Mag-log inหลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดีขึ้นตามลำดับ ศิลาตัวติดกับหนึ่งสาวจนเหมือนคนคนเดียวกัน กลับจากทำงานก็ขลุกอยู่กับเธอ บางครั้งก็พาเธอมาทำงานด้วย ไม่ถึงครึ่งวันก็พาเธอกลับมานอนพักผ่อน และเขาก็นอนกับเธอด้วย แล้วออกไปทำงานเมื่อแน่ใจว่าเธอหลับสนิท
วันนี้ก็เช่นกันศิลาพาหญิงสาวมาทำงานด้วย เขาอนุญาตให้เธอเดินเล่นในไร่ดอกไม่ได้ แต่ต้องมีเขาไปด้วยทุกครั้ง สถานที่เดียวที่เขาไม่อนุญาตให้เธอไปคือน้ำตกท้ายไร่ นอกจากที่นั่นจะไกลจากพื้นที่ที่เขาทำงานแล้ว ที่นั่นยังเต็มไปด้วยอันตรายสารพัด ทั้งสัตว์ร้ายและพวกที่ใช้ช่องทางธรรมชาติลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง หนึ่งฤทัยทำตามอย่างเคร่งครัด หญิงสาวจะออกไปไร่เฉาะเวลาที่เขาอยู่ด้วยเท่านั้น ถึงจะไปไกลแต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าสายตาของเขา
“หมอนัดวันไหน” ศิลาถามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน
“วันอังคารหน้าค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกแล้วขอตัวเดินแยกเข้าครัว นอกจากไปเที่ยวเล่นในไร่แล้ว ครัวยังเป็นอีกที่ที่หนึ่งฤทัยชอบไปอยู่ในนั้น นอกจากให้สายพิณสอนทำอาหารแล้ว หนึ่งฤทัยยังทำขนมได้อีกหลายอย่าง จนศิลายังต้องแซวว่าเธอวางแผนไปจากเขาจริง ๆ
“ข้าวเกรียบปากหม้อค่ะ ลองชิมดูนะคะ” หนึ่งฤทัยยกจานก้าวเกรียบปากหม้อมาวางให้เขา
“หอมจัง หน้าตาก็น่ากิน คุณทำเองเหรอ” ศิลาถามแล้วจิ้มเข้าปาก
“อร่อยไหมคะ” หนึ่งฤทัยถาม อย่างรอคอยคำตอบ
“อร่อยมากครับ นั่งทานด้วยกันสิครับ” ศิลาชวนพร้อมขยับที่นั่งให้เธอ
“แป้งที่ผสมแล้วยังเหลืออีกเยอะเลยค่ะ ฉันทำเผื่อคนงานในไร่ด้วย จะให้ทันเวลาอาหารกลางวัน ไม่รู้จะทันหรือเปล่า ขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบหนึ่งฤทัยก็เดินกลับเข้าไปในครัว ศิลามองตามแล้วยิ้มให้แผ่นหลังบาง หนึ่งฤทัยเป็นคนมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขาเองก็พึ่งรู้เพราะที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้สนใจเธอนัก ไม่คิดว่าคนที่อยู่เมืองนอกมาตลอดชีวิตจะมีน้ำใจแบบนี้ข้าวเกรียบปากหม้อและสาคูไส้หมูเสร็จในเวลา 11:30 น. ทันเวลาอาหารกลางวันพอดี ศิลายกกล่องใส่ขนมใส่รถ แล้วพาเธอเข้าไปในไร่ แม่ครัวและคนงานมาช่วยกันยกลงไปวาง หนึ่งฤทัยทำหน้าที่ตักแจกคนงาน แม่ครัวและคนงานจ่างพากันขอบคุณ เพราะตั้งแต่หนึ่งฤทัยหัดทำขนม คนงานในไร่ก็ไม่เคยอด
“อร่อยมากเลยครับนายหญิง” มนตรีบอกกับหญิงสาวเมื่อตักสาคูไส้หมูเข้าปาก ทุกคนในไร่ต่างพากันเรียกเธอว่านายหญิง
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะคะ ในกล่องยังเหลือค่ะ เพิ่มได้นะคะคุณเบียร์” หนึ่งฤทัยบอกกับมนตรี
“อร่อยมากเลยเหรอเบียร์ อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ จะห่อไปฝากสาว ๆ ด้วยก็ได้นะ หนึ่งทำมาเยอะ” ศิลาที่เดินเข้ามาได้ยินบทสนนทนาที่มนตรีพูดกับหนึ่งฤทัยพอดี จึงขัดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับนาย” มนตรีปฏิเสธพร้อมกับทำท่าจะยกจานข้าวไปนั่งกินที่อื่น แต่ถูกศิลากดบ่าเอาไว้
“จันทร์ไปไหน ไปตามจันทร์มากินข้าวได้แล้ว” ศิลาหันไปถามคนงานที่นั่งกินข้าวอยู่ และบอกให้คนที่กินข้าวอิ่มแล้วไปตามนวลจันทร์มา ทุกคนในไร่ต่างก็รู้ว่ามนตรีกำลังจีบนวลจันทร์อยู่
“จันทร์ลาหยุดครับนาย มีดบาดมือเมื่อวาน” มนตรีบอกกับเจ้านาย
“อ้าว เป็นไรมากเปล่า ฝากเยี่ยมด้วยนะ” การกระทำและคำพูดของศิลาไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังเป็นหมาห่วงก้าง เพราะกลัวมนตรีจะวุ่นวายกับคนของเขา
“ใครยังไม่ได้ขนม ใครได้แล้วแต่อยากกินอีกมาต่อคิวเลยนะ ใกล้ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ครัวแล้ว” ศิลาบอกกับคนงาน แล้วจัดแจงหยิบขนมให้คนงานแทนเธอ
“ทำแบบนี้ขนมฉันก็ขายไม่ออกสิคะ ใครจะกล้ากิน” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา
“ดีไม่อยากให้ใครกินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขนมของคุณผมอยากกินคนเดียวเท่านั้น”
“เยอะขนาดนี้คุณกินหมดไหมล่ะคะ เข้าใจว่าหึงเข้าใจว่าหวง แต่ช่วยเลือกเวลาหน่อยได้ไหมคะ เขาเป็นคนงานของคุณ ช่วยคุณทำงาน ฉันก็อยากตอบแทนพวกเขาบ้าง ขนมพวกนี้คิดเสียว่าเป็นน้ำใจของภรรยาเจ้าของไร่ก็แล้วกันนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา มันก็จริงของเธอคนงานเหล่านี้เป็นคนของเขา ที่หนึ่งฤทัยทำแบบนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของเขาทั้งนั้น แล้วเขาจะอิจฉาคนงานทำไม
หนึ่งฤทัยตามศิลาเข้าไปในออฟฟิศ หญิงสาวช่วยเขาดูจดหมายที่คนงานเอามาส่งให้ แล้วแยกเป็นกองไว้ให้เขา แล้วจัดโต๊ะแยกเอกสารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบ ศิลาที่นอนเหยียดยาวบนโซฟามองเธอจับนี่จับนั่นจนเพลินตา หนึ่งฤทัยไม่ใช่คนสวยที่ต้องเหลียวหลังมอง แต่เธอคือคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ศิลาสะดุดความคิดของตัวเอง ที่เผลอคิดไปว่าหนึ่งฤทัยเป็นน้ำเย็นสำหรับเขา ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอคือน้ำกรดที่พร้อมจะทำลายล้าง
“มานั่งนี่เถอะคุณ ตรงนั้นให้แม่บ้านเขาทำ คุณทำหมดแล้วแม่บ้านจะทำอะไรล่ะ” ศิลาเรียกหญิงสาว แล้วขยับแบ่งที่ให้เธอ
“เสร็จแล้วค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกแล้วถูผ้าไปบนโต๊ะอย่างตั้งใจ
“พอเถอะน่า มานอนพักกันดีกว่า”
“นอนอะไรล่ะคะ นี่ห้องทำงานนะคะ”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครมาเห็นหรอก”
“คุณนอนเถอะค่ะ ฉันขออ่านหนังสือนั่นได้ไหมคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา ศิลาพยักหน้าอนุญาต หนึ่งฤทัยกรีดนิ้วลงบนสันหนังสือเล่มหนาบนชั้น นึกแปลกใจเพราะหนังสือเหล่านี้คือภาษาต่างประเทศทั้งนั้น มีไว้อ่านหรือมีไว้ประดับกันแน่ หนึ่งฤทัยคิดแล้วเลือกหนังสือมาหนึ่งเล่ม แล้วถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ของเขา เปิดหนังสืออ่านทีล่ะหน้าอย่างสบายใจ ศิลาหลับไปแล้วหนึ่งฤทัยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกรนของเขา อ่านหนังสือไปพักใหญ่หนึ่งฤทัยก็เมื่อยล้า ร่างบางบิดกี้เกียจไปมา เมื่อหนังสือหมดความน่าสนใจ หนึ่งฤทัยก็มองหาสิ่งใหม่มาทดแทนเพื่อฆ่าเวลา ตากลมโตมองรูปในกรอบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ รูปนี่น่าจะเป็นครอบครัวของเขา เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงกลางคงเป็นศิลาสินะ
“หล่อมาตั้งแต่เด็กเลยนะ” เอ่ยชมแล้วมองไปยังคนที่หลับสนิทบนโซฟา ร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าไปหาคนหลับเหมือนถูกมนต์สะกด ย่อตัวนั่งลงบนพื้น
ตากลมโตจับจ้องอยู่บนใบหน้าของคนที่หลับสนิท นิ้วเรียวกรีดไล้ลงบนกรอบหน้าคมสันอย่างเผลอไผล เธอไม่รู้ว่ารู้สึกแบบนี้กับศิลาตอนไหนกัน ก่อนหน้าที่เธอจะความจำเสื่อมเธอคงรักเขามากเลยสินะ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกกับศิลาแบบนี้จริง ๆ เธอรักเขาจนหมดหัวใจ มีความสุขทุกครั้งที่มีเขาเคียงข้าง“ฉันรักคุณนะคะ” กระซิบชิดใบหูแกร่ง แล้วฝังจมูกลงบนแก้วสากแผ่วเบา จังหวะที่จะลุกขึ้น มือของคนที่เธอคิดว่าหลับสนิทก็คว้าลงที่มือบาง แล้วออกแรงดึงให้เธอล้มลงมาทาบทับบนตัว เพราะไม่ทันระวังหนึ่งฤทัยจึงล้มลงไปนอนซ้อนทับบนร่างแข็งแกร่ง
“คุณหิน!” หนึ่งฤทัยร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ครับ” ศิลาขานรับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น” หนึ่งฤทัยบอกพร้อมกับดิ้นอยู่บนอกของเขา
“ผมหลับของผมอยู่ดี ๆ ใครล่ะมากวนผมให้ตื่น”
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะตื่นนี่ค่ะ” หนึ่งฤทัยแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ
“ตอนแรกก็ไม่อยากตื่นหรอกครับ แต่มีคนมาบอกรักเลยต้องตื่นมาดูหน้าเสียหน่อย”
“ไม่อยากตื่น คุณไม่ได้หลับเหรอคะ”
“ใครบอกว่าผมหลับ ผมแค่พักตาเฉย ๆ” สิลาบอกแล้วกอดรัดเอวเธอเอาไว้
“ปล่อยก่อนค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกกับเขา
“อ่านหนังสือแล้วเหรอ”
“อ่านไปได้สามสี่หน้าค่ะ เล่มที่หยิบมาเคยอ่านแล้ว”
“เก่งมาก อ่านภาษาต่างประเทศออกด้วย”
“อ้าว นี่ชมเหรอคะ”
“ชมครับชม”
“ว่าแต่คุณเถอะ ซื้อมาอ่านหรือซื้อมาประดับผนังคะ”
“ถามแบบนี้ก็ได้เสียสิครับ” พูดจบก็ใช้มือข้างที่ว่าง กดศีรษะเธอลงมาจนริมฝีปากของเขาและเธอห่างกันไม่ถึงคืบ
“คุณคุณจะทำอะไร”
“อื้อออ...” หนึ่งฤทัยร้องออกมา เมื่อศิลากดศีรษะเธอลงมาจนปากของเธอประกบลงมาที่ปากของเขา
ปากร้อนบดขยี้ลงบนปากบาง แทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากบาง ดูดดึงดุนดันลิ้นเล็กที่เอาแต่คอยจะถอยหนี หนึ่งฤทัยดิ้นไปมา ศิลาไม่สนใจกับการขัดขืนของเธอ ยิ่งเธอดิ้นก็ยุ่งสนุกที่ได้แกล้งเธอ
“อย่าค่ะ” หนึ่งฤทัยร้องห้ามเมื่อศิลาพลิกเธอให้อยู่ใต้ร่าง หญิงสาวขนลุกเมื่อสบกับตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยความปารถนาของเขา
“คุณหินค่ะ นี่ห้องทำงานนะคะ” หนึ่งฤทัยบอก เมื่อศิลาทาบทับลงมา
“จริงด้วย ทำไงดีล่ะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”
“คนบ้า...” หนึ่งฤทัยว่าให้ศิลาจะหื่นกามเกินไปแล้ว ก่อนจะต้องร้องออกมา เมื่ออยู่ ๆ ก็ลอยขึ้นจากพื้นโซฟา
ศิลาช้อนร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน แล้วเดินไปยังห้องที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน
“คุณหินค่ะ” หนึ่งฤทัยเรียกชื่อชายหนุ่ม เมื่อเขาวางเธอลงบนที่นอนนุ่มบนตียง
“ดีใจนะคะที่ได้ยินคำว่ารักจากคุณ แต่ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้รักคุณ” หนึ่งฤทัยปฏิเสธอย่างไม่ใยดี นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ เธอต้องการให้เขารักเธอ “หนึ่ง!” ศิลาเรียกหญิงสาวเมื่อเธอหันหลังกลับ ตกใจกับคำพูดที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว” “หญิง ฟังผมก่อนสิครับ” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” “ผมรักคุณนะครับ” “แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ฟังชัด ๆ นะคะ คุณศิลา ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันก็ไม่มีทางรักคุณ” “ฟังผมก่อนนะครับ” ศิลากอดหญิงสาวไว้จากทางด้านหลัง “ปล่อย” “ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจผม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ เพื่อลูกของเรา” “ปล่อยค่ะ” หนึ่งฤทัยดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา “ไม่ปล่อย” ศิลาบอกพร้อมกับรัดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “อยู่กับผม อยู่เป็นครอบครัวนะครับ ผมรู้ว่าผมผิดที่เคยทำร้ายคุณ ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องให้อภัยผมตอนนี้ก็ได้ ให้เว
หนึ่งฤทัยตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด หญิงสาวเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่ก็ช้าไปกว่าป้าสายพิณที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา “ตื่นแต่เช้าเลยค่ะคุณหนึ่ง หลับสบายดีไหมคะ” สายพิณถามคนที่เดินเข้ามาในครัว “อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า หนึ่งหลับสบายดีค่ะ” บอกแล้วเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่วางไว้บนโต๊ะ “ทำอะไรคะป้า” “ป้าต้มข้าวต้มกุ้งให้คุณหนูแก้วนะคะ คุณหนูทานได้ไหมคะ” สายพิณถาม “ทานได้ค่ะ ยายแก้วทานได้หมดเลยค่ะ ยกเว้นของเผ็ด” “แกงส้มค่ะคุณหนึ่ง คุณหนึ่งอยากทานไหมคะ” “ทานได้ค่ะ ดีกว่าแกงแคหน่อยนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับสายพิณ “ขอโทษนะคะ ป้าไม่รู้ว่าคุณหนึ่งไม่ทานปลาร้า ตอนนั้นคุณหินบอกว่าคุณหนึ่งอยากกิน ป้าก็ทำให้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้า ทานได้อร่อยดี” เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว สายพิณไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเธอ ที่ทำไปก็เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย “ดื่มกาแฟเลยไหมคะ เดี๋ยวป้าชงให้” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจัดการเอง” หนึ่งฤทัยบอกอย่างเกร็งใจ “คุณหินลุกมาดูกุหลาบแต่เช้า
ศิลาพาหนึ่งฤทัยกับลูกขึ้นมาบนบ้าน หนึ่งฤทัยมองไปรอบ ๆ เมื่อก่อนเธอเคยอยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงเป็นภาพถ่ายรูปคู่มากมาย ที่เคยแขวนอยู่ตามฝาผนัง ที่ตอนนี้เป็นรูปวาดวิวมาแขวนไว้แทน รูปแต่งงานรูปคู่ของเธอกับเขา เขาใช้โปรแกรมแต่งภาพมาแต่งเพื่อตบตาเธอ และเธอก็เชื่อเขาสนิทใจ “รูปแต่งงานของเราไปไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเพื่อลองเชิงเขา “ผมให้คนงานเก็บออกไปหมดแล้วครับ” ศิลาบอกไปตามตรง “เอาออกทำไมคะ สวยดี” หนึ่งฤทัยประชดเขา ถึงจะไม่บอกแต่ศิลาก็รู้ “เอาไว้เราถ่ายกันใหม่นะ” “เราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถาม “ไม่เอาน่าคุณ อย่าชวนทะเลาะสิครับ” “ชวนทะเลาะเหรอคะ ตรงไหนคะที่ชวนทะเลาะ ฉันถามเพราะฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอ” หนึ่งฤทัยถามตาใส “ผมรู้ว่าคุณกำลังประชดผม” “ประชดเหรอคะ ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยเหรอ” “เข้าห้องเถอะครับ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูกเลย ยายแก้วกำลังจำ ผมไม่อยากให้ลูกเห็นภาพแบบนี้” “ไม่ได้ชวนทะเลาะค่ะ ฉันพูดความจริ
อาหารกลางวันผ่านไปด้วยดี หลายครั้งที่ศิลากับหนึ่งฤทัยสบตากัน มือสัมผัสกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะต้องดูแลลูก และทุกครั้งหนึ่งฤทัยจะเป็นคนชักมือกลับ เหมือนมือของศิลาเป็นของร้อน การเดินทางเริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสามกลับขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ศิลาขับรถในขณะที่หนึ่งฤทัยกับลูกหลับไปพร้อม ๆ กัน หลายครั้งที่ตาคมเข้มปรายตามามองใบหน้าสวยของคนที่หลับสนิท ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขามัวคิดแต่แก้แค้น จนหลายอย่างในชีวิตพลาดไป โดยเฉพาะเรื่องของเธอกับลูก ความสุขและความอบอุ่นที่เคยได้จากเธอ เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะความใคร่และอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่ศิลารู้แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งก่อนหน้านั้นและตอนนี้ มันคือความรู้สึกเดียวกัน บอกตัวเองว่าเกลียดเธอ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้คำว่าเกลียดเพื่อปิดบังความขี้ขลาดในหัวใจ เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าเขารู้สึกดีกับเธอ ขับรถไปมองหน้าคนนั่งข้าง ๆ มองลูกที่หลับอยู่เบาะหลัง มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง โอกาสมาถึงมือเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก “ถึงไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบความมืด ร่างบางขยับอย่างเมื่อยขบเธอหลับยาวขนาดนี้เ
“หนึ่ง หนึ่ง นะ...หนึ่ง” ศิลาเรียกคน ที่วิ่งหนีเขาเข้าไปในห้อง ร่างสูงยืนพิงห้องอยู่อย่างนั้น จนได้สินะทนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แล้วต่อไปนี้เขาจะทำยังไง เพราะเธอคงตกใจ และระแวงเขาแล้วหนึ่งฤทัยวิ่งไปที่เตียงนอน ถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนข้างลูก ศิลากลับไปหรือยังเธอไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำไว้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำ พยายามข่มตาให้หลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้เธอนอนไม่หลับ “กลับดึกเลยนะครับคุณหิน” มนตรีถามเมื่อเจ้านายเปิดประตูเข้ามา “ทำไมยังไม่นอน” ศิลาถาม “ผมเคลียร์งานนะครับ” “อืม...” “คุณหินครับ วันนี้คุณภากรมาที่บริษัทครับ” มนตรีรายงานให้เจ้านายรู้ “ลูกสาวเขาเลือกฉันแล้ว จะมาวุ่นวายอะไรอีก” ตั้งแต่วันที่หนึ่งฤทัยออกจากโรงพยาบาล ภากรก็ออกจากบริษัทไป เพราะพ่ายแพ้ให้เขาอย่างราบคาบ “คิดถึงคุณกับลูกครับ” “คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาที่คอนโด กูไม่ได้ห้ามนี่” “ก็นั่นแหละครับ คุณภีมคงมีแผนอย่างอื่น” “จะมามีแผนอะไรกับกูอีก ลูกหลา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้เครียด อย่างที่หนึ่งฤทัยกลัวในตอนแรก เพราะมีแก้วตาเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์ หลายครั้งที่ตาสองคู่และเป็นหนึ่งฤทัยที่ต้องหลบตาเขา “ขอโทษ” จังหวะที่มือของทั้งสองชนกัน เพราะจะตักกับข้าวอย่างเดียวกัน ศิลาก็เอ่ยขอโทษเพราะมือของเขาจับมือของเธอเข้าเต็ม ๆ “ไม่เป็นไรคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยพร้อมกับดึงมือกลับ แล้วเอื้อมไปหยิบช้อนในจานอื่น ใจของทั้งสองก็ตรงกันเพราศิลาก็จะตักจานนั้นเหมือนกัน ต่างคนต่างชักมือกลับ ใบหน้าสวยร้อนขึ้น ก่อนจะหันไปเช็ดปากลูกเพื่อแก้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ “ผมตักให้คุณดีกว่า” พูดจบศิลาก็ตักต้มจืดใส่จานให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณแล้วสนใจลูกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มากกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะ อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นคร่อมจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เอาลูกชิ้นค่ะ” แก้วตาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ลูกชิ้นในชามต้มจืด ศิลาตักลูกชิ้นและเต้าหู้ไข่ใส่จานให้ลูก “ขอบคุณค่ะ” แก้วตาเอ่ยขอบคุณพ่อ “หนึ่ง...” “คะ” ร่างบางสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ศิลาก็เรียกชื่อเธอ “เปล่า ๆ ผมจะบอ







