนของตัวเอง ทว่าเมื่อกำลังเดินไปตามทางสลัวเขาดันเห็นภรรยาเอกมายืนรออยู่หน้าประตู ใบหน้าของเขาแสร้งทำเป็นขรึมอย่างมีเรื่องปกปิด และเดินเข้าไปหาคล้ายไม่มีเรื่องอันใดต้าเหนิงรอสามีมาตลอดทั้งวันจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด แต่พอมายืนรอหน้าประตูห้องนางได้เห็นมู่หยางเดินมาจากทิศทางที่ไม่ใช่เส้นทางปกติ ใจของนางสั่นไหวด้วยความรู้สึกกลัวอยู่ในใจ กลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่นางกำลังคิดจักเป็นความจริง“ท่านพี่ไยถึงได้เดินมาจากทางนั้น” เป็นต้าเหนิงเอ่ยทักก่อน เสียงของนางสั่นเครืออยู่ไม่น้อย ดวงตากำลังจ้องอย่างจับผิด“ไม่มีอันใดให้เจ้ากังวลดอก ม้าของข้ามันดันขาเจ็บอยู่ตรงนั้น ข้าเลยต้องเดินเข้ามาเองหากอ้อมไปด้านหน้าคงได้เสียเวลาข้าเลยเข้ามาจากประตูด้านนั้น”มู่หยางโกหกเต็มคำ เขาพูดพร้อมเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางที่แสดงออกมาอย่างเป็นปกติ ทว่าคนฟังก็ยังมิปักใจเชื่อ ใบหน้าเรียวมองไปยังประตูบานที่ว่าซึ่งตอนนี้ปิดสนิทไร้วี่แววการถูกเปิดออก ก่อนเดินเข้าไปภายในห้องแล้วถามในสิ่งที่นางเริ่มสงสัย“ท่านพี่มิได้ไปหานางผู้นั้นใช่รึไม่”“เจ้าเอาอะไรมาพูด คนอย่างข้ามิไปสุงสิงกับหญิงอัปลักษณ์เ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 21 ไยท่านทำเช่นนี้

    หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้เรียบร้อย มู่หยางได้มานั่งพักผ่อนอยู่ที่โรงน้ำชา ด้วยสีหน้าดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย เขาดันคิดถึงหญิงอัปลักษณ์ขึ้นมาด้วยสำนึกผิดอยู่ในใจที่เขาสั่งลงโทษนางทั้งที่ไม่ได้มีความผิดเลยสักนิด หากจักต้องลงโทษผู้ใดก็คงเป็นเขาเองที่ใจโลเลเยี่ยงนี้“ท่านมู่หยาง ไยเจ้านั่งจิบน้ำชาหน้าตาเคร่งเครียดเช่นนั้น มันควรสุนทรีมิใช่” สหายรักอย่างเซียวจ้านเอ่ยทักเมื่อย่างกรายมาถึง ทั้งที่โรงน้ำชาแห่งนี้มีสตรีรูปงามมาดีดพิณพร้อมร่ายรำแต่สหายไยมิไม่ผ่อนคลายลงบ้าง“งานราชการท่านยุ่งยากเชียวรึ” แล้วถามต่อพร้อมนั่งลง“มิใช่” มู่หยางตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก“แล้วเรื่องอันใดเล่า”“มิใช่เรื่องที่คุณชายเซียวจ้านต้องใส่ใจ”“มิบอกข้าก็ไม่เป็นไร ข้าก็พอจะเดาได้ ท่านกลุ้มใจเรื่องนางผู้นั้นใช่รึไม่”“ท่านเป็นนักปราชญ์สินะถึงได้รู้มากนัก” มู่หยางยกจอกน้ำชามาดื่มจนหมดจอก ก่อนวางกระแทกโต๊ะอย่างแรง“ข้าก็แค่เดา นางผู้นั้นเป็นหญิงอัปลักษณ์จริงรึไม่”“ใช่รึไม่มิเห็นเกี่ยวกับเจ้า”“ระวังภัยเอาไว้ย่อมเป็นการดี เจ้ามิรู้หรอกรึว่าผู้ใดเกิดมาผิดแผกย่อมเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง ยิ่งเจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ด้วยแล้วต้องยิ่

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 20 บ้านแสนอบอุ่นของฟู่ฟู่

    ทางด้านฟู่ฟู่หลังจากนางได้ตัดสินใจไปกับบุรุษนามว่าจางเหว่ยที่พึ่งพบเจอได้ไม่นาน นางยินดีไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าต้องกลับไปยังที่จากมา แม้บุรุษผู้นี้จักดูไม่เป็นพิษเป็นภัยแต่ขึ้นชื่อว่าบุรุษก็ยังมิอาจเบาใจได้ว่าเขาจักไม่เป็นภัยต่อนางร่างอรชรนั่งอยู่บนเกวียนแต่ในครั้งนี้นางได้แหวกม่านและมองข้างทางไปตลอดทาง เพราะหากจางเหว่ยคิดร้ายต่อนางจริงนางจักได้หาลู่ทางหนีได้อย่างทันท่วงที“เรือนของแม่ท่านอยู่ที่ใด” ด้วยความอยากรู้นางจึงตะโกนถาม สายตาของนางเห็นบุรุษเบื้องหน้าผ่านผืนม่านบางที่พอเห็นราง ๆ เท่านั้น“หมู่บ้านตรงหุบเขาเหลียงซาน”“อยู่บนหุบเขาเชียวรึ”“มิใช่ดอก อยู่ตรงคุ้งน้ำตรงหุบเขา เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ทำการเกษตร”ฟู่ฟู่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่คิดว่าจักได้เดินทางไปไกลถึงที่แห่งนั้นด้วย ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เส้นทางเกวียนก็ลำบากแสนเข็นเสียจนนางนั่งไม่ติดพื้นจนก้นพลันระบมจนชาไปหมด นางมิรู้ว่านั่งไปได้นานเพียงใด แต่ตอนนี้นางได้ปวดท้องจนอยากลงไปเด็ดดอกไม้สักครู่“ท่านจางเหว่ย ท่านหยุดพักสักประเดี๋ยวได้รึไม่ คือข้า...” ฟู่ฟู่อ้ำอึ้งมิกล้าเ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 19 ข้าเจ็บปวดยิ่งนัก

    ร่างอรชรถูกจับให้นั่งคุกเข่าในที่โล่งแจ้งเพื่อเตรียมรับโทษ โทษของนางแม้จะถูกลดทอนให้เหลือน้อยนิดด้วยการถูกโบยด้วยลำไม้ไผ่ที่มีท่อนเล็กไม่ถึงขนาดไม้พาย แต่ก็ยังหนักหนาเกินกว่าที่สตรีตัวเล็ก ๆ จะรับได้ไหวนางกำกระโปรงที่หน้าเข่าไว้แน่นและหลับตาทั้งที่หยดน้ำตายังไหล เพื่อไม่ให้มองเห็นการลงโทษนี้เพี้ยะ เพี้ยะเสียงลำไม้ไผ่กระทบแผ่นหลังดังจนนกบนต้นไม้แตกรัง ด้วยแรงจากบุรุษที่มีอยู่มากทำให้เหมยลี่ล้มคะมำด้วยความเจ็บและแสบไปทั้งหลังจนเหมือนกระดูกร้าว นางร้องไห้เสียใจกับการถูกลงโทษที่ไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย แต่มิอาจทำการอันใดได้ ในเมื่อนางมิมีสิทธิ์ในเรือนนี้“การทำโทษของเจ้ายังไม่หมด เจ้ารีบไปตัดฟืนเสีย” บุรุษที่เป็นคนรับใช้เช่นกันพูดขึ้นใบหน้าเปียกปอนของหญิงอัปลักษณ์มองอีกฝ่ายด้วยความโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย นางไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นแล้วจักให้รีบไปได้เยี่ยงไร“เหมยลี่มาข้าช่วย”ฮุ่ยชิวที่มายืนมุงอย่างไม่รู้เรื่องราว เมื่อเห็นสตรีผู้น่าสงสารถูกลงโทษเยี่ยงนี้จึงรีบมาประคอง“เจ้าจักไปช่วยนางทำไม” หญิงนางหนึ่งพูด พลางมองหญิงอัปลักษณ์ราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย“หากเจ้ามิมีน้ำใจก็หุบปากเสีย” ฮุ่ยชิวหันไปต

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 18 ข้าผิดอันใด

    เสียงนกกระจิบร้องดังเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ หญิงอัปลักษณ์กับชายร่างกำยำนอนกอดกันอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งไร้ผ้าปิดบังกายอย่างน่าอายเหมยลี่หายจากพิษไข้ขยับเปลือกตาปรือขึ้น แล้วต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของท่านแม่ทัพอยู่ตรงหน้า ทั้งยังถูกวงแขนโอบรัดเอวกิ่วของนางไว้ สติที่เลือนรางเริ่มปะติปะต่อเรื่องราวพลันหน้าแดงระเรื่อและร้อนผ่าว เมื่อจดจำเรื่องราวเมื่อคืนได้อย่างชัดเจนร่างกายของนางยังระบมไม่หายท่านแม่ทัพไม่ถนอมน้ำใจกันเลยสักนิดถึงได้ทำให้ตัวนางมีแต่รอยจ้ำแดง เหมยลี่ขยับตัวอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้คนบนเตียงตื่นลืมตา แล้วรีบสวมเสื้อผ้าและคลุมศีรษะให้เรียบร้อยเพื่อหนีออกไปจากห้องให้เร็วที่สุดร่างอรชรวิ่งไปเปิดประตูทั้งสองฝั่ง แต่เมื่อบานประตูได้แง้มออกนางกลับพบท่านฮูหยินชิงชิงยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้นางตกใจจนตาเบิกโพลงเพี้ยะ! เพี้ยะ!เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านวลถึงสองข้าง หญิงอัปลักษณ์ถูกฮูหยินชิงชิงตบหน้าเสียเต็มแรงจนนางล้มลงกองพื้น ความเจ็บบนใบหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ดวงตาคู่นี้มีหยดน้ำตาไหลออกมา และกุมหน้าตัวเองไว้“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้เข้ามาในห้องของบุตรชายข้า” ฮูหยินชี้หน้าด่าด้วยใ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 17 หยุดทรมานข้าสักที

    ร่างอรชรนอนอยู่บนเตียงด้วยความทรมานจากพิษไข้ ดวงใบหน้าซีดของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อและยังคงละเมอเพ้อพบ นางรู้สึกถึงความร้อนจากกายซึ่งกำลังส่งผลให้คลั่นเนื้อคลั่นตัวอยู่ไม่หาย แต่ไม่นานมากนักไอร้อนที่แผ่กระจายออกมากลับถูกความเย็นชโลมกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฝันร้ายจากห้วงนิทราทำให้กลายเป็นฝันดีได้อย่างน่าประหลาด นางจักรับรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพกำลังเช็ดร่างที่มีแต่พิษไข้ โดยที่ปากบ่นอุบอิบไปด้วย สายตาคมมองสมบัติไร้ค่าที่นอนสบายอยู่บนเตียงของเขา แต่ถึงจักบ่นเพียงใดสายตาคมคู่นี้ก็ยังแอบโลมเลียร่างอรชรที่มีความงามเทียบเท่าผู้อื่นได้ มู่หยางได้เห็นผิวกายขาวสะอาดเรียบเนียนอย่างเต็มตาอีกหน จักบอกว่าเขาแอบล่วงเกินก็เป็นได้ บุรุษผู้นี้หลงใหลในรูปของสตรีอัปลักษณ์มากเสียจน เอื้อมมือที่จับแต่ดาบมาลูบผิวเนียนนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาไม่มองใบหน้าอัปลักษณ์เลยด้วยซ้ำ ใครอยากมองให้เสียสายตากันเล่า “อะ อื้อ”คนหลับใหลส่งเสียงครวญแผ่วเบาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกคล้ายกำลังมีผีเสื้อมาตอมกายให้จั๊กจี้และวูบวาบ นางรู้สึกหนาวจนตัวแทบสั่นสะท้านคล้ายกำลังเปลือยเป

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 16 ฝันร้ายของเหมยลี่

    สายลมเย็นพัดโชยยามราตรี หญิงอัปลักษณ์ได้ซุกกายอยู่ในโรงฟืน ก่อนหน้านั้นนางได้จัดระเบียบท่อนฟืนเพื่อแบ่งพื้นที่ว่างให้กายของนางได้พักพิง ร่างอรชรแม้จักได้ดื่มยาสมุนไพรจากฮุ่ยชิวไปแล้ว แต่จิตใจที่อ่อนแอยังไม่ได้รับการบรรเทาสักนิด กว่าจะผ่านวันแรกไปได้ช่างทรมานเสียจนดวงตามีหยดน้ำตาไหล แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้ให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถช่วยได้ นางไม่กล้าเผาฟืนจุดไฟเพราะความทรงจำเลวร้ายในเยาว์วัยทำให้หวาดกลัว นางยังจำได้ดีถึงความร้อนที่แผดเผาและสีของเปลวเพลิงอันน่ากลัว รอบกายเต็มไปด้วยสีแดงสาดโหมกระหน่ำ และไหม้ใบหน้าของนางจนดิ้นทุรนทุราย“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ไม่ ไม่นะ ข้าร้อน ร้อนไปหมดแล้ว” เหมยลี่ร้องละเมอทั้งยังหลับตา กายของนางแทบร้อนดั่งไฟเผา เหงื่อออกจนแตกพลั่ก แม้อากาศตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงไรก็ตามความทรมานจากพิษไข้ กำลังกัดกินนางไปถึงกระดูกทั้งปวดและทรมานหนักหนา หากยังขืนปล่อยไว้เช่นนี้นางคงได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณเป็นแน่ภายในห้องทำงานของมู่หยาง บุรุษร่างสูงสวมใส่ด้วยชุดแสนสบาย แต่ใบหน้าคมคายกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เหตุมิใช่เพราะงานที่กองตรงหน้า แต่กลับเ

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 15 การเดินทางของฟู่ฟู่

    ในพื้นที่ห่างไกลของแคว้นอัน สตรีผู้น้อยนามว่าฟู่ฟู่ได้เดินทางมาถึงวัดอย่างที่นางตั้งใจไว้ ร่างอรชรเดินลงจากเกวียนและมองไปเบื้องหน้าซึ่งเป็นเขตวัดอันแสนสงบร่มเย็น ด้วยอยู่เป็นเชิงภูเขาสูงจึงมีเหล่าพืชพรรณต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะไผ่ตรงที่อยู่เป็นกอและยืนต้นสูง“ให้ข้ารอรับกลับหรือไม่” บุรุษซึ่งพานางมาส่งเอ่ยถาม เขาเข้าใจว่านางคงจักแค่มาไหว้พระประเดี๋ยวเดียวก็กลับฟู่ฟู่ส่ายหน้าและยิ้มให้จาง ๆ “ข้าจักมาบวช” พร้อมตอบเสียงเบาแต่ใจหนักแน่นยิ่งนัก นางเบื่อโลกแสนวุ่นวายเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจและมีคนต้องบาดเจ็บล้มตายจากสงครามมานับไม่ถ้วน นางอยากหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี้สักที“เจ้าแน่ใจแล้วรึ การบวชมิใช่ผู้ใดจักมาพูดเล่น ๆ ได้” บุรุษตรงหน้ามองดูหญิงสาววัยละอ่อนที่มีความคิดสุดโต่งอย่างประหลาดใจ“ข้าคิดดีแล้ว ขอบคุณท่านมากที่มาส่งข้าถึงที่นี่” เมื่อพูดจบนางจึงเดินขึ้นบันไดหมายขึ้นไปสักการะท่านเจ้าอาวาส“เดี๋ยวแม่นาง ช้าก่อน” ทว่าบุรุษผู้นี้ดันไม่ยอมให้นางจากไปอย่างง่ายดาย เขารีบวิ่งมายืนขวางหน้าไว้“ท่านมีอันใด?”“ข้ามิอยากให้เจ้าบวช”“ท่านมาขวางทางข้าด้วยเหตุอันใด ไม่กลัวบาปบุญเลยรึ”“ข้าแค่เสียดา

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 14 ใจข้าว้าวุ่นยิ่งนัก

    มู่หยางมองหน้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยความสงสัย ทั้งที่เขาสั่งไม่ให้นางออกมาเพ่นพ่านมิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่ฟังคำกัน ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา คิดว่าจะหลบความผิดของตัวเองได้เป็นความคิดที่ผิดมหัน“ตอบข้ามา!”ตุบ!สิ้นเสียงตะคอกเหมยลี่ได้สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัวจนทำให้ถังน้ำหล่นลงพื้นและกลิ้งไปคนละทิศละทาง“ข้าตักน้ำมาใส่อ่างเท่านั้น มิได้มีเจตนาอื่น” เหมยลี่จึงตอบแต่โดยดี“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า”“ข้ารู้ หากมิใช่คำของอู๋ท่งสั่งข้าคงไม่ย่างกรายเข้ามาให้ท่านหงุดหงิดใจ” หญิงอัปลักษณ์แหงนหน้าไปเผชิญสายตาคมที่แสนดุและเยือกเย็นยิ่งกว่าในฤดูเหมันต์“รีบไปให้พ้นหน้าข้าเสีย” มู่หยางได้ทีไล่ใช่ว่านางอยากยืนอยู่ในที่แห่งนี้กับอีกฝ่ายสองต่อสองเสียเมื่อไหร่ หญิงอัปลักษณ์จึงรีบเก็บถังน้ำมาแบกหามแล้วรีบเดินออกไปทันที ปล่อยให้บุรุษหน้าขรึมได้อยู่เพียงลำพังตามใจปรารถนาสายตาคมมองร่างอรชรเดินออกมาโดยที่คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เขาแค่นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายดูแข็งแรงดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยงไร“ถึกเกินคน ยิ่งกว่าวัวกระทิงเสียอีก”มู่หยางกำลังดูแคลนอีกฝ่าย เขาไม่นึกสนใจอ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status