"จริงสิเสวี่ยเออร์ เจ้าอ่านหนังสือออกได้อย่างไรกัน"
"คือว่าเรื่องนั้น ตอนที่ข้าไม่สบายหนักแล้วหลับไปหาวันข้าฝันขอรับ ในฝันนั้นข้าไปเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายโดยเฉพาะเรื่องการรักษาที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ในจะการปรุงยาและสมุนไพรต่างๆข้าก็รู้สึกว่าคุ้นเคยกับมันดี คราแรกข้าก็คิดว่ามันเป็นเพียงความฝันขอรับแต่พอตื่นขึ้นมาข้ากลับยังจำทุกอย่างได้ดีอยู่ ข้าคิดว่าสวรรค์คงเป็นเมตตาข้าขอรับท่านพ่อท่านแม่ " เหอฟานเสวี่ยแต่งเรื่องขึ้นมาแอบคิดในใจว่าเรื่องราวเกินจริงแบบนี้ผู้ใดเขาจะเชื่อ "จริงหรือเสวี่นเออร์ ลูกพ่อเจ้าช่างโชคดียิ่งนัก" เอ่อ บิดาเขานี่แหละเชื่อ "เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็รู้วิธีการรักษาสินะ" สวี่ฟางอดตกใจระคนยินดีไม่ได้ "ขอรับท่านแม่ ทั้งวิธีการรักษา การปรุงยา และสมุนไพรต่างๆข้ารู้สึกว่าตัวข้าคุ้นเคยราวกับศึกษามานานหลายปีเลยขอรับ" เหอฟานเสวี่ยได้แต่ขอโทษทั้งสองคนในที่ต้องโกหก "ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก" สวี่ฟางเอ่ยขึ้น "ท่านพ่อท่านแม่ขอรับ พวกท่านคิดว่าอย่างไรหากข้าอยากใช้วิชาความรู้ที่ได้มาช่วยเหลือผู้อื่น" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถามบิดามารดา "เจ้าหมายถึงรักษาคนหรือ" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอ "ใช่ขอรับ ข้าอยากเปิดบ้านรักษาชาวบ้านและเก็บเงินค่าสมุนไพรเพียงเล็กน้อยชาวบ้านที่เจ็บป่วยจะได้มีโอกาสรักษา" เหอฟานเสวี่ยบอกความต้องการของตน "มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เจ้าจะบอกชาวบ้านว่าเยี่ยงไรเล่าเรื่่องที่เจ้าสามารถรักษาผู้คนได้อย่าลืมว่าตัวเจ้าอายุเพิ่งสิบสองหนาวเพียงเท่านั้น" เหอจงเทาเอ่ยถามอย่าเป็นกังวล "ข้าจะบอกว่าหมอพเนจรเป็นผู้ช่วยสอนวิชาการรักษาและปรุงยาสมุนไพรให้ข้าขอรับ อย่างไรเสียขึ้นชื่อว่าหมอพเนจรย่อมไม่มีใครตามหาพบได้อยู่แล้ว ส่วนชาวบ้านจะให้ข้ารักษาให้หรือไม่นั้นก็สุดแล้วแต่พวกเขาจะตัดสินใจขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกตามความคิดของตน "ท่านพี่ตามใจลูกเถอะเจ้าค่ะ" สวี่ฟางเอ่ยบอกสามี "เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าเถิด แต่อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเล่า" เหอจงเทาเอ่ยบอกลูกชาย "ขอรับ ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยตอบคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม หลังจากกินข้าวเสร็จเหอฟานเสวี่ยก็เข้าไปในห้องนอนของตนเพื่อวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนยอมรับและกล้าที่จะรักษากับเขา "ให้มาอยู่ต่างโลกแบบนี้ไม่ให้ของวิเศษอะไรมาเลยรึไง" เหอฟานเสวี่ยบ่น "ท่านเทพขอรับ เหตุใดช่างใจร้ายส่งข้ามาตัวเปล่าๆเล่าขะ เหวอ! " เหอฟานเสวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกถึงแรงดึงจึงหลับตาปี๋ด้วยความกลัวว่าจะเจ็บแต่เวลาผ่านไปสักพักก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหอฟานเสวี่ยจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา "นะ นี่มัน สวรรค์! ขอบคุณท่านเทพที่ตอบรับคำอ้อนวอนของข้าขอรับ" เหอฟานเสวี่ยนั่งคุกเข่าคำนับอากาศอยู่หลายทีก่อนจะลุกขึ้นเดินดูสิ่งที่เป็นดั่งสวนสวรรค์สมุนไพรที่เขายืนอยู่ เหอฟานเสวี่ยเดินดูรอบๆพบสมุนไพรทั่วไปจนไปถึงสมุนไพรล้ำค่าอย่าง เห็ดหลินจือเลือด เห็ดหลินจือดำ โสมภูเขา โสมคน ถังเช่า ต้นพืชสิบต้น หรือแม้แต่ไข่มุกสำหรับปรุงยาและทำเครื่องสำอางค์ก็มี อีกส่วนมีพื้นที่ปรุงยาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน และสุดท้ายเป็นอุปกรณ์การแพทย์ทั้งแผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีน เหอฟานเสวีายมองดูของทั้งหมดอย่างมีความสุข "เสวี่ยเออร์ พ่อจะขึ้นเขาเจ้าจะไปด้วยหรือไม่" เสียงเรียกของบิดาทำให้เหอฟานเสวี่ยสะดุ้งตกใจก่อนที่ตัวของเขาจะถูกดึงมาในโลกแห่งความจริง "เสวี่ยเออร์ได้ยินพ่อหรือไม่" เหอจงเทาเอ่ยเรียกบุตรเกออีกครั้ง "ขอรับท่านพ่อ" เมื่อได้สติเหอฟานเสวี่ยก็รีบเปิดประตูออกไปหาบิดาทันที "พ่อจะขึ้นเขา เจ้าจะเข้าไปหาสมุนไพรด้วยหรือไม่" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอของตนเพราะก่อนหน้านั้นเกอน้อยบอกว่าอยากรักษาชาวบ้าน จะรักษาก็ต้องมียาเขาจึงมาถาม "ไปขอรับท่านพ่อ ข้าจะขึ้นเขากับท่าน" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกอย่างตื่นเต้น "เจ้าพร้อมหรือไม่" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอ "ข้าพร้อมขอรับ" เหอฟานเสวี่ยตอบบิดาก่อนจะเดินไปหยิบตระกร้าขึ้นมาสะพายหลังเช่นเดียวกับพ่อของตน "เช่นนั้นก็ตามพ่อมา" เหอจงเทาเดินนำบุตรชายมาที่ภูเขาที่ติดกับไร่นาของตนทั้งสองเดินขึ้นเขาไปเหอฟานเสวี่ยก็กวาดสายตามองดูรอบๆว่ามีสมุนไพรให้ตนได้เก็บหรือไม่ก็พบว่ามีสมุนไพรทั่วไปเขาก็จัดการเก็บมาไว้จนเดินเข้าไปลึกเรื่อยๆเหอจงเทาก็จัดการวางกับดักสัตว์ไว้ก่อน เหอฟานเสวี่ยนึกถึงของในมิติของตนเองจึงเอ่ยถามบิดา "ท่านพ่อขอรับ ท่านพ่อรู้หรือไม่ขอรับว่าเห็ดหลินจือนั้นมีราคาเท่าใด" "หือ เห็ดหลินจือหรือ นั่นเป็นของหายากเชียวนะพ่อรู้มาว่าเห็ดหลินจือขายได้ตั้งแต่ร้อยตำลึงทองถึงหลายหมื่นตำลึงทองเลยทีเดียว" เหอจงเทาเอ่ยตอบบุตรเกอ "แล้วโสมกับถังเช่าเล่าขอรับ" "โสมนั้นมีราคาแพงพอๆกับเห็ดหลินจือเลยแหละ ส่วนถังเช่ามีราคาถูกกว่า" เหอจงเทาบอกไปตามที่เคยได้ยินมา "เช่นนั้นหากเราเอาของพวกนี้ไปขายเราก็จะมีเงินจำนวนมากใช่หรือไม่ขอรับ ต่อไปเราก็ไม่ต้องกังวลหากเปิดรักษาชาวบ้านโดยไม่ต้องคิดเงินสักอีแปะ" "ฮ่าๆ ใช่แล้วลูก แต่ของพวกนี้นั้นหายากมิใช่ว่าอยากเจอก็จะเจอโดยเฉพาะโสมพันปี เขาว่ากันว่าผู้ที่จะตามหาโสมพันปีได้ต้องทำการชำระร่างกายให้บริสุทธิ์เสียก่อน" เหอจงเทาเอ่ยบอกพร้อมกับลูบหัวบุตรของตนอย่างรักใคร่ "แล้วถ้าข้ามีเล่าขอรับ" เหอฟานเสวี่ยตัดสินใจเอ่ยบอกบิดานี่เป็นหนทางที่เขาจะพาครอบครัวร่ำรวยและสานต่อเจตนารมณ์ของแพทย์ได้อย่างไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องเงินทอง "เจ้าหมายความว่าเช่นไร" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอตัวน้องก่อนจะตาเบิกกว้าระคนตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้รับรู้ทั้งสองเดินกลับเข้ามาในบ้านที่มีบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายกำลังนั่งคุยกันอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะเข้าไปนั่งข้างบิดามารดาของตัวเอง เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั่งลงแล้วจ้าวฮูหยินก็เปิดปากพูดขึ้น”เสวี่ยเออร์ แม่ได้คุยกับบิดามารดาของเจ้าแล้ว บิดามารดาของเจ้ายินดีหากเจ้าจะหมั้นกับอาจวิน” “…..” เหอฟานเสวี่ยหันหน้าไปมองบิดามารดาของตนก็เห็นว่าทั้งคู่พยักหน้าให้“เจ้าล่ะ ยินดีจะหมั้นหมายกับจวินเกอของเจ้าหรือไม่” จ้าวฮูหยินเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม จ้าวเพ่ยจวินเองก็มองคนน้องด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ภายในใจก็ลุ้นอยู่ไม่น้อย“ข้า…ขอเรียนท่านแม่ตามตรง ตัวข้านั้นยังอยากอยู่กับบิดามารดาเปิดบ้านรักษาชาวบ้านเช่นนี้ หากวันนึงข้าต้องแต่งงานกับจวินเกอข้าอาจไม่สามารถไปอยู่ที่เมืองหลวงได้” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตน แม้ว่าครอบครวคนพี่จะเคยพูดว่าไม่ได้กังวลที่จะให้บุตรชายมาอยู่ที่นี่แต่เขาก็อยากจะพูดคุยให้ชัดเจนอีกครั้ง“อาจวิน เจ้าว่าอย่างไร ยินดีจะมาอยู่กับน้องที่นี่หรือไม่” จ้าวฮูหยินเอ่ยถามบุตรชาย“ลูกยินดีขอรับท่านแม่ ขอแค่มีเสวี่ยเออร์อยู่ลูกอยู่ที่ไหนก็ได้ขอรับ” จ้าวเพ่ยจ
วันเวลาล่วงเลยผันผ่าน จนเวลาล่วงเลยผ่านมาสามปี เหอฟานเสวี่ยยังคงทำหน้าที่เป็นหมอเทวดาน้อยได้อย่างดีเช่นเดิมจวบจนตอนนี้จากเกอน้อยวัย 12 หนาวกลายเป็นเกอวัย 15 หนาวซึ่งตามธรรมเนียมคือถึงช่วงวัยปักปิ่นและออกเรือนสำหรับเกอและสตรีในยุคนี้ งานปักปิ่นให้กับเหอฟานเสวี่ยจะถูกจัดขึ้นอีกสามวันข้างหน้าผู้เป็นมารดาใบหน้ามีความสุขที่เห็นบุตรของตนเติบโตขึ้นมากผิดกลับบิดาที่รู้ว่าบุตรเกอของตนถึงวัยออกเรือนก็เอาแต่ทำหน้าเครียด “ท่านพ่อเลิกทำหน้าเศร้าเถิดขอรับ ข้ามิได้จะออกเรือนวันพรุ่งนี้เสียหน่อย” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่“พ่อเพียงแค่เป็นห่วงเจ้า” นับวันบุตรเกอของตนยิ่งงดงามขึ้นมีแม่สื่อจากหลายตระกูลมาทาบทามแม้ว่าจะพูดไปว่าบุตรของเขามีคู่หมายแล้วก็ตาม“ท่านพี่อย่าคิดมากไป ถึงอย่างไรวันนึงเสวี่ยเออร์ก็ต้องออกเรือน” สวี่ฟางเอ่ยกับสามี“เหอะ แล้วนี่ไอ้บุรุษหน้าเหม็นผู้นั้นไปไหนเล่า มาประกาศตัวแล้วก็หนีหายมิใช่ว่าทิ้งเจ้าไปแต่งงานแล้วหรือ” เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอ เหอฟานเสวี่ยที่ได้ยินคำถามนั้นก็ทำเพียงแค่ยิ้มบางๆให้กับบิดา ตั้งแต่จ้าวเพ่ยจวินกลับไปเมืองหลวงตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เป็นเวลา
หลังจากจับตัวคนที่ก่อเรื่องส่งทางการไปชาวบ้านคนอื่นๆก็ต่างแห่พากันตามไป เหอฟานเสวี่ยก็ต้องเดินทางไปเพราะถือว่าเป็นผู้เสียหายแม้ว่าเหอจงเทาจะไม่อยากให้บุตรของตนไปเจอหน้าคนพวกนั้นอีกก็ตาม ครอบครัวเหอรวมถึงจ้าวเพ่ยจวินและลูกศิษย์ทั้งสองพากันเดินทางมายังในตัวเมือง ผู้ตัดสินคดีในครั้งนี้คือท่านเจ้าเมืองผู้ที่เคยตัดสินคดีของนายอำเภอและหม่าจางอี้ “ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ท่านเจ้าเมืองช่วยบุตรชายของข้าด้วยชาวบ้านพวกนี้มันทำร้ายร่างกายบุตรชายข้า” สตรีวัยกลางคนรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือคนผู้นั่งอยู่บนโต๊ะตัดสินสูงสุดทันทีปัง!“เงียบ! พวกเจ้าจงอยู่ในความสงบข้าจะเป็นผู้ไต่สวนเอง” ท่านเจ้าเมืองพูดเสียงเย็น ดูทรงอำนาจอย่างไม่อาจต้านทาน“บอกชื่อของเจ้ามา” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามบุรุษผู้เต็มไปด้วยรอยแผลตามร่างกาย“คาระวะท่านเจ้าเมือง ข้าน้อยหย่งเล่อ ขอรับ” “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมา เหตุใดเจ้าจึงถูกจับตัวมาส่งทางการแล้วเหตุใดร่างกายจึงเต็มไปด้วยรอยแผลเช่นนี้” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามเสียงเรียบ ท่าทางเต็มไปด้วยอำนาจทำให้บุรุษหนุ่มพูดไม่ออกเพราะกลัวความผิด“อะ เอ่อ…คือ”“จะอะไรเสียอีกเล่า เกอผู้นี้ยั่วยวนบุตรชา
จ้าวเพ่ยจวินลืมตาตื่นมาในตอนเช้ามืด ร่างสูงลุกขึ้นบิดไล่ความขบเมื่อยการนอนต่างที่ต่างถิ่นเป็นเรื่องปกติของเขาไปเสียแล้ว คราที่มาแอบดูคนน้องบางครั้งเขายังนอนบนต้นไม้ไม่ก็หลังคาเรือน จ้าวเพ่ยจวินรีบลุกขึ้นไปจัดการธุระตนเองเพราะจากการที่เมื่อก่อนมาแอบดูคนน้องเขารู้ดีว่ากิจวัตรในทุกเช้านั้นคืออะไร ร่างสูงเดินตรงเข้าไปที่เรียนครัวที่ตอนนี้มีสามคนพ่อแม่ลูกกำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารกันอยู่“จวินเกอ!” เหอฟานเสวี่ยที่หันไปเห็นคนท่เพิ่งเข้ามาก็ร้องเรียกด้วยความตกใจ“มีอันใดให้พี่ช่วยหรือไม่” จ้าวเพ่ยจวินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองที่เปลี่ยนไปทำให้เหอฟานเสวี่ยเขินอายอยู่ไม่น้อย“ไม่มีขอรับ”อีกฝ่ายเป็นแขกเขาจะให้มาช่วยทำงานได้อย่างไรกัน“คุณชายจ้าวเหตุใดจึงตื่นเช้านักเล่า ไม่ไปนอนต่ออีกเสียหน่อย หรือว่าที่หลับนอนไม่สบายเดี๋ยวป้าจะเข้าเมืองไปซื้อฟูกมาปูให้ใหม่” สวี่ฟางเอ่ยถามบุรุษหนุ่ม จ้าวเพ่ยจวินเป็นถึงคุณชายจากเมืองหลวงนอนผ้าปูพื้นบางๆคงจะไม่สบายตัวเป็นแน่“เป็นบุรุษหากทนลำบากแค่นี้ไม่ได้แล้วจะดูแลภรรยาในอนาคตได้อย่างไร” เหอจงเทาค่อนแคะ“ไม่เป็นไรขอรับท่านป้า แค่นอนไ
จ้าวเพ่ยจวินกับเหอฟานเสวี่ยออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่าเพื่อที่จะได้ถึงเมืองที่เหอฟานเสวี่ยอาศัยอยู่ก่อนตะวันตกดิน พวกเขาเลือกพักกินอาหารแค่ครู่เดียวก็ออกเดินทางต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงยามเชินขบวนรถม้าหลายคันก็เข้าสู่หมู่บ้านและมุ่งหน้ามายังบ้านเหอ ชาวบ้านหลายคนต่างพากันเดินตามมาดูขบวนรถม้าคันใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้านเมื่อเห็นว่ามาจอดที่บ้านเหอจึงพากันยืนมุงดูอยู่ด้านนอก“ท่านพ่อ! ทานแม่!” เหอฟานเสวี่ยที่ลงจากรถม้าได้ก็รีบพุ่งไปกอดบิดามารดาของตนเองทันที“เสวี่ยเออร์” สวี่ฟางอ้าแขนรับกอดลูกของตัวเองด้วยความคิดถึง เหอจงเทาที่เห็นว่าบุตรเกอของตนกลับมาอยากปลอดภัยความกังวลที่มีอยู่หลาดวันมานี้ก็คลายลง“คาระวะนายท่านเหอ ฮูหยินเหอ” จ้าวเพ่ยจวินเดินเข้ามาคำนับผู้อาวุโสทั้งสอง “เสวี่ยเออร์” สวี่ฟางมองหน้าบุตรเกอของตนด้วยสายตาตั้งคำถาม ส่วนเหอจงเทาที่เห็นว่ามีบุรุษเดินทางมากับบุตรเกอของตนก็มีสีหน้ามืดครึ้มลง“ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ นี่คุณชายจ้าวเพ่ยจวินขอรับ ช่วงที่อยู่เมืองหลวงข้าพักที่จวนสกุลจ้าวแล้ววันนี้คุณชายจ้าวจึงอาสามาส่งข้าขอรับ” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยแนะนำคนพี่ให้รู้จัก“เจ้าคือคนที่มอบปิ่
หลังจากสิ้นสุดงานเลี้ยงอันสนุกสนาน? คุณหนูหลายตระกูลก็ถูกสั่งให้กักตัวอยู่แต่ภายในจวน คุณหนูเซี่ยเองต้องไปคุกเข่าที่หน้าศาลบรรพชนตามรับสั่งของฮ่องเต้จนชาวเมืองต่างเล่าลือกันสนุกปาก ส่วนเหอฟานเสวี่ยนั้นต้องเข้าวังถวายการตรวจพระครรภ์ของฮองเฮาอยู่หลายครั้งสลับกับการไปแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่าอาจารย์ของสำนักหมอหลวงโดยที่มีจ้าวเพ่ยจวินตามไปด้วยไม่เคยห่างจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเดือนจึงถึงเวลาที่เหอฟานเสวี่ยต้องเดินทางกลับบ้านของตน“เสวี่ยเออร์ลาท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” เหอฟานเสวี่ยคำนับลาผู้อาวุโสของจวนตามธรรมเนียม“ไม่อยู่ต่ออีกสักนิดหรือลูก” จ้าวฮูหยินเอ่ยพลางน้ำตาซึม ตลอดเวลาเกือบเดือนที่อีกฝ่ายอยู่ที่นี่เขารู้สึกเอ็นดูไม่น้อย“อย่าทำให้ลูกลำบากใจเลย เส้นทางยาวไกลหลายพันลี้อาจวินเจ้าต้องดูแลน้องดีๆ พ่อขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย” บิดาของจ้าวเพ่ยจวินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มใจดี“ขอรับท่านพ่อ” จ้าวเพ่ยจวินรับคำผู้เป็นบิดา“อย่าลืมมาหาแม่บ้างนะเสวี่ยเออร์ จวนตระกูลจ้าวตอนรับเจ้าเสมอ” จ้าวฮูหยินเอ่ยบอกเกอน้อย“ขอรับ หลายวันมานี้เสวี่ยเออร์มารบกวน ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ที่ดูแลข้าอย่างดีขอรับ” เหอฟานเสวี