LOGINEp.3 มันเป็นอะไรของมันว่ะ? 1/2
วันต่อมา ณ คลับแห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมายหลายตาที่มาที่นี่ ล้วนแต่เป็นพวกผีพนัน ไม่ว่าจะเล่นขนาดไหนก็ไม่รู้จักพอสักที นี่สินะที่มา ของคำว่า 'ไม่รู้จักพอ' ซึ่งเจ้าของคลับไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนของสก๊อต นั่นก็คือ ฟินน์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือ Dark เพราะความโหดของมันนั้นเอง สก๊อตนั่งอ่านรายละเอียดที่ผู้เป็นพ่อได้ส่งมาให้ เกี่ยวกับหนี้ที่ถูกกู้ไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว โดยสามีภรรยาคู่หนึ่ง และที่อยู่ของพวกเขา ทว่าในเครื่องสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้น มีรายละเอียดของที่อยู่ ของผู้เป็นหนี้ปรากฎขึ้น ที่อยู่ XXXXXXXX สก๊อตถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะการทวงหนี้มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากสำหรับเขา เขาไม่ชอบเอาซะเลย ทำไมคนอย่างเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ถือปืนฆ่าศัตรูยังง่ายกว่าอีก และที่สำคัญมันไม่น่าปวดหัวเเบบนี้ “เฮ้ย ไอ้สก๊อต มึงเป็นอะไรของมึงว่ะ? ” คอลิน เพื่อนกลุ่มเดียวกับร่างสูงถามอย่างนึกสงสัย “เออ นั้นดิ กูเห็นมันนั่งทำหน้าแบบนี้มาสักพักใหญ่ล่ะ” เพื่อนรักอย่าง ออซซี่ ก็ช่วยเสริม “มีเรื่องอะไรก็บอกพวกกูให้ช่วยได้นะเว้ย” เพราะเพื่อนแต่ละคนของเขานั้น ไม่ใช่กระจอกๆ สามารถทำได้ทุกอย่าง “กูไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใคร” สก๊อตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เเววตาอยากที่จะคาดเดาความรู้สึก เเละที่สำคัญคนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องให้เพื่อนๆมาช่วย ซึ่งเพื่อนๆของเขาก็รู้ดี “เออๆ รู้คร๊าบบบว่า สก๊อต เรซเตอร์ เก่งและฉลาดมากกกกกกก” คอลินทนไม่ไหวเลยพูดแทรกขึ้นมา “แล้วไอ้คนเก่งอย่างมึง ทำไมต้องมานั่งทำหน้าซีเรียสอยู่ตรงนี้ล่ะคร๊าบ หืม? ” คอลินพูดด้วยใบหน้าที่กวนตีน เขาล่ะอยากจะเอาตีน เอ้ย เท้าประทับหน้ามันซะจริงๆ “เรื่องของกู! ไม่ใช่ธุระอะไรของพวกมึง” เชื่อแล้วว่าเย็นชา “อ้าว ไอ้นี่! พวกกูอุส่าห์เป็นห่วงนะเว้ยเห้ย ดูมันพูดเข้าสิ เดี๋ยวพ่อก็เตะให้หน้าคว่ำสะหรอก” จากที่นั่งเงียบมานาน คลาร์ก ก็ได้เวลาใช้ปากสักที เพราะทนไม่ไหวที่เพื่อนไม่เห็นความห่วงใยของพวกเขาซะเลย สก๊อตยกไหล่นิดๆ ทำเป็นไม่ได้สนใจคำพูดที่เหมือนลมที่พัดผ่านมาเเล้วก็ผ่านไป และก็ยกไวน์สีอำพันขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว ‘อึกๆ’ “พวกมึงพากันหุบปากสักที กูมาดื่มไม่ใช่มาฟังเรื่องไร้สาระน่ารำคาญ!” เสียงอันน่าเกรงขามของเพื่อนอีกคนก็ดังขึ้น ฟินน์พูดขึ้นอย่างเอือมระอาเพื่อนๆของตัวเอง “อ้าววว ไอ้ดาร์ก! มึงนี่ดาร์กได้สมฉายากับนิสัยจริงๆ” ออซซี่อดไม่ไหวที่จะด่ากลับ แต่คิดหรอว่าคำแค่นั้นจะทำให้ไอ้คนดาร์กอย่างเขาสนใจ มาเฟียทั้งห้าตระกลูที่กำลังพูดถึงนี้ คนที่อยู่ในวงการมาเฟียไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขา และพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ยังเด็กมี สก๊อต, ฟินน์, ออซซี่, คอลิน, และคลาร์ก ชื่อกลุ่มของพวกเขาทั้งห้า คือ “The Beast” แต่ทว่าชื่อที่ตั้งกลับตรงข้ามกับหน้าตาของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พวกเขาได้ช่วยกันตั้งชื่อกลุ่ม The Beast ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนเห็นชอบตรงกัน ทุกคนในกลุ่ม The Beast จะมีรูปสักตรงหน้าอกข้างขวาเหมือนกันทุกคน รูปที่สักคือ รูปหัวกะโหลก ทำให้ดูน่ากลัวสมกับชื่อ “งั้น มึงสองตัวอยากกกกหายเครียดไหมล่ะ? ” คอลินพูดข้อเสนอแก้เครียดมาให้เพื่อนอย่างสก๊อตกับฟินน์ได้ฟัง แล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ และยิ้มหวานใส่ คนอย่างพวกเขา ทั้งสองหรอจะไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกคนนี้ หมายถึงสิ่งใดที่จะทำให้เขาหายเครียด “กูไม่ต้องการ ถ้ามึงอยากกกหนัก” สก๊อตเว้นจังหวะการพูด และจากนั้นพูดต่อว่า “ก็แก้เครียดคนเดียวไปเถอะ” ดูมันๆ คอลินได้แต่ทำหน้าบึ้งตึง ที่ไอ้เพื่อนเขาคนนี้มารู้ทันใจเขา จะไม่รู้ทันได้ไงล่ะ ก็เขากับสก๊อตเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตัวเท่ามดตะนอย “กูไปล่ะ มีธุระ” สก๊อตไม่สนใจเพื่อนๆของเขาแม้แต่น้อย เพราะเขาต้องรีบไปจัดการธุระเรื่องธุรกิจกับลูกค้าคนสำคัญของเขาต่อ ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับพวกมันหรอก “กูก็จะกลับ หมดอารมณ์ดื่ม รำคาญ!” ฟินน์พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเย็นชา เขาเป็นอีกคนที่ไม่อยากจะอยู่ต่อ เพราะเขาไม่ชอบอะไรที่มันน่าวุ่นวาย “อ้าววว ไอ้สองตัวนี่ มาได้แปบเดียวก็ไปล่ะ” คลาร์กพูดขึ้นอย่างเอือมระอา “ดูเพื่อนของพวกมึงดิ กูล่ะหัวจะปวด!” “เพื่อนกู ก็เพื่อนมึงด้วยคร๊าาบ” ออซซี่กล่าวอย่างประชดประชัน “กูคิดว่า ไอ้สก๊อตต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง ที่มาทำให้มันไม่พอใจน่ะ กูว่า” คอลินทำหน้าตาเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวเพื่อนของเขา เพราะถ้าไม่มี คนอย่างสก๊อตคงไม่เป็นแบบนี้ “มันเป็นอะไรของมันว่ะ กูอยากรู้หนัก” “ไอ้คอลิน” “ว่า? ” “อย่า สอ เอือ กอ”Ep.Special 4 Katy's New Life 3/3"คุณเคธเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าเเดง?" ภาคินเมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเคธี่เปลี่ยนมาเป็นสีเเดงจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"เคธไม่ได้เป็นอะไรค่ะ งั้นเคธขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ" เคธี่รีบปฏิเสธคนตรงหน้าว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เเละรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน"ได้ครับ" ภาคินตอบกลับเคธี่ด้วยความงงๆเพราะอาการของเธอมันดูเเปลกๆในห้องน้ำ"Oh, my god!!! ทำไมหน้าเเดงเเบบนี้เนี่ย!!!" เคธี่อุทานด้วยความตกใจผ่านหน้ากระจก เธอลูบเเก้มที่เเดงเถือกของตัวเองเบาๆ อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงเเดงขนาดนี้สองเดือนต่อมา"พี่คินคะ ขับรถระวังหน่อยนะคะ เดี๋ยวลื่น" เวลาผ่านไปได้ไม่นานฉันกับพี่คินก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จนฉันเรียกเขาว่าพี่คินเพราะเขาอายุมากกว่าฉันสองปี ส่วนเขาเรียกฉันว่าเคธเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนถูกคนในหมู่บ้านมักจะเอ่ยเเซวพวกเราว่าเป็นคู่รักกัน เเต่ความจริงเเล้วความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนเป็นเเค่พี่กับน้องมากกว่าจากนั้นภาคินขับรถไปจอดเเถวๆบริเวรที่เขาคิดว่าปลอดภัยไม่มีทางที่รถจะลื่นไหลไปไหนได้เเน่นอน เเละตอนนี้ฝนก็กำลังตกอยู่จึงไม่อยากขับต่อเพราะกลัวว่า
Ep.Special 4 Katy's New Life 2/3 "ช่วยพาคุณเคธี่ไปดูห้องพักเเทนพ่อที พอดีพ่อมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการก่อน" พ่อของคนตัวสูงกล่าวบอกลูกชาย "เออ ได้ครับ" ภาคินจึงตอบตกลงไป จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงรีบเดินสับเท้าไปที่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อที่จะไปซ่อมท่อที่เเตก หากชักช้าทั้งหมู่บ้านจะพากันเดือดร้อนไปด้วย เมื่อทั้งสองมองดูไล่หลังผู้ใหญ่บ้านที่เดินจากไปเเล้ว ก็ดึงสายตากลับมามองที่คนตรงหน้า เคธี่เผลอใช้สายตาไล่มองร่างกายกำยำ กล้ามเป็นลอนๆเรียงรายกันสวยงาม ไหนจะเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากเรือนร่างที่ขาวผ่อง เขาช่างดูดีเหลือเกิน จนเธอลืมไปว่าตัวเองกำลังจ้องมองคนตรงหน้านานเกินไป เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ จนเผลอกลืนน้ำลายเข้าไปในลำคอหนึ่งอึก "เออ คุณครับ?" เมื่อชายหนุ่มเห็นคนตรงหน้าของเขาเอาเเต่จ้องมองเขาด้วยเเววตาเเปลกๆนานเกินไปจึงรู้สึกเขินๆอายๆ เลยเอ่ยเรียกเธอ จังหวะนั้นเองที่ทำให้เคธี่หลุดออกจากภวังค์ "เออ คะ?" ฉันทำตัวไม่ถูกเลย เมื่อสติกลับเข้ามายังร่าง ฉันไม่น่าไปจ้องมองร่างกายของเขานานขนาดนี้เลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันร่างกายฉันมันสั่งระบบสายตาฉันโดยอัตโนมัติว่าให้มองอยู่อย่างนั้น โถเอ๋ยอา
Ep.Special 4 Katy's New Life 1/3 "เคพีมาหาเเม่เร็วครับลูก" เคธี่กวักมือเรียกลูกชายวัยสองขวบกว่าที่กำลังเล่นซนมากๆอยู่ให้มาหาเธอ "คร๊าาบบเเม่" เคพีขานรับเเล้วจึงรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กๆไปหาผู้เป็นเเม่อย่างไม่เร็วมากเพราะอายุเพิ่งเเค่สองขวบ กว่าๆ เคพีกลัวว่าผู้เป็นเเม่จะไม่พาไปสวนสัตว์ตามที่เคยสัญญาเอาไว้ หากไม่ยอมเชื่อฟัง หรือทำตัวดื้อกับเธอ เธอก็จะลงโทษด้วยการไม่พาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์ เคพีคิดในใจ เด็กฉลาดวัยสองขวบกว่าจึงต้องตามใจผู้เป็นเเม่ไปก่อน เขารอคอยวันที่จะไปสวนสัตว์มานานเเล้ว จุดมุ่งหมายเดียวของเคพี คือเพื่อไปดูการเเสดงโชว์ของโลมาซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเขา เขาชอบมันเอามากๆ เพราะเคยดูการเเสดงโชว์ของโลมาจากสารคดีมาก่อนนั้นเอง จึงต้องไปชมให้เห็นเองกับตา เมื่อสามปี่ที่เเล้ว ณ จังหวัดเชียงราย "ทุกคนฟังทางนี้ นี่คือคุณเคธี่ เธอเป็นอาสาสมัครที่จะมาช่วยสอนหนังสือให้พวกเด็กๆในหมู่บ้านของเรา" ผู้ใหญ่บ้านเเห่งหมู่บ้านน่านฟ้า หรือนามว่าวาคิณกล่าวเเนะนำให้ลูกบ้านทุกๆคนที่มาประชุมในวันนี้ได้รู้จักกับเคธี่ เพราะเธออาสาที่จะมาเป็นคุณครูสอนเด็กๆที่ขาดการศึกษา เธออยากช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสได
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 3/3"เกิดอะไรขึ้นคร๊าบ!!?" ทั้งสกายเเละสตาร์ถามด้วยท่าทางอย่างลุ้นๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีเกิ้ลเเละดอกไม้"เมื่อทั้งสองล้มลงไป ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน" พี่สก๊อตหันมามองฉัน เล่าไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เเต่ฉันที่นอนฟังอยู่รู้สึกโคตรจะเขินอายกับเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย"Wowww!! เเสดงว่าพวดเขาจู๋จุ๊บกันหรอคร๊าบ?" สตาร์ถามด้วยความสงสัยตามภาษาเด็ก"ถูกต้อง จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นมาร้องโวยวาย โกรธหน้าดำหน้าเเดงเพราะโดนขโมยจู๋จุ๊บครั้งเเรกไป เเละเธอก็จะเอาเรื่องอีเกิ้ลให้ได้ที่บังอาจมาจู๋จุ๊บเธอ เเต่อีเกิ้ลจับมือเธอไว้ได้ทัน ไม่ให้เธอทำร้ายเขา จากนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยมือเธอเเล้วเดินจากไป..." สก๊อตหยุดเล่าสักพักเพราะเมื่อยปาก"เเล้วงายต่อคร๊าบเเด๊ด?" เมื่อผู้เป็นพ่อหยุดเล่าได้ไม่ถึงห้าวินาที สกายก็ถวงถามเขาให้เล่าต่อ"จากนั้นไม่นานสองคนก็ได้มาพบกันอีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงทำให้ได้เจอะเจอกันบ่อยๆทั้งที่ผู้หญิงที่ชื่อดอกไม้ไม่ค่อยอยากเจออีเกิ้ลสักเท่าไหร่ เเต่อีเกิ้ลกลับอยากจะเจอเธอ" ประโยคสุดท้ายทำเอาทานตะวันขมวดคิ้วชนกันด้วยคว
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 2/3 "ตาร์อยากฟันเรื่อน อืมมมม เรื่อนไรดีละกาย?" สตาร์ทำท่าทางคิดว่าตัวเองอยากฟังเรื่องอะไรดีในขณะที่มือก็เลือกหาหนังสือนิทานหลายเล่มอยู่ เเต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะเลือกเรื่องไหนเพราะอยากฟังทุกเรื่องเลย จึงหันหน้าไปถามสกายเเฝดคนพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆกาย "ม่ายยยลู่" สกายตอบเเฝดคนน้องพร้อมส่ายหัวน้อยๆไปมา "อุตส่าห์เดินถือหนังสือนิทานตั้งหลายเล่มมาให้เเด๊ดอ่านให้ฟัง เเต่ไม่รู้จะเลือกเรื่องอะไร เเสบจริงๆ" สก๊อตพูดกับลูกน้อยสองคนด้วยความเอ็นดูความเเสบของลูกๆ เเล้วก้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปเพื่อที่จะหอมเเก้มยุ้ยๆอมชมพูน่ารักน่าชังของสกายกับสตาร์ด้วยความหมั่นเขี้ยวเเละเเฝงไปด้วยความรักของพ่อ "ฟอด! ฟอด!" "กะพวดราวเลือกม่ายถูกคร๊าบ" สกายพูดไปด้วยทำหน้าอ้อนๆไปด้วยเพื่อให้คนเป็นบิดาเห็นใจว่าเลือกเรื่องหนึ่งมาอ่านมันต้องชั่งใจขนาดไหน "หึ" ฉันอดไม่ได้ที่จะขำท่าทางของลูกๆที่กำลังอ้อนผู้เป็นพ่ออยู่ น่ารักน่าเอ็นดูซะจริงๆลูกของฉัน ฉันจึงเอามือไปลูบศีรษะทุยของลูกทั้งสองด้วยความเอ็นดู "งั้นเดี๋ยวเเด๊ดเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง" สกายกับสตาร์ถึงกับเบิกตาโตเมื่อผู
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 1/3 ณ ห้องนอน เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง "อื้อ พี่สก๊อตตะวันจั๊กจี้ ฮ่าๆ พอเเล้ววว ฮ่าๆ" ทานตะวันที่นอนสะดีดสะดิ้งไปมาบนที่นอนนุ่มนิ่ม เมื่อโดนสามีหนุ่มใช้ริมฝีปากหยักสวยระดมจุ๊บเบาๆไปตามซอกคอขาวอย่างหยอกล้อ เธอจึงรู้สึกจั๊กจี้ไปทั่วบริเวรคอระหง เเต่ไม่วายฝามือร้ายของสก๊อตเลื่อนลงต่ำไปหาดอกไม้งามภายใต้ชุดนอนสีขาวลายลูกไม้ ขณะที่ริมฝีปากยังคงหยอกล้ออยู่กับซอกคอขาวหอมกรุ้นของคนใต้ร่างอยู่ "อ่ะ~ พี่สก๊อตอย่านะ" ทานตะวันรีบเอ่ยห้ามปราม สามีหื่นไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะถลำลึกไปกว่านี้ เเละพยายามปัดมือร้ายของเขาออก เเต่ก็ทำได้เเค่นั้นเพราะปัดยังไงมือร้ายที่เหมือนโบกกาวหนาหลายชั้นของเขาก็ไม่ยอมรามือ "เราไม่ได้ทำมาหลายวันเเล้วนะ พี่สงสารตัวเอง" สก๊อตเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ้อนๆคนใต้ร่าง เเละน้ำเสียงที่เซกซี่นั้นบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็ควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านตอนนี้ไม่ได้ เเละอีกอย่างเขาต้องรีบคว้าโอกาสอันล้ำค่านี้เข้าไว้ เพราะเวลาจะทำรักกับเมียทีไร ไอ้สองเเสบก็ชอบมาขัดจังหวะของเขาตลอด เขาต้องอดกินเมียมาตั้งหลายครั้งเพราะไอ้ลูกชายฝาเเฝดตัวดี "พูดได้เวอร์มาก!!" ที่ฉันพูดอ







