หลังจากที่ดูหนังจบจิรายุก็พาเธอกลับมาถึงบ้านราวๆสี่ทุ่มกว่า พอมาถึงก็พบว่าผู้สูงอายุทั้งสองท่านนั้นได้ขึ้นห้องเข้านอนกันหมดแล้ว เธอและจิรายุจึงได้แยกย้ายห้องใครห้องมันบ้าง
พอเปิดประตูเข้าห้องไป อิงรดาก็จัดการอาบน้ำอาบท่า มองเข็มนาฬิกาก็พึ่งจะห้าทุ่มกว่าและหนังตาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลย นี่ก็พึ่งจะเข้าสามสี่วันเองที่เธอกลับมา สงสัยว่านาฬิการ่างกายเธอคงจะยังไม่ได้การปรับเปลี่ยนเป็นเวลาที่เมืองไทยเป็นแน่ คิดได้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คก็ถูกหยิบออกมาวางเพื่อค้นหาซีรี่ย์แนวลึกลับผจญภัยและโลกคู่ขนานที่ดูค้างไว้ตั้งแต่อยู่ที่โน่น อาทิตย์นี้คงน่าจะลงตอนใหม่มาหลายตอนแล้ว นานแค่ไหนกันนะที่เธอดูค้างเอาไว้
เนื้อหาในซีรี่ย์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเด็กๆที่พากันตามหาเพื่อนที่หายตัวไปในโลกคู่ขนาน ในนั้นมีทั้งสัตว์ประหลาดและเรื่องราวแปลกๆลึกลับเต็มไปหมด อิงรดาไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบดูหนังแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่เป็นคนไม่ชอบดูแนวสยองขวัญสั่นประสาท แต่ซีรี่ย์เรื่องนี้กลับทำให้เธออยากติดตามดูตอนต่อไปได้เรื่อยๆ
ตอนแรกจบไปก็ต่อไปตอนที่สอง ปกติแล้วซีรี่ย์จะลงแค่อาทิตย์ละตอน แต่นี่มีดองค้างไว้อยู่เป็นสิบ นั่นหมายความว่าคงจะนานมากแล้วจริงๆที่เธอไม่ได้เข้ามาตามต่อ เหตุผลคงเป็นเพราะว่าช่วงเดือนสองเดือนหลังมานี้เอาแต่โฟกัสกับเรื่องสอบ พอสอบเสร็จก็เตรียมตัวทำเรื่องย้ายกลับเมืองไทย จนลืมไปเสียสนิทว่ามีดูซีรี่ย์เรื่องนี้ค้างอยู่
ดูไปดูมาก็ชักจะเริ่มเหงาปาก อยากลุกออกไปหาอะไรมานั่งเขี้ยว นิสัยนี้อิงรดาพยายามแก้แต่ก็ยังไม่ยอมหาย ดีที่ว่าร่างกายเธอคงจะมีระบบเผาผลาญที่ดี ไม่ว่าเธอจะตื่นขึ้นมากินอะไรดึกๆดื่นๆน้ำหนักก็ไม่เคยดีดขึ้นมารบกวนจิตใจ
"ดูหนังทีไรเป็นแบบนี้ทุกที ไม่รู้ว่าในครัวจะมีขนมให้กินไหม ลองออกไปดูสักหน่อยดีกว่า"
ว่าแล้วซีรี่ย์หน้าจอก็ถูกกดหยุดเอาไว้ก่อน จากนั้นประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก แล้วอิงรดาจึงได้รีบเดินตรงเข้าไปยังครัว ขนมขบเขี้ยวที่อยู่บนชั้นวางบนตู้ถูกแกะออกจากซองแล้วเทลงใส่จาน จากนั้นน้ำอัดลมกระป๋องก็หยิบออกมาจากตู้เย็นด้วย
หลังจากจัดเตรียมเสบียงในการดูหนังได้ครบเรียบร้อย อิงรดาก็หยิบทุกอย่างขึ้นมาหอบไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะต้องตกใจเมื่อหันกลับไปในขณะที่จิรายุก็เดินสวนเข้ามา ทำเอาคนที่แอบซุ่มมาขนเสบียงอย่างเงียบๆนั้นแทบจะเผลอปล่อยทุกอย่างลงพื้น
"คุณเจตน์!"
"ไหนตอนเย็นเธอบอกว่าอิ่มจนพุงจะแตก แล้วนี่อะไรกันอิง"
"คือว่าหนู หนูนอนไม่หลับค่ะคุณเจตน์ คงน่าจะยังไม่ชินเวลาก็เลยหาหนังดู แล้วทีนี้ดูไปดูมามันก็เกิดเหงาปากก็เลยลองออกมาหาขนมไปกิน"
"กินทั้งขนมทั้งน้ำอัดลมแบบนี้ไม่กลัวอ้วนหรือไง"
"โชคดีที่หนูเป็นคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนน่ะค่ะ สงสัยว่าพยาธิคงจะเยอะ ว่าแต่นี่คุณเจตน์ก็ยังไม่นอนอีกเหรอคะดึกดื่นป่านนี้"
"อื้ม พอดีพึ่งคุยกับนนท์เสร็จน่ะ งานมีปัญหานิดหน่อย นนท์ก็เลยต้องไปจัดการเมื่อตอนเย็นนี้คนเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วฉันเองก็น่าจะไปช่วยด้วย แต่เจ้านนท์มันไม่ยอมบอก" แบบนี้นี่เอง ดูท่าว่าจิรายุคงจะเป็นห่วงนพนนท์มากที่ปล่อยให้ฝ่ายนั้นแก้ปัญหาคนเดียวทั้งๆที่เขาควรจะอยู่ช่วยด้วย หน้าตาก็เลยเศร้าสร้อย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้สึกผิด
"ว่าเเต่เธอดูหนังเรื่องอะไรอยู่เหรอ"
"หนูดูซีรี่ย์ค่ะ แนวลึกลับสยองขวัญไซไฟ ลงแค่อาทิตย์ละตอน นี่หนูดูมาตั้งแต่อยู่ที่โน่นแล้วยังไม่จบเพราะมัวแต่เร่งเรื่องเรียน ตอนนี้น่าจะพอมีเวลาแล้วเลยกะว่าจะตามเก็บเสียหน่อย"
"งั้นเหรอ ฉันเองก็มีดูไว้อยู่เรื่องหนึ่งเหลืออีกแค่สองตอนก็คงจะจบแล้วล่ะ"
"คุณเจตน์ดูเรื่องอะไรเหรอคะ"
"Things & Stranger"
"อ้าว เรื่องเดียวกันเลย นี่หนูก็กำลังดูค้างอยู่ น่ากลัวมากๆ ยิ่งตอนที่สัปหลาดพากันออกมาจากอีกโลก หนูต้องหลับตาเอาไว้ไม่กล้าดูเลยค่ะ"
"เธอนี่ก็เวอร์ไป ถ้ากลัวขนาดนั้นแล้วจะไปดูทำไม"
"ก็มันสนุกนี่คะ กลัวก็กลัว แต่ว่าก็อยากดูด้วย"
"ไหนเธอดูถึงตอนไหนแล้ว งั้นก็เข้าไปดูต่อสิเดี๋ยวฉันเข้าไปนั่งดูด้วย เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม"
อิงรดาพอได้ยินว่าจิรายุจะตามเข้าไปดูด้วยก็เกิดอาการชะงักไปบ้าง ความคิดอันดับแรกที่โผล่มาเลยก็คือเขาเป็นผู้ชาย แต่ความคิดอันดับสองที่ตามมาก็คือเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรหรอก ขนาดคุณกนกวรรณยังย้ำนักย้ำหนาเลยว่าให้เธอหาทางจัดการแยกจิรายุและนพนนท์ออกจากกันให้ได้ ยิ่งถ้าทำให้หลานชายของเธอนั้นหันกลับมาชอบผู้หญิงด้วยก็จะยิ่งดี ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เดินนำหน้าจิรายุเข้าห้องไป
ถ้วยใส่ขนมและน้ำอัดลมถูกวางลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเปิดวางค้างอยู่ พอจิรายุเดินพ้นเข้ามาแล้วประตูห้องเธอก็ถูกปิดลง หากแต่ในมือของเขากลับถือกระป๋องเบียร์เข้ามาด้วย
"ฉันปิดประตูนะ เธอคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม กลัวว่ามันจะเสียงดังจนป้าไก่กับยายนางนอนไม่หลับน่ะ"
"ได้ค่ะคุณเจตน์ ไม่เป็นไร"
จิรายุเลือกที่จะหย่อนกายนั่งลงไปบนพื้นด้านหน้าโซฟาแทนที่นั่งด้านบน เรือนกายสูงใหญ่ขยับซุกเข้าไปในกองผ้าห่มที่เธอลากลงมาจากเตียงเพื่อทำเป็นเกาะป้องกันความกลัวเวลาดูหนังคนเดียวทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยถาม อิงรดามองดูการกระทำเหล่านั้นก็รู้สึกถึงความเศร้าๆที่โชว์หราอยู่บนใบหน้าของจิรายุอย่างชัดเจน จนเธอเกิดความสงสารและสงสัยว่าเหตุใดจิรายุถึงได้มีอาการเช่นนี้
"คุณเจตน์ไม่นั่งข้างบนล่ะคะ"
"ไม่ล่ะ ดูหนังมันก็ต้องนั่งข้างล่างแบบชิดหน้าจอแบบนี้สิ นั่งข้างบนจะไปสนุกอะไร มาเร็วดูต่อเถอะ"
ว่าแล้วคนตัวใหญ่ก็ตบผ้าห่มเรียกเธอปุๆเพื่อให้เข้าไปนั่งในผ้าห่มด้วย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น สมัยที่ทั้งเขาและเธอยังเด็กมันก็เคยเกิดขึ้น หากแต่นานมาแล้ว พอจิรายุย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ตัวเขาเองก็ทั้งไปเรียนต่อ พอกลับมาก็เริ่มฝึกงานที่โรงงาน จนทำให้ระหว่างเธอกับเขานั้นเกิดช่องว่างระหว่างวัยขึ้น
อิงรดาเดินก้าวเข้าไปในกองผ้าห่มช้าๆแล้วจิรายุก็เปิดกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่ม เธอหันไปมองเขา ในขณะที่เขาเริ่มคลิกเม้าท์เพื่อให้ซีรี่ย์นั้นได้ดำเนินต่อ
"เธอพึ่งดูถึงตอนนี้เองเหรอ"
อิงรดาไม่ได้ตอบหากแต่ยังคงสงสัยว่าจิรายุกำลังเศร้าเรื่องอะไร ดูจากที่เขายกเบียร์ขึ้นดื่มไม่หยุดแล้ว เธอว่ามันคงน่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
"คุณเจตน์ มีเรื่องไม่สบายใจเหรอคะ หนูเห็นคุณดื่มเอาๆแบบนี้เดี๋ยวก็เมาแย่หรอกค่ะ"
"อื้ม โดนแฟนบอกเลิก เเล้วเขาพึ่งบอกว่ากำลังจะไปแต่งงานใหม่" จิรายุไม่ได้อ้ำอึ้งหรือลังเลที่จะตอบคำถาม หากแต่เขาเลือกที่จะพูดมันกับเธอออกมาตรงๆเลย ราวกับว่าระหว่างเธอกับเขานั้นยังคงสนิทกันเหมือนเมื่อก่อน
"ทำไมแฟนคุณเจตน์ถึงได้ทำแบบนั้นล่ะคะ คุณเจตน์ผิดอะไร ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับคุณเจตน์จัง"
"เขาบอกว่าฉันไม่สามารถให้สถานะกับเขาได้ อยู่กันไปก็มีแต่หลบๆซ่อนๆ อันที่จริงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ใหม่อะไรหรอก ฉันกับเขาคบๆเลิกๆกันมานานแล้ว แต่ครั้งนี้มันหนักตรงที่เขาบอกว่าจะแต่งงาน ฉันก็เลยไม่รู้ว่าควรต้องรู้สึกยังไง ควรจะดีใจกับเขาที่จะได้มีชีวิตใหม่หรือเศร้าที่ถูกเขาทิ้งไปดี"
แบบนี้นี่เอง ที่แท้จิรายุก็อยากพยายามทำเพื่อนพนนท์ ถึงว่าจิรายุถึงได้พยายามพานพนนท์มาเปิดตัวกับที่บ้านบ้าง ขนาดโดนนพนนท์หอมแก้มต่อหน้าเธอเขาก็ยังไม่ว่า ที่แท้จิรายุก็อยากจะแสดงให้นพนนท์เห็นว่าเขายอมที่จะคบหากับนพนนท์แบบเปิดเผย แต่นั่นมันคงจะยังไม่เป็นที่พอใจ นพนนท์เลยถือโอกาสบอกเลิกเขาเสียก่อน
คุณเจตน์ของเธอช่างน่าสงสารมาก..
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื