“แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว คลีฟไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง เขาเหมือนบุรุษลึกลับที่สร้างสีสันให้พวกที่คอยเฝ้าติดตามเพราะอยากรู้ความเคลื่อนไหวของมหาเศรษฐีหนุ่มอายุยังไม่ถึงสามสิบที่ทั้งหล่อและฉลาดคนนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าคลีฟ เวสเนอร์มีชีวิตยังไง เขาจะแต่งงานเมื่อไหร่ มีใครที่เขาเก็บซ่อนไว้หลังฉากบ้างหรือเปล่า...ผมหมายถึงผู้หญิงน่ะนิต้า”
ซึ่งเขาเคยมี...และประวัติส่วนนี้เขาก็คงไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รับรู้นอกจากตัวเธอที่พยายามดั้นด้นมาถึงอเมริกาก็เพราะเขา
คลีฟ เวสเนอร์ หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับความคิดใหม่ที่ว่าเธอคงไม่อาจพักอยู่ในภายในห้องชุดอันหรูหรานี้ได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอเหมือนเริ่มต้นใหม่ ตั้งต้นใหม่ทุกอย่างแม้แต่กับคนที่เคยรู้จักก็ตาม นิตาค่อย ๆ เก็บเสื้อผ้าของเธอลงกระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียวที่ติดตัวมาด้วย เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะบอกลอว์สันว่าพรุ่งนี้จะต้องหาที่อยู่ใหม่เพราะถึงแม้เพื่อนของเขาจะมีน้ำใจแต่เธอคงไม่อาจพักอาศัยให้ห้องชุดที่มันหรูหราเกินฐานะของเธอได้อีกต่อไปแล้ว นิตาทิ้งร่างบอบบางของเธอลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ภายในห้องชุดสุดหรูหลังจากเก็บข้าวของลงกระเป๋าเดินทาง หญิงสาวไม่อยากเชื่อว่าโชคชะตาจะพัดพาให้เธอได้เจอกับคนที่พยายามตามหาในที่สุด แล้วโชคชะตาก็พลิกผันเพื่อที่จะได้หัวเราะเยาะผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ซึ่งไร้เกียรติและไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษสูงส่งผู้นั้น ซึ่งลอว์สันไม่เคยล่วงรู้ว่าเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของคลีฟเคยผ่านอะไรมาบ้างนอกเหนือจากที่เขารู้ หญิงสาวหยิบล็อคเก็ตที่ห้อยคอขึ้นมาและเปิดมันออกดู ภาพของใครคนหนึ่งภายในนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าคมสัน เรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ต นัยน์ตาสีน้ำเงินเป็นประกายดุจแซฟไฟร์ และริมฝีปากได้รูปที่เสมือนมีรอยยิ้มน้อย ๆ ส่งผ่านความอบอุ่นมายังเธอ น้ำตาหยดหนึ่งไหลร่นลงมาบนแก้มของหญิงสาว เศษเสี้ยวเวลาในชีวิตของ เขา คงถูกกลืนจมหายไปพร้อมกระแสเวลาที่พาพัด เวลาที่เธอเคยมีเขา นิตายังนึกถึงชายผู้นั้นไม่เสื่อมคลาย เขาเป็นชายชาวอเมริกันที่เธอได้พบและรู้จักที่เมืองไทย เป็นเวลาก่อนหน้านี้ประมาณเกือบสามปี แกรก... เสียงลูกบิดที่บานประตูด้านนอกทำให้นิตาต้องเรียกสติที่กำลังลอยล่องกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาอีกหลายหยดก่อนจะปิดล็อคเก็ตเอาไว้และลุกจากเก้าอี้นวมตัวใหญ่ ร่างแน่งน้อยต้องหยุดนิ่งเมื่อบานประตูห้องค่อย ๆ เปิดออกและเกือบจะลืมหายใจเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“คลีฟ!” ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง สิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่ความฝัน ร่างสูงสง่าของบุรุษผู้นั้นยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องชุด คลีฟ เวสเนอร์...เขายังอยู่ในชุดสูท ทว่าใบหน้าคร้ามคมกลับยังดูนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มก้าวเข้ามาขณะที่หญิงสาวเป็นฝ่ายยืนนิ่ง มือเท้าของเธอเริ่มเย็นและบอกตัวเองไม่ได้ว่าจะยิ้มหรือทำสีหน้าอย่างไรต่อหน้าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์ กรุ๊ป คลีฟดึงบานประตูห้องให้ปิดลงและก้าวเข้ามาด้วยท่าทีสง่างาม นิตายังนึกเห็นภาพบุรุษผู้นี้ตอนอยู่ในชุดลำลองและเขามักเข้ามาใกล้เพื่อยีผมเธอเล่น บางครั้งเขาก็หลอกให้เธอตกใจเหมือนเด็กเล็ก ๆ ทว่าบัดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว เขาคงลืมเรื่องราวเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองไทยหมดสิ้นกระมัง
“นีน่า...” ประโยคแรกที่หลุดออกมาจากปากหยักหนาได้รูปทำให้นิตาถึงกับนิ่งงัน หญิงสาวกลั้นน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วและมันกำลังจะไหลลงมาอีกเอาไว้ เธอกัดปากตัวเองเบา ๆ และคลี่รอยยิ้มให้เขาเหมือนตอนพบกันที่ห้างเวสเนอร์
“คุณ...เรียกฉันผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันชื่อนิตา...ลอว์เรียกฉันว่า...” / “นีน่า...ยังไงผมก็ยังยืนยันที่จะเรียกคุณว่านีน่า”
น้ำเสียงห้าวลึกของเขาดูเอาจริงเอาจัง แต่สำหรับนิตามันเหมือนการเล่นละครไม่มีสิ้นสุดของศิลปินที่หาจุดจบของตัวเองไม่เจอ รอยยิ้มของหญิงสาวเจือจางลงอีกครั้ง
“เรียกผมว่าคลีฟนะ...ผมเรียกคุณว่านีน่าได้มั้ย?” เสียงนั้นยังแจ่มชัดในหัวใจของนิตาเสมอ ทว่าบัดนี้น้ำเสียงที่เรียกเธอเปลี่ยนไป มันเย็นชาปราศจากความหวานซึ้ง และการมาครั้งนี้มันทำให้หญิงสาวฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
บทที่ 3 The obscure ตัวตนในเงามืด
“ขอโทษทีนะคะ คุณคงจะมาตรวจดูความเรียบร้อยของห้องนี้...ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ฉันตั้งใจไว้แล้วที่จะบอกลอว์ว่าพรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกจากที่นี่แล้วไปหาห้องเช่าใหม่”
“ใครอนุญาตให้คุณออกจากห้องนี้ นีน่า!”
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม