ย้อนกลับมาเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ในเมืองหลวงมีตระกูลหนิงที่เป็นช่างหลวงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พวกเขาใช้ความรู้ความสามารถที่มีเฉพาะคนในตระกูลหนิงเท่านั้นที่รู้ รับใช้ราชสำนักมาตลอดเวลากว่าร้อยปีจนทำให้ตระกูลหนิงเจิรญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน แต่ยิ่งพวกเขาได้รับความไว้วางใจมากเท่าไหร่ ความปลอดภัยของคนในครอบครัวพวกเขายิ่งลดน้อยลงเท่านั้น
ยิ่งการแข่งขันในราชสำนักที่มีมานานหลายปี พวกเขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังตนเองและคนในครอบครัวไม่ให้เผลอทำสิ่งใดผิดพลาดไปจนต้องถูกลงโทษจากฮ่องเต้
ตระกูลหนิงที่มีหน้าที่ออกแบบอาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับราชสำนักต่างทำงานอย่างขยันขันแข็ง พวกเขามีระเบียบในการทำงานมาโดยตลอดจนไม่มีใครสามารถจับผิดพวกเขาได้เลย
ความรู้ความสามารถเฉพาะของตระกูลหนิงยิ่งไปเข้าตาฮ่องเต้มากขึ้น ฝ่าบาทถึงขั้นมอบรางวัลให้ตระกูลหนิงไม่น้อยที่สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ให้กับแคว้นมากมาย
เสนาบดีฝ่ายต่าง ๆ ถึงจะอิจฉาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เหมือนขุนนางหนิง พวกเขาได้แต่ติชมไปตามเรื่องตามราวเพื่อลดความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีให้กับตระกูลหนิง
ซึ่งหนิงซวนหยวนผู้นำตระกูลต่างสอนให้คนในครอบครัวเก็บงำความสามารถเอาไว้บ้าง เนื่องจากความรู้สึกของเขาบอกว่าหากเขายังได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ต่อไป อาจมีคนคิดไม่ซื่อกับครอบครัวเขาก็เป็นได้
ทุกคนในตระกูลหนิงจึงเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยเชิดหน้าชูคอเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบไม่สนใจเรื่องราวอื่น ๆ นอกจากการทำงานให้ราชสำนักเท่านั้น พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนในตระกูลหนิงทำให้ฮ่องเต้แปลกใจไม่น้อย แต่ในเมื่อไม่มีผลกระทบกับการทำงานให้ราชสำนัก ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดมากนัก
นอกจากพระสนมกุ้ยอิงที่ครอบครัวนางพยายามเลียนแบบครอบครัวหนิงแต่ก็ไม่สามารถทำได้ดีกว่าตระกูลหนิงทราบเรื่องเข้า นางเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มาแต่ไหนแต่ไร ทำให้ฮองเฮาที่อยู่ในวังยังไม่อาจทำสิ่งใดนางได้แม้แต่น้อย
พระสนมกุ้ยอิงเมื่อมีเวลาได้อยู่กับฝ่าบาทก็ได้แต่พูดจาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่ครอบครัวนางไม่สามารถสู้กับครอบครัวหนิงได้เพราะไม่มีความสามารถในการออกแบบแปลนต่าง ๆ เหมือนตระกูลหนิงที่มีความรู้นับร้อยปี
ฮ่องเต้ที่อยากเอาใจพระสนมจึงสอบถามความต้องการของนางว่านางต้องการให้ฝ่าบาททำอย่างไรกับเรื่องนี้ พระสนมได้แต่ออดอ้อนว่านางอยากได้แปลนของครอบครัวหนิงมาศึกษาบ้างเท่านั้นเอง หากเรียนรู้แล้วก็สามารถส่งคืนให้ครอบครัวหนิงได้ในภายหน้า
ฮ่องเต้ฟังแล้วก็ได้แต่จนใจ ความจริงเขาที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเองก็ไม่ค่อยไว้วางใจตระกูลหนิงมากนัก เพราะตระกูลนี้มักแต่งงานกับพ่อค้ามากกว่าจะแต่งกับลูกขุนนางด้วยกัน แถมครอบครัวยังไม่มีการรับอนุใด ๆ มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เขาคิดจะส่งคนเข้าไปก็ทำไม่ได้เพราะถูกปฏิเสธอยู่ตลอด แต่คราวนี้พระสนมรักของเขาต้องการสิ่งของของคนอื่น เขาเองต้องคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้แบบแปลนมาให้พระสนมรักของตนเอง
พระสนมพอรู้ว่าฝ่าบาทจะจัดการเรื่องนี้ให้นางก็ยิ่งเอาอกเอาใจฮ่องเต้จนมีความสุขแทบไม่อยากไปว่าราชการในตอนเช้า แต่ด้วยหน้าที่ฮ่องเต้จึงต้องจำใจไปเตรียมตัวว่าราชการแล้วเขาจะกลับมาหานางใหม่ในเร็ว ๆ นี้ ทำเอาพระสนมมีความสุขไม่น้อย นางยังจะได้เยาะเย้ยฮองเฮาที่นอนเดียวดายมาหลายปีตั้งแต่นางได้เข้ามาเป็นพระสนม ถึงแม้ฮองเฮาจะมีลูกแล้วถึงสามคน นางเองก็ไม่สนใจ อย่างไรลูก ๆ นางก็เป็นที่รักของฝ่าบาทเช่นกัน
แน่นอนว่าพระสนมไม่สามารถต่อสู้กับฮองเฮาซึ่งหน้าได้ นางเฝ้าวางแผนการจัดการฮองเฮามาตลอดแต่ไม่เคยสำเร็จเลย รวมทั้งนางเองยังถูกดาบนั้นคืนสนองจนไม่สามารถมีลูกได้อีกต่างหาก เรื่องนี้ทำให้นางเจ็บแค้นใจฮองเฮาไม่น้อย ดีที่นางมีลูกชายแล้วหนึ่งคน นางจึงยิ่งรักและตามใจลูกชายจนแทบเสียคนไปแล้ว นอกจากลูกของฮองเฮา ลูกของพระสนมกุ้ยอิงกลับวางอำนาจบาตรใหญ่ใส่ลูก ๆ คนอื่น ๆ ของฮ่องเต้ เขาไม่กล้าทำเกินไปกับลูก ๆ ของฮองเฮาทั้งสามคน แต่กับคนอื่นเขามักจะรังแกพวกเขาเสมอ อย่างไรคนพวกนี้ก็มีความสำคัญน้อยกว่าเขานั่นเอง บรรดาพระสนมคนอื่นที่ถูกรังแกได้แต่ฟ้องฮองเฮาเพื่อให้เอาผิดลูกชายพระสนมกุ้ย แต่ถึงแม้ฮองเฮาจะลงโทษอย่างไร เขาก็ยิ่งกลั่นแกล้งคนอื่นมากขึ้นเหมือนเคย
เรื่องนี้ฮองเฮาเคยขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาหลายครั้งแล้วว่าให้หาอาจารย์มาสอนลูกชายของพระสนมกุ้ยอิงเพื่อให้เขาอยู่ในร่องในรอย แต่ฮ่องเต้ที่กำลังหลงใหลพระสนมกุ้ยอิงกลับบอกว่าลูกยังเด็กนักทั้งที่เขาอายุมากกว่า 7 ขวบแล้ว ตามธรรมเนียมเขาจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนหลวงได้แล้ว เพียงแต่พระสนมกุ้ยอิงขอเอาไว้เท่านั้นจึงทำให้ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้ลูกชายคนนี้เข้าเรียน โดยพระสนมขอให้อาจารย์มาสอนเขาที่ตำหนักแทนการไปเรียนที่โรงเรียนหลวงเนื่องจากกลัวว่าลูกนางจะถูกรังแก
ฮองเฮาได้แต่โกรธฮ่องเต้ที่หลงใหลพระสนมจนไม่สนใจกฎเกณฑ์ต่างๆ ทำให้วังหลังวุ่นวายมากเช่นนี้ นางยังมีสายสืบมากมายที่พอจะรู้เรื่องตระกูลหนิง แต่จนใจที่นางไม่สามารถเตือนพวกเขาได้ ไม่เช่นนั้นหากฝ่าบาทรู้เข้า นางและลูกจะยิ่งมีความผิดมากขึ้น
ฮองเฮาได้แต่เฝ้าอธิษฐานให้ครอบครัวหนิงอยู่รอดปลอดภัยไปให้ได้ในคราวนี้ นางไม่อยากให้พระสนมกุ้ยสมหวังเช่นกัน ฮองเฮาจึงเขียนจดหมายวางเอาไว้ให้กับฮ่องเต้เรื่องนี้ว่านางไม่อยากให้ฝ่าบาทไว้ใจพระสนมกุ้ยอิงมากเกินไป หากเกิดสิ่งใดขึ้นหลังจากได้แบบแปลนแล้วฝ่าบาทเองที่จะเป็นคนลำบาก ฮองเฮายังแนะนำให้ฝ่าบาทเก็บแบบแปลนเอาไว้เองดีกว่าที่จะส่งให้กับพระสนม ไม่เช่นนั้นหากนางได้แปลนอาวุธดี ๆ ไปแล้วก่อกบฏขึ้นจะทำอย่างไร
ฮ่องเต้เห็นจดหมายของฮองเฮาเข้าก็คิดอีกครั้งว่าเขาจะทำอย่าไรดี ท้ายที่สุดแล้วฮ่องเต้ก็คิดที่จะทำตามที่ฮองเฮาบอกเขา เป็นการกันเอาไว้ดีกว่าแก้ไขทีหลัง เขาจะให้คนลอกแบบไม่สมบูรณ์ให้กับพระสนมกุ้ยอิงเพื่อดูว่านางจะทำอย่างที่ฮองเฮาคิดหรือไม่ ถึงเขาจะหลงใหลนาง แต่กับเรื่องบัลลังก์เขาก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากฮองเฮา
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb