อัยย์ญาดารีบออกมาจากห้องนั้นแต่ยังไม่ทันเปิดประตูเสียงของเขาดังขึ้นเสียก่อน พร้อมกับตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของเขา
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาว
“ฉันขอซื้อความบริสุทธิ์ของเธอ” เขาก้าวสามขุมเข้ามา และคว้าเอวเธอมากอดไว้ ก่อนจะลากกันไปที่เตียงกว้าง
“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรอัยแล้ว”
“เป็นของฉันคนเดียวดีกว่าต้องตกเป็นของเสี่ยแก่ๆ เลือกเอา” เขายื่นคำขาดที่เขาต้องเปลี่ยนใจเพราะสายโทรเข้าจากคุณย่ากลางดึก โดยความประสงค์ของท่านคือจะให้เขาหมั้นหมายกับอภัสรา ซึ่งเป็นหมอในโรงพยาบาลของเขาและครอบครัวทั้งสองสนิทกัน
หากเขามีผู้หญิงข้างกายก็จะมีไม้กันหมา อภัสราจะได้ไม่กล้ามาวุ่นวายกับเขาอีก
อัยย์ญาดาคิดหนักหากเป็นนางบำเรอของเขาอาจจะดีกว่าต้องมาทำงานในที่สุ่มเสี่ยงแบบนี้
“อัยขอเงินเดือนแสนและสัญญาของเราคือจนกว่าอัยจะเรียนจบ”
“ฉันไม่มีปัญหาและที่สำคัญห้ามเธอตั้งท้องลูกของฉัน เพราะฉันไม่ชอบเด็ก”
“ตกลงค่ะ” เธอกัดปากตอบตกลงแต่คงไม่พลาดตั้งท้องขึ้นมาหรอก แค่ไม่กี่ปีก็ต้องแยกย้ายกัน
“ผู้หญิงบางคนก็ทำเพื่อเงินจริงๆ”
อัยย์ญาดาละอายแก่ใจแต่เพื่อเงินก็ต้องทำ ยังไม่ทันเงยหน้ามามองเขา คฑาผลักเธอลงไปนอนที่เตียงกว้างตามด้วยขึ้นคร่อมเธอ
“อ๊ะ”
เสียงหอบหายใจหนักดังแผ่วเบาในความเงียบของห้อง ร่างทั้งสองแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างให้ลมหายใจแทรกผ่าน ดวงตาของเขาจ้องมองเธอราวกับเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจ ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้ จนริมฝีปากแทบแตะกัน
“พร้อมใช่ไหม” เขากระซิบเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
ริมฝีปากของเขาก็แนบลงบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงและลึกซึ้ง ความอ่อนโยนถูกแทนที่ด้วยความหิวกระหาย ทุกจังหวะของจูบเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ปะทุขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ มือของเขาเลื่อนไปตามแผ่นหลังของเธอ ลูบไล้อย่างรุกรานและโหยหา ในขณะที่เธอก็โอบรัดเขาแน่นไม่แพ้กัน ราวกับต้องการให้ช่วงเวลานี้ไม่มีวันจบลง
จูบนั้นไม่ใช่แค่การสัมผัส แต่มันเป็นเหมือนสงครามของอารมณ์ ความรู้สึกที่เก็บกดระเบิดออกมาผ่านการแตะต้องเพียงเล็กน้อย แต่กลับทิ้งแรงสะเทือนใจมหาศาล...
“เธอเป็นของฉันตั้งแต่คืนนี้”
เสียงหัวใจของทั้งคู่ดังประสานกันในความเงียบ ร่างกายของเธอสั่นน้อยๆ แต่เขาก็ไม่ได้เร่งเร้า กลับแนบกายลงข้างเธอ โอบกอดเธอไว้แน่น แค่สัมผัสผิวต่อผิวหัวใจต่อหัวใจ
ความอ่อนโยนของเขาเหมือนละลายกำแพงทั้งหมดที่เธอเคยตั้ง เธอเอื้อมมือไปแตะแก้มเขา นิ้วมือไล้ไปตามแนวกราม ก่อนจะดึงเขาลงมาหา
เมื่อริมฝีปากแนบกันอีกครั้งคราวนี้จังหวะช้าลง ลึกซึ้งกว่าเดิม มือของเขาเลื่อนสัมผัสตามแนวเอวเธออย่างนุ่มนวล ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความตั้งใจและเคารพ ไม่เร่งรีบ แต่มากพอจะทำให้เธอหลงอยู่ในอ้อมแขนนั้นอย่างไม่อยากให้เช้าเลย
อัยย์ญาดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสของเขา จนไม่รู้ว่าเสื้อผ้าหลุดออกจากตัวไปตั้งแต่ตอนไหน เหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสองคน
“อ๊ะ คุณจะทำอะไร” เธอร้องห้ามเมื่อเขาแหวกขาเธอออกกว้างและหมุดใบหน้าเขาไประหว่างขา จนเธอต้องปิดมันไว้
“ฉันแค่อยากเช็คของ”
ลิ้นอุ่นร้อนสัมผัสกลับกลีบดอกไม้สีสวยก่อนจะลากลิ้นไปมา และดูดเลียเม็ดเสียวจนแดงเถือก ยิ่งเขาได้ยินเสียงหวานครางออกมาเขายิ่งได้ใจ
หญิงสาวดิ้นไปมาเมื่อถูกรุกรานเข้ามาอย่างหนัก คนด้อยประสบการณ์กลับพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายของเขาลอยมาแตะจมูกเธอ ผสมผสานกับกลิ่นกายตามธรรมชาติ สร้างความรู้สึกมึนเมาและเคลิบเคลิ้ม เธอซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของเขาสูดกลิ่นนั้นเขาเต็มปอด
ความบริสุทธิ์ยกให้เขาไปเธอไม่เสียใจ เมื่อเสียงครางเงียบลงกลายเป็นเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ คฑาจ้องมองหญิงสาว ความรู้สึกของเขาตีกันวุ่นวายไปหมด
เขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนไหน แต่อัยย์ญาดาเป็นครั้งแรกที่เขายอมหลับนอนด้วย
คฑาพาหญิงสาวมาที่เพ้นท์เฮาส์ของเขาและบอกข้อตกลงระหว่างที่อยู่ร่วมกัน เขาคิดว่าอัยย์ญาดาคงไม่มีปัญหาอะไร
“ฉันจะโอนเงินให้ทุกเดือนและบัตรเครดิตเอาไส้ใช้ยามจำเป็น” เขายื่นบัตรเครดิตให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“เธอไม่ใช่คนไข้อย่ามาเรียกว่าคุณหมอ”
“พี่หมอคฑา” อันนี้เธอประชดเขา เธอมองไปรอบๆ ห้องชาตินี้คงไม่มีปัญญาซื้อเพ้นท์เฮาส์ราคาแพงขนาดนี้
“อย่าลืมว่าเป็นเจ้าของและไม่มีสิทธิ์หึงหวง” เรื่องนี้เขาจริงจังมาก
“อัยเข้าใจแล้วค่ะ อัยมีหน้าที่แค่รองรับอารมณ์ของคุณ” ย้ำอยู่ได้
อัยย์ญาดานอนหงายอยู่บนเตียงผืนเดิม กลิ่นกายของเขายังไม่จางไปจากผิวของเธอเลยแม้แต่น้อย หยดน้ำตาเล็กๆ ไหลลงข้างแก้มอย่างเงียบงัน ขณะที่แผ่นหลังของหมอคฑาหันให้เธอ เขากำลังนั่งอยู่ริมเตียง จุดบุหรี่สูบช้าๆ โดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
เขาไม่เคยกอด ไม่เคยปลอบ ไม่เคยถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรหลังจากนั้น
เธอหลับตาแน่นพูดกับตัวเองในใจนี่มันผิด ผิดตั้งแต่แรก แต่เราก็ทำไปแล้วช่างมันสิ ต่อจากนี้จะตั้งใจเรียน จะมีอนาคตที่ดี จะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ลากเราจมไปกว่านี้
ทุกครั้งที่เขาเข้ามาสายตาคมกริบคู่นั้น ริมฝีปากเย็นชา เสียงแหบต่ำเมื่อเอ่ยเรียกชื่อเธอมันทำให้อัยใจเต้นแรงจนตั้งสติไม่ได้ มือของเขาที่เคลื่อนไปตามร่างเธอแม้จะไร้ความอ่อนโยน แต่กลับตราตรึงยิ่งกว่าสิ่งใด
เธอตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเปาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มีวันรักตอบทั้งที่รู้ว่าสำหรับเขา เธอเป็นเพียงของเล่นที่ไม่มีค่าในชีวิตจริง
เธอเคยคิดหนีแต่สุดท้ายก็กลับมาอยู่ใต้ร่างเขาอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าจนหัวใจเธอเสพติดไปกับรสสัมผัสที่เขามอบให้ บทรักของหมอคฑาไม่เคยอ่อนโยนไม่เคยหวาน แต่มันเร่าร้อนจนทำให้เธอเผลอลืมหายใจ
ยกเว้นแค่ไม่กี่วันในรอบเดือนที่เขาจะไม่แตะต้องเธอเลยแม้ปลายนิ้ว
วันนั้นเธอถึงได้รู้ ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการ เธอแต่ต้องการเพียงร่างกายที่ตอบสนองเขาได้ทุกค่ำคืน
อัยย์ญาดากลืนน้ำลายลงคอ เจ็บปวดแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ หลายเดือนที่เธออยู่กับเขาอยู่กับคนไร้หัวใจอย่างหมอคฑา
“วันนี้ไม่กลับไม่ต้องรอ”
“กลับไปนอนบ้านเหรอคะ” เธอกำลังติดกระดุมให้เขา ต้องชะงักเมื่อเขาตอบกลับมา
“ใช่และจะไปงานเลี้ยงต่อคุณย่านัดเจอกับยาหยี”
ยาหยีที่เขาพูดถึงคือหมออภัสราว่าที่คู่หมั้นในอนาคตของเขา ซึ่งอัยย์ญาดาทราบดีเพราะเขาเคยเล่าให้ฟัง ไม่ต่างกับว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเมียเก็บของเขา
“ถ้าคุณหมั้นสัญญาเราก็จะจบใช่ไหมคะ”
“คงเป็นแบบนั้น” เขามองอัยย์ญาดาที่ติดกระดุมเสื้อของเขาด้วยมือที่สั่นเทา เขายังไม่ตอบตกลงเรื่องงานหมั้นในเร็วๆ นี้แน่นอน
“ดูแลตัวเองด้วยฉันไปก่อน”
“เมาอย่าขับรถนะคะ” เธอพยายามฝืนยิ้มให้เขา พอเขาออกไปเธอแอบร้องไห้คนเดียวทุกอย่าง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรักเขา
“ฮึก” เธอต้องรีบหาเงินและยืนให้ได้ด้วยขาของตัวเอง หากวันไหนเขาแต่งงานเธอจะได้รีบออกมาจากความสัมพันธ์แบบนี้
“คุณแม่ขาหนูอยากเล่นน้ำแล้ว” เสียงเด็กหญิงวัยสี่ขวบดังขึ้นและวิ่งเข้ามาหาแม่ที่นั่งรออยู่ข้างสระน้ำ “ลูกสาวแม่แต่งตัวแบบนี้พ่อหวงตายเลย” อัยย์ญาดาหอมแก้มลูกสาว น้องอันนา หรือเด็กหญิงสาวอัยย์ญาวี แบล็คธอร์น ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคฑา วันนี้ครอบครัวเธอมาเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลทางภาคใต้ ซึ่งกว่าคุณพ่อเขาจะมีเวลาพามาเกือบหนึ่งปี เล่นเอาลูกๆ น้อยใจ “ลงไปเล่นน้ำกันนะคะ” “ได้เลยค่ะ” อัยย์ญาดาถอดเสื้อคลุมออกเธอใส่ชุดว่ายน้ำแบบสายเดี่ยวข้างล่างเป็นกระโปรง สองแม่ลูกเล่นน้ำในสระน้ำของโรงแรมเพราะตอนกลางวันแดดร้อนจึงไม่พาลูกลงทะเล หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เห็นแบบนั้นถึงกับมองไม่ละสายตา เพราะคุณแม่นั้นสวยมากแถมลูกสาวน่ารักไม่น้อย “ป๊ารอคชาด้วยสิ” “บอกแล้วไงว่าอย่ากินเยอะ” คฑามองหาแม่ของลูกเพราะมัวแต่พาลูกชายเข้าห้องน้ำ แต่พอมาถึงกลับไม่เห็นสาวๆ นั่งอยู่ที่เดิม “ไปไหนกัน” เรียกว่าเขาไม่ปล่อยให้สองแม่ลูกละสายตาเลย เพราะไม่ชอบเวลาที่มีผู้ชายคนอื่นมอง “นั่นไงคุณแม่เล่นน้ำกับน้องคชาไปเล่นด้วยดีกว่า” คช
บทสัมภาษณ์พิเศษ แบบส่วนตัวกับอาจารย์หมอสุดหล่อผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ หลังจากเพิ่งประกาศสละโสดแบบสายฟ้าแลบ “คุณหมอคฑาผู้ชายที่รักเมียจนสาวทั้งประเทศต้องถอนตัว” “ภรรยากับลูกคือทุกอย่างของผมครับ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้นแล้ว” นักข่าว : “สวัสดีค่ะคุณหมอคฑา วันนี้เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาสัมภาษณ์คุณหมอที่ทั้งเก่ง ทั้งอบอุ่นแถมยังเป็นเจ้าของหัวใจสาวๆ ทั้งประเทศ” คฑา : (ยิ้มนิดๆ) “ขอบคุณครับแต่ความจริงหัวใจผมมีเจ้าของแล้วนานมากเลยนะครับ” นักข่าว : “มีข่าวลือว่าคุณหมอคลั่งรักเมียจริงไหมคะ?” คฑา : หัวเราะเบาๆ “ผมไม่ปฏิเสธนะครับ เพราะสำหรับผมอัยกับคชาคือลมหายใจ คือบ้านคือความหมายของชีวิต ถ้าการรักภรรยาและลูกมากๆ จะเรียกว่าคลั่งรัก ผมก็ยอมเป็นแบบนั้นทั้งชีวิตครับ” นักข่าว : “แล้วมีเคล็ดลับยังไงในการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นแบบนี้ตลอดมา?” คฑา : “ผมเคยพลาดครับเคยกลัวการมีครอบครัวจนวันหนึ่งผมเสียพวกเขาไป แต่ก็ทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกวันนี้ผมตื่นมากอดลูกกอดภรรยาฟังเขาพูดฟังเขาบ่น
กลางห้องโถงสายตาทุกคู่จับจ้องไปยังชายหญิงที่ยืนเคียงกันบนเวทีเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและชมพู พวกเขายิ้มให้กันด้วยแววตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผ่านวันคืนมายาวนาน แต่สิ่งที่ทำให้วันนี้พิเศษเหนือใคร ไม่ใช่แค่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแต่เป็นเด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจิ๋ว ที่ยืนอยู่เคียงข้างพ่อแม่ของเขา “ปะป๊า หล่อจังเลย” เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นพลางยกมือจับมือพ่อไว้แน่น “หล่อกว่าปะป๊าอีกนะครับวันนี้” หลังจากที่เขาพาอัยย์ญาดาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากนั้นสองเดือน ก็ตกลงจัดพิธีแต่งงานขึ้นเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว อัยย์ญาดามองภาพตรงหน้า แววตาเปี่ยมสุข รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าดอกไม้ทั้งหมดในงาน เธอเอื้อมมือมาแตะแก้มลูกชายเบาๆ ก่อนจะหอมฟอด “วันนี้เราไม่ได้แต่งงานแค่กันและกันนะ แต่เรากำลังสร้างครอบครัวจริงๆ ครอบครัวที่มีพวกเราสามคน” คฑาสบตากับหญิงสาว เสียงปรบมือดังกึกก้องขณะที่ทั้งสามคนยืนเคียงกันพ่อแม่และลูกชายเป็นภาพที่ทั้งอบอุ่นและสมบูรณ์แบบ “เจ้าบ่าวดื่มก่อนดิ” เพลิงยื่นเหล้าให้ซึ่งเป็น
“หยุดได้แล้วยาหยีคุณมาทำอะไรที่นี่! กลับไปซะ” คฑาต่อว่าหญิงสาวที่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น “ปล่อยฉัน! คฑายาหยีถามคุณหน่อยเถอะมันทำเสน่ห์ใส่คุณหรือไงถึงได้หลงมันขนาดนี้” เขาทำลายอนาคตของเธอทุกอย่าง จนเธอหมดอนาคตกับวงการแพทย์ที่เธอภูมิใจ “อย่ามาวุ่นวายกับคนของผมอีกยาหยีคุณมันน่ารังเกียจทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็ก” “มันวิ่งตกบันไดเองยาหยีไม่ได้ทำ” ก็เธอไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเธอ “แต่คุณก็ไม่ช่วยคนเป็นหมอเขาไม่มีพฤติกรรมแบบคุณหรอก” ไม่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ แถมยังมีสารเสพติดไว้ครอบครอง “ความเป็นคนคุณก็ไม่มีเหมือนกันแหละไม่อย่างนั้นมันไม่หอบลูกหนีมาหรอก” ยาหยีหันไปมองอัยย์ญาดา ทำตัวไร้เดียงสาเพื่อจับผู้ชาย “อัยเราเข้าบ้านกันดีกว่าทางนี้เดี๋ยวปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการเอง” คฑากุมของอัยย์ญาดาไว้แน่นหันหลังกำลังจะเดินเข้าบ้าน “ไม่นะคฑา ฮึก ยาหยีทำเพื่อคุณขนาดนี้คุณไม่มองบ้างเหรอ” ยาหยีวิ่งมาเกาะขาของคฑาไว้แน่น ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ตกใจ “ไอ้อรรคมึงลากผู้หญิงคนนี้ออกไปสิ!”
ยาหยีกลับมาถึงกรุงเทพยังไม่ทันได้ก้าวลงจากรถ หญิงสาวกลับได้รับสายจากนักข่าวจากสำนักจนเธอเองก็แปลกใจว่าพวกเขาจะถามเธอเรื่องอะไร เธอกดเข้าไปดูข่าวที่พาดหัวตัวโตบนหน้าจอ “คุณหมอสาวลูกหลานไฮโซชื่อดัง 'ยาหยี' กับภาพหลุดสุดอื้อฉาว เปลือยกายแนบชิดกับชายหลายคนพร้อมคลิปปาร์ตี้ยาเสพติดสุดกร่างในบ้านหรู” ภาพบนหน้าจอใบหน้าเธอในสภาพเมามาย คลิปเสียงหัวเราะดังลั่นภาพเบลอแต่ชัดพอจะรู้ว่าเป็นเธอแน่นอน “ไม่นะ ไม่นะใครมันกล้าทำแบบนี้ กรี๊ดดดดด” เธอรีบกดดูคลิปที่แชร์ว่อนในแอปต่างๆ มือไม้สั่น น้ำตารื้นขึ้นมาช้าๆ พอคลิปตัดไปภาพสุดท้ายภาพที่เธอนอนหลับเปลือยข้างชายแปลกหน้าเธอโยนมือถือกระเด็นลงพื้น “คฑา! แกมันสัตว์นรกเล่นแรงถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ยาหยีกรีดร้องจนคนในบ้านได้ยินต่างพากันออกมามุงดู กลัวว่าพ่อแม่จะมาเห็นเธอเสียก่อนจะรีบขับรถออกมา พร้อมกับความโกรธแค้นที่คฑาทำกับเธอแบบนี้ เขาไม่แจ้งความเธอแต่เล่นเอาเธอไม่มีที่ยืนในสังคม เป็นบังคับกันทางอ้อมเพื่อให้เธอลาออกจากการเป็นแพทย์ ความดีที่เป็นเพื่อนกันมาเขามองไม่เห็นเลยหรือ ผนังทั้งสี่ด้านเต็มไปด้
อัยย์ญาดามารับลูกเกือบเที่ยงพอดี วันนี้มีลูกค้ามาเหมาร้านดอกไม้เลยปิดร้านเร็ว แต่พอจะเข้าไปหาคฑาเธอกลับแปลกใจเพราะได้ยินคนคุยกันเรื่องเด็กหายไป “ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าเด็กที่ตามหากันอยู่ชื่ออะไรคะ” “ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลค่ะชื่อน้องคชา” ประชาสัมพันธ์สาวตอบเพื่อหวังว่าจะได้ง่ายต่อการตามหา อัยย์ญาดาที่รู้ว่าลูกชายเธอหายไปก็รู้สึกโกรธชายหนุ่มเป็นอย่างมากที่เธอแค่ฝากลูกไว้กับคฑาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่อีกฝ่ายกลับทำลูกหาย เธอรีบไปหาคฑาทันทีแต่พอจะเดินผ่านบันไดหนีไฟกลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้พอดี เธอรู้ทันทีว่านั่นคือเสียงลูกชายสุดที่รักของเธอ “น้องคชา! ฮึก ลูกมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” เธอเห็นสภาพลูกชายรีบวิ่งเข้าไปหาและกอดลูกไว้ ตอนนี้ที่คิ้วด้านซ้ายมีเลือดไหลไม่หยุด เธอใจจะขาดแทนลูกและโกรธที่คฑาดูแลลูกไม่ดี “อัยจ๋า แง่งงง” คชาที่เห็นแม่จึงร้องไห้เสียงดังมากกว่าเดิมและชี้ไปที่แขนตัวเองว่าขยับไม่ได้ “เจ็บตรงไหนบอกแม่สิ” “ขยับไม่ด้ายยย อัยจ๋า” คฑาที่ได้ยินเสียงลูกจึงรีบเปิดประตูเข้ามาหัวใจคนเป็นพ่อแทบแตกสลายเขารีบเข้ามาอุ้ม จากอ้อมแข
อัยย์ญาดาที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าคฑากำลังจ้องมองเธออยู่ เธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาและทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเธอได้ทำอะไรลงไป ก่อนที่เธอจะเลือกมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าเธอจึงได้รีบลุกขึ้นลงจากเตียงลูกชายของเธอคงใกล้จะตื่นแล้วเธอต้องรีบไปหาลูกชาย คฑามองแผ่นหลังของเธอไปจนลับสายตา เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คุณย่าของเขาติดต่อมาหลายสายทำให้เขาแปลกใจ “ครับคุณย่า” “กลับบ้านมาเคลียร์ปัญหาเดี๋ยวนี้เลยคฑาเรื่องที่เรามีลูกคือความจริงใช่ไหม” “ใครไปบอกคุณย่า?” เขารอทุกอย่างลงตัวจึงจะพาลูกชายกับเมียไปไหว้คุณย่า เราตกลงกันว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว “กลับมา!” “ครับผมจะกลับไปแต่ไม่ใช่วันนี้” เขาวางสายมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกแล้วข่าวมันถึงหูคุณย่าได้อย่างไร แต่กลับไปอธิบายให้ท่านฟังเรื่องงานหมั้นหมายคงยกเลิกถาวร “ป๊าฮะ” คชาเห็นพ่อลงมาจึงเรียกเสียงดังวิ่งไปเกาะขาพร้อมส่งยิ้มให้ “คนเก่งของป๊า” ได้ยินลูกเรียกตัวแบบนั้นเขาดีใจจนบอกไม่ถูก สองพ่อลูกมานั่งดูการ์ตูนกันจนอัยย์ญาดาทำอาหารเช้าเสร็จ อ
เสียงเปิดประตูแผ่วเบาดังขึ้นในยามค่ำ คฑาก้าวเข้ามาในบ้านอย่างเงียบเชียบ กลิ่นอาหารหอมอบอวลลอยมาตามลมจางๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งวันละลายหายไปในพริบตา “กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงของอัยย์ญาดาดังขึ้นจากมุมโต๊ะอาหาร หญิงสาวในชุดลำลองเรียบง่าย กำลังจัดวางจานสุดท้ายลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี สีหน้าเธอเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่แววตาเธอกลับไม่สามารถหลอกใครได้ โดยเฉพาะคนที่รู้จักเธอดีอย่างคฑา “ให้ช่วยอะไรมั้ย?” คฑายิ้มบางๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยเธอจัดเก้าอี้ เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอหลุบตาลงนิดหนึ่งหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาแต่เพราะเขาเปลี่ยนไป “คุณไปนั่งรอเถอะ” “เรื่องลูก...” “ฉันขอเวลาคุยกับเขาก่อน” คฑาที่เห็นลูกจึงได้อุ้มลูกมาไว้แนบตัวพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความรักใคร่ ก่อนที่จะวางลูกชายลงบนโต๊ะส่วนตัวของลูกชายที่ถูกเสริมขึ้นมาอีกทีจากเก้าอี้ อัยย์ญาดาที่มองอยู่ก็เผลอแอบยิ้มให้กับลูกชายและคฑาดูเหมือนเป็นครอบครัวจริงๆ มากกว่าสิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้เสียอีก แต่พอคฑาหันกลับมามองเธอก็มีสีหน
คฑาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้อรรคฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบหวังว่าเพื่อนรักคนนี้จะช่วยหาทางออกดีๆ ให้เขาได้บ้างอรรคนั่งฟังอย่างตั้งใจพอเรื่องราวจบลง เจ้าตัวก็ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า“มึงก็ปล้ำเขาเลยดิ!”คฑาถึงกับอึ้งค้างสมองที่ปั่นป่วนอยู่แล้วยิ่งระเบิดวุ่นวายหนักกว่าเดิม เขาตะโกนลั่น“บ้าไปแล้วเหรอวะ! กูจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง!”“เออ ก็มันต้องใช้วิธีรุนแรงหน่อยเขาถึงจะรู้ตัวไงว่ารักมึง หรือเกลียดแบบที่ปากพูดจริงๆ วะงานหยาบเลยแบบนั้น” อรรคไหวไหล่ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่คฑาเอามือกุมขมับปวดหัวจี๊ดจนแทบอยากจะโขกหัวกับโต๊ะ ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี“ไม่ใช่แค่ไม่คืนดีนะเว้ย แบบนี้อัยน่าจะไล่ฉันออกจากบ้าน แล้วโทรเรียกตำรวจมาลากฉันเข้าคุกมากกว่า”“งั้นก็คิดเองละกันฉันช่วยสุดๆ ได้แค่นี้แหละ” อรรคหัวเราะอย่างไม่สำนึกคฑาถอนหายใจยาวเหยียด มองหน้าเพื่อนที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วได้แต่คิดในใจ 'ไม่น่าหวังอะไรกับมันเลยจริงๆ'“อาจารย์ผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก แม่งไม่ได้เรื่อง”“มึงก็ไปไหนไม่รอดเหมือนกันแหละกระจอก มึงก้าวผ่านคำว่าปมในวัยเด็กมาหรือยังถึงอยากไปเป็