ร่างเล็กร้องออกมาเมื่อจู่ ๆ นิโคลัสก็เอนตัวทำให้เธอเสียหลักล้มลงบนเตียงพร้อม ๆ กับเขา พอรู้สึกตัวอีกทีร่างสูงใหญ่ทั้งหนาและหนักก็ทาบทับอยู่บนตัวเธอบนที่นอนหนานุ่ม ใช่แต่ภิณไลย์ญาที่ออกอาการตระหนกหากแต่ชายหนุ่มก็แสดงความรู้สึกเช่นเดียวกันออกมาทางประกายตาสีทองแดงที่เข้มขึ้นทว่านิโคลัสกลับไม่ยอมขยับตัวออกห่าง ใบหน้าคร้ามคมอยู่ใกล้ดวงหน้าแสนหวานไม่ถึงคืบ หญิงสาวนิ่งอึ้งเหมือนตัวเองก็ยังมึนงง แต่พอตั้งสติได้เธอพยายามเขยื้อนตัวพร้อมทั้งส่งเสียงว่า
“นิค...คะ...คุณ...คุณมึนมากใช่ไหมคะ....ก็ถ้า...ถ้าแฮงค์มากฉันจะ...”
“ผมไม่ได้เมา” เขาขัดขึ้น “วอดก้าแค่นั้นไม่ทำให้ผมถึงกับต้องคลานหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ขยับตัวหน่อยซีคะ ฉันอึดอัดจะแย่ หายใจไม่ออกด้วย”
“เนเน่...”
คราวนี้เสียงห้าวหนักกลับแผ่วพร่า เสียงนั้นทำให้ภิณไลย์ญาเองก็หยุดชะงักและต้องสบนัยน์ตาที่ตอนนี้เป็นประกายคมกล้าขึ้นชั่ววาบ เธอรู้สึกหวั่นหวาดและเริ่มกลัวซึ่งก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจเมื่อเขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาราดรดบนแก้มสีกุหลาบและทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง
“ทะ...ทำไมคะ...”
“คุณ...สนิทกับคริสต์มากขนาดไหน?”
คำถามสั้น ๆ แต่ทิ่มแทงความรู้สึกนั้นทำให้ภิณไลย์ญานิ่งไปชั่วอึดใจก่อนเธอจะตอบว่า
“ก็สนิท...คุณก็รู้ว่าเราเคยเป็นแฟนกัน”
“เคยจูบกันมั้ย”
“บอกไปคุณคงไม่เชื่อว่าเขาแค่หอมแก้มฉัน”
“ผมคิดว่าตอนนี้ผมเชื่อคุณนะ”
“ไม่ใช่เพราะวอดก้านะคะ”
“ผมไม่ได้เมา กี่ครั้งก็จะขอยืนยันแบบนี้”
“คุณจะรู้ไปเพื่ออะไรคะ เพราะถึงยังไงฉันกับคริสต์ก็ไม่สามารถจะกลับไปเป็นอย่างนั้นได้อีกแล้ว”
“คุณยังคิดถึงน้องชายของผมใช่มั้ย เนเน่”
“ไม่มากเท่าเมื่อก่อน ฉันทำใจเกือบจะได้แล้ว คุณพอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้วก็...” ปล่อยฉัน...คำนั้นหลุดหายเข้าไปในปากหยักได้รูปที่นาบลงบนกลับปากอิ่มสวยในจังหวะที่เผยออก ลิ้นหนาแทรกเข้าไปในปากจิ้มลิ้ม ดุนดันลิ้นเล็กในอุ้งปากของภิณไลย์ญาที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอกำลังตอบสนองต่อจูบนั้น หญิงสาวรู้สึกอับอายหากแต่ร่างกายของเอกำลังสำแดงอะไรบางอย่างออกมา มันเหมือนความรู้สึกโหยหา กระหายอยากและจุกความซาบซ่านในส่วนลึกอย่างยากจะหักห้าม
“นิค...อะ...” เสียงครางหลุดจากปากสวยแต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เขาถอนริมฝีปากออกก่อนประกบปากจูบเธอหนักหน่วงอีกครั้งและคราวนี้ดูเหมือนนิโคลัสไม่ยอมให้เธอทักท้วงเขาได้อีก ภิณไลย์ญาปั่นป่วนต่อการปลุกเร้านั่น โอ...ไม่นะ...นี่เขากำลังปลุกเร้าเธออย่างนั้นหรือ เธออยากขัดขืนและผลักไสเขาออกไปแต่ยิ่งดึงดันเขาก็ยิ่งจุ่มจ้วงลิ้นเข้าไปในโพรงปากลึกล้ำและยิ่งทำให้กายสาวร้อนเร่าเหมือนถูกไฟผลาญเผา ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยยินดีกับจูบของนิโคลัสที่เขาจาบจ้วงเธอหลายหนหลายครั้ง ทว่าคราวนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดและสะกดให้เธอยินยอมต่ออำนาจที่กำลังคุกคามนั้นกระทั่งเขาถอนริมฝีปากออกและหอบหายใจหนัก หากแต่ริมฝีปากรุมร้อนยังเคล้าเคลียบนกลีบปากอิ่มฉ่ำและไม่ยอมขยับตัวออกจากร่างแน่งน้อย
“นิค...ปละ...ปล่อยฉันเถอะค่ะ” หญิงสาวร้องขอ หากเสียงเว้าวอนนั้นราวกับยิ่งยุยั่วอารมณ์ของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขากระซิบบนปากสวย
“คุณอยากให้ผมปล่อยคุณ...จริง ๆ อย่างนั้นหรือ”
“ค่ะ...ใช่...อือ...อือ...นิค...ได้โปรด...”
“บอกอีกครั้งสิว่าใช่”
“ชะ...ใช่...อาส์...ใช่ค่ะ”
“แต่ผมว่าไม่...คุณไม่อยากให้ผมปล่อยคุณ...พระเจ้า...ถ้ามันจะ...”
“ไม่...ไม่นะคะนิค...ได้โปรด...”
“ร้องขอให้ผมทำในสิ่งที่คุณอยาก...เนเน่...ผมรู้ว่าคุณต้องการมัน”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั