หลังจากปล่อยให้เธออยู่บ้านได้แค่เพียงสองวัน คุณกนกวรรณก็ทำการส่งเธอให้ติดสอยตามจิรายุออกไป ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน หน้าที่ของเธอก็คือต้องคอยรายงานโดยห้ามจิรายุรู้ อีกทั้งยังต้องคอยจดบันทึกรวบรวมข้อมูลสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนรักว่าพอจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใด เพื่อที่ว่าคุณกนกวรรณเองจะได้ช่วยหาทางในการคิดวิเคราะห์แยกแยะและจัดการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเสีย
"เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับนนท์นะ จะไปด้วยไหมหรือถ้าไม่เธอก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านเองก่อนได้เลย"
และพอทันทีที่เธอรายงานความเคลื่อนไหนนี้ไป แน่นอนว่าคุณกนกวรรณไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอลอยหน้าลอยตากลับบ้านไปก่อนแน่ๆ ยังไงเสียเธอก็ต้องตามเขาไป แม้ว่าในใจจะไม่ได้อยากไปเป็นก้างขัดขวางช่วงเวลาความสุขของเขากับคนรักเลยสักนิด แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ คิดแล้วอยากนั่งร้องไห้ตรงนี้
"แล้วถ้าหนูไปด้วย คุณเจตน์กับคุณนนท์จะโอเคเหรอคะ"
"แล้วเพราะอะไรถึงจะไม่โอเคล่ะ ในเมื่อเธอทำงานกับฉัน ที่ไปกินข้าวกันนี่ก็เผลอๆไปคุยกันเรื่องงานด้วยซ้ำ แต่ที่ถามเธอก่อนก็เผื่อว่าเลิกงานแล้ว เผื่อว่าเธอมีธุระอะไรต่อที่ไหน"
"หนูไม่มีธุระที่ไหนหรอกค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณเจตน์ไม่ว่าอะไรจริงๆงั้นหนูขอตามไปด้วยนะคะ ไม่ได้เดินห้างที่ไทยนานแล้ว จะขอไปอัพเดตสักหน่อย"
"อื้ม ก็ไปสิ"
"ว่าแต่ว่าคุณนนท์ไม่ว่าแน่จริงๆนะคะ"
"นนท์มันจะไปว่าเธอทำไม แค่ฉันลากเธอไปกินข้าวด้วยแค่นี้ เธอนี่ก็ถามแปลกๆ"
จากนั้นพอถึงเวลาเลิกงานจิรายุก็พาเธอขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ อิงรดาเพลิดเพลินกับการมองนั่นมองนี่ไปรอบๆระหว่างที่จิรายุยังคงยืนรอนพนนท์ จากที่เห็นภายในเวลาเพียงแค่สี่ปี หลายสิ่งหลายอย่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก บางอย่างหายไป บางอย่างผุดทยอยขึ้นมาทดแทน กระทั่งเธอและจิรายุยืนคอยนพนนท์อยู่อย่างนั้นน่าจะราวๆสิบห้านาที จิรายุก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนพนนท์ว่าตนเองติดธุระด่วน ทำให้ไม่สามารถมาตามนัดได้ การนัดหมายถือเป็นอันว่า ล่ม
"นนท์ติดธุระ มาไม่ได้"
"งั้นคุณเจตน์จะกลับเลยไหมคะ"
"เธออยากกลับเหรอ ไหนว่าไม่ได้เดินห้างนานแล้วไง ตามมาสิเดี๋ยวพาไปกินของอร่อยๆ"
จากนั้นก็เป็นอันว่าจิรายุพาเธอไปตะลุยตามร้านต่างๆ เดินเข้าร้านนั้นเดินออกร้านนี้ กินไปกินมาสามสี่ร้านเธอก็เลยบอกเขาไปว่าให้พอแค่นี้ก่อน เพราะกระเพาะเธอไม่สามารถที่จะไปต่อได้แล้วนั่นแหละเขาถึงได้หยุด
"ทำไมกินน้อยจัง ไหนบอกว่าคิดถึงอาหารไทย"
"ไอ้คิดถึงน่ะมันก็ใช่ แต่คุณเจตน์ที่พามานี่มันร้านที่สี่แล้วนะคะ สงสารกระเพาะหนูเถอะค่ะ ไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว"
"ถ้างั้นระหว่างนี้จะไปเดินช้อปปิ้งย่อยอาหารก่อนไหม แล้วค่อยกลับ"
"หนูยังไงก็ได้ค่ะ ตามใจคุณเจตน์"
แล้วอิงรดาก็ถูกจิรายุดึงแขนให้เดินตามไป แม้ว่ามองตามข้างหลังแล้วเขาจะมีรูปร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี แต่พอมองลงไปยังข้อมือเล็กของตัวเองที่ถูกฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้ ความรู้สึกที่มีต่อเขามันก็ชักเริ่มจะแปลกๆ อยู่ๆอิงรดาก็รู้สึกราวกับว่าจิรายุนั้นเป็นเสมือนเพื่อนสาวหรือพี่สาวเธอไปซะอย่างงั้น คงเป็นเพราะว่าเธอดันไปล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาเข้าแล้วว่าเขาไม่ได้มีใจชอบผู้หญิง ก็เลยทำให้เธอรู้สึกกับเขาแบบนี้
"ดูชุดนี้สิฉันว่ามันเข้ากับเธอดีนะ บ้านเราอากาศร้อน จะตาย เธอก็หัดใส่สั้นๆอย่างคนอื่นเขาซะบ้าง ดูสิเเต่ละคนเดินมามีแต่คนใส่สั้นๆกันทั้งนั้น นี่ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนะจะใส่สั้นยิ่งกว่านี้อีก เอาให้แบบว่าพวกผู้ชายตะลึงกันไปเลยดีไหม"
จิรายุพูดเองขำเองก่อนจะดึงแขนเธอตรงเข้าไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นจึงยกพวกมันขึ้นมาทาบทับไปบนตัวเธอ แล้วสิ่งเหล่านี้ก็มันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของอิงรดาเข้าไปอีกว่าสิ่งที่จิรายุทำอยู่นี่มันฟีลเพื่อนสาวชัดๆ
จิรายุพาเธอเดินเลือกชิ้นนั้นหยิบลองชิ้นนี้ ลองคิดเปรียบเทียบดูว่าถ้าเป็นผู้ชายปกติ เขาจะไม่มีทางที่จะสนใจหรือเต็มใจมาช่วยผู้หญิงเลือกซื้อเสื้อผ้าแน่ๆ แต่ละคนคงเอาแต่บ่นว่านานไม่ก็คงรำคาญ หากแต่จิรายุกลับทำด้วยความเต็มใจไม่มีบ่นเลย
แต่กระนั้นสิ่งที่จิรายุทำไป กลับทำเอาอิงรดาได้แต่สงสาร หรือมันอาจจะเป็นเพราะว่าชุดพวกนี้จิรายุอยากจะใส่เองแต่เขาไม่สามารถใส่มันได้หรือเปล่านะ โชคก็เลยได้มาหล่นทับอยู่ที่เธอ
"ปกติหนูไม่ค่อยชอบใส่ขาสั้นเวลาออกมาข้างนอกหรอกค่ะ ยิ่งบ้านเราแดดแรงจะตาย ผิวหนูมันคล้ำง่ายแล้วหนูกลัวดำ"
"ถ้าขาวขนาดเธอโดนแดดแล้วผิวคล้ำ งั้นฉันโดนทีไม่มืดเป็นตอตะโกเลยหรือไงอิง"
"พูดอย่างกับว่าคุณเจตน์ดำ ผิวคุณเจตน์ก็ขาวเนียนพอๆกับหนูนี่แหละค่ะ บอกเคล็ดลับบ้างสิคะว่าคุณเจตน์ใช้ครีมอะไร ทำไมหน้านี่เนียนอย่างกับก้นเด็ก"
"ก้นเด็กเลยเหรอ ตกลงนี่ชมใช่ไหม แต่ฉันก็ไม่ได้ใช้อะไรที่มันพิเศษเลยนะ จะมีก็แค่ทาครีมกันแดด"
"โห ดีขนาดนั้นเชียว"
"อยากจะได้บ้างไหมล่ะ เดี๋ยวซื้อให้เลยเซ็ตหนึ่ง ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับที่ได้มาทำงานด้วยกัน"
"เอาค่ะ ของฟรีมีใครบ้างไม่เอา"
"ชอบของฟรี? งั้นเสื้อผ้าพวกนี้ที่หยิบๆมาก็เอาไปด้วยหมดเลย ฉันว่ามันเข้ากับเธอดี"
"โหทำไมคุณเจตน์ใจดีจัง ทำแบบนี้นี่หวังจะติดสินบนอะไรหนูหรือเปล่าคะ"
"รู้ทัน"
จากนั้นจิรายุก็พาเธอไปจ่ายตังค์ชำระเงิน ซึ่งรวมๆแล้วก็หลายบาทอยู่ ว่าแต่เรื่องที่เธอพูดแหย่เขาเมื่อกี้นี้จิรายุพูดจริงหรือเปล่า เขาคงไม่ได้คิดจะใช้ของพวกนี้มาเป็นสินบนในการปิดปากเธอหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะทำใจลำบากหน่อย
"พึ่งจะทุ่มหนึ่งเอง ดูหนังกันสักเรื่องดีไหม"
"คุณเจตน์อยากดูเหรอคะ"
"ก็อันที่จริงวันนี้นนท์ก็ชวนดูอยู่ แต่ดูสิมันผิดนัดเฉย"
'อ๋อ ที่แท้ก็น้อยใจแฟนตัวเอง เลยอยากหาคนไปดูเป็นเพื่อนแก้เซ็งสินะ แต่ก็ได้อยู่แล้ว เห็นแก่ที่จิรายุพึ่งซื้อเสื้อผ้าให้เธอเป็นหอบ'
"ได้ค่ะ คุณนนท์ไม่มาไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูดูเป็นเพื่อนคุณเจตน์เอง"
ว่าแล้วจิรายุก็พาเธอเดินไปยังทิศทางที่โรงหนังตั้งอยู่ ส่วนจะดูเรื่องอะไรนั้นเขาให้สิทธิ์เธอเป็นคนเลือก นี่คงจะยังอยู่ในโหมดน้อยใจที่แฟนผิดนัดจนไม่มีอารมณ์ทำอะไรสินะ หน้าที่เอ็นเตอร์เทนเขาจึงต้องตกมาที่เธอ
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื