“ยายดีใจด้วยนะปิ่นในที่สุดหลานสาวของยายก็มีแฟนสักที” คุณยายละมัยรู้สึกดีใจมากๆ หลังจากปิ่นปินัทธ์เล่าเรื่องที่กรัณย์กรขอเธอเป็นแฟนให้ฟัง
หลานสาวของเธอเคยมีแฟนสมัยที่เรียนอยู่แต่ก็เลิกรากันไปนานแล้วจากนั้นปิ่นปินัทธ์ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจนสอบบรรจุครูได้ที่โรงเรียนใกล้บ้านและเธอก็ไม่เห็นว่าหลานสาวจะเปิดใจคบผู้ชายคนไหนอีกเลย
หลังจากทำงานผ่านมาเกือบสามปีปิ่นปินัทธ์ก็ยังไม่มีใคร พอรู้ว่าตอนนี้ตกลงคบกับคุณหมอกรัณย์กรแล้วคุณยายก็รู้สึกโล่งใจมากๆ เพราะคุณหมอดูเป็นคนดีและน่าจะดูแลหลานสาวของเธอได้ในวันที่ตนเองไม่อาจจะดูแลหลานสาวได้อีกต่อไป คุณยายมีลูกสามคนคือมารดาของเธอคุณลุงศักดิ์และป้าสาซึ่งสองคนนั้นแยกครอบครัวออกไปแล้วแต่ก็ยังไปมาหาสู่และแวะซื้อของใช้มาให้คุณยายอยู่ตลอด ปิ่นปินัทธ์เป็นหลานสาวคนเดียวที่ยายละมัยห่วงที่สุด
“ปิ่นไปทำงานก่อนนะคะยาย”
“เย็นนี้หมอรัณย์เขาจะมากินข้าวที่บ้านไหม”
“หมอเข้าเวรค่ะยายเขาคงมาไม่ได้ คงมากินข้าวที่บ้านเราอีกทีเช้าวันอาทิตย์เลยค่ะ ยายถามทำไมคะมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ถ้าหมอจะมายายจะได้เตรียมกับข้าวรอ แล้วก็อยากจะคุยกับหมอนิดหน่อย”
“เรื่องสำคัญหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกยายแค่อยากจะบอกหมอว่าตอนนี้หมอเขาก้าวเข้ามาในครอบครัวของเราแล้ว ยายก็อยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่องอยากจะฝากเขาให้ดูแลปิ่น”
“ทำไมจะต้องฝากเขาให้ดูแลปิ่นด้วยล่ะคะ ปิ่นดูแลตัวเองได้ การเป็นแฟนกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้อีกคนมาดูแลสักหน่อยต่างคนต่างดูแลกันน่าจะดีกว่านะคะ”
“ยายก็แค่พูดเผื่อไว้เผื่อว่ายายเป็นอะไรไป”
“โธ่ ยายของปิ่นยังแข็งแรงลุกมาทำกับข้าวให้ปิ่นได้ทุกเช้าแบบนี้ ยายจะต้องอยู่กับปิ่นไปอีกนานค่ะ”
“เรื่องอนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน ยายก็แก่ตัวลงทุกๆ วัน ถ้าจะให้ดีอย่าคบกับคุณหมอนานเลยนะ”
“ทำไมล่ะคะ เมื่อกี้ยังดีใจที่ปิ่นมีแฟน แล้วทำไมตอนนี้บอกไปให้ปิ่นอย่าคบกับคุณหมอนานล่ะคะ ปิ่นงงนะคะยาย”
“ยายหมายถึงอย่าคบกันเป็นแฟนนาน อยากจะให้รีบแต่งงานเผื่อยายจะอุ้มหลานก่อนเป็นอะไรไป”
“ยายขาห้ามพูดเรื่องแบบนี้อีกนะคะ ปิ่นอยากให้ยายอยู่กับปิ่นนานๆ ปิ่นไปทำงานแล้วนะคะ ยายอยู่บ้านก็อย่าทำงานหนักล่ะ ตอนเย็นเจอกันค่ะ”
หญิงสาวขับรถออกมาจากบ้านด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างกังวลเพราะคำพูดของยายทำให้เธอเริ่มคิดหนัก ยายของเธออายุมากแล้วจริงๆ ร่างกายของท่านโรยราไปทุกวัน ถึงแม่จะไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม
หญิงสาวมาถึงโรงเรียนในเวลา 07.30 นาฬิกา ขณะที่นั่งตรวจการบ้านอยู่ในห้องคุณครูพรศิริ ครูประจำชั้นนักเรียนชั้นประถมปีที่สองก็แวะเข้ามาทักทาย
“ทำอะไรอยู่ปิ่น”
“ปิ่นกำลังตรวจการบ้านอยู่เลย ขวัญล่ะตรวจเสร็จแล้วเหรอ”
“ตรวจได้ครึ่งเดียว กำลังปวดหัวกับตัวหนังสือเด็กก็เลยวางไปก่อนน่ะแล้วก็มีเรื่องจะถามปิ่นด้วย”
“จะถามเหรอขวัญ” ปิ่นปินัทธ์วางงานในมือลง
“เรื่องส่วนตัวนิดหน่อยถามได้ไหม”
“ถามได้เลยเรารู้จักกันมาตั้งสามปีแล้ว ขวัญจะถามอะไรล่ะ”
“เมื่อวันก่อนขวัญผ่านไปแถวบ้านปิ่นด้วยนะ”
“แล้วทำไมไม่แวะเข้าไปล่ะ ยายก็บ่นถึงอยู่เหมือนกันนะว่าช่วงนี้ทำไมครูขวัญไม่ค่อยแวะไปที่บ้านเลย”
“ขวัญก็อยากจะแวะอยู่หรอกแต่วันนั้นที่บ้านปิ่นมีแขก เห็นมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน
“รถคันสีดำใช่ไหม”
“ใช่ขวัญเห็นหลายครั้งแล้ว ว่าจะถามปิ่นแต่ก็ไม่มีโอกาสถามสักทีแต่เดาว่าต้องเป็นรถของแฟนปิ่นใช่ไหม”
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นรถแฟนปิ่นล่ะ อาจจะเป็นรถเพื่อนของยายก็ได้”
“ไม่มีทางหรอกขวัญว่าจะต้องเป็นรถของแฟนปิ่นแน่เลย บอกมานะเขาเป็นใคร ทำงานอะไรทำไมขวัญไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เลย” พรศิริคาดคั้น
“ไม่ใช่แฟนขวัญหรอกเราก็แค่เพิ่งคุยกันได้ไม่นาน”
“เพิ่งรู้จักแต่พาไปกินข้าวที่บ้านแล้วแบบนี้นี้ขวัญว่าน่าจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาหรอกนะ แล้วเขาเป็นใครล่ะ”
“ถ้าปิ่นบอกขวัญไปขวัญห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
“ทำไมล่ะปิ่น หรือแอบไปเป็นเมียน้อยใครอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดนะปิ่นทั้งสาวทั้งสวยจะยอมเป็นเมียน้อยคนอื่นได้ไง”
“ไปกันใหญ่แล้วที่ปิ่นไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร แต่ที่บอกขวัญว่าห้ามบอกใครเพราะเราเพิ่งจะเริ่มคุยกันเอง ไม่อยากให้คนอื่นรู้มากเกิดคุยกันแล้วมันไม่เข้าใจ มันไม่คลิกก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามว่าทำไมถึงเลิกคุยกันยังไงล่ะ”
“ก็ได้ขวัญสัญญาว่าจะไม่บอกใคร แล้วตกลงเขาเป็นใครล่ะหล่อไหม”
“ขวัญเคยพาลูกศิษย์ไปที่โรงพยาบาลใช่ไหม”
“หมายถึงโรงพยาบาลที่โรงเรียนเราทำประกันอุบัติเหตุด้วยใช่ไหม”
“ใช่โรงพยาบาลนั้นแหละ”
“มีอะไรหรือเปล่าหรือเขาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลนั้น”
“อือเขาเป็นหมอ”
“เจอกันที่นั่นเหรอ”
“เจอกันตอนพาออมสินไปเย็บแผลที่หัวน่ะ”
“ทำไมเวลาขวัญพาเด็กไปไปโรงพยาบาลไม่เจอหมอหนุ่มๆ หล่อๆ บ้างเลยนะส่วนใหญ่ก็เจอแต่หมอตี๋ๆ หรือไม่ก็เจอหมอผู้หญิง เขาชื่ออะไรล่ะ ลองบอกมาเผื่อขวัญจะเคยเห็นหน้า”
“เขาชื่อหมอกรัณย์กรน่ะ ขวัญเคยเจอไหม”
“หมอกรัณย์กร ขวัญเคยตรวจกับเขาด้วยนะตอนนั้นน่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วไปหาหมอตอนเย็นหมอเขาออกตรวจนอกเวลาพอดีน่ะ คนนี้หล่อมากจริงๆ ปิ่นคบกับเขาแล้วใช่ไหม”
“ยังไม่ถึงขั้นคบหรอกแค่เริ่มคุยกันน่ะ ปิ่นไม่รู้ว่าเขามีแฟนแอบมีแฟนอยู่ที่ไหนหรือเปล่า”
“คงไม่หรอกมั้งดูท่าทางเขาก็เป็นคนดีนะ ถ้ามีแฟนแล้วก็คงไม่จีบผู้หญิงไปทั่วหรอก”
“ปิ่นก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน”
“ไม่มั่นใจอะไร”
“ก็ปิ่นเคยได้ยินมาหมอก็จะเป็นแฟนกับหมอหรือไม่ก็คนที่ทำงานด้านสาธารณสุขเหมือนกัน”
“ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลยนี่ ปิ่นทั้งสวยทั้งหุ่นดีขนาดนี้ไม่ว่าจะอาชีพไหนเวลาเห็นก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าเขามีแฟนอยู่แล้วล่ะขวัญ”
“ปิ่นคิดมากไปหรือเปล่า ว่าแต่เขาเคยพาปิ่นไปเจอเพื่อนๆของเขาบ้างไหมล่ะ ถ้าเขาพาไปก็แสดงว่าเขาบริสุทธิ์ใจและไม่ได้แอบซ่อนใครไว้จริงๆ”
“เรายังไม่เคยไปไหนด้วยกันเลย ส่วนใหญ่เขาก็จะมาทานข้าวที่บ้านตอนเย็นแค่นั้นแหละ หมอเขางานยุ่ง”
“หมอเป็นอาชีพที่งานยุ่งมากๆ แต่ถ้าเขายุ่งขนาดนั้นแล้วยังหาเวลามากินข้าวกับปิ่นได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะปิ่น”
“แต่วันอาทิตย์นี้เขาชวนปิ่นเข้ากรุงเทพ ว่าจะไปดูหนังและเดินซื้อของกัน”
“นั่นไงถ้าเขาพาปิ่นไปกรุงเทพก็เท่ากับว่าเขาไม่น่าจะมีใครอยู่นะ เพราะหมอเป็นอาชีพที่ยุ่งมากๆ วันหยุดแบบนี้ถ้าคนมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟน แต่ถ้าเขามีเวลาให้ปิ่นแบบนี้ ขวัญว่าปิ่นมั่นใจได้เลยว่ายังไงหมอก็ไม่มีทางซ่อนใครไว้แน่นอน”
“ขอบใจนะขวัญปิ่นสบายใจมากขึ้นแล้วล่ะ แล้วขวัญล่ะกับแฟนตอนนี้เป็นยังไงบ้างก็”
“เลยเรื่อยๆ กำลังช่วยกันเก็บเงินอยู่ไม่น่าจะเกินปีหน้าคงพอจะจัดงานแต่งงานได้”
“ปิ่นแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะ”
“แสดงความยินดี อย่างเดียวไม่ได้นะ ปิ่นต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ขวัญด้วยตกลงไหม”
“ตกลงสิ”
วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของคุณยายละมัยหนึ่งปี กรัณย์กรพาปิ่นปินัทธ์มาทำบุญให้คุณยายที่วัดกับญาติคนอื่นๆตอนนี้สถานะของทั้งสองคนคือคนที่กำลังศึกษากันอยู่ปิ่นปินัทธ์ไม่ใช้คำว่าแฟนหรือคนรักกับกรัณย์กรเพราะเธอกลัวว่าเหตุการณ์แบบเดิมจะกลับมาอีก แต่ชายหนุ่มก็พยายามจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าตอนนี้เขาสามารถบาลานซ์เรื่องงานและเรื่องการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวตลอดเวลาที่ยายของหญิงสาวป่วยและรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเกือบหนึ่งเดือน กรัณย์กรคอยดูแลเธออีกทั้งยังคอยช่วยดูแลคุณยายจนคุณลุงกับคุณป้าเห็นใจชายหนุ่มมากๆ และบอกให้ปิ่นปินัทธ์เปิดใจเพราะรู้สึกว่ากรัณย์กรจะจริงใจกับหลานสาวของตนเองมากหลังจากทำบุญให้กับคุณยายแล้วทุกคนก็มาทานข้าวกันที่บ้านของป้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ส่วนกรัณย์และปิ่นปินัทธ์ยังอยู่ต่อเพราะป้าสาขอคุยกับชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวส่วน“ป้าสามีอะไรกับผมครับ”“ป้าอยากจะถามว่าหมอรัณย์จริงใจกับปิ่นมากใช่ไหม”“ใช่ครับ ความรักครั้งนี้ผมจริงจังมาก ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าตัวเองแบ่งเวลาไม่ดีทำให้ปิ่นต้องเสียใจ ผมทำให้เป็นรอนานถึงห้าปีแล้วถึงตอนนี้ถ้าปิ่นจะให้ผมรอนานแบบนั้นมั่งมันก็ไม่มีปัญหาเลย”“ป้า
ตลอดทั้งคืนปิ่นปินัทธ์นั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องไอซียูโดยมีกรัณย์กรนั่งอยู่ข้างๆกรัณย์กรเดินเข้าไปดูคุณยายเกือบจะทุกชั่วโมงอาการของท่านยังคงที่แต่ดูแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่เขาไม่รู้จะพูดกับปิ่นปินัทธ์ไงว่าอาการของคุณยายเธอมันค่อนข้างหนักการจะให้คุณยายกลับมาหายดีมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ชายหนุ่มเดินเข้าออกห้องไอซียูอยู่หลายรอบจนกระทั่งเผลอหลับในเวลาตีสี่และตกใจตื่นในเวลาเกือบจะหกโมงเช้า“ผมว่าปิ่นกลับไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่าไหม ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก”“อาการของคุณยายเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวรู้ว่าเขาเดินเข้าออกอยู่หลายหลายครั้ง“ก็ยังคงที่ครับวันนี้อาจจะต้องตรวจหลายหลายอย่างเพิ่ม ผมไม่ได้เป็นหมอที่ดูแลเคสของยายหรอกนะครับ ผมให้รุ่นพี่อีกท่านเป็นคนช่วยดูให้”“ทำไมละคะ”“เมื่อวานเป็นเวรของเขาครับ อีกอย่างการรักษาคนรู้จักหรือคนใกล้ชิดมันจะค่อนข้างกดดันเพราะเราจะเอาอารมณ์เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย มันจะทำให้การตัดสินใจบางอย่างคลาดเคลื่อนได้ อีกอย่างผมก็อยากจะช่วยประสานงานให้มากกว่า”“ขอบคุณนะคะ ถ้าเมื่อคืนไม่ได้คุณคงแย่”“ไม่หรอกครับ หมอและพยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นทำงานกันอย่างเต
“เกิดอะไรขึ้นเหรอปิ่น” กรัณย์กรถามหลังจากเธอวางสายและดูท่าทางรีบร้อน“ป้าสาโทรมาบอกว่าคุณยายเหนื่อยมากและเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกเลยกำลังพาไปโรงพยาบาลค่ะ”“โรงพยาบาลที่ทำงานใช่ไหม ปิ่นไปกับผมนะน่าจะไวกว่า”นาทีนี้หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรอีกแล้วเพราะอยากจะรีบไปหายายให้เร็วที่สุด“ทำใจดีๆ ไว้นะปิ่นไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอก เมื่อตอนกลางวันผมคุยกับคุณยายท่านก็ดูปกติดี แต่ระหว่างทางเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”“หมอจะถามอะไรคะ”“ผมจะถามว่าช่วงนี้ยายมีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า หรือมีโรคประจำตัวอะไรไหม”“ไม่มีค่ะยายแข็งแรงดี”“แล้วในครอบครัวล่ะมีเป็นโรคอะไรไหม เช่นเบาหวาน ความดันหัวใจหรือโรคมะเร็ง”“ปิ่นรู้แค่ป้าสาเป็นความดันโลหิตสูงค่ะ ส่วนเบาหวานไม่เคยได้ยินว่าใครเป็น”“ปิ่นลองนึกหน่อยนะว่าช่วงนี้ยายร่างกายเป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติไหม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้” กรัณย์กรไม่อยากเสียเวลาไปซักประวัติคุณยายที่โรงพยาบาล“ยายเป็นหวัดค่ะ”“แล้วได้กินยาอะไรไหม”“ไม่ค่ะ ยายแค่ไอแห้งๆ ปิ่นจะพาไปหาหมอยายก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่จิบน้ำอุ่นก็น่าจะหาย”“แล้วมีอย่างอื่นไหม มีไข้หรือเปล่า”“
“เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยสิปิ่น”“เป็นเราคุยกันแล้วนี่คะ ว่าหมอจะมาเฉพาะเวลาราชการเท่านั้นนี่มันค่ำแล้วนะ ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่หมอกลับไปก่อนเถอะค่ะถ้าอยากจะมาหาคุณยายค่อยมาเวลากลางวัน”“แต่ผมอยากคุยกับปิ่นจริงๆ นะผมคุยกับคุณยายแล้วคุณยายอนุญาตให้ผมมาหาคุณได้”“หมายความว่ายังไงคะ”“ขอเข้าไปคุยกันข้างในได้มั้ย ยืนคุยอยู่แบบนี้คนอื่นมาเห็นคงไม่ดีเท่าไหร่”“มันไม่ดีทั้งแต่หมอเข้าออกบ้านของปิ่นห้าปีก่อนแล้วล่ะค่ะ”“ปิ่นอย่าพึ่งโมโหสิ ถ้าปิ่นไม่ให้ผมเข้าไปผมก็จะยืนอยู่แบบนี้แหละแล้วผมจะบีบแต่รถให้ชาวบ้านเขาออกมาดูด้วย”“ทำไมหมอเป็นคนเข้าใจอะไรจะยากแบบนี้นะ”“ผมเข้าใจยากที่ไหน ปิ่นต่างหากที่เข้าใจยาก เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยนะปิ่น”เพราะกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆปิ่นปินัทธ์เลยยอมเปิดประตูให้จากนั้นหญิงสาวเดินนำเขามายังห้องรับแขก“เอาล่ะคะจะพูดอะไรก็พูดปิ่นมีเวลาให้คุณไม่มากหรอกนะปิ่นยังต้องทำใบงานอีกเยอะ”“ให้ผมช่วยทำไหมล่ะ”“ปิ่นไม่รบกวนเวลาคุณหมอขนาดนั้นหรอกค่ะ เวลาทุกนาทีของหมอมันมีค่าอย่าเสียเวลามาทำใบงานเล็กๆ น้อยๆ เลย”“ปิ่นอย่าพึ่งประชดได้ไหม”“หมอจะพูดอะไรก็พูดสิคะ”“ผมอยากขอโอ
หลังจากไปเยี่ยมคุณยายของปิ่นปินัทธ์ที่บ้านแล้วกรัณย์กรก็รู้สึกว่าแปลกๆ เพราะที่บ้านของหญิงสาวไม่มีของเล่นเด็กเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าเด็กชายที่เขาเห็นเมื่อวันก่อนเป็นลูกของหญิงสาวจริงๆในบ้านหลังนั้นก็น่าจะต้องมีของเล่นสักชิ้นหนึ่งและดูเหมือนยายละมัยก็ไม่ได้บอกเขาว่าปิ่นปินัทธ์แต่งงานแล้วความจริงข้อนี้กรัณย์กรต้องหาทางพิสูจน์เพราะเขารู้ใจตัวเองแล้วว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับปิ่นปินัทธ์และจะต้องพยายามเอาชนะใจของเธออีกครั้งครั้งนี้เขาจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพราะรักเธอมาก การห่างกันไปนานหลายปีไม่ได้ทำให้ความรักที่เขามีให้กับปิ่นปินัทธ์ลดน้อยลงเลย และตอนนี้เขาอยากขอโทษเธอที่ตนเองเห็นแก่ตัวเห็นงานสำคัญกว่าความรู้สึกของหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองจะมีเวลาให้เธอมากขึ้นกรัณย์กรอยากจะกลับมาคบกันปิ่นปินัทธ์อีกครั้งหนึ่ง เขาจะชดเชยเวลาทั้งหมดให้กับหญิงสาว การมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้กรัณย์กรไม่ต้องอยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมงเขาออกตรวจภายแผนกโอพีดี ราวน์คนไข้ และจะมีนัดคนไข้มาผ่าตัดหรือสวนหัวใจและทุกอย่างก็จะลงเวลานัดหมายเพราะการผ่าตัดประเภทนี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายแผนก อีกทั้งห้องผ่าตัดและห้องสวนห
ปิ่นปินัทธ์ไม่ได้บอกยายของตนเองว่าเจอกับกรัณย์กรเพราะกลัวว่าคุณยายจะไม่สบายใจและหญิงสาวก็คิดว่าเขาไม่มีมีทางจะมาหาคุณยายอย่างที่บอกกับเธอแน่ๆแต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดเพราะเย็นวันหนึ่งหลังจากเธอกลับมาจากโรงเรียนก็เห็นบริเวณห้องรับแขกมีกระเช้าผลไม้และนมสำหรับผู้สูงอายุวางอยู่“คุณยายไปซื้อของพวกนี้มาเหรอคะ”“เปล่าหรอกลูกวันนี้มีคนแวะมาเยี่ยมยาย”“ใช่พี่ทศกับพี่แพรหรือเปล่าคะ พี่ทศบอกว่าก่อนจะกรุงเทพจะแวะมาหาคุณยายอีกครั้งหนึ่ง”“ทศเขาแวะมาจริงๆ นั่นแหละแต่ของพวกนี้ไม่ใช่ของทศหรอกนะลูก”“อ้าว....แล้วของใครล่ะคะคุณยาย”“ปิ่นลองเดาดูสิว่าวันนี้มีใครมาหายาย”“ปิ่นเดาไม่ถูกหรอกค่ะยายบอกปิ่นมาเถอะค่ะ”“วันนี้หมอรัณย์เขามาหายายที่นี่”“อะไรนะคะ เขามาหายายจริงๆ เหรอคะ”“ปิ่นรู้ใช่ไหมว่าเขาจะมาหายาย”“ค่ะยาย ปิ่นบังเอิญเจอเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วเขาบอกว่าจะแวะมาหาคุณยายแต่ปิ่นไม่ได้บอกยายเพราะคิดว่ายังไงเขาก็คงไม่มาเวลาทำงานแน่ๆ”“เขามาหายายตอนเที่ยงจ้ะ”“ยายคุยอะไรกับเขาบ้างบอกเรื่องปิ่นไปหรือเปล่า”“ก็คุยเรื่องทั่วไป ยายไม่ได้บอกเรื่องอบปิ่นหรอกนะ ยายรู้ว่าปิ่นอยากให้เรื่องนี้มันเป็นความลับ”