“เวลาของฉันกับเขาหมดไปแล้ว” หญิงสาวเสียงเครือ “มันหมดไปตั้งแต่ที่ฉันสำนึกได้ว่าฉันกับเขาไม่คู่ควรกันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรทั้งนั้น”
“คิดว่าผมจะเชื่อคุณหรือไง ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณพยายามติดต่อเขาและพยายามทำให้น้องชายของผมกลับไปหาคุณ”
“อย่ามาปรักปรำกันนะคะ คริสต์เป็นคนดี เขาแค่อยากรู้เท่านั้นว่าฉันเป็นยังไง”
“อ้อ...อยากให้เขารู้ใช่ไหมว่าคุณมันน่าสงสารและอ่อนแอมากแค่ไหนเวลาถูกผู้ชายทิ้ง มารยาหญิงมันก็มีเท่านี้ มีแค่อยากให้คนอื่นเห็นใจ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคริสต์ แต่เป็นผู้ชายคนไหนก็ได้ที่คุณพร้อมจะบากหน้าเข้าไปให้พวกมันปลอบด้วยเงิน!”
“นิค! คุณพูดเกินไปแล้วนะ...อ๊ะ!”
ภิณไลย์ญาร้องเสียงหลงเมื่อผลักร่างสูงออกห่างและเงื้อมือขึ้นหวังจะตวัดลงบนหน้าของนิโคลัสแต่ไม่ทันมือหนาของเขาที่คว้ามันไว้แน่นก่อนผลักร่างน้อยให้หลังชนผนังอีกครั้งและดันตัวเข้าหา คราวนี้เขาจับคางเรียวไว้และบีบเต็มแรง หญิงสาวเจ็บจนน้ำตาซึมและทำได้แค่ส่งเสียงเจ็บปวดในลำคอ ชายหนุ่มขบกรามเสียงดังและคำรามดุดันน่ากลัว
“อย่าคิดท้าทายผมแบบนี้อีกเนเน่! ผมไม่ใช่คริสต์หรือไอ้ผู้ชายหน้าไหนที่คุณคิดว่าจะร้องขอความเห็นใจได้ ฟังผม...ฟังให้ชัดๆ”
นิโคลัสก้มหน้าลงไปใกล้ ใกล้มากเสียจนปากหยักได้รูปแทบจะแนบบนกลีบปากระริกสั่นของภิณไลย์ญาได้อยู่แล้ว เสียงลมหายใจของเขาหนักหน่วง เสียงครางลึกในลำคอสั่นไหวประสาทของหญิงสาวที่คางมนถูกบีบด้วยปลายนิ้วแกร่งดุจคีมเหล็กกล้าจนเจ็บร้าวไปถึงขมับ เขาไม่สนใจหยดน้ำที่ไหลจากหางตาคู่สวยลงอาบแก้มด้วยซ้ำนอกจากเค้นเสียงลอดไรฟัน
“จำไว้ว่าสำหรับผมผู้หญิงอย่างคุณไม่ได้สำคัญอะไรมากไปกว่าเม็ดกรวดทราย ถ้าจะเป็นได้ก็แค่ที่ระบายอารมณ์ของไอ้พวกผู้ชายมีเงินเท่านั้น ผมจะให้คุณอยู่ที่นี่ คุณอาจจะติดต่อกับใครก็ได้ยกเว้นน้องชายของผม และเวลาอยู่ที่นี่คุณต้องฟังผมทุกอย่างในฐานะทาสเงินที่ต้องแลกอิสรภาพกับการชดใช้ค่ารักษาน้องชายของคุณ ที่สำคัญอย่าทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบ”
พูดจบก็คลายนิ้วที่กดปลายคางหญิงสาวแต่ใบหน้าหล่อเหลายังอยู่ชิดมากขณะภิณไลย์ญากลั้นสะอื้นและถามเสียงสั่น
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณไม่ชอบอะไร”
“คุณจะเรียนรู้มันจากคนในบ้านนี้ และสำหรับโซอี้ ในขณะที่คุณอยู่ที่นี่ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงห้ามแสดงความทุกข์ใจให้เธอเห็น”
“คุณกำลังหมายความว่าถึงจะเกลียดกันแค่ไหนเราก็ต้องยิ้มให้กัน...อย่างนั้นสินะคะ”
“ให้คุณเจ็บเจียนตายก็ต้องเก็บไว้ ไม่มีสิทธิ์แสดงความเจ็บปวดให้ใครเห็นอย่างเด็ดขาด!”
คำขู่ทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้ง แต่แล้วทั้งสองต้องชะงักเมื่อเสียงแหลมเล็กดังขัดจังหวะที่หน้าประตูห้อง
“แดดี๊...แดดี๊ขา...หนูอาบน้ำเสร็จแล้ว...เสร็จแล้วๆๆ”
นิโคลัสจำต้องผละจากร่างเล็กที่ยืนตัวสั่นหากภิณไลย์ญาก็เก็บอาการหวาดหวั่นไว้ได้ทันก่อนชายหนุ่มจะหันไปเปิดประตูให้หนูน้อยวิ่งเข้ามา โซอี้โผเข้ากอดร่างสูงที่ย่อตัวลงและโอบอุ้มร่างน้อยในชุดกระโปรงลายดอกตัวใหม่พร้อมด้วยกลิ่นหอมของสบู่และแชมพูหวานยิ่งกว่าลูกเบอรร์รี่เป็นตะกร้าลอยมาแตะจมูกของหญิงสาวที่ยืนมองคนทั้งสองกอดและหอมแก้มราวกับไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน
“โอว...อะไรเนี่ย...แดดี๊ว่า แดดี๊ได้กลิ่นสตรอวเบอร์รี่นะ”
“ม่าย...ม่ายช่าย...นี่เป็น...กลิ่นฟรุ๊ตตี้”
“พระเจ้า...ถ้าอย่างนั้นแดดี๊ของหม่ำผลไม้กองนี้ให้หมดเลยได้ไหม แดดี๊หิวมาก กลิ่นของมันชวนหิวมากจริงๆ”
“อย่านะแดดี๊...อย่านะคะ...ฮะๆๆๆๆ...ไม่ๆๆๆๆ....”
โซอี้หัวเราะคิกคักเพราะถูกปลายจมูกของนิโคลัสซุกไซ้ไปทั่วทั้งเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองสว่างไสวที่ยังเปียกปอนและผิวแก้มนุ่มละมุน ลำคอหอมกรุ่นกลิ่นละไม ภิณไลย์ญามองภาพนั้นอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายร้ายกาจเลือดเย็นอย่างเขาจะรู้จักทำให้เด็กน้อยไร้เดียงสาหัวเราะได้ หญิงสาวรู้สึกหดหู่และอับอายตัวเองขึ้นมาในวินาทีนั้น เธอต้องมองดูทุกคนในบ้านหลังนี้มีความสุขแม้หัวใจตัวเองต้องร่ำไห้เช่นนั้นหรือ นิโคลัสบีบคั้นเธอได้อย่างเจ็บแสบและแยบยล เมื่อไหร่กัน...เมื่อไหร่เธอถึงจะหลุดพ้นจากชีวิตของเขาเสียที แต่แล้วความคิดนั้นก็หยุดชะงักลงอีกครั้งเมื่อโซอี้หยุดหัวเราะและถามขึ้นว่า
“แดดี๊ขา...แล้ว...คืนนี้เนเน่...นอนที่ไหนคะ?”
“เราจัดห้องไว้ให้เธอแล้ว”
“เนเน่จะอยู่ที่นี่...นานไหมคะ?”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั