คฑานั่งหัวเสียหลังจากที่กลับมาจากบ้านคุณย่าเขาตรงดิ่งมาที่ไนต์คลับของเพลิงทันที คุณย่ายื่นคำขาดให้เขาหมั้นกับอภัสรา แต่เขายังคงยื้อเวลาออกไปได้อีกเพราะโกหกว่าตัวเองมีคนรักแล้ว
“ว่าที่เมียมึงมาด้วยเหรอ” เพลิงหันไปมองที่อภัสราผู้หญิงคนนี้น่ากลัวมาก
“กูไม่มีพันธะกับใครทั้งนั้น”
“คุณหมอคฑายาหยีของนั่งด้วยนะคะ พอดีนัดเพื่อนไว้แต่ถูกเท” อภัสรารีบนั่งลงข้างกายของเขาทันที ความจริงคือเธอแอบตามเขามาต่างหาก อยากรู้ว่าเขามีคนรักตามที่พูดแล้วจริงๆ หรือแค่อยากปฏิเสธการหมั้น
“ไอ้คฑามันมากับพวกผมไง” อรรคเป็นคนตอบเพราะเห็นว่าเพื่อนนั่งเงียบ
เขานั่งอยู่ตรงโซฟาหนังสีดำในมุมวีไอพี ดื่มเหล้าช้าๆ ดวงตาคมกริบเหลือบมองผู้คนรอบตัวอย่างไม่ใส่ใจ หยิ่งเย็นชามีอำนาจทุกอย่างที่เธอหลงใหล
“เกรงใจแย่เลยค่ะที่มาขอนั่งด้วยแต่ยาหยีเหงา”
‘เกรงใจแล้วหล่อนมาเสนอหน้าขอนั่งด้วยทำไม’ เพลิงแอบด่าทอในใจ เพราะเขารู้ทันมารยาหญิง
อภัสรายกแก้วในมือขึ้นจิบช้าๆ สะกดกลั้นรอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นตรงมุมปาก ขณะที่มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือเล็กหยิบแผงยาออกมาช้าๆ แค่นี้เพียงพอจะทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม สับสนและไร้แรงต่อต้าน
“ยาหยีชงเหล้าให้ค่ะ” เสียงของเธอหวานลึก แฝงด้วยเสน่ห์เย้ายวน เธอรีบอาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอและเทผงยาลงไปในแก้วของคฑา
เขาเหลือบตาไปมองเธอแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบอย่างไม่ตอบเธอรู้เขาอาจไม่สนใจ แต่คืนนี้เธอจะทำให้เขาจำเธอได้
“ชนแก้วกันหน่อยสิคะ” เธอยิ้มยกแก้วขอชนกับทุกที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้น
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับมันมาในที่สุดชนเบาๆ ก่อนจะดื่มลงไปอย่างไม่ทันระวัง
อภัสรานั่งมองเขาเงียบๆ รอเวลาในใจเต็มไปด้วยความกระหายเขาอาจไม่เคยรักเธอแต่คืนนี้เธอจะได้เขา
อีกไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้น หมอคฑาก็เริ่มขมวดคิ้ว ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย เหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผาก ทั้งที่อากาศในผับเย็นยะเยือก
“มึงเป็นอะไรวะ” เพลิงหันมาถามเพื่อน เห็นนั่งไม่ค่อยติดกับที่
“ขอกลับก่อนแล้วกันดื่มเยอะแล้ว” เขาตอบและรีบลุกออกไปทันที เขาเป็นหมอทำไมจะไม่รู้ว่าเขาโดนอะไรมา คิดว่าตัวเองระวังแล้วแต่พลาดอีกจนได้
“คุณโอเคไหม?” หญิงสาวเดินตามออกมา แกล้งถามทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความพอใจ
“ผมจะกลับแล้ว”
“ขับรถกลางคืนอันตรายจะตายให้ยาหยีดูแลคุณได้ไหมคะ”
“ไม่!”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันพาคุณไปพักเอง” เธอกระซิบเบาๆ ข้างหูเขาหน้าอกเข้ามาเบียดต้นแขนของเขาคืนนี้จะเป็นคืนของเธอ แม้ต้องใช้เล่ห์กลเธอก็ยอมเพื่อได้เป็น คนเดียวที่เขาอยู่ด้วยตอนหมดแรงต่อต้าน
อภัสราจะเข้ามาประคองเขาเธอแอบจองห้องสุดหรูของไว้ แต่ไม่ทันจะได้ลากเขาออกมา กลับถูกคฑาผลักจนเธอเซล้มลงไป
“ไม่ต้องผมกลับเองได้” เขารีบออกไปจากต้องนั้นกลัวว่าจะพลาดท่าให้กับนางมารร้ายอย่างหมออภัสรา
“คุณหมอคฑา คุณ อร้ายยยย” เธอเจ็บจนลุกไม่ขึ้นได้แต่มองเขาวิ่งออกไป เจ็บใจขนาดโดนยาปลุกเซ็กส์ชนิดรุนแรงเขายังไม่ยอมเป็นของเธอ วันพระไม่ได้มีหนเดียวฝากไว้ก่อนเถอะ
.
เสียงเปิดประตูเพ้นท์เฮาส์กระแทกดังในความเงียบของค่ำคืนอัยย์ญาดาสะดุ้ง เธอลุกจากโซฟาที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ รีบเดินออกไปดูด้วยความตกใจ
“พี่หมอไหนว่าไม่กลับคะ” เธอร้องออกมาเมื่อเห็นเขาในสภาพไม่ปกติ ใบหน้าของเขาแดงจัด หายใจหอบเหมือนคนจะขาดใจ
“ช่วยฉันหน่อย” เสียงของเขาแหบพร่า ดวงตาแดงก่ำจ้องมาที่เธอราวกับคนที่กำลังหลุดจากการควบคุม
เขากระชากเธอเข้าหาในเสี้ยววินาที ริมฝีปากร้อนจัดบดจูบลงมาอย่างไม่ให้ตั้งตัวหญิงสาวตกใจ แต่ก็ไม่ขัดขืน เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้น
“อ๊ะ พี่หมอ” เธอถามเสียงสั่นเมื่อเขากอดเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ มือเริ่มไล้ไปตามแผ่นหลังเธออย่างหยาบกระด้างกว่าทุกครั้ง
“ฉันถูกวางยา แต่ฉันต้องการเธอตอนนี้แค่เธอ” เขากระซิบแววตาฉ่ำปรือก่อนจะลากเธอล้มลงไปบนเตียง
เสียงหอบหายใจของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มือร้อนผ่าวของเขากอบกุมร่างกายเธอเหมือนกำลังจมอยู่ในไฟ ไม่ใช่เพียงความต้องการ แต่เป็นความบ้าคลั่งที่เขาไม่สามารถหยุดได้
อัยย์ญาดาไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นหมอคฑาอ่อนแอเช่นนี้ เขาไม่ใช่ชายเย็นชาที่ไร้หัวใจในตอนนี้อีกต่อไป แต่กลายเป็นชายคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอเปลือยเปล่า ทั้งร่างกายและความรู้สึก
เขาจูบเธอเหมือนคนหิวกระหาย และดันท่อนเอ็นเข้ามาอย่างไม่ปรานีแม้จะเจ็บแค่ไหน แต่เธอไม่ได้ห้ามเขา มือบางจิกลงบนแผ่นหลังของเขา
“อื้อ อ๊ะ อ๊า”
“ซี้ดดด อัยฉันขอโทษ” เขาไม่สามารถอ่อนโยนได้เพราะความงามต้องการที่ล้นอก เขากระแทกท่อนเอ็นเข้าออกอย่างหนักหน่วงและใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมง
“อ๊า ฉันเสร็จแล้ว” เขาครางเสียงกระเส่าพร้อมร่างกายกระตุกตามแรงอารมณ์ น้ำกามปลดปล่อยเข้าไปในมดลูกของอัยย์ญาดา เขาต้องการเธอจนลืมการป้องกันไปเสียสนิท
“พี่หมอดีขึ้นหรือยังคะ”
“รอบเดียวสำหรับฉันมันไม่พอหรอก”
เขาดันท่อนเอ็นเข้าไปอีกครั้งทั้งที่ยังมีน้ำกามอยู่ เขารังแกอัยย์ญาดาไปจนถึงเช้า จนเอรับความต้องการของเขาไม่ไหวและหลับไป กว่าฤทธิ์ยาจะหมดเล่นเอาเขาเหนื่อยจนหมดแรง
ตอนเช้าเขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องไข้ขึ้นเลยลุกมาทำข้าวต้มและเตรียมยาลดไข้ให้ เป็นการขอโทษที่เขาทำรุนแรงกับหญิงสาว
อัยย์ญาดาเปิดเปลือกตาขึ้นมาพอขยับตัวต้องร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บและแสบบริเวณนั้นไม่น้อย ยามที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนทำให้เธออายจนหน้าแดง
“ฉันเตรียมข้าวต้มไว้ให้”
“เอ่อ ขอบคุณค่ะแต่พี่หมอออกไปก่อนได้ไหมคะอัยโป๊อยู่” เอดึงผ้าห่มมาปิดกายไว้
“จะอายอะไรฉันเห็นมาจนชินแล้ว”
“อุ้ยย”
“ปล่อยผ้าห่มลงฉันจะไปส่งที่ห้องน้ำ” เข่าอุ้มหญิงสาวพาไปส่งที่ห้องน้ำ วางเธอลงที่อ่างกุชชี่แช่น้ำอุ่นจะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
“ขะ ขอบคุณค่ะ”
เธออายจนหน้าแดงเมื่อเขายื่นจ้องร่างกายของเธอ จนต้องใช้มือปิดส่วนนั้นไว้ ตรงหน้าอกมีรอยแดงช้ำเต็มไปหมด
“ฉันไปรอที่ห้องอาหารรีบตามมา”
“ค่ะ” เธอรีบชำระร่างกายแต่งตัวให้เสร็จพอเดินออกมาเห็นเข่านั่งรอที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับข้าวต้มหมูก่อนจะได้ทานข้าวต้มเขายื่นแผงยามาให้เธอเสียก่อน
“ยาคุมฉุกเฉินเมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกัน”
“ค่ะ” อัยย์ญาดารีบแกะยาคุมกินไม่ต้องให้เขาพูดซ้ำ เธอไม่มีท่าทีปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะท้องเหมือนกัน
“ขอโทษที่เมื่อคืนรุนแรงไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” มันคือหน้าที่เธอพูดคำนี้ในใจและนั่งทานข้าวต้มเงียบ โดยไม่มีบทสนทนาระหว่างกันเกิดขึ้น อัยย์ญาดารีบกินยาลดไข้ทันที
“ระหว่างที่สอบฉันจะไม่มากวน สอบเสร็จฉันจะพาไปทานข้าว”
เป็นครั้งแรกที่เขาชวนเธอออกไปทานข้าวข้างนอก อัยย์ญาดาหัวใจเต้นแรง กับการกระทำที่เปลี่ยนไปของเขา
“ซื้อมากินที่นี่ก็ได้ค่ะอัยกลัวจะมีคนเห็น”
“ตามใจ” เขาหันหลังเดินออกไป รู้สึกไม่พอเล็กน้อยที่ถูกหญิงสาวปฏิเสธ แต่ไม่พูดอะไร
“คุณแม่ขาหนูอยากเล่นน้ำแล้ว” เสียงเด็กหญิงวัยสี่ขวบดังขึ้นและวิ่งเข้ามาหาแม่ที่นั่งรออยู่ข้างสระน้ำ “ลูกสาวแม่แต่งตัวแบบนี้พ่อหวงตายเลย” อัยย์ญาดาหอมแก้มลูกสาว น้องอันนา หรือเด็กหญิงสาวอัยย์ญาวี แบล็คธอร์น ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคฑา วันนี้ครอบครัวเธอมาเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลทางภาคใต้ ซึ่งกว่าคุณพ่อเขาจะมีเวลาพามาเกือบหนึ่งปี เล่นเอาลูกๆ น้อยใจ “ลงไปเล่นน้ำกันนะคะ” “ได้เลยค่ะ” อัยย์ญาดาถอดเสื้อคลุมออกเธอใส่ชุดว่ายน้ำแบบสายเดี่ยวข้างล่างเป็นกระโปรง สองแม่ลูกเล่นน้ำในสระน้ำของโรงแรมเพราะตอนกลางวันแดดร้อนจึงไม่พาลูกลงทะเล หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เห็นแบบนั้นถึงกับมองไม่ละสายตา เพราะคุณแม่นั้นสวยมากแถมลูกสาวน่ารักไม่น้อย “ป๊ารอคชาด้วยสิ” “บอกแล้วไงว่าอย่ากินเยอะ” คฑามองหาแม่ของลูกเพราะมัวแต่พาลูกชายเข้าห้องน้ำ แต่พอมาถึงกลับไม่เห็นสาวๆ นั่งอยู่ที่เดิม “ไปไหนกัน” เรียกว่าเขาไม่ปล่อยให้สองแม่ลูกละสายตาเลย เพราะไม่ชอบเวลาที่มีผู้ชายคนอื่นมอง “นั่นไงคุณแม่เล่นน้ำกับน้องคชาไปเล่นด้วยดีกว่า” คช
บทสัมภาษณ์พิเศษ แบบส่วนตัวกับอาจารย์หมอสุดหล่อผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ หลังจากเพิ่งประกาศสละโสดแบบสายฟ้าแลบ “คุณหมอคฑาผู้ชายที่รักเมียจนสาวทั้งประเทศต้องถอนตัว” “ภรรยากับลูกคือทุกอย่างของผมครับ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้นแล้ว” นักข่าว : “สวัสดีค่ะคุณหมอคฑา วันนี้เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาสัมภาษณ์คุณหมอที่ทั้งเก่ง ทั้งอบอุ่นแถมยังเป็นเจ้าของหัวใจสาวๆ ทั้งประเทศ” คฑา : (ยิ้มนิดๆ) “ขอบคุณครับแต่ความจริงหัวใจผมมีเจ้าของแล้วนานมากเลยนะครับ” นักข่าว : “มีข่าวลือว่าคุณหมอคลั่งรักเมียจริงไหมคะ?” คฑา : หัวเราะเบาๆ “ผมไม่ปฏิเสธนะครับ เพราะสำหรับผมอัยกับคชาคือลมหายใจ คือบ้านคือความหมายของชีวิต ถ้าการรักภรรยาและลูกมากๆ จะเรียกว่าคลั่งรัก ผมก็ยอมเป็นแบบนั้นทั้งชีวิตครับ” นักข่าว : “แล้วมีเคล็ดลับยังไงในการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นแบบนี้ตลอดมา?” คฑา : “ผมเคยพลาดครับเคยกลัวการมีครอบครัวจนวันหนึ่งผมเสียพวกเขาไป แต่ก็ทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ทุกวันนี้ผมตื่นมากอดลูกกอดภรรยาฟังเขาพูดฟังเขาบ่น
กลางห้องโถงสายตาทุกคู่จับจ้องไปยังชายหญิงที่ยืนเคียงกันบนเวทีเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและชมพู พวกเขายิ้มให้กันด้วยแววตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผ่านวันคืนมายาวนาน แต่สิ่งที่ทำให้วันนี้พิเศษเหนือใคร ไม่ใช่แค่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแต่เป็นเด็กชายตัวน้อยในชุดสูทจิ๋ว ที่ยืนอยู่เคียงข้างพ่อแม่ของเขา “ปะป๊า หล่อจังเลย” เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นพลางยกมือจับมือพ่อไว้แน่น “หล่อกว่าปะป๊าอีกนะครับวันนี้” หลังจากที่เขาพาอัยย์ญาดาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากนั้นสองเดือน ก็ตกลงจัดพิธีแต่งงานขึ้นเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว อัยย์ญาดามองภาพตรงหน้า แววตาเปี่ยมสุข รอยยิ้มของเธอสว่างไสวกว่าดอกไม้ทั้งหมดในงาน เธอเอื้อมมือมาแตะแก้มลูกชายเบาๆ ก่อนจะหอมฟอด “วันนี้เราไม่ได้แต่งงานแค่กันและกันนะ แต่เรากำลังสร้างครอบครัวจริงๆ ครอบครัวที่มีพวกเราสามคน” คฑาสบตากับหญิงสาว เสียงปรบมือดังกึกก้องขณะที่ทั้งสามคนยืนเคียงกันพ่อแม่และลูกชายเป็นภาพที่ทั้งอบอุ่นและสมบูรณ์แบบ “เจ้าบ่าวดื่มก่อนดิ” เพลิงยื่นเหล้าให้ซึ่งเป็น
“หยุดได้แล้วยาหยีคุณมาทำอะไรที่นี่! กลับไปซะ” คฑาต่อว่าหญิงสาวที่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น “ปล่อยฉัน! คฑายาหยีถามคุณหน่อยเถอะมันทำเสน่ห์ใส่คุณหรือไงถึงได้หลงมันขนาดนี้” เขาทำลายอนาคตของเธอทุกอย่าง จนเธอหมดอนาคตกับวงการแพทย์ที่เธอภูมิใจ “อย่ามาวุ่นวายกับคนของผมอีกยาหยีคุณมันน่ารังเกียจทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็ก” “มันวิ่งตกบันไดเองยาหยีไม่ได้ทำ” ก็เธอไม่ได้ทำแบบนั้นจริงๆ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเธอ “แต่คุณก็ไม่ช่วยคนเป็นหมอเขาไม่มีพฤติกรรมแบบคุณหรอก” ไม่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ แถมยังมีสารเสพติดไว้ครอบครอง “ความเป็นคนคุณก็ไม่มีเหมือนกันแหละไม่อย่างนั้นมันไม่หอบลูกหนีมาหรอก” ยาหยีหันไปมองอัยย์ญาดา ทำตัวไร้เดียงสาเพื่อจับผู้ชาย “อัยเราเข้าบ้านกันดีกว่าทางนี้เดี๋ยวปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการเอง” คฑากุมของอัยย์ญาดาไว้แน่นหันหลังกำลังจะเดินเข้าบ้าน “ไม่นะคฑา ฮึก ยาหยีทำเพื่อคุณขนาดนี้คุณไม่มองบ้างเหรอ” ยาหยีวิ่งมาเกาะขาของคฑาไว้แน่น ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ตกใจ “ไอ้อรรคมึงลากผู้หญิงคนนี้ออกไปสิ!”
ยาหยีกลับมาถึงกรุงเทพยังไม่ทันได้ก้าวลงจากรถ หญิงสาวกลับได้รับสายจากนักข่าวจากสำนักจนเธอเองก็แปลกใจว่าพวกเขาจะถามเธอเรื่องอะไร เธอกดเข้าไปดูข่าวที่พาดหัวตัวโตบนหน้าจอ “คุณหมอสาวลูกหลานไฮโซชื่อดัง 'ยาหยี' กับภาพหลุดสุดอื้อฉาว เปลือยกายแนบชิดกับชายหลายคนพร้อมคลิปปาร์ตี้ยาเสพติดสุดกร่างในบ้านหรู” ภาพบนหน้าจอใบหน้าเธอในสภาพเมามาย คลิปเสียงหัวเราะดังลั่นภาพเบลอแต่ชัดพอจะรู้ว่าเป็นเธอแน่นอน “ไม่นะ ไม่นะใครมันกล้าทำแบบนี้ กรี๊ดดดดด” เธอรีบกดดูคลิปที่แชร์ว่อนในแอปต่างๆ มือไม้สั่น น้ำตารื้นขึ้นมาช้าๆ พอคลิปตัดไปภาพสุดท้ายภาพที่เธอนอนหลับเปลือยข้างชายแปลกหน้าเธอโยนมือถือกระเด็นลงพื้น “คฑา! แกมันสัตว์นรกเล่นแรงถึงขนาดนี้เลยเหรอ” ยาหยีกรีดร้องจนคนในบ้านได้ยินต่างพากันออกมามุงดู กลัวว่าพ่อแม่จะมาเห็นเธอเสียก่อนจะรีบขับรถออกมา พร้อมกับความโกรธแค้นที่คฑาทำกับเธอแบบนี้ เขาไม่แจ้งความเธอแต่เล่นเอาเธอไม่มีที่ยืนในสังคม เป็นบังคับกันทางอ้อมเพื่อให้เธอลาออกจากการเป็นแพทย์ ความดีที่เป็นเพื่อนกันมาเขามองไม่เห็นเลยหรือ ผนังทั้งสี่ด้านเต็มไปด้
อัยย์ญาดามารับลูกเกือบเที่ยงพอดี วันนี้มีลูกค้ามาเหมาร้านดอกไม้เลยปิดร้านเร็ว แต่พอจะเข้าไปหาคฑาเธอกลับแปลกใจเพราะได้ยินคนคุยกันเรื่องเด็กหายไป “ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าเด็กที่ตามหากันอยู่ชื่ออะไรคะ” “ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลค่ะชื่อน้องคชา” ประชาสัมพันธ์สาวตอบเพื่อหวังว่าจะได้ง่ายต่อการตามหา อัยย์ญาดาที่รู้ว่าลูกชายเธอหายไปก็รู้สึกโกรธชายหนุ่มเป็นอย่างมากที่เธอแค่ฝากลูกไว้กับคฑาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่อีกฝ่ายกลับทำลูกหาย เธอรีบไปหาคฑาทันทีแต่พอจะเดินผ่านบันไดหนีไฟกลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้พอดี เธอรู้ทันทีว่านั่นคือเสียงลูกชายสุดที่รักของเธอ “น้องคชา! ฮึก ลูกมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” เธอเห็นสภาพลูกชายรีบวิ่งเข้าไปหาและกอดลูกไว้ ตอนนี้ที่คิ้วด้านซ้ายมีเลือดไหลไม่หยุด เธอใจจะขาดแทนลูกและโกรธที่คฑาดูแลลูกไม่ดี “อัยจ๋า แง่งงง” คชาที่เห็นแม่จึงร้องไห้เสียงดังมากกว่าเดิมและชี้ไปที่แขนตัวเองว่าขยับไม่ได้ “เจ็บตรงไหนบอกแม่สิ” “ขยับไม่ด้ายยย อัยจ๋า” คฑาที่ได้ยินเสียงลูกจึงรีบเปิดประตูเข้ามาหัวใจคนเป็นพ่อแทบแตกสลายเขารีบเข้ามาอุ้ม จากอ้อมแข
อัยย์ญาดาที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าคฑากำลังจ้องมองเธออยู่ เธอก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาและทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนว่าเธอได้ทำอะไรลงไป ก่อนที่เธอจะเลือกมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงกว่าเธอจึงได้รีบลุกขึ้นลงจากเตียงลูกชายของเธอคงใกล้จะตื่นแล้วเธอต้องรีบไปหาลูกชาย คฑามองแผ่นหลังของเธอไปจนลับสายตา เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คุณย่าของเขาติดต่อมาหลายสายทำให้เขาแปลกใจ “ครับคุณย่า” “กลับบ้านมาเคลียร์ปัญหาเดี๋ยวนี้เลยคฑาเรื่องที่เรามีลูกคือความจริงใช่ไหม” “ใครไปบอกคุณย่า?” เขารอทุกอย่างลงตัวจึงจะพาลูกชายกับเมียไปไหว้คุณย่า เราตกลงกันว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว “กลับมา!” “ครับผมจะกลับไปแต่ไม่ใช่วันนี้” เขาวางสายมีไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามีลูกแล้วข่าวมันถึงหูคุณย่าได้อย่างไร แต่กลับไปอธิบายให้ท่านฟังเรื่องงานหมั้นหมายคงยกเลิกถาวร “ป๊าฮะ” คชาเห็นพ่อลงมาจึงเรียกเสียงดังวิ่งไปเกาะขาพร้อมส่งยิ้มให้ “คนเก่งของป๊า” ได้ยินลูกเรียกตัวแบบนั้นเขาดีใจจนบอกไม่ถูก สองพ่อลูกมานั่งดูการ์ตูนกันจนอัยย์ญาดาทำอาหารเช้าเสร็จ อ
เสียงเปิดประตูแผ่วเบาดังขึ้นในยามค่ำ คฑาก้าวเข้ามาในบ้านอย่างเงียบเชียบ กลิ่นอาหารหอมอบอวลลอยมาตามลมจางๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าทั้งวันละลายหายไปในพริบตา “กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงของอัยย์ญาดาดังขึ้นจากมุมโต๊ะอาหาร หญิงสาวในชุดลำลองเรียบง่าย กำลังจัดวางจานสุดท้ายลงบนโต๊ะไม้เนื้อดี สีหน้าเธอเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่แววตาเธอกลับไม่สามารถหลอกใครได้ โดยเฉพาะคนที่รู้จักเธอดีอย่างคฑา “ให้ช่วยอะไรมั้ย?” คฑายิ้มบางๆ แล้วเดินเข้าไปช่วยเธอจัดเก้าอี้ เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เธอหลุบตาลงนิดหนึ่งหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาแต่เพราะเขาเปลี่ยนไป “คุณไปนั่งรอเถอะ” “เรื่องลูก...” “ฉันขอเวลาคุยกับเขาก่อน” คฑาที่เห็นลูกจึงได้อุ้มลูกมาไว้แนบตัวพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความรักใคร่ ก่อนที่จะวางลูกชายลงบนโต๊ะส่วนตัวของลูกชายที่ถูกเสริมขึ้นมาอีกทีจากเก้าอี้ อัยย์ญาดาที่มองอยู่ก็เผลอแอบยิ้มให้กับลูกชายและคฑาดูเหมือนเป็นครอบครัวจริงๆ มากกว่าสิ่งที่เธอคาดหวังเอาไว้เสียอีก แต่พอคฑาหันกลับมามองเธอก็มีสีหน
คฑาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้อรรคฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบหวังว่าเพื่อนรักคนนี้จะช่วยหาทางออกดีๆ ให้เขาได้บ้างอรรคนั่งฟังอย่างตั้งใจพอเรื่องราวจบลง เจ้าตัวก็ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า“มึงก็ปล้ำเขาเลยดิ!”คฑาถึงกับอึ้งค้างสมองที่ปั่นป่วนอยู่แล้วยิ่งระเบิดวุ่นวายหนักกว่าเดิม เขาตะโกนลั่น“บ้าไปแล้วเหรอวะ! กูจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง!”“เออ ก็มันต้องใช้วิธีรุนแรงหน่อยเขาถึงจะรู้ตัวไงว่ารักมึง หรือเกลียดแบบที่ปากพูดจริงๆ วะงานหยาบเลยแบบนั้น” อรรคไหวไหล่ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่คฑาเอามือกุมขมับปวดหัวจี๊ดจนแทบอยากจะโขกหัวกับโต๊ะ ไม่รู้จะโกรธหรือจะขำดี“ไม่ใช่แค่ไม่คืนดีนะเว้ย แบบนี้อัยน่าจะไล่ฉันออกจากบ้าน แล้วโทรเรียกตำรวจมาลากฉันเข้าคุกมากกว่า”“งั้นก็คิดเองละกันฉันช่วยสุดๆ ได้แค่นี้แหละ” อรรคหัวเราะอย่างไม่สำนึกคฑาถอนหายใจยาวเหยียด มองหน้าเพื่อนที่ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วได้แต่คิดในใจ 'ไม่น่าหวังอะไรกับมันเลยจริงๆ'“อาจารย์ผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก แม่งไม่ได้เรื่อง”“มึงก็ไปไหนไม่รอดเหมือนกันแหละกระจอก มึงก้าวผ่านคำว่าปมในวัยเด็กมาหรือยังถึงอยากไปเป็