Beranda / โรแมนติก / หนี้หัวใจใต้กลลวง / บทที่ 6 ให้จดจำไปจนตาย

Share

บทที่ 6 ให้จดจำไปจนตาย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-02 18:41:30

ความเงียบปกคลุมทั่วห้องหลังบทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างภานุวัฒน์กับธีภพจบลง

ท่ามกลางความเงียบ...แต่ไม่ว่างเปล่า

ในห้วงความเงียบนั้นมีทั้งความเข้าใจ และภาระที่แต่ละคนแบกไว้ในเส้นทางที่ไม่อาจหันหลัง

 

คีรณัฐ  ชายหนุ่มในชุดเชิ้ตเรียบเฉียบที่นั่งพิงพนักนิ่ง ๆ 

กระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เฉือนลึกในทุกถ้อยคำ

"ฉันเอง...ก็คงต้องถอนตัวจากฝั่งธุรกิจแล้วเหมือนกัน"

 

เพียงคำพูดเดียว

บรรยากาศในห้องพลันตึงขึ้นอย่างยากจะอธิบาย

ธีภพละสายตาจากแฟ้มในมือ

ภานุวัฒน์หยุดมือที่กำลังขยับแฟ้มเอกสาร

ทั้งสองไม่ถามซ้ำ เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจ 

เบื้องหลังหน้ากากผู้บริหารที่คีรณัฐสวมไว้ตลอดหลายปี

คือเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษระดับสูง หนึ่งในผู้กวาดล้างขบวนการสกปรกในโลกมืด

ทั้งสารเสพติด อาชญากรรม และนักการเมืองที่ย่ำยีผู้บริสุทธิ์

โดยเฉพาะ...ท่านรัฐมนตรี วิศรุต เกริกไกร เป้าหมายที่เขาเพ่งเล็งมาเนิ่นนาน

 

คีรณัฐหัวเราะเบา ๆ คล้ายไม่ยี่หระ

"ถึงเวลาแล้วล่ะ...ต้องกลับไปทำในสิ่งที่ควรทำ"

เสียงเขานิ่งและมั่นคงจนรอบห้องเหมือนจะอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ

 

ธีภพพยักหน้าเข้าใจ

ไม่พูดมาก เพราะสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ไม่ต้องการถ้อยคำฟุ่มเฟือย

 

ภานุวัฒน์เองก็พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่ทุ้มต่ำ

"ต่อจากนี้..."

"ฉันอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากแกบ้าง"

 

คิ้วของคีรณัฐยกขึ้นนิด ๆ อย่างรู้ทัน

รอยยิ้มที่มุมปากเย็นเฉียบ และเต็มไปด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง

"ไม่ใช่เรื่องบริหารสินะ?" เขาถามพลางกระตุกยิ้มมุมปาก

 

"ไม่ใช่" ภานุวัฒน์ยืนยัน ดวงตาสีน้ำแข็งวาววับเป็นประกายเฉียบขาด

"แต่เป็นเรื่องของศัตรู...ที่แกเองก็ตามล่าอยู่เหมือนกัน"

 

แววตาทั้งสองสบกันใน​ความ​ หมายทั้งหมดกระจ่างโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยชื่อ

ท่านรัฐมนตรี วิศรุต เกริกไกร

บุรุษผู้เป็นจุดเริ่มต้นของหนี้เลือด หนี้แค้น และความสูญเสีย

 

คีรณัฐหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

เขาจับปกเสื้อตัวเองอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงทุ้มเย็น

"เมื่อไหร่ที่แกต้องการ..."

"ก็แค่ส่งสัญญาณมา"

เขาหันไปสบตาธีภพและภานุวัฒน์

"โลกของเรามันสกปรกพอแล้ว...อย่างน้อย ถ้ามีใครกล้าทำให้มันสะอาดขึ้นอีกนิด ฉันก็ยินดีจะเป็นฮีโร่ให้"

 

 

....................

 

 

เวลาผ่านไปแล้วเกือบครึ่งเดือน

ในสถานที่ซึ่งเหมือนหลุมดำ 

ที่กักขังเธอไม่ให้เห็นแม้แต่เศษเสี้ยวของท้องฟ้า

ไม่มีวัน​ ไม่มีคืน

มีเพียงแสงไฟสลัวและกลิ่นอับของความอ้างว้างที่เกาะกินหัวใจ

ลาริสาทำงานเงียบ ๆ ในมุมเล็ก ๆ ของโลกนี้

เหมือนคนไร้ตัวตน...ที่ไม่มีใครอยากมองเห็น

ครึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น เธอไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย

ภานุวัฒน์

ชายผู้จับตัวเธอมา

ชายผู้ที่ปล่อยให้เธอเอาตัวรอดท่ามกลางโลกอันโหดร้ายนี้เพียงลำพัง

 

ในตอนแรก เธอยังเชื่อว่าหากไม่สร้างปัญหา เธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบ

แต่โลกที่ไม่มีแสง ไม่ได้ใจดีกับใครง่าย ๆ

ตั้งแต่วันแรกที่เธอก้าวเข้ามา

สายตาเหยียดหยาม และรอยยิ้มเยาะเย้ยก็ไม่เคยหายไปจากรอบตัว

 

"นึกว่าหน้าตาสวยแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ?"

"คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูรึไง?"

 

ถ้อยคำเสียดแทงเหล่านั้น

เริ่มจากเสียงกระซิบ​ แปรเปลี่ยนเป็นการผลักไส 

และในที่สุด...กลายเป็นการกลั่นแกล้งอย่างเปิดเผย

 

ยุ้ย​ พนักงานรุ่นพี่ที่ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ลับหลังเต็มไปด้วยพิษร้าย

คือคนที่ก่อเรื่องทั้งหมด

เธอไม่ชอบลาริสา ไม่ชอบตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

ทั้งที่ลาริสาไม่เคยทำอะไรให้เธอโกรธเคือง

แต่เพียงเพราะความสวย แววตาที่ใสซื่อน่าสงสารของลาริสา 

เพียงแค่นั้น​ ก็พอที่จะทำให้ความริษยาในใจของใครบางคนปะทุขึ้น

และคืนนี้...

เธอก็ตัดสินใจจะ ‘สั่งสอน’ ให้ลาริสาจดจำไปจนตาย

 

ขณะที่ลาริสากำลังเก็บขวดเครื่องดื่มในห้องเก็บของลับตาคน 

ยุ้ยก็แอบตามเข้ามา

เสียงหัวเราะแหลมคมดังสะท้อนผนังเย็นเฉียบ

 

"ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ​ คนตอแหลแบบแก"

"เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเสแสร้ง! "

"ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าที่นี่มันไม่มีที่สำหรับคนอย่างแก?"

 

คำพูดแหลมบาดหู

ก่อนที่ถาดเหล็กจะถูกฟาดใส่กลางแผ่นหลังเธอเต็มแรงจนเซถลา

ร่างบางของลาริสากระแทกเข้ากับชั้นเหล็กที่เรียงขวดเครื่องดื่มอยู่

เสียงขวดแก้วแตกกระจาย

เศษแก้วพุ่งใส่ผิวเนื้อจนบาดเป็นทางยาว

ความเจ็บปวดแล่นปราดจนหายใจไม่ออก

เลือดไหลซึมตามรอยแผลที่แขนและต้นขา

ลาริสาพยายามยันตัวขึ้น

แต่มือเปื้อนเลือดทำให้เธอลื่นไถลกลับลงไปอีกครั้ง

เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังลั่นในห้องเก็บของปิดตาย

 

"อยากกลับไปบ้านมากใช่มั้ยล่ะ?"

"ก็ลองดูสิ...ลองเดินออกไปจากที่นี่ แล้วจะได้รู้ว่าข้างนอกน่ะ นรกจริง ๆ เป็นยังไง!"

 

น้ำตาเอ่อขึ้นในดวงตาของลาริสา

แต่เธอกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้พวกนั้นได้เห็นแม้แต่น้ำตาเม็ดเดียว

 

และในจังหวะที่ยุ้ยกำลังจะก้าวเข้ามากระชากผมเธอซ้ำ 

เสียงหนัก ๆ ของรองเท้าคู่หนึ่งก็ดังขึ้นจากปลายทางเดิน

ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตดำปรากฏขึ้นกลางความเงียบที่ตึงเครียด

อคินที่สั่งให้คนจับตาดูความปลอดภัยของลาริสาเป็นพิเศษ เขารีบลงมาทันทีเมื่อได้รับรายงาน

ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองสภาพตรงหน้า

ในวินาทีที่เห็นเลือดไหลอาบแขนของลาริสา

อุณหภูมิในห้องเหมือนลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง

พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำแข็งกรีดกระดูก

"กลับไปเก็บของ แล้วออกไปจากที่นี่"

 

ยุ้ยหน้าถอดสีทันที

"บอสคะ...ฉันแค่หยอกเธอเล่น—"

 

"ห้านาที"

เสียงของอคินขาดห้วนจนไม่มีที่ให้ต่อรอง

"หรือจะให้การ์ดหิ้วแกออกไป?"

 

ยุ้ยกัดฟัน น้ำตาคลอด้วยความอับอายและโกรธแค้น

แต่ไม่กล้าเอ่ยคำใด นอกจากรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที

 

อคินก้าวเข้ามาเงียบ ๆ

สั่งให้คนเอากล่องพยาบาลมาให้เธอ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ

"รักษาแผลให้ดี"

"และอย่าทำให้ฉันต้องเห็นเธอเลือดตกยางออกแบบนี้อีก"

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 107 เจ้าชายปีศาจกับเจ้าหญิงแห่งแสง

    “วันนี้…ครูริสาจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในหนังสือไหนเลย” เสียงหวานของเธอดังขึ้นเบา ๆ แต่เรียกความสนใจได้ทันที “เรื่องนี้...เกี่ยวกับเจ้าชายผู้หนึ่งที่กลายเป็นปีศาจ และเจ้าหญิงคนหนึ่งที่มีหัวใจเปล่งแสง เหมือนดวงดาวในคืนมืดที่สุด” “ชื่อเรื่องว่าอะไรครับ!” เด็กชายตัวจ้อยคนหนึ่งถามเสียงดัง “ชื่อว่า... เจ้าชายปีศาจกับเจ้าหญิงแห่งแสงสว่าง จ้ะ” เสียงฮือฮาเล็ก ๆ ดังขึ้นรอบวง ก่อนที่ทุกคนจะนิ่งฟังอีกครั้ง “นานมาแล้ว... มีอาณาจักรหนึ่งที่เงียบงัน ไม่มีแสงแดด ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีดอกไม้บาน ที่นั่น…คือโลกของเจ้าชายผู้ถูกสาป เขาเคยมีหัวใจที่ดี แต่เมื่อหัวใจนั้นแตกสลายจากเรื่องร้าย ๆ เขาก็ปิดมันไว้แน่น และไม่ยอมให้แสงใดเข้าไปอีกเลย” “แล้วเขากลายเป็นปีศาจเหรอคะ?” เด็กหญิงผูกโบว์ถามขึ้นเสียงแผ่ว “ใช่จ้ะ...เขากลายเป็นปีศาจที่มีดวงตาเศร้า และไม่เคยยิ้มอีกเลย แต่ลึก ๆ แล้ว...เขาก็แค่อยู่คนเดียวจนลืมวิธีจะรักใครเท่านั้นเอง” ครูริสาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแล้วทำเสียงกระซิบ “วันหนึ่ง…เจ้าชายคิดแผนการขึ้นมา เขาจะพาใครสักคนมาอยู่กับเขา…สักคนที่มีหัวใจอบอุ่น เขาจึงวางกับดัก วางแผนการ

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 106 วันแห่งการเริ่มต้น

    ลาริสาตาโตทันที​ “อะไรนะคะ?” “ผมมีบริษัทที่ต้องดูแล ผมไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา แต่ผมเชื่อว่าคุณ…จะดูแลเด็ก ๆ ที่นี่ได้ดีที่สุด” เธอสั่นศีรษะเบา ๆ ริมฝีปากยังอ้าค้าง “แต่…ริสาไม่เคยคิดเลยว่าจะ—” “ผมคิดไว้แล้ว” เขายิ้มบางเบา “ผมไม่ต้องการแค่ภรรยา…แต่ต้องการ ‘หุ้นส่วนชีวิต’ คนที่ผมไว้ใจ คนที่ผมรู้ว่า…ถ้าเธออยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะไม่พัง” ลาริสาน้ำตาซึมอีกครั้ง​ ไม่ใช่เพราะอ่อนไหว​ แต่เพราะหัวใจของเธอได้รับการยอมรับ ทั้งจากเขา…และจากโลกที่เธอเคยรู้สึกเหมือนไม่มีที่ยืน เขาดึงมือเธอขึ้นมากดจูบเบา ๆ ที่หลังมือ “นี่คือบ้านของเรา…และทุกอย่างที่ผมสร้างไว้ทั้งหมดนี้ ผมอยากให้มันเป็นของคุณ ไม่ใช่เพราะคุณต้องการ แต่เพราะคุณ ‘คู่ควร’ กับมัน…” ........................ เช้าวันพิเศษ แสงอรุณอ่อนโยนปกคลุมทั่วบ้านหลังใหม่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน เสียงพระสวดเบา ๆ ดังกังวานอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน กลิ่นธูปและดอกไม้สดหอมฟุ้งทั่วห้อง ลาริสาสวมชุดไทยสีงาช้างอ่อน ผ้าสไบปักดิ้นทองพาดบ่าดูงดงามราวเจ้าหญิงในนิทาน ดวงตาคู่นั้นมีแววเขินอายปนความปลื้มปิติในทุกการเคลื่อนไหว ข้างเธอ​ นาราและพราว

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 105 ไม่มีใครต้องถูกทอดทิ้งไว้กับอดีต

    เมื่อรถจอดลงหน้าบ้าน เธอก็ทำท่าจะเปิดประตูลงเองตามปกติ แต่เสียงเขาห้ามไว้ก่อน “เดี๋ยว ผมไปด้วย” เขาเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วเดินอ้อมมาที่เธอ ขณะเธอหันมามองด้วยความแปลกใจ “คุณจะ…เข้าไปเหรอคะ?” เธอถามเบา ๆ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความสั่น เขาพยักหน้า ช้า ๆ หนักแน่น “ผมอยากไหว้แม่ของคุณ…” “ก็ในเมื่อคุณเป็นผู้หญิงที่ผมรัก​ แม่ของคุณ…ก็คือคนที่ผมเคารพด้วยหัวใจ” เขาพูดเรียบ ๆ แต่ทุกคำกลับแน่นลึกเหมือนสัญญาที่ออกมาจากหัวใจ และนั่นเพียงพอที่จะทำให้เธอพยักหน้า ยิ้มจาง ๆ แล้วพาเขาเดินตามเข้าบ้านไปอย่างเงียบ ๆ เสียงเปิดประตูบ้านไม้ดังเบา ๆ ในยามเย็น ลาริสาก้าวเข้ามาเงียบ ๆ ข้างกายมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามเข้ามาช้า ๆ เขาไม่ได้ใส่สูท ไม่ได้มีภาพลักษณ์ของนักธุรกิจใหญ่โต…มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา กับสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยแรงใจที่แน่วแน่ ป้านวลที่จัดโต๊ะอาหารอยู่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นผู้มาใหม่ “แม่คะ…” ลาริสาเรียกเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วข้าง ๆ รถเข็น “นี่คือคุณภานุวัฒน์ค่ะ…” แววตาคุณภาวินีขยับวูบ​ ไม่มีคำถาม ไม่มีความประหลาดใจ มีเพียงสายตาที่ไล่มองเขาช้า ๆ เหมือน

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 104 ก็ว่าแล้ว...มันไม่ธรรมดาแน่

    ขาของเธอสั่นน้อย ๆ จนต้องยึดแขนเขาไว้แน่น เขาจึงแกล้งเอ่ยเสียงเบาแฝงแววขบขัน “ดูเหมือนร่างกายคุณจะอ่อนแอไปหน่อยนะครับ…สงสัยต้องพามาออกกำลังกายแบบนี้บ่อย ๆ” “หยุดเลย!” เธอตีเขาอีกครั้ง ใบหน้ายังแดงเรื่อ ดวงตาวาววับทั้งขวยเขินทั้งหมั่นไส้ “เย็นนี้รอผมนะ เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาพูดขณะจัดปกเสื้อให้เธอเรียบร้อย เธอพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มจาง ๆ พลางสูดหายใจลึก เตรียมจะกลับเข้าไปในชั้นเรียนอีกครั้ง และในจังหวะที่เธอก้าวออกจากประตู เธอก็ยังได้ยินเสียงเขาไล่หลังมาเบา ๆ ว่า “แต่ถ้าคุณคิดถึงผมก่อนถึงเวลาเลิกงาน ก็แวะมาหาผมที่ห้องนี้ได้ตลอดนะครับ” ... เสียงเปิดประตูดังแผ่วขณะลาริสาก้าวกลับเข้ามาในห้องเรียน แสงจากหน้าต่างทอดผ่านโต๊ะไม้ยาวในบรรยากาศเงียบสงบ นักเรียนยังคงก้มหน้าตั้งใจเขียนแบบฝึกหัดตามคำสั่งจากครูพี่เลี้ยงที่คุมชั้นไว้ชั่วคราว เธอกลืนน้ำลายเบา ๆ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อปรับอารมณ์ แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟัง ขาที่ยังสั่นเล็กน้อยในทุกก้าวทำให้เธอต้องเกาะขอบโต๊ะด้านหน้าไว้ ริมฝีปากร้อนผ่าว ดวงตาแอบเหลือบมองบานประตูหลังห้องที่เธอเพิ่งเดินผ่านราวกับภาพเมื่อครู่นั้นยังซ้อนทับอยู่ตรงนั้น ‘คุ

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 103 รู้แล้วใช่ไหมว่าผมรักคุณขนาดไหน

    ริมฝีปากร้อนจัดแตะแผ่วที่ลาดไหล่เธออย่างอ้อยอิ่ง ราวกับซึมซับทุกคำตอบที่ยังไม่หลุดจากริมฝีปาก “ฉัน…รู้ใจตัวเองแล้ว…” เสียงเธอสั่นพร่าราวกับจะขาดหายทุกครั้งที่เขาแตะต้อง “ฉันรักคุณ…ฉันยอมรับ…แม้ว่าฉันจะไม่รู้เลยว่า…คุณรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่…คุณรัก…หรือคุณแค้น…หรือคุณเกลียดกันแน่…” คำพูดนั้นทำให้เขาชะงัก ปลายนิ้วที่กำลังไล้ต่ำอยู่แถวเอวหยุดค้างอยู่กลางอากาศชั่วขณะ แววตาเขานิ่งงันเหมือนจมหายไปกับบางสิ่งที่อัดแน่นในอก ก่อนที่ชั่ววินาทีนั้น เขาจะก้มหน้าลงอีกครั้ง​ พร้อมกระซิบเสียงแผ่วชิดริมผิวเนื้อ “คุณยังไม่รู้อีกหรอ…ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกับคุณ…” มือเขาเลื่อนไปที่กระดุมเสื้อเธอ แล้วค่อย ๆ ปลดมันทีละเม็ด ทุกจังหวะช้า…แต่ชัดเจนและแน่วแน่ เธอสั่นสะท้าน พยายามยกมือขึ้นห้าม…แต่เรี่ยวแรงที่มีดูไร้น้ำหนักเมื่อเขารั้งเธอไว้แน่นขึ้น “ผมไม่ได้อยากครอบครองคุณเพราะความแค้น…” เขากระซิบ “ผมไม่ได้แตะต้องคุณเพราะต้องการทำร้าย…” “แต่เพราะทุกครั้งที่มองคุณ ผมหยุดตัวเองไม่ได้…” และยิ่งเขาพูด…ปลายนิ้วก็ยิ่งลึกซึ้ง ทุกคำสารภาพหลุดออกจากปากเขา พร้อมกับสัมผัสที่รุกล้ำเข้าไปทีละนิด ทีละลมหายใจ

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 102 จะไม่หนีหัวใจของตัวเองอีกแล้ว

    เธอพูดต่อทั้งที่เสียงยังเรียบ​ แต่เนื้อเสียงกลับกัดลึกยิ่งกว่าคำใด “ฉันเห็นนะคะ ฉันเห็นคุณเปิดประตูรถให้เธอ ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ แล้วยังเดินเข้าไปในร้านด้วยกัน…มันเป็นภาพที่ชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลยด้วยซ้ำ” เธอยิ้มบาง แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความตัดพ้อที่พยายามกลบไว้ในรอยยิ้มประชด “พวกคุณดูเหมาะกันดีนะคะ สวย หล่อ สมกันดี ฉันขอโทษที่เผลอเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น” เขาไม่ตอบทันที แต่เสียงที่หลุดจากปากในวินาทีนั้น กลับทุ้มต่ำ…และตรงประเด็นอย่างน่าตกใจ “คุณหึงเหรอ?” คำถามที่ทิ่มแทงลงไปตรงใจ ลาริสาสะบัดหน้า เธอกำลังจะลุกหนี แต่เขากลับไม่ปล่อยให้เธอไปง่าย ๆ “ฉันจะหึงทำไมคะ?” เธอพูดเร็ว “คุณไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน คุณจะควงใครไปถ่ายรูปก็เรื่องของคุณ” เพียงแค่นั้น…เขาก็รู้แล้ว รู้โดยไม่ต้องถามต่อ เขายกมือขึ้นช้า ๆ ปลายนิ้วหยาบกร้านลูบไล้แก้มเธอแผ่วเบา สายตาของเขามองตรงเข้าไปในดวงตาเธอที่กำลังสั่น และในขณะที่เธอกำลังจะขยับตัวหลบ เขาก็รั้งเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย เสียงของเขาแผ่ว…แต่ชัดเจนจนไม่มีพื้นที่ให้เข้าใจผิดอีกต่อไป “ฟังผมนะ…” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นกระทบผิวแก้มเธอ “ผู้ห

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status