Share

บทที่ 8 บัญชาสวรรค์มิใช่ข้า

Aвтор: เฟยหรง
last update Последнее обновление: 2025-04-09 13:20:44

สายฝนโปรยปรายผสมกับเสียงฟ้าร้องปนเปในยามราตรี พร้อมเสียงเกือกม้าดังเป็นจังหวะ หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษอยู่ในเกวียนกำลังนั่งตัวโยนเล็กน้อยที่เกิดจากถนนหนทางที่เต็มไปด้วยดินโคลน อากาศซึ่งมีเม็ดฝนจึงนำพาลมหนาวพัดลอดช่องผ้าม่านเข้ามาด้านใน ความมืดที่เห็นเพียงเงาเลือนรางของคนข้างกายทำให้สตรีร่างอรชรรู้สึกหวั่นกลัวอยู่ไม่น้อย

เหมยลี่นั่งเกาะขอบไม้ไว้แน่น แต่ถึงอย่างนั้นฟ้าดินก็ไม่อาจเป็นใจ เมื่อล้อลากเกวียนดันตกหลุมลูกใหญ่จนกายนางต้องถลาไหลไปกองรวมอีกฝั่งซึ่งมีท่านแม่ทัพนั่งอยู่

สัมผัสแข็งแรงจากกายบุรุษและจากมือใหญ่กำลังโอบรัดเอวกิ่วของนางไว้ หญิงไม่เคยถูกชายใดแตะต้องรู้สึกประหม่าเขินอายอยู่ในที ใบหน้าอัปลักษณ์ในความมืดสลัวกลับแดงระเรื่อและร้อนผ่าว นางไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนถึงมีอาการเช่นนี้ ยิ่งกลิ่นกายบุรุษบึกบึนอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เลือดลมพลันโลดแล่นไปทั่วร่างราวกับถูกพลังลมปราณเข้าเล่นงาน

“ข้าล่วงเกินท่านแล้ว” เหมยลี่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หัวใจของนางเต้นโครมครามยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องลั่นบนนภาในยามนี้

“พอเจ้าอยู่ในความมืดเช่นนี้ค่อยน่ามองหน่อย” มู่หยางพูดอย่างใจคิด พลางมองใบหน้าของหญิงอัปลักษณ์เมื่ออยู่ในความมืดมิต่างจากสตรีนางอื่น ร่างอรชรเอวบางจนแทบรวบได้ด้วยมือเดียว กลิ่นกายยังหอมดั่งนางในโคมเขียว คนมากรักอย่างเขาจึงแสดงออกมาเช่นนี้อย่างไม่ปิดกลั้นความถวิลหาของบุรุษที่มีอยู่มากล้น

เหมยลี่เมื่อได้ฟังไม่อาจฉุกคิด นางคิดว่าท่านแม่ทัพกำลังเอ่ยเชยชม คนไม่เคยถูกชื่นชมจึงได้ยกยิ้มด้วยความเขินอายจักบอกว่าบรรยากาศภายนอกเป็นใจก็ย่อมได้ เมื่อหนึ่งบุรุษกับหนึ่งสตรีอยู่ด้วยกันในพื้นที่แคบ ๆ ย่อมมีความรู้สึกหวั่นไหวเป็นธรรมดา

“ท่านจักทำอันใดข้า อื้อ” ริมฝีปากบางอมชมพูขยับเพียงเล็กน้อย แต่ยังมิทันได้ไถ่ถามเหมยลี่ดันถูกมือใหญ่แข็งแรงรวบคอระหงเข้าไปใกล้เงาทมิฬ ก่อนถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหยาบโลนไร้ซึ่งความเมตตาปราณีจากท่านแม่ทัพ ซึ่งยามนี้กำลังบดขยี้คล้ายกับกำลังหาศัตรูศึกในโพรงปาก

สตรีไม่เคยถูกล่วงเกินมาก่อน พลันใจกระตุกด้วยความหวาดกลัว นางไม่อาจขยับและขัดขืนได้ จึงได้แต่หลับตาปี๋รับสัมผัสจากบุรุษรูปงามที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่เกิดจากการสมอ้างของนาง เหมยลี่รู้สึกจั๊กจี้แลกรับสัมผัสเปียกแฉะจากเรียวลิ้นพลันได้ยินเสียงสอดประสาน และพรั่นพรึงเกรงว่าคนควบคุมเกวียนจักแหวกม่านเข้ามาเห็น

มือเรียวอ่อนเรี่ยวแรงพยายามผลักและดันกายแกร่งออก ท่านแม่ทัพส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในลำคอคล้ายกำลังหงุดหงิดที่ถูกขัดใจอยู่ไม่น้อย ก่อนยอมปล่อยหญิงอัปลักษณ์ให้เป็นอิสระเพียงริมฝีปากที่ตอนนี้เจ่อบวมอยู่ไม่น้อย

“ท่านแม่ทัพ” ร่างอรชรหอบเล็กน้อย กายของนางอ่อนเหลวจนแทบไหลกองพื้น ดีที่ยังถูกรั้งด้วยวงแขนแกร่งซึ่งกำลังช้อนร่างของนางไว้ เหมยลี่ผินหน้าไปทางอื่นด้วยความเหนียมอายอย่างหาที่สุดมิได้

“จักกะมิดกระเมี้ยนไปไย เจ้าคือสมบัติของค่า ข้าจักทำอะไรกับเจ้าก็ย่อมได้”

เสียงทุ้มปนดุเอ่ยขึ้น พอได้สัมผัสความหวานจากเหมยลี่ ท่านแม่ทัพพลันปวดกำหนัดจนอยากหาที่ระบายความใคร่เป็นอาจิณ เขาออกรบอยู่นานแรมเดือนจึงไม่ได้มีเวลาได้สำราญ จักให้ภรรยาทั้งสามมาปรนนิบัติพลันต้องมารับตัวหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ เหตุนั้นทำให้มู่หยางนึกอยากกลั่นแกล้งให้นางอยู่ใต้อาณัติ

“ทะ...ท่านแม่ทัพ”

เสียงหวานปนหอบเอ่ยออกมาอย่างติดขัด ดวงตากลมโตสีนิลพยามมองใบหน้ามืดดุจเงาเพื่ออ้อนวอนให้โปรดเมตตา ทว่ากลับต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหยาบจับแต่ดาบ กำลังแหวกผ้าแต่ละชั้นเข้ามาหากลีบดอกเหมยซึ่งหลบซ่อนเป็นสิ่งสงวนของสาวสะพรั่ง

“อยากให้พลขับรู้อย่างนั้นรึว่าเจ้ากับข้ากำลังทำอันใด”

ท่านแม่ทัพพูดอย่างกระหายอยาก เมื่อสัมผัสรูปร่างอรชรที่มีทรวดทรงซ่อนรูปใต้เนื้อผ้า ทำให้มู่หยางลืมเลือนว่านางมีใบหน้าอัปลักษณ์ไปเกือบสิ้น แต่เพื่อความอภิรมย์ เขาจึงปิดผ้าคลุมหน้าให้เหมยลี่ไว้ตามเดิม

ก้านนิ้วยาวทั้งห้าแหวกผ้าจนสัมผัสถึงดอกไม้ตุมที่หลบซ่อน ด้วยความชำนิชำนาญจึงสัมผัสกลีบดอกไม้ได้อย่างง่ายดาย

ร่างอรชรสะดุ้งเฮือกราวกับถูกจดจุดฝังเข็ม สัมผัสหยาบโลนกำลังล่วงล้ำคลึงกรีบดอกเหมยให้ช้ำทั้งที่ยังไม่ผลิบาน กายสั่นระริกอย่างน่าอายกำลังขยับดิ้นพล่านซ่านกายราวกับเป็นมัจฉาขาดน้ำ แต่ยังมิน่าแทรกแผ่นดินหนีเท่าเหมยลี่กำลังส่งเสียงครวญครางออกมาท่ามกลางความมืดในคืนฝนตกกระหน่ำ

“เบาเสียงของเจ้าลงเถิด ฟังเสียงฝนด้านนอกอย่างเดียวเสีย” ท่านแม่ทัพยิ้มเยาะ เขาสัมผัสถึงน้ำหวานของดอกเหมยที่ยามนี้ชโลมจนชุ่มก้านนิ้วยาวของเขา จึงหยอกล้อเกสรดอกไม้ที่ชูชันสู้มือให้ร่างอรชรดิ้นทุรนทุรายหนักกว่าเดิม

“อ๊า อะ อิ อ๊า ท่านจะให้ข้าทำเช่นนั้นได้เช่นไร หยุดมือท่านเสียท่านแม่ทัพ” แม้จักกัดชายผ้าไว้จนน้ำตาเล็ดนางก็มิอาจขจัดความพลุ่นพล่านออกไปได้

“หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าควรดีใจเสียที่ข้าอุตส่าห์ลดตัวมาใช้เจ้าเพื่อสนองกำหนัดข้า”

“ไหนท่านบอกว่าจักไม่...”

“แค่เครื่องบรรเทากำหนัด อย่าได้นึกพองขนว่าข้าจักยกเจ้าเป็นภรรยารองคนที่สี่” ท่านแม่ทัพพูดอย่างหนักแน่น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 49 การเริ่มต้นใหม่ของลี่หลิน

    ด้วยความร้อนใจฮูหยินชิงชิงจึงหวนกลับไปที่เดิม นางเข้ามาหาท่านซินแสที่นางเคยมาอ้อนวอนขอบุตรให้แก่ตระกูลกู้ หญิงชราเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเป็นกังวล นางพบท่านซินแสกำลังนั่งสมาธิอยู่ในศาลาอันเก่าและทรุดโทรม รอบกายรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณซึ่งดูรกตาเป็นอย่างมาก ทว่าร่างกายของผู้มีพลังเหนือสรรพสิ่งดันดูผ่องใสจนน่าศรัทธา “ท่านซินแส” ฮุหยินชิงชิงรีบคำนับ เปลือกตาของท่านซินแสค่อยลืมขึ้นอย่างมิทุกข์ร้อนใด ๆ เขาหยั่งรู้ในทุกสิ่ง เพียงแค่เห็นหน้าผู้มาเยือนก็รู้แล้วว่าสตรีสูงวัยผู้นี้รีบร้อนมาหากันด้วยเหตุอันใด “กลับไปเสียข้าช่วยเจ้ามิได้” แม้ซินแสจักหยั่งรู้ แต่ก็มิอาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตไปได้เสียทุกอย่าง เรื่องเวรกรรมที่มู่หยางต้องได้รับเคราะห์หนักมันเป็นเรื่องที่ซินแสเยี่ยงเขาเข้าไปยุ่งมิได้ “ท่านซินแส ได้โปรดช่วยบุตรชายข้า” ฮูหยินชิงชิงยอมคุกเข่าอ้อนวอน “ใจที่ผูกติดต่อให้ใช้ดาบแหลมคมตัดก็มิอาจตัดขาดไปได้ เคราะห์ของใครก็ต้องให้ผู้นั้นเป็นคนแก้ หากเจ้าไปฝืนชะตาก็คงต้องเป็นเจ้าเองที่จะต้องวอดวาย” “ข้ายอม ข้ายอมทุกอย่าง ขอเพียงแค่ให

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 48 สิ่งที่เพิ่งรู้

    ลี่หลินนอนคิดทบทวนเรื่องราวที่ได้อ่านในนิยาย จากการปะติปะต่อเรื่องราวนางจึงรู้ว่าได้เข้ามาอยู่ในร่างหญิงอัปลักษณ์ในตอนที่เนื้อเรื่องถึงจุดพีคที่สุด พอดีกับที่นางอ่านทิ้งไว้ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปหรืออะไรกันแน่ จู่ ๆ ก็ได้มาเข้าร่างของเหมยลี่อย่างงงงวย เนื้อเรื่องในนิยายยังคงดำเนินต่อไปแต่นางกลับมิรู้เลยว่าจุดจบคือแบบใดกันแน่ นางจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ให้ได้ ถึงจักล้าสมัยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกก็ตาม แต่คนเยี่ยงนางยังมีความสามารถในการหาเลี้ยงชีพได้แน่นอน ทว่าจู่ ๆ นางก็รู้สึกเหม็นจนพะอึดพะอมอย่างบอกมิถูกเมื่อฟู่ฟู่ได้นำยาต้มเข้ามาให้นางอีกหน “เจ้าเป็นอันใด” สตรีผู้น้อยเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพี่สาวนางจึงถาม “ข้าอยากอ้วก” “ข้าจักนำกระโถนมาให้” ฟู่ฟู่รีบวิ่งไปหยิบกระโถนมาให้ทันท่วงที แน่นอนว่าลี่หลินได้อาเจียนออกมาจนหมดไส้ นางคงมิคุ้นกลิ่นสมุนไพรสักเท่าไร “เจ้าต้มอะไรมาเหม็นเป็นบ้าเลย” ลี่หลินย่นจมูก “ยาสมุนไพรเยี่ยงไรเล่า เจ้าต้องดื่มมัน” “ข้าไม่ดื่ม เหม็นขนาดนี้ใครจะไปดื่มลง” “เจ้าจักหายได้เยี่ยงไร เหต

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 47 เกิดอะไรขึ้น

    จางเหว่ยกำลังก่อไฟเพื่อต้มยาก็พลันได้ยินเสียงร้องลั่นของภรรยา เขาจึงละจากทุกสิ่งและวิ่งไปหาด้วยความร้อนรน “เกิดอันขึ้น!” เมื่อมือเลื่อนบานประตูออกเขาก็เห็นภรรยาเอาแต่ร้องไห้อยู่ข้างหญิงผู้นี้ เขาเพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของนางที่แสนอัปลักษณ์จนชวนให้น่ากลัว “นางคือพี่สาวของข้า” ฟู่ฟู่เอ่ย นางทั้งดีใจและเสียใจในคราวเดียว “เช่นนั้นรึ” จางเหว่ยถามให้แน่ใจอีกหน ฟู่ฟู่พยักหน้าให้ “หากเป็นเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว เช่นนั้นข้าจักรีบไปต้มยา ส่วนเจ้าก็เช็ดตัวแล้วผลัดเสื้อผ้าให้นางเถิด” “เจ้าค่ะ” ฟู่ฟู่จึงทำตามอย่างว่าง่าย นางค่อย ๆ เช็ดตัวซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำ ก่อนนำเสื้อผ้าของนางมาให้หญิงอัปลักษณ์ใส่ มินานคนที่หายไปต้มยาก็กลับมาพร้อมยาสมุนไพร จางเหว่ยรีบยื่นให้ฟู่ฟู่ป้อนให้ เพราะเขาเป็นบุรุษที่แต่งงานแล้วจักถูกเนื้อต้องตัวสตรีอื่นคงดูมิงามนัก “ข้ามิรู้ว่านางเป็นอันใดกันแน่ เนื้อตัวนางมีแผลเต็มตัวไปหมด” ฟู่ฟู่พูดด้วยแววตาเศร้า นางรู้สึกสงสารเหมยลี่จับใจ “นางจักต้องหาย ตราบใดที่ยังมีลมหาย

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 46 ลี่หลิน

    สายน้ำเชี่ยวไหลผ่านตลิ่งและโขดหินได้นำพาร่างหนึ่งที่เพิ่งตกลงเหวลงสู่ก้นบึ้ง เหมยลี่มิทันได้ระวังตัวเมื่อแรงกระแทกปะทะร่างกายจนจุกและเจ็บ สายน้ำโหมกระหน่ำเข้ามายังปอดจากการสำลัก พยายามสูดอากาศเข้าแล้วแต่มิอาจทำได้ นางจึงรู้ว่าคงมิอาจรอดพ้นบ่วงเคราะห์นี้ไปได้ในใจแตกสลายมิมีชิ้นดี จากความรักที่เหมยลี่คิดว่าท่านแม่ทัพจักเมตตาต่อกันบ้าง แต่หามีไม่ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงขออ้อนวอนต่อฟ้าดินขอให้นางได้รอดพ้นจากมู่หยางเสียทีมิว่าชาติภพใดก็มิขอรักบุรุษผู้นี้อีกหยดน้ำตาผสมกับสายน้ำเย็นดวงตาปิดสนิทด้วยความปลงกับชีวิต หญิงอัปลักษณ์มิขออยู่ให้อายฟ้าดินอีกต่อไป นางจึงมิไขว่คว้าและปล่อยให้ร่างไร้สติไหลไปตามกระแสน้ำดุจกลีบดอกเหมยที่ร่วงโรยผ่านไปหลายชั่วยามร่างอรชรที่เปียกปอนได้ถูดพัดมาติดที่โขดหิน ใบหน้าซีดเซียวคล้ายกับคนไร้ซึ่งดวงวิญญาณค่อยเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ และมีชีพจร ปลายนิ้วค่อย ๆ ขยับไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปรือขึ้นคิ้วบางขมวดเข้าหากันลี่หลินจำได้ว่านางอ่านนิยายอยู่ที่หอพักมิใช่หรือเหตุใดถึงได้มาอยู่กลางป่าแสนหนาวเหน็ดยามค่ำคืนเช่นนี้“ฮัดชิ้ว!” หญิงนักศึกษาจามออกมาจนได้ นางรู้สึกชื้นปอดอย่างไร

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 45 แตกสลาย

    สายตาคมโกรธเกรี้ยวมองหญิงอัปลักษณ์กับสหายอยู่บนหลังม้า มู่หยางมิคิดเลยว่าจักได้มาเห็นภาพบาดตาเยี่ยงนี้ ใจเจ็บแค้นเมื่อรู้ว่าชู้ของเหมยลี่คือเซียวจ้านคนที่เขาไว้ใจนักหนา ความโกรธเริ่มปะทุทำให้ใจแกร่งหวั่นไหว มือทั้งสองกำไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนสั่นเทาก่อนกระโดดลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม“เจ้าบังอาจเยี่ยงนัก” ท่านแม่ทัพชักดาบแหลมคมจ่อไปยังทั้งสอง“ท่านคิดจักทำอันใดมู่หยาง” เซียวจ้านรีบดึงเหมยลี่หลบไปอยู่ด้านหลัง พลันยกดาบมาสกัดขวางไว้เช่นกัน“ข้าจักฆ่าเจ้าด้วยเซียวจ้าน เจ้าบังอาจมาเป็นชู้กับหญิงของข้า” มู่หยางตัดขาดเซียวจ้านจากการเป็นสหายบัดเดี๋ยวนี้ ดวงตาจ้องเขม็งด้วยความโกรธ“ข้ามิได้เป็นชู้กับนาง สหายท่านเข้าใจผิดแล้ว” บุรุษรูปงามพูดอย่างใจเย็น“จักให้ข้าเข้าใจเป็นอื่นได้เยี่ยงไร ในเมื่อเจ้าทั้งสองทำเรื่องบัดสีที่ถ้ำแห่งนี้ เสื้อผ้าบนกายก็แต่งมิเรียบร้อย พวกเจ้าคงเริงรักกันลั่นป่าแล้วกระมัง”“ข้ามิได้ทำเรื่องเช่นนั้นนะท่านแม่ทัพ” เหมยลี่พูดสวนขึ้น ใบหน้าเปียกปอนมองสามีซึ่งกำลังเข้าใจนางผิดมหันต์“เจ้า! ข้ายังมิคิดบัญชีกับเจ้า” มู่หยางหันปลายดาบไปจ่อคอนาง“มู่หยาง!” เซียวจ้านตื่นตกใจ เข

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 44 ข้าจักบั่นหัวเจ้า

    เปลือกตาหนักอึ้งได้ขยับลืมตาตื่น มู่หยางสร่างเมาแต่ก็ยังหนักศีรษะอยู่มิหาย บุรุษแข็งแกร่งเยี่ยงเขามิเคยเมามายเฉกเช่นนี้มาก่อน พอลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงพลันนึกขึ้นได้ว่าเขามีเรื่องร้อนใจที่จำเป็นต้องไปสะสางบุรุษร่างสูงจึงลุกขึ้นแล้วเดินหาเหมยลี่อย่างมิสนสายตาผู้ใด เพราะความร้อนรุ่มในใจต้องการคำตอบให้ได้เสียเดี๋ยวนี้เมื่อเดินไปถึงยังโรงฟืนสายตาคมพลันเห็นกลุ่มคนกำลังยืนล้อมเป็นวงยิ่งชวนให้สงสัย เขาจึงย่างกรายเข้าไปเพื่อถามว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่“พวกเจ้าทำอันใดกัน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทำให้กลุ่มคนต่างแตกตื่นรีบหันมาคำนับท่านแม่ทัพมู่หยางเห็นต้าเหนิงกับท่านแม่ยืนอยู่ตรงที่แห่งนี้ด้วยก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่“ท่านพี่” ต้าเหนิงปรี่เข้ามาหา “หญิงอัปลักษณ์หนีตามชู้รักไปแล้วเจ้าค่ะ” ต้าเหนิงแสร้งทำหน้าเศร้า“ว่าเยี่ยงไรนะ!”มู่หยางแผดเสียงด้วยความโกรธ ตัวเขาชาไปทั้งกาย มิคิดเลยว่าหญิงอัปลักษณ์จักทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้ หากใครรู้เข้าท่านแม่ทัพเยี่ยงเขาคงได้โดนตราหน้าเป็นการใหญ่ และหากเหมยลี่คบชู้จริงศีรษะของนางคงได้หลุดออกจากบ่าแน่“งามหน้านัก นางหนีลูกไปตั้งแต่เมื่อใดมิรู้ ดูสิยังทิ้งจดหมายที่ชู้ท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status