หลันเล่อยิ้มแม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่ดื้อรั้นแต่ภายในหลันเล่อกับรู้สึกว่า ในตอนนี้ไม่มีใครดีไปกว่าถงหมิ่น
“หลันเซ่อฮ่องเต้ มีท่าทีเช่นไร”
ต้าหมิงคุน ยืนเอามือไพล่หลังสิบแปดปีที่ผ่านมาใบหน้าแม้จะไร้รอยยิ้มทว่า กลับหล่อเหลาในแบบของบุรษหนุ่มที่องอาจสายตาประดุจเหยี่ยวคมกริบ หนวดเครารกครึ้ม
“ก็เพียงแต่ตัดพ้อ ความจริงฝ่าบาทไม่จำเป็นไปที่นั่นก็ได้ ไม่เห็นว่าจะต้องให้ความสำคัญกับเผ่าเล็กๆ เช่นนั้น”
“หลันเซ่อ หมดความน่าเกรงขามแล้ว หลันตี้ต่างหากที่ข้ากังวล หลันตี้ผู้ซึ่งตอนนี้ มีอำนาจยิ่งใหญ่ไม่แพ้หลันเซ่อแล้วอีกอย่างตอนนี้หลันตี้ เจรจากับเผ่าต่างๆ รวบรวมชนเผ่าเป็นปึกแผ่น นับว่าน่าหวั่นใจไม่น้อย”
“ฝ่าบาทก็ทำแบบเดิม ที่แคว้นหานมักจะเดินหมากในรูปแบบเดิม”
“สานสัมพันธ์โดยการแต่งงานอย่างนั้นหรือ.. ข้ายังไม่มีรัชทายาท เรื่องนี้คงต้องเลิกล้ม”
“ฝ่าบาท ข้าน้อยได้ยินมาว่า องค์หญิงรองเพิ่งจะโตตอนนี้งดงามจนเล่าขานไปทั่ว หลายชนเผ่าที่ยอมสวามิภักดิ์กับปาเอ่อถัวเพราะหมายมั่นองค์หญิงรองผู้นี้”
“ข้าบอกว่าขายังไม่มีรัชทายาทหากจะมีก็คงจะไม่ทันกาล”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเองยังไร้ฮองเฮา”
ต้าหมิงคุน ขมวดคิ้วนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องรักใคร่ตั้งแต่.. เมื่อไหร่กัน
“ฉึก”
เสียงธนูแหวก พงไม้เข้าหากระโจมใหญ่ เสียงโห่ร้องของโจรตามแนวชายแดนที่ชื่อว่าพรรคจิ้งจอกดำเข้าล้อมกระโจมใหญ่ เหล่าทหารชักทั้งดาบและกระบี่ออกห้ำหั่น จื่อจื่อยกมือขึ้นกันต้าหมิงคุนไว้ โยนเสื้อคลุมของสีทึบให้กับต้าหมิงคุน เพื่อปลอบตัวเป็นเพียงทหารธรรมดา พวกโจรฮึกเหิมพุ่งเข้ามาราวห่าฝน ในหุบเขาเริ่มอับแสง ดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว
“ฝ่าบาทเร้นกายไปก่อนจื่อจื่อจะอยู่ที่นี่หลอกล่อพวกมัน ทางที่ดีอย่าเปิดเผยฐานะพวกโจรจิ้งจอกดำ มักจะออกปล้นฆ่าคนที่มาพักค้างแรมที่หุบเขาทั้งพ่อค้าและคหบดีฝ่าบาทรีบหนีไปเสียพวกมันเหี้ยมโหดยิ่งนัก”
ต้าหมิงคุนคว้ากระบี่ หันหลังพุ่งตัวออกจากกระโจมไปในทันที
แต่หาได้รอดสายตาของโจรจิ้งจอกดำไม่ร่างสูงของหัวหน้าโจรบุกทะลวง ให้กระบี่ในมือกางกั้นไว้ จื่อจื่อถลาเข้าใช้กระบี่ของตัวเองรับคมกระบี่ของโจรป่าเสียงดังลั่น อีกคนพุ่งตรงเข้ามาจากด้านหลัง เงื้อกระบี่ฟันฉับเข้าที่แผ่นหลังของต้าหมิงคุน
“เอือก”
เลือดสีแดงไหลทะลัก
“ใครฆ่า ฮ่องเต้แค้วนหานได้มีรางวัลอย่างงาม”
เสียงตะโกนดังลั่นเท่านั้นเองกระบี่นับสิบพุ่งตรงเข้าใส่ต้าหมิงคุน จื่อจื่อพุ่งเข้ามาพยุง ต้าหมิงคุน
“ฝ่าบาทไหวหรือไม่”
ต้าหมิงคุนพยักหน้าหงึกหงัก
“ข้าจะต้านพวกมันไปไว้ฝ่า่บาทหาทางหนีไปเสีย”
พูดเสร็จก็ทะยานขึ้นด้านบนกวัดแกว่งกระบี่เป็นวงกลม ฟาดฟันเหล่าโจรป่าล้มลุกคลุกคลาน ต้าหมิงคุนได้โอกาสพุ่งเข้าไปในดงไม้ทะยานขึ้นสู่คาคบไม้ พุ่งตัวไต่ไปตามกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว
บาดแผลฉกรรจ์ที่แผ่นหลังทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด เพียงครู่สายตาก็พร่ามัวก่อนที่ร่างสูงจะทะยานลงจากกิ่งไม้เอนกายลงพิงต้นไม้ใหญ่สติดับวูบด้วยทนพิษบาดแผลไม่ไหว
“ตื่นๆๆๆ อย่าเพิ่งตาย ข้าเป็นองค์หญิงสั่งห้ามให้เจ้าห้ามตาย”
หลันเล่อตวาดดังลั่นมือไม้สั่นด้วยไม่เคยเห็นคนที่ถูกทำร้ายมาก่อน ตรงเข้าพยุงต้าหมิงคุนที่ยกกระบี่ขึ้นมาขวางไว้ไม่ให้หลันเล่อเข้าใกล้
“จะตายอยู่แล้วยังทำเก่ง ตกลงจะให้ข้าช่วยไหม”
ต้าหมิงคุนหลี่ตาก่อนจะดึงร่างบางพลิกตัวขึ้นทาบทับยกมือขึ้นอุดปากหลันเล่อไว้แน่น
“เงียบ”เค้นเสียงพูด
เสียงวิ่งฝ่าดงไม้อีกทาง หลันเล่อหุบปากสนิททั้งๆที่อยากจะโวยวายที่ถูกทับไว้อย่างนั้น
“ปล่อยข้า”
เสียงคนวิ่งผ่านไปแล้ว ดวงจันทร์บนฟากฟ้าโผล่พ้นเงาเมฆ ต้าหมิงคุนจ้องใบหน้างดงามเต็มตา
“ลี่หลันเล่อ”
ฟุบหน้าลงบนอกอุ่นหมดสติไปในทันที
หกเดือนผ่านไป“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าบาทจะสวรรคตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าบาทงานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”น้ำตารื้นขอบตา“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลให้กับฝ่าบาทในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”“อืม ฝ่าบาทหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้”“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกทาง”เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงหมิ่นกับหานจงคอยอารักขา”จื่อจื่อประสานมือ“ขอบใจท่านองครักษ์”สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าหมิง
“ข้าไม่เคยรักเจ้าเมิ่งเม่ย”ต้าหมิงคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ไม่ไม่จริงฝ่าบาทรักข้าฝ่าบาทเลยลงทัณฑ์นาง” ต้าหมิงคุน ขยับตัวด้วยความยากลำบาก“หมอหลวง ตามหมอหลวง”หลันเล่อตะโกนลั่น“เจ้าอภัยให้ข้าแล้วใช่ไหม”“ไม่ฝ่าบาทอย่าอภัยให้นางนางเป็นคนที่ ทำร้ายเมิ่งเม่ยได้ยินไหมฝ่าบาทรักเมิ่งเม่ยฝ่าบาทจะต้องเกลียดนาง”“คนที่ข้ารักคือหลันเล่อได้ยินไหมเมิ่งเม่ย คนที่ข้ารักก่อนหน้านั้นคือลี่หลันเล่อและตอนนี้คนที่ข้ารักคือเอ่อหลันเล่อ”กระอักเลือดสดสดออกมา หลันเล่อกอดร่างเปื้อนเลือดสะอื้นไห้ เมิ่งเม่ยยิ้มหยัน“ฝ่าบาทไม่รักเจ้าได้ยินไหมเมิ่งเม่ยได้ยินไหมเจ้ามันนางแพศยา เจ้ารู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เคยรักเจ้า”เมิ่งเม่ยตะโกนดังลั่นสติเลื่อนลอย คล้ายดังคนเมา ชี้มีดไปตรงหน้าเอ่อหลันเล่อ“เจ้ากลับมาทำไม กลับมาทำไมทั้งๆ ที่ข้ากับฝ่าบาทกำลังจะลงเอยด้วยดี ฝ่าบาทกำลังจะลืมเจ้า นางมารเจ้ากลับมาทำไม”“เมิ่งเม่ยส่งมีดให้ข้า”จื่อจื่อค่อยๆ ขยับกายเข้าใกล้“ไม่พี่ใหญ่ข้าฆ่าคนที่นางรักนาง จะต้องทวงแค้นข้าเหมือนที่ผ่านมา พี่ใหญ่ข้าเกลียดนางได้ยินไหมแต่เพราะสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้า มีข้าจะต้องมีนางแล้วยังให้นางเหนือกว่าข้า
“ข้าไม่อาจทนเห็นความขัดแย้งและข้า..ข้าไม่อาจดูดายที่จะให้ท่านอาฝ่าบาทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”“หลันเล่อเจ้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายข้า คลุมตัวข้าหรือ เรามิใช่พี่น้องกันหรือไร”สายตาแสดงความผิดหวังหลันเล่อก้มหน้า“ฝ่าบาท หลันเล่อมีบางอย่างอยากจะขอ ปล่อยพี่ใหญ่ไปเสีย”ต้าหมิงคุน พยักหน้าไปมา“ข้าไม่คิดจะกล่าวโทษเขาอยู่แล้วเพียงแค่เขากลับใจ อย่างไรความสัมพันธ์สองแคว้นยังเป็นเหมือนเดิมเพราะท่านน้ายังอยู่ที่นั่นและเจ้ายังอยู่ที่นี่”“ข้ายินดีคุมตัวเขากลับปาเอ่อถัวด้วยตัวเอง”หยางซานชิงอาสา เหลือบตามองหลันเล่อด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่อาจเคียงข้างนางได้หลันเล่อทรุดกายลงข้างๆ หลันตี้“พี่ใหญ่ กลับไปที่ปาเอ่อถัวเสียเถิด”หลันตี้สะบัดมือจ้องหน้าหลันเล่อด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน“เจ้ากับข้าขาดกันตั้งแต่วันนี้ ข้าทำทุกอย่างเพื่อปาเอ่อถัวให้รุ่งเรืองแต่เจ้ากับเห็นแก่ผู้อื่น”หลันเล่อสะอื้นอย่างแรง“ข้าผิดเอง หลันเล่อไปอาจเกลียดชังได้เท่าที่ลี่หลันเล่อต้องการหลันเล่อไม่อาจ...ตัดใจจากคนที่ทำร้ายทำลายตัวเองในครั้งก่อนได้ เพราะที่หลันเล่อเห็นคือฝ่าบาทที่ใจดีที่สุด”หยางซาน
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา