ฮูหยินใหญ่ของปีศาจกวน ถึงอวิ๋นมู่หลันเตรียมใจไว้แล้วแต่นางอดแสดงความหึงหวงมิได้ ในเมื่อปีศาจกวนเป็นของนาง แต่กลับเห็นดีเห็นงามกับคำพูดโจวจื่อเว่ย สิ่งนี้ส่งผลให้นางแทบกระอักเลือด เขาคิดจะแต่งพี่รองมาเป็นอนุจริง ๆ หรือ กระทั่งมีจดหมายคำสั่งจากรัชทายาทส่งมาถึงกวนเฉินหลาง สิ่งที่โจวจื่อเว่ยกล่าวบนโต๊ะอาหารคงต้องเป็นไปตามนั้น กวนเฉินหลางเดินมาจากด้านหลังแล้วรวบเอวอวิ๋นมู่หลันไป เขากอดนาง กอดนิ่ง ๆ พร้อมส่งความห่วงใยแสนอบอุ่นถึงกัน “ยามนี้อาจมีหลายสิ่งที่อาจทำให้อาหลันไม่สบายใจ” หญิงสาวอยากโวยวาย อยากตบตีเขา และสะบัดตัวหนีจากอ้อมกอดคนตัวโต แต่นางก็มีสติ ทั้งยังรู้ว่าทุกอย่างที่เขาตัดสินใจทำย่อมมีเหตุผลที่ดีรองรับ “นับแต่ข้าเลือกอยู่กับท่านแม่ทัพ ข้ารู้ว่าชีวิตจะไม่ง่าย ทั้งยังต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝันเสมอ” “แล้วอาหลันหวงหรือไม่ หากข้าต้องรับหยวนม่านเป็นอนุ” หัวใจนางเจ็บแปลบต่อคำถามนั้น นางจะเอ่ยสิ่งใดออกไปดี ด้วยจู่ ๆ หัวสมองตื้อไปหมด และรู้สึกเหมือนถูกคนรักหักหลัง “ข้ามีทางเลือกอื่นหรื
นางหงส์ไฟ อวิ๋นหยวนม่านตัวสั่นเทาอย่างที่บังคับไม่ได้ ในหัวคิดวนเวียนถึงแต่เรื่องชวนให้ประหวั่นใจ ยามนี้นางสับสน ไม่รู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใดอยู่ในเรือนหลังนี้ ชีวิตที่ตกอยู่ใมมือผู้อื่นที่เห็นนางเป็นศัตรูช่างบัดซบสิ้นดี แน่นอนนางไม่ใช่คนโง่เขลา ฉลาดเกินพี่น้องด้วยซ้ำ ทว่าคำสั่งใต้เท้าเหนี่ยวแจ้งชัดนางเป็นสตรีของเขา... ฝ่ายนั้นให้นางกระทำสิ่งสำคัญนางหรือจะกล้าบิดพลิ้ว เหนี่ยวซีกังเป็นคนสองหน้า ทั้งยังเห็นชีวิตผู้อื่นเป็นผักปลา และสิ่งเหล่านี้นางรู้แจ้งก็เมื่อกระโดดลงกองเพลิงแล้ว กระนั้นสิ่งที่คาดคิดว่าจะทำให้สำเร็จพังทลายลงจากฝีมือ อวิ๋นมู่หลัน สตรีแสนต่ำต้อยที่เดินทางไกลมาจากต่างแดน แต่เดิมนางสมควรถูกควักลูกตาตัดแขนขากลายเป็นขอทานด้วยซ้ำ แต่ยามนี้อีกฝ่ายกลับเป็นหนามทิ่มแทงหัวใจนางจนเป็นแผลเน่าเหม็นทุกข์ทรมาน อวิ๋นหยวนม่านจดจำทุกอย่างได้ดี ภาพในอดีตฉายชัดให้เห็น มารดานางซึ่งก็คืออนุฉุย ซึ่งเตรียมการหลายอย่างล่วงหน้า พร้อมส่งมือสั่งหารไปหลายสิบชีวิต หลังจากสืบได้ความอย่างลับ ๆ ว่า ใต้เท้าอวิ๋นมีลูกสาวอีกคน เป็นเด็กที่เกิดจากสตรีในคณะละครเร่ ที่
อวิ๋นมูหลันก้าวมาอยู่ที่สวนหิน ใจนั้นเต้นแรงไม่หยุด ก่อนหน้าไม่ได้คิดทำตัวร้ายกาจต่อพี่สาว ทว่าธาตุแท้อีกฝ่ายแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยใหญ่หลวงต่อชีวิตนาง หากนางยังอ่อนแอคิดเมตตาศัตรูอยู่ร่ำไป อวิ๋นมู่หลันคงไม่อาจรับมือผู้ประสงค์ร้ายต่อตนได้ การเป็นสตรีข้างกายกวนเฉินหลางมิใช่เรื่องง่าย หากอยากมีชีวิตรอด ย่อมต้องมีจิตใจเด็ดเดี่ยว ถึงขั้นอำมหิตในบางครั้ง เมื่อใคร่ครวญให้ดีอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจว่า แม้อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกัน ทว่าอวิ๋นหยวนม่านไม่เคยเห็นน้องสาวคนนี้อยู่ในสายตา น้องหกผู้เร่ร่อนมาอาศัยจวนเจ้าเมืองเช่นนาง เป็นเพียงเบี้ยล่างหรือสิ่งของที่ อวิ๋นหยวนม่านไม่เคยต้องการ และคิดหาทางทำลายทิ้งตลอดมา นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นสั่งสมความริษยาเอาไว้ในอกย่อมมาจากอนุฉุยสตรีที่มาจากสกุลใหญ่ “เจ้าอย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าข้ามู่หลัน เจ้าเป็นได้แค่ลูกของนักแสดงละครเร่ข้างถนน มีเลือดของบิดาอยู่ในตัวหรือเปล่ายังไม่แน่ชัด อย่าคิดเทียบชั้นข้าเลย” “ตะ… แต่ ข้าเป็นลูกท่านพ่อ!” “ฮึ เจ้าเอาสิ่งใดมาอ้าง แค่จดหมายและตราประ
เสี่ยวเฮยเกี้ยวรัก เย็นวันนี้โจวจื่อเว่ยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเป็นหนุ่มทั้งแท่งย่อมมีอารมณ์พิศวาสต่อสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าภาพที่เห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจในห้องอาบน้ำ แทนที่จะชวนให้รู้สึกหวามไหวและขาที่สามพองขยาย เขากลับต้องรีบเบือนหน้าหนี เตรียมหุนหันหลบออกไปเพื่อไม่ให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด เรื่องที่เกิดขึ้นนี้สาเหตุมาจากสตรีนางนั้นกำลังแช่ร่างอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างสำราญใจ “อุ๊ย นะ… นั่น ทะ… ท่านกลับมาแล้วหรือ?” “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร!” “โอ้ อ๊ะ ใต้เท้าโจว... ขะ… ข้า ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เจ้าเปลื้องอาภรณ์ อยากให้ข้าต้องเป็นบุรุษไร้ยางอายหรืออย่างไร!” “มิได้ ข้าเพียงแต่เหนียวตัว ที่เรือนของข้าบังเอิญเหลือเกินที่อ่างไม้แตกและยังประตูพัง ข้ามิอาจเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็น ข้าถามสาวใช้แล้ว นางบอกว่าท่านไปทำงานนอกเมืองอีกสองวันถึงจะกลับ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่” ถึงนางยกเหตุผลมาอ้าง แต่สมควรแล้วหรือที่ต้องมาใช้ถังไม้ร่วม กับเขา ซึ่งหากเขาเหี้ยมโหดและใจคออำมหิตสักหน่อย อวิ
ใบหน้าอวิ๋นมู่หลันบึ้งตึง นางกำลังสับสนมิน้อย ตนกำลังขุ่นใจต่อพฤติกรรมเสี่ยวเฮยหรือว่าเป็นกวนเฉินหลางกันแน่! “แต่มันจะเป็นได้เช่นไร เสี่ยวเฮยยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ จะข่มหมาตัวเมียเป็นแล้วหรือ” อวิ๋นมู่หลันเลี้ยงเสี่ยวเฮยมาพักใหญ่ ดูอย่างไรมันก็ซุกซนเฉกเช่นเด็กเล็ก ๆ แต่นั่นแหละ นางอยู่กับเสี่ยวเฮยทุกวัน อาจไม่ทันสังเกตว่ามันตัวโตเกินวัย ตอนนี้หากเทียบอายุคนคงเท่ากับเด็กผู้ชายวัยสิบสี่สิบห้าปี “แม่นางหลัน เสี่ยวเฮยของท่านเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ ตอนนี้น้ำหนักเท่ากับสตรีผู้หนึ่ง ความสูงมากกว่าสามฉื่อ* (1 ฉื่อ* ประมาณ 22.7-23.1 เซนติเมตร)ภายหน้าหากโตเต็มวัย เกรงว่าคงมีตัวเท่า ๆ กับลูกม้าโลหิต และข้าอาจสู้แรงไม่ไหวด้วยซ้ำ” หลิวตงอธิบายให้นางฟัง หน้าที่ตอนนี้ของเขาคือเลี้ยงเสี่ยวเฮยให้ดี พร้อมฝึกให้เป็นสุนัขที่ฉลาดรอบรู้ในการป้องกันภัย ซึ่งเป็นคำสั่งกวนเฉินหลาง อวิ๋นมู่หลันคิดภาพตาม อย่างไรนางแค่ต้องการเลี้ยงแค่สุนัข มิใช่อยากให้เสี่ยวเฮยเป็นนักล่าหรือใช้เพื่อการศึก นางรู้ว่ากวนเฉินหลางมีหน่วยพิเศษฝึกสุนัขไว้เป็นหน่วยลอบโจมตีศัตรู ซึ่งสุนัขเหล่าน
ลูกหมา ลูกข้า และลูกของเรา หญิงสาวอารมณ์ดีจนนางยังประหลาดใจ ถึงพรุ่งนี้กวนเฉินหลางจะแต่งอนุเข้าเรือนนอก และอีกฝ่ายยังเป็นพี่สาวนาง แต่พอรับรู้เรื่องเสี่ยวเฮยอวิ๋นมู่หลันกลับเลิกสนใจการขึ้นเกี้ยวของอวิ๋นหยวนม่านไปเสียนี่ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลทำให้คนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเครียดจัดจนนั่งไม่ติด กวนเฉินหลางร้อนใจ ยิ่งเห็นนางยิ้มและมองเขาราวกับไม่เห็นว่ามีตัวตน หัวใจบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนถูกเหล็กร้อน ๆ นาบเข้าใส่จนทุกข์ทรมาน “อาหลันไม่สนใจข้าแล้วหรืออย่างไร” กวนเฉินหลางพยายามระงับความฉุนเฉียว เขาเก็บอารมณ์ก็แล้ว แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง ดวงตาข้างที่มีพิษโลหิตทมิฬคล้ายจะกำเริบขึ้น ผมสีขาวส่งไอเย็นจัดแผ่ขยาย ยามนี้คำว่าปีศาจกวนยังคงน้อยไปหากใช้ขนานนามเขา ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยังเรือนโจวจื่อเว่ย พอกุนซือหนุ่มเห็นเขาก็พยายามเรียกหาพ่อบ้านและคนของตนมาอยู่ใกล้ ๆ ที่เป็นเช่นนั้นด้วยกลัวจะถูกกวนเฉินหลางหาเรื่องระบายอารมณ์ใส่นั่นเอง “เหตุใดนางถึงเย็นชาต่อข้า!” กวนเฉินหลางถามเสียงเข้ม ก่อนจ้องไปยังคนที่อยู่ในห้องนั้น แสดงออกว่าต้องการคาดคั้นให้ผ
ส่งตัวไปบ้านบรรพบุรุษ กวนเฉินหลางเอ่ยถามแล้วแต่นางแสร้งถลึงตาโต ๆ ใส่เขา ขำอยู่หรอก และหญิงสาวรู้สึกซ่านใจมิน้อย ด้วยกวนเฉินหลางเป็นบุรุษที่ทำให้ว้าวุ่นใจได้ตลอดเวลา “สำหรับแม่ทัพกวน คงมีสตรีหลายคนที่อยากทำหน้าที่นั้นมิขาด” อวิ๋นมู่หลันไม่ได้อยากเป็นสตรีงี่เง่าคอยหาเรื่องทะเลาะคนรัก แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนเมื่อรู้ว่าชายที่ตนมอบใจให้กำลังจะแต่งงาน นอกเหนือจากนั้นดวงใจเขายังเคยมีหญิงสาวที่แสนเพียบพร้อม และเขารักปักใจนางมาเนิ่นนาน สตรีที่เป็นถึงพระชายาเอกรัชทายาท ซึ่งยามนี้ฝ่ายนั้นได้ทะลายกรงทองแล้วหลบหนีออกจากเมืองหลวงเพื่อมาหากวนเฉินหลาง! “เหลวไหล ข้ามีแต่อาหลันในใจเท่านั้น” คำพูดเขาสร้างความมั่นใจแก่นาง ว่ากวนเฉินหลางต้องการให้นางเป็นสตรีของเขาจริง ๆ กระนั้นนางยังอดระแวงและสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเจียงเฟย ด้วยอวิ๋นมู่หลันพอจะมีหูมีตาคอยรายงานเรื่องต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าเจียงเฟยกำลังหาทางเรียกร้องความสนใจจากแม่ทัพหนุ่ม “พรุ่งนี้ท่านต้องแต่งอนุเข้าเรือน” “เจ้าสมควรกล่าวให้ถูก แต่งนางตามคำสั่งรัชทายาทและหยวนม่านจะถูกส่งต
หนึ่งนางเสือ หนึ่งหงส์งาม อวิ๋นมู่หลันไม่ได้ไปส่งพี่รองขึ้นเกี้ยว นางให้สาวใช้มอบของบางสิ่งแก่อีกฝ่าย เป็นเครื่องประดับ ผ้าแพร ขนมมงคล จากนั้นก็มีสิ่งที่ต้องการซื้อหาในตลาด ทั้งยังอยากเปิดหูเปิดตา เนื่องจากช่วงเวลานี้มีเรือสินค้าเข้ามาเทียบท่า “แม่นางหลัน จะขนทั้งหมดนี้กลับเรือนเลยหรือขอรับ” หญิงสาวยิ้มก่อนส่ายหน้าช้า ๆ นางมีเงินและตั๋วแลกเงินที่กวนเฉินหลางมอบไว้ให้ รวมถึงสองวันก่อนโจวจื่อเว่ยบอกว่า ในฐานะน้อง สาวบุญธรรมนางย่อมต้องมีกินมีใช้อย่างสมฐานะ ดังนั้นเขาจึงมอบหลายสิ่งแก่นาง โดยเฉพาะตำลึงเงินและทองแท่ง ซึ่งออกจะมากเกินไป ดังนั้นนางจึงอยากแบ่งปันผู้อื่น หลังจากได้ยินพ่อบ้านเอ่ยถึง เด็ก ๆ ที่ยากไร้ และคนที่อยู่ด้านนอกกำแพงเมืองที่อพยพมาจากอำเภออื่น ช่วงนี้มีปัญหาภัยน้ำป่าไหลเข้าสู่เมืองเนื่องจากเขื่อนแตก และยังถูกซ้ำเติมด้วยโจรป่า “ข้าเพียงแค่อยากแจกจ่ายของให้ชาวบ้าน พวกเขาคงคลายหนาวและอิ่มท้องขึ้นกว่าเดิม” “แม่นางหลันหมายถึงเสื้อผ้าแล้วก็อาหารแห้งพวกนี้” “ถูกต้อง แบ่งให้ทุกคนได้กินและสวมใส่ ข้าช่วยได้ไม่มาก ท
หยวนจื่อบอกให้คนของตนเตรียมส่งคนเข้ามาตรวจร่างกายของเถียนลู่ฟาง นี่คือสิ่งที่จะเชื่อมโยงกับหลักฐานที่นางให้คนไปจัดฉากไว้ ทั้งเสื้อผ้าบุรุษ และพยานบุคคลที่บอกว่าเห็นผู้ชายออกจากห้องหอเรือนของหนันเฉินเทียน ทั้งที่อีกฝ่ายพักในเรือนหลักไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเถียนลู่ฟางเนื่องจากการแต่งครั้งนี้เป็นเพียงการแก้เคล็ด “การแต่งงานของเจ้ากับเทียนเอ๋อร์ ล้วนเป็นพิธีซึ่งทำเพื่อเสริมดวงให้เขา และสิ่งสำคัญที่ข้าอยากรู้ เจ้ายังเป็นสตรีที่บริสุทธิ์หรือไม่” หยวนจื่อโพล่งขึ้น “แล้ว หนันฮูหยินต้องการทำเช่นไรกัน ข้าแต่งเข้าบ้านท่านแล้ว ใยต้องทนให้ผู้อื่นเหยียดหยาม” เถียนลู่ฟางส่งเสียงดัง และนางไม่พอใจเป็นอย่างมากให้ยามนี้ “เพียงแต่ตรวจร่างกาย หากยังไม่พบร่องรอยถูกข่มเหง ข้าก็ยินดีให้เจ้าอยู่ในเรือนต่อไป” หยวนจื่อกล่าว “ฮึ อย่างไรข้าก็เป็นฮูหยินผู้หนึ่งของสกุลหนัน และได้เข้าหอแล้ว เรื่องนี้ให้คนเป็นสามีตรวจสอบจะไม่ดีกว่าหรือ” หยวนจื่อหัวเราะเสียงดังทีเดียว และเอ่ยอย่างหยามหมิ่นเถียนลู่ฟาง “เจ้ายังมีสติดีหรือไม่ แน่นอนเจ้าเข้าหอกับเทียนเอ๋อร์ แต่นั่นเป็นเพ
เถียนลู่ฟางทั้งโมโห ทั้งฉุนเฉียว แต่แรกนางมั่นใจว่าคงเข้ามาที่หอบรรพชนเพียงสองสามชั่วยาม แต่ตอนนี้เกือบสามวันแล้วที่ถูกกักบริเวณ แต่หากกล่าวให้ถูกต้อง นางถูกขังเสียมากกว่า กระนั้นหนันฮูหยินยังมีความเมตตาอยู่บ้าง ด้วยมีข้าวสวยกับน่องไก่ส่งมาให้ทางช่องเล็กๆ เพียงวันละหนึ่งครั้ง ภายในหอบรรพชนนี้อากาศเย็น ไม่ร้อน ทว่าบรรยากาศชวนให้นางหวาดกลัวมิน้อย ตกกลางคืนมีเสียงสุนัข และเงาแมวดำวิ่งไปมา แม้ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เถียนลู่ฟาง ทั้งเครียด และยากควบคุมตนไม่ให้คิดมากไม่ได้ เมื่ออยากออกไปข้างนอก เสียงของคนที่ยืนเฝ้าประตูก็ตอบว่า หากไม่มีคำสั่งหยวนจื่อ ให้ไฟไหม้หอบรรพชน เถียนลู่ฟางก็มิอาจก้าวออกไป “มารดาคนสกุลหนันเถิด... ข้าเป็นถึงฮูหยินห้า ไป ไปเชิญสามีข้า มารับกลับเรือนเดี๋ยวนี้” เถียนลู่ฟางร้องโวยวายอย่างคนขาดสติอยู่นานทีเดียว กระทั่งมีกลิ่นธูปหอมจัดลอยเข้าจมูก นางเลยผ่อนคลายลงก่อนจะค่อยๆ หมดสติไป กระทั่งนางรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก ทั้งยังวิงเวียนศีรษะมาก ไป๋รั่วรั่วจึงเข้ามาด้านใน พร้อมกาน้ำชา “ฮูหยินห้า...” อีกฝ่ายเรียกนาง แล
หญิงสาวขยับร่างกายบนฟูกหนาหนุ่ม และยามนี้ละอายใจยิ่งนัก เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยไปหมด พออยากขยับร่างกาย ก็รู้สึกว่าร้าวไปทั้งร่าง นางตกเป็นของหนันจิ้งโหย่ว...แน่นอน เขาไม่ใช่สามีที่นางแต่งเข้าสกุลหนัน “ท่านย่ำยีข้า หญิงสาวไม่ได้โวยวาย แต่เอ่ยอย่างเจ็บปวด” หนันจิ้งโหย่วมองนาง มองแล้วอมยิ้ม ไม่ได้ยั่วล้อ แต่มองอย่างชัดเจนว่าพึงใจที่ตนได้ร่วมรักกันอย่างสุดเหวี่ยงกับสตรีผู้นี้ “ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าเป็นภรรยาข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนเสี่ยวเทียน ให้เขาเป็นน้องสามีจึงจะถูกต้องที่สุด มิอย่างนั้น เจ้าคงเป็นสตรีประหลาด ที่อยากให้เด็กน้อย ใช้มือ และลิ้นเล็กๆกับกลีบบุปผาหวานฉ่ำนั่น” ชายหนุ่มกล่าวจบประโยค นางก็ตบใบหน้าเขาไปเต็มแรง “สตรีแซ่เถียน บอกรักผู้อื่นเช่นนี้หรือ” “ทะ ท่านทำให้ข้าอับอาย จากนี้ ข้าจะสู้หน้าผู้อื่นได้อย่างไร” “หมายความถึง!” “ข้าเป็นสะใภ้เล็กคุณชายห้า หากทำเรื่องผิดศีลธรรม มิแคล้วต้องถูกลงโทษสถานหนักหรอกหรือ” “เสี่ยงฟาง หากเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้วใครจะรู้ว่า เราเป็นผัวเมียกัน” หญิงสาวเหลืออดแล้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นเรื่องบังเอิญที่สุดวิสัย หาไม่แล้วก็เพราะโชคชะตาลิขิตไว้เช่นนั้นเอ ว่าแต่ หนันจิ้งโหย่วผู้นี้ เหตุใด ยิ่งมองหน้าเขา นางก็คุ้นเคยอย่างประหลาดเขาเป็นชายชั่วช้าจริงๆ หรือว่า เป็นนางที่ติดค้างบางอย่างต่อเขา จนเขามาไล่คิดดอกเบี้ยราคาสูงลิบกับนาง กล่าวถึงฝ่ายสกุลหนัน มีอิทธิพลทางด้านการค้าและยังเป็นสกุลขุนนางบู๊อีกด้วยและเป็นใต้เท้าหนันผู้ล่วงลับหาใช่คนที่ใครจะกล้าต่อกรด้วย เขาไม่ขาว และก็ไม่เป็นสีเทา กระนั้นกล่าวได้ว่า มือเขาเปื้อนเลือดไม่น้อยและยังมีลูกชายที่ไม่ได้เรื่องกับอดีตฮูหยินที่ล่วงลับผู้หนึ่ง ฝ่ายนั้นก็คือหนันจิ้งโหย่ว แต่เดิมหลังจากมารดาเสียชีวิต เขาก็ออกท่องยุทธภพ รับใช้ทางการบ้างเป็นครั้งคราว โดยตำแหน่งของเขาสูงถึงเป็นแมวหลวงฮ่องเต้ คอยทำงานสืบสวนลับๆ เกี่ยวกับคนในราชวงศ์ รวมถึงขุนนางกังฉิน และสืบข่าวต่างแคว้น ป้องกันการก่อกบฏ สุดท้ายเขาหายสาบสูญไป ซึ่งเชื่อกันว่า เขาถูกคนฝ่ายกฎบลอบสังหาร เนื่องจากสืบข่าวลับๆ หลายอย่างที่เป็นภัยใหญ่หลวงต่อคนกลุ่มดังกล่าว และการหายตัวไปของเขา ได้เข้าทางหนันฮูหยิน นางใช้เรื่องนี้ฮุบสมบัติทั้งหมดให
บาปกรรม บาปกรรม... ลงมาจากเขา เดินทางไกลหลายร้อยลี้เพื่อหวังได้เงินสามร้อยตำลึงเปิดเหลาไว้ให้ชาวยุทธ์มาลิ้มรสชาติอาหาร โดยการเข้าไปเป็น สะใภ้สกุลหนันสักสามสี่เดือน จากนั้นนางก็จะใช้เล่ห์กลรีดไถเงินเพิ่มอีกสักหน่อย ก่อนหายสาบสูญไปจากสกุลหนันที่เป็นพวกหน้าซื่อใจคด ทั้งยังงมงาย เรื่องไสยศาสตร์ มีความเชื่อเกี่ยวกับการทำนายโชคชะตา จนเป็นเหตุให้เกิดงานแต่งของเด็กชายวัยแปดขวบ กับเจ้าสาวสุดสวยสกุลเถียน หากไม่ใช่เถียนหลิงหลิงโฉมงามแสนบอบบาง หากเป็นเถียนลู่ฟาง ผู้ที่เก่งกล้า แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายเถียนลู่ฟาง ต้องอับอายอย่างหนัก จนอยากเอาหัวโม่งพื้นดินตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด นางหลงกลผู้ชายที่หลงเหลือเพียงป้ายวิญญาณ อีกทั้งถูกเขาข่มขู่ ให้ทำเรื่องชั่วร้าย สิ่งนั้นก็คือ เล่นบทบาทคบชู้กับวิญญาณจอมปลอม พร้อมกับเปิดโปงความชั่วร้ายของหนันฮูหยิน และหากนางขัดขืน จะต้องรับโทษอันใด คำพูดอีกฝ่ายย้อนเข้ามาในหัว “ข้าจะลักหลับเจ้า และเรียกบุตรให้มาอยู่ในครรภ์สักสองสามคน!” วิญญาณจอมปลอมของหนันจิ้งโหย่วข่มขู่นางไว้อย่างนั้น ยามนี้ ส่วนที่นางรักษาเอาไว้เพื่อบุรุษที่คู่ควรกำ
โปรย....อ๊ะ! นางร้องเสียงหลงไฉนทวนเล็กสั้น ของเด็กน้อยผู้เป็นสามีวัยแปดขวบถึงขยายใหญ่ได้เพียงนี้แล้วลิ้นสากร้อนนั้นก็เช่นกัน ประหนึ่งมีดสั้นที่จ้วงแทงทั้งปากบน ปากล่างของนางจนซาบซ่านยากจะอดกลั้นเสียงครวญครางได้บัดซบ! เข้าหอคืนแรก นางคงมิแคล้วคงขาดใจตายด้วยมีดสั้นอันพลิ้วไหว ทั้งจั๊กจี้และสากร้อนนี้!แนะนำเรื่อง นางขึ้นเกี้ยวเพื่อแต่งงานกับเด็กแปดขวบ เพื่อหวังขโมยของล้ำค่าในสกุลสามี แต่ไฉนจึงหลงกลวิญญาณจอมปลอมของพี่สามี กระทั่งถูกตบตีด้วยมีดสั้น และทวนทอง อย่างเร้าร้อนซาบซ่านสยิวใจ “อ๊ะ! นางร้องเสียงหลง เหตุใด ทวนเล็กสั้นของเด็กน้อยผู้เป็นสามีวัยแปดขวบถึงขยายใหญ่ได้เพียงนี้ แล้วลิ้นสากร้อนก็เช่นกัน ประหนึ่งมีดสั้นที่จ้วงแทงทั้งปากบน ปากล่างของนางให้ซาบซ่านยากจะอดกลั้นเสียงครวญครางได้ บัดซบ! เข้าหอคืนแรก นางคงมิแคล้วคงขาดใจตาย ด้วยมีดสั้นอันพลิ้วไหว ที่แสนจั๊กจี้และสากร้อนนี้ ! กระนั้น เถียนลู่ฟางก็มิใช่คนเบาปัญญา ในเมื่อเจ้าบ่าวนางเยาว์วัย เขาคงมิอาจพานางขึ้นสวรรค์ได้ แน่แล้ว คนผู้นี้ ย่อมเป็นหนันจิ้งโหย่ว บุรุษที่หลอกลวงผู้อื่น และเหลือเพียงป้าย
ระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมพ่อตา หรือแม้แต่ไปเมืองหลวงเพื่อรายงานสิ่งต่าง ๆ กวนเฉินหลางอาศัยในรถม้ากับอวิ๋นมู่หลัน แทนการขี่ม้า และบ่อยครั้งที่เขาจะบอกให้รถม้าเคลื่อนตัวช้า ๆ มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังหิวบ่อย ของที่เขาต้องการกินล้วนเป็นอาหารของเด็ก ๆ กับผลไม้รสหวานจัด “ถังหูลู่ข้าเบื่อแล้ว ขอเป็นน้ำตาลปั้น แล้วก็พุทราเชื่อม” เขาตะโกนบอกหลิวตงที่อยู่ด้านนอก พออีกฝ่ายเตรียมกลับเข้าไปในตลาดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน กวนเฉินหลางก็ตะโกนขึ้นว่า “กลับรถม้า ข้าอยากได้ขนมเปี๊ยะแล้วก็ลูกอมบ๊วย หากไม่เลือกด้วยตัวเองไฉนจะถูกใจ!” อวิ๋นมู่หลันหัวเราะจนได้ นางเห็นสายตาสามีเมื่อเขาพูดถึงของหวานก็น่าชมและชวนให้หมั่นไส้ “เหตุใดฮูหยินถึงมองข้าเช่นนั้น” “ข้าอดดีใจไม่ได้ที่ท่านพี่เจริญอาหาร ทั้งยังชวนผู้อื่นกินไม่หยุดปาก หากเราไปถึงเมืองหลวง คงต้องตัดชุดใหม่ให้มากสักหน่อย ดูแล้วยามนี้ท่านพี่คงอึดอัดมิน้อย” “เอ ฮูหยินหมายความเยี่ยงไร” กวนเฉินหลางถาม มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบมะยมเชื่อมโรยน้ำตาลเข้าปาก “ก็... ตั้งแต่ออกจ
อวิ๋นมู่หลันนึกเสียดายเหลือเกิน ในขณะกวนเฉินหลางถูกเมิ่งถูจับตัวไว้หลังจากเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากปูม่วงก้ามหนาม เขาควรได้ รับการลงโทษให้หนักกว่านี้ และจะดีมากหากฝ่ายนั้นสามารถทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของนางตายด้าน ไม่ต้องมีพละกำลังล้นเหลือยามขึ้นเตียง “อา... ฮูหยิน ห่างกันหนึ่งปีเต็ม เหมือนข้าได้พบดรุณีน้อย แสนบริสุทธิ์ เจ้างามหมดจดทุกส่วน ผิวเนียนนุ่ม จุดหวานล้ำก็เป็นสีชมพู!” คำชื่นชมเขาแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย และอวิ๋นมู่หลันขัดเขินจนหน้าแดงระเรื่อ มือไม้นางอ่อนไปหมด และสามีนางเป็นแมวหรอกหรือ ไฉนเดี๋ยวใช้ลิ้นสาก ๆ โลมเลียกลีบฉ่ำหวาน สลับการส่งแรงดูดล้ำลึก จนนางดิ้นพล่านอย่างเผลอไผล ลิ้นของเขาช่ำชอง และดูเหมือนคลั่งรักนางหนักจนชวนให้ตื่นตระหนก! ส่วนมือใหญ่ ๆ นั้นนวดเฟ้นหน้าอกอวบสวยที่เด้งไหวรองรับสัมผัสที่ซ่านสยิว กวนเฉินหลางมีนิ้วมือยอดเยี่ยม ทั้งยังลงแรงสม่ำเสมอพลอยให้นางซ่านใจจนความหวานในแอ่งเนื้อนิ่มซึมเอ่อไม่หยุด “ฮูหยิน ไม่อยากลองกระทำสิ่งแปลกใหม่บางหรือ ขี่ม้าก็แล้ว ท่าสุนัขหรือให้ข้าอุ้มเจ้าก็ทำได้ยอดเยี่ยม เราจะได้ปลดปล่
อวิ๋นมู่หลันมองคนตัวโตในชุดเกราะ และมือหนึ่งนั้นอุ้มอี้เหยาเอาไว้ ท่าทางเขาเก้ ๆ กัง ๆ คงเพราะไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน แต่แสดงให้เห็นว่าเอ็นดูและห่วงใยลูกชายคนเล็กของนางเพียงใด ฝ่ายอี้เหยาก็ช่างรู้ความ ปกติไม่ใช่คนมักคุ้นคนแปลกหน้า แต่เด็กน้อยในยามนี้อมยิ้มอยู่น้อย ๆ ดวงตามีประกายแจ่มใส คอยมองบิดาราวกับนิยมในความสง่างามและกล้าหาญ ทั้งที่ร่างกายกวนเฉินหลางแผ่ไอเย็นออกมา ผู้ใดเห็นแล้วไฉนจะไม่ครั่นคร้าม “ท่านพี่... เหยาเอ๋อร์ คงเพลียแล้ว ส่งมาให้ข้าเถิด” นางเอ่ยพร้อมพยายามจับตัวลูกชายอีกคนให้ออกมาพบผู้เป็นบิดา แต่อี้หยางเข้าไปหลบอยู่ในกระโปรงนาง พอจะจับตัวเขาก็ร้องโวยวายสลับการข่มขู่ นิสัยเช่นนี้นาน ๆ จะเกิดขึ้น “มะ… ไม่! ขะ… ไม่ไป!” “โอ้ ฮูหยิน เด็กอีกคนนั้น เจ้ายังไม่ได้คลอดเขาออกมาหรอกหรือ” กวนเฉินหลางถามแล้วจึงหัวเราะร่วน ลูกชายคนโตของเขาดูเหมือนไม่อยากพบหน้าคนเป็นบิดา ช่างพิลึกดีแท้ “ปกติก็ร่าเริง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด หยางเอ๋อร์ถึงหลบหน้าท่านพี่เช่นนี้” กวนเฉินหลางมองภาพตรงหน้าและชอบใจ เขามีบุตรชายสองคน ต่อไปนี้คงมีหล