Share

หมอเกอเทวดาน้อย
หมอเกอเทวดาน้อย
Author: หยางม่งเหยา

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-06-10 18:40:21

นที ศาสตราจารย์วัย 39 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบันรวมถึงสมุนไพรต่างๆ ในอดีตนทีนั้นเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นทีเป็นคนที่เรียนเก่งเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ เขาทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อนจะออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนอายุ 18 ปี นทีเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูงจนในที่สุดเขาสามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อแพทย์ที่ประเทศจีน และสามารถสอบชิงทุนได้ทุกครั้งจนส่งตัวเองเรียนจบถึงปริญญาเอก นทีนับว่าเป็นหมอที่มีฝีมือดีไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยโรค หรือการผ่าตัด จนปัจจุบันนทีกลายเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ นทีใช้ชีวิตในการสอนนักศึกษาแพทย์เวลาว่างก็เรียนรู้เรื่องสมุนไพร การปรุงยาและแพทย์แผนจีนโบราณจนชำนาญ ชีวิตดำเนินไปอย่างราบเรียบจนกระทั่งวันหนึ่งมัจจุราชที่มองไม่เห็นมาพรากชีวิตของเขาไปเพียงเพราะเขาแค่ สะดุดขาตัวเองล้ม!

'บ้าซะมัด ทำไมผมต้องมาตายด้วยเหตุผลน่าขายหน้าแบบนี้' นทีได้แต่ก่นด่าในใจ หัวที่ฟาดพื้นอย่างรุนแรงทำให้พรากลมหายใจของเขาไปในไม่กี่วินาที

'เกิดมายังไม่เคยสัมผัสคำว่าครอบครัวเลย' นทีคิดอย่างเศร้าใจก่อนจะเอ่ยคำอธิฐาน

'หากชาติหน้ามีจริงขอให้ผมได้เกิดใหม่มีครอบครัวที่รักและห่วงใยผมด้วยใจจริงด้วยนะครับ'

ห้วงวินาทีสุดท้ายก่อนสติจะดับลงความรู้ทางการแพทย์ การปรุงยา หรือสมุนไพรต่างๆพุ่งเข้ามาในหวก่อนที่ศาสตราจารย์อายุน้อยจะสิ้นลมหายใจลงไป ณ ตรงนั้น

เฮือก!

นทีสะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางกอบโกยลมหายใจเข้าปอด นี่เข้าฝันไปหรอกเหรอ นทีถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นมาลูกหน้าก่อนจะพบว่ามีสิ่งผิดปกติ

"นะ นี่มันอะไรกัน" นทีเป็นคนที่มีรูปร่างกำยำคนหนึ่ง แล้วแขนที่เล็กและมือที่บอบบางราวกับเด็กนี่คืออะไร  เมื่อมองดูดีๆเขาพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย  สำรวจตัวเองก็พบว่าเขาอยู่ในชุดคล้ายกับยุคจีนโบราณเหมือนที่เคยดูในซีรี่ย์จอมยุทธอย่างไรอย่างนั้น ฉับพลันเขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงก่อนที่ภาพต่างๆจะไหลเข้ามาในหัวอย่างมากมาย

"นะ นี่มันเรื่องจริงเหรอ" อดีตศาสตราจารย์ทางการแพทย์แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาได้ทะลุมิติมาในโลกที่เหมือนจะเป็นโลกคู่ขนาน

เหอฟานเสวี่ย คือชื่อของคนที่นทีทะลุมิติเข้ามาอาศัยอยู่ในร่าง  เหอฟานเสวี่ยเป็นเพศเกอ อายุ 12 หนาว บิดามีนามว่า เหอจงเทา มารดามีนามว่า สวี่ฟาง  เหอฟานเสวี่ยอาศัยอยู่กับบิดามารดาในบ้านหลังเก่าเพียงแค่สามคน แม้ว่าจะยากจนเพียงใดบิดามารดาของเหอฟานเสวี่ยก็เลี้ยงดูบุตรของตนอย่างดี  เหอฟานเสวี่ยหมั้นหมายกับหม่าจางอี้บุตรชายของหม่าเฉินที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน ส่วนสาเหตุที่ทำให้นทีได้เข้ามาอยู่ในร่างของเหอฟานเสวี่ยนั้นเกิดจากเจ้าของร่างนั้นป่วยจนไข้ขึ้นสูงด้วยว่าครอบครัวไม่มีเงินเรียกหมอมารักษาเจ้าตัวจึงช็อกเพราะไข้ขึ้นสูงเกินไป

"เฮ้อ  ฉันจะใช้ชีวิตแทนนายก็แล้วกันนะ" นทีพึมพำอย่างแผ่วเบา  ต่อไปนี้ไม่มีแล้วศาสตราจารย์นที จะมีแต่เหอฟานเสวี่ยเท่านั้น

"เสวี่ยเออร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" สวี่ฟางเปิดประตูเข้ามาเห็นบุตรชายลุกขึ้นมานั่งก็รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

"ข้ามิเป็นอันใดแล้วขอรับ" นทีหรือตอนนี้ก็คือเหอฟานเสวี่ยเพิ่งเคยได้รับความห่วงใยจากมารดาเป็นครั้งแรกหัวใจก็พลันอบอุ่นขึ้นมา

"เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าหิวหรือไม่ประเดี๋ยวแม่จะไปทำข้าวต้มมาให้เจ้ากิน" สวี่ฟางลูบหัวบุตรชายด้วยความเอ็นดู

"ข้าหิวนิดหน่อยขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบ ตอนนี้ท้องเขาเองก็เริ่มหิวแล้ว

"เช่นนั้นเจ้ารอสักประเดี๋ยว"

"ข้าออกไปกินข้างนอกกับท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยอยากกินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว

"เช่นนั้นก็ได้ เจ้ารอแม่อยู่ในนี้สักครู่อาหารเสร็จแล้วแม่จะมาตามเจ้าไปกิน" สวี่ฟางตามใจบุตรเกอคนเดียวของตน

"ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยตอบรับอย่างว่าง่าย

'การมีครอบครัวมันอบอุ่นเช่นนี้เองหรือ'

ยามโหย่ว (17:00-18:59) สวี่ฟางก็ทำอาหารทุกอย่างเสร็จ เหอจงเทาผู้เป็นบิดาของเหอฟานเสวี่ยก็กลับมาพอดีสวี่ฟางจึงไปตามบุตรชายมากินข้าว

"เสวี่ยเออร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอด้วยความห่วงใย

"ข้าหายดีแล้วขอรับ ท่านพ่อมิต้องห่วง" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบพลางยิ้มน้อยๆ

"หายดีก็ดีแล้ว พ่อต้องขอโทษเจ้าที่ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อยามาให้เจ้ากิน" เหอจงเทารู้สึกผิดอยู่เต็มอก ลำพังดักกระต่ายและไก่ป่าได้แค่บางวัน นำไปขายก็ได้แค่ไม่กี่สิบอีแปะอย่าว่าแต่ตามหมอมารักษาเลย แค่จะซื้อสมุนไพรบรรเทาอาการยังไม่มีปัญญา เขาช่างเป็นบิดาที่แย่นัก

"ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเอง" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยปลอบบิดาเพราะห้วงสุดท้ายของชีวิตของเหอฟานเสวี่ยคนเก่าไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองบิดามารดาหรือน้อยใจโชคชะตาของตนเลยสักนิด

"เอาล่ะ กินข้าวกันเถิดประเดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน" สวี่ฟางรีบเปลี่ยนเรื่องบรรยากาศจึงกลับมาเป็นปกติ  เหอฟานเสวี่ยมองดูอาหารตรงหน้าก็รู้สึกหดหู่ใจ ข้าวต้มที่มีแต่น้ำกับผัดผักหนึ่งจาน นี่มันแย่กส่าอาหารที่บ้านเด็กกำพร้าเสียอีกมิน่าครอบครัวนี้ถึงได้ผ่ายผอมกันนัก  ไม่เป็นไรในเมื่อเขามีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้นั่นก็แปลว่าครอบครัวนี้คือครอบรัวของเขา เขาจะทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ดีขึ้นเอง

หลังจากกินข้าวเสร็จเหอฟานเสวี่ยก็อาสาล้างจานแต่ถูกสวี่ฟางผู้เป็นแม่ไล่ให้มาพักผ่อนเขาจึงกลับเข้ามานั่งในห้องก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิต  ความรู้ทางการแพทย์ การปรุงยา และความรู้เรื่องสมุนไพรทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จักนั้นตอนนี้ในหัวของเขาจดจำได้ทั้งหมด แม้กระทั่งการนำสมุนไพรทั่วไปนำมาปรุงยาจนสามารถทำให้มันกลายเป็นยาล้ำค่าได้ทั้งๆที่เขาในชาติก่อนไม่รู้เรื่องนี้เลย เหอฟานเสวี่ยได้แต่นอนคิดเรื่อยเปื่อยก่อนจะผล็อยหลับไป

"วันนี้ท่านพ่อมิได้ไปล่าสัตว์หรือขอรับ" เหอฟานเสวี่ยที่เพิ่งจัดการธุระตัวเองเสร็จในยามเช้าเห็นบิดานั่งทำลูกดอกหน้าไม้อยู่จึงเข้ามาถาม

"วันนี้พ่อไม่ได้ไป  คิดว่าจะปลูกผักเสียหน่อยมิเช่นนั้นหน้าหนาวคงไม่มีอะไรกิน" เหอจงเทาตอบผู้เป็นลูก

"เช่นนั้นให้ข้าช่วยนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยรีบเสนอตัวทันที

"พ่อว่าเจ้าพักก่อนดีหรือไม่ มิรู้ว่าอาการป่วยของเจ้าหายดีแน่แล้วหรือยัง" เหอจงเทาเอ่ยอย่างเป็นห่วง

"แต่... " "คนบ้านเหออยู่หรือไม่" เหอฟานสวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงเรียกขึ้นที่หน้าบ้านเสียก่อนสองพ่อลูกจึงเดินไปดู เพราะในตอนนี้สวี่ฟางผู้เป็นมารดากำลังทำอาหารอยู่

"คาระวะท่านผู้นำหมู่บ้านขอรับ มิทราบว่ามีธุระอันใดหรือขอรับ" เหอจงเทาเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดมาหาก็ทำการคำนับก่อนจะเอ่ยถามว่าเหตุใดคนบ้านหม่าถึงได้ยกโขยงมากันทั้งบ้านรวมถึงคู่หมั้น ของบุตรตนด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หมอเกอเทวดาน้อย   บทที่ 34 (จบ)

    ทั้งสองเดินกลับเข้ามาในบ้านที่มีบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายกำลังนั่งคุยกันอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะเข้าไปนั่งข้างบิดามารดาของตัวเอง เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั่งลงแล้วจ้าวฮูหยินก็เปิดปากพูดขึ้น”เสวี่ยเออร์ แม่ได้คุยกับบิดามารดาของเจ้าแล้ว บิดามารดาของเจ้ายินดีหากเจ้าจะหมั้นกับอาจวิน” “…..” เหอฟานเสวี่ยหันหน้าไปมองบิดามารดาของตนก็เห็นว่าทั้งคู่พยักหน้าให้“เจ้าล่ะ ยินดีจะหมั้นหมายกับจวินเกอของเจ้าหรือไม่” จ้าวฮูหยินเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม จ้าวเพ่ยจวินเองก็มองคนน้องด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ภายในใจก็ลุ้นอยู่ไม่น้อย“ข้า…ขอเรียนท่านแม่ตามตรง ตัวข้านั้นยังอยากอยู่กับบิดามารดาเปิดบ้านรักษาชาวบ้านเช่นนี้ หากวันนึงข้าต้องแต่งงานกับจวินเกอข้าอาจไม่สามารถไปอยู่ที่เมืองหลวงได้” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตน แม้ว่าครอบครวคนพี่จะเคยพูดว่าไม่ได้กังวลที่จะให้บุตรชายมาอยู่ที่นี่แต่เขาก็อยากจะพูดคุยให้ชัดเจนอีกครั้ง“อาจวิน เจ้าว่าอย่างไร ยินดีจะมาอยู่กับน้องที่นี่หรือไม่” จ้าวฮูหยินเอ่ยถามบุตรชาย“ลูกยินดีขอรับท่านแม่ ขอแค่มีเสวี่ยเออร์อยู่ลูกอยู่ที่ไหนก็ได้ขอรับ” จ้าวเพ่ยจ

  • หมอเกอเทวดาน้อย   บทที่ 33

    วันเวลาล่วงเลยผันผ่าน จนเวลาล่วงเลยผ่านมาสามปี เหอฟานเสวี่ยยังคงทำหน้าที่เป็นหมอเทวดาน้อยได้อย่างดีเช่นเดิมจวบจนตอนนี้จากเกอน้อยวัย 12 หนาวกลายเป็นเกอวัย 15 หนาวซึ่งตามธรรมเนียมคือถึงช่วงวัยปักปิ่นและออกเรือนสำหรับเกอและสตรีในยุคนี้ งานปักปิ่นให้กับเหอฟานเสวี่ยจะถูกจัดขึ้นอีกสามวันข้างหน้าผู้เป็นมารดาใบหน้ามีความสุขที่เห็นบุตรของตนเติบโตขึ้นมากผิดกลับบิดาที่รู้ว่าบุตรเกอของตนถึงวัยออกเรือนก็เอาแต่ทำหน้าเครียด “ท่านพ่อเลิกทำหน้าเศร้าเถิดขอรับ ข้ามิได้จะออกเรือนวันพรุ่งนี้เสียหน่อย” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่“พ่อเพียงแค่เป็นห่วงเจ้า” นับวันบุตรเกอของตนยิ่งงดงามขึ้นมีแม่สื่อจากหลายตระกูลมาทาบทามแม้ว่าจะพูดไปว่าบุตรของเขามีคู่หมายแล้วก็ตาม“ท่านพี่อย่าคิดมากไป ถึงอย่างไรวันนึงเสวี่ยเออร์ก็ต้องออกเรือน” สวี่ฟางเอ่ยกับสามี“เหอะ แล้วนี่ไอ้บุรุษหน้าเหม็นผู้นั้นไปไหนเล่า มาประกาศตัวแล้วก็หนีหายมิใช่ว่าทิ้งเจ้าไปแต่งงานแล้วหรือ” เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอ เหอฟานเสวี่ยที่ได้ยินคำถามนั้นก็ทำเพียงแค่ยิ้มบางๆให้กับบิดา ตั้งแต่จ้าวเพ่ยจวินกลับไปเมืองหลวงตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เป็นเวลา

  • หมอเกอเทวดาน้อย   บทที่ 32

    หลังจากจับตัวคนที่ก่อเรื่องส่งทางการไปชาวบ้านคนอื่นๆก็ต่างแห่พากันตามไป เหอฟานเสวี่ยก็ต้องเดินทางไปเพราะถือว่าเป็นผู้เสียหายแม้ว่าเหอจงเทาจะไม่อยากให้บุตรของตนไปเจอหน้าคนพวกนั้นอีกก็ตาม ครอบครัวเหอรวมถึงจ้าวเพ่ยจวินและลูกศิษย์ทั้งสองพากันเดินทางมายังในตัวเมือง ผู้ตัดสินคดีในครั้งนี้คือท่านเจ้าเมืองผู้ที่เคยตัดสินคดีของนายอำเภอและหม่าจางอี้ “ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ท่านเจ้าเมืองช่วยบุตรชายของข้าด้วยชาวบ้านพวกนี้มันทำร้ายร่างกายบุตรชายข้า” สตรีวัยกลางคนรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือคนผู้นั่งอยู่บนโต๊ะตัดสินสูงสุดทันทีปัง!“เงียบ! พวกเจ้าจงอยู่ในความสงบข้าจะเป็นผู้ไต่สวนเอง” ท่านเจ้าเมืองพูดเสียงเย็น ดูทรงอำนาจอย่างไม่อาจต้านทาน“บอกชื่อของเจ้ามา” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามบุรุษผู้เต็มไปด้วยรอยแผลตามร่างกาย“คาระวะท่านเจ้าเมือง ข้าน้อยหย่งเล่อ ขอรับ” “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมา เหตุใดเจ้าจึงถูกจับตัวมาส่งทางการแล้วเหตุใดร่างกายจึงเต็มไปด้วยรอยแผลเช่นนี้” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามเสียงเรียบ ท่าทางเต็มไปด้วยอำนาจทำให้บุรุษหนุ่มพูดไม่ออกเพราะกลัวความผิด“อะ เอ่อ…คือ”“จะอะไรเสียอีกเล่า เกอผู้นี้ยั่วยวนบุตรชา

  • หมอเกอเทวดาน้อย   บทที่ 31

    จ้าวเพ่ยจวินลืมตาตื่นมาในตอนเช้ามืด ร่างสูงลุกขึ้นบิดไล่ความขบเมื่อยการนอนต่างที่ต่างถิ่นเป็นเรื่องปกติของเขาไปเสียแล้ว คราที่มาแอบดูคนน้องบางครั้งเขายังนอนบนต้นไม้ไม่ก็หลังคาเรือน จ้าวเพ่ยจวินรีบลุกขึ้นไปจัดการธุระตนเองเพราะจากการที่เมื่อก่อนมาแอบดูคนน้องเขารู้ดีว่ากิจวัตรในทุกเช้านั้นคืออะไร ร่างสูงเดินตรงเข้าไปที่เรียนครัวที่ตอนนี้มีสามคนพ่อแม่ลูกกำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารกันอยู่“จวินเกอ!” เหอฟานเสวี่ยที่หันไปเห็นคนท่เพิ่งเข้ามาก็ร้องเรียกด้วยความตกใจ“มีอันใดให้พี่ช่วยหรือไม่” จ้าวเพ่ยจวินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองที่เปลี่ยนไปทำให้เหอฟานเสวี่ยเขินอายอยู่ไม่น้อย“ไม่มีขอรับ”อีกฝ่ายเป็นแขกเขาจะให้มาช่วยทำงานได้อย่างไรกัน“คุณชายจ้าวเหตุใดจึงตื่นเช้านักเล่า ไม่ไปนอนต่ออีกเสียหน่อย หรือว่าที่หลับนอนไม่สบายเดี๋ยวป้าจะเข้าเมืองไปซื้อฟูกมาปูให้ใหม่” สวี่ฟางเอ่ยถามบุรุษหนุ่ม จ้าวเพ่ยจวินเป็นถึงคุณชายจากเมืองหลวงนอนผ้าปูพื้นบางๆคงจะไม่สบายตัวเป็นแน่“เป็นบุรุษหากทนลำบากแค่นี้ไม่ได้แล้วจะดูแลภรรยาในอนาคตได้อย่างไร” เหอจงเทาค่อนแคะ“ไม่เป็นไรขอรับท่านป้า แค่นอนไ

  • หมอเกอเทวดาน้อย   บทที่ 30

    จ้าวเพ่ยจวินกับเหอฟานเสวี่ยออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่าเพื่อที่จะได้ถึงเมืองที่เหอฟานเสวี่ยอาศัยอยู่ก่อนตะวันตกดิน พวกเขาเลือกพักกินอาหารแค่ครู่เดียวก็ออกเดินทางต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงยามเชินขบวนรถม้าหลายคันก็เข้าสู่หมู่บ้านและมุ่งหน้ามายังบ้านเหอ ชาวบ้านหลายคนต่างพากันเดินตามมาดูขบวนรถม้าคันใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้านเมื่อเห็นว่ามาจอดที่บ้านเหอจึงพากันยืนมุงดูอยู่ด้านนอก“ท่านพ่อ! ทานแม่!”​ เหอฟานเสวี่ยที่ลงจากรถม้าได้ก็รีบพุ่งไปกอดบิดามารดาของตนเองทันที“เสวี่ยเออร์” สวี่ฟางอ้าแขนรับกอดลูกของตัวเองด้วยความคิดถึง เหอจงเทาที่เห็นว่าบุตรเกอของตนกลับมาอยากปลอดภัยความกังวลที่มีอยู่หลาดวันมานี้ก็คลายลง“คาระวะนายท่านเหอ ฮูหยินเหอ” จ้าวเพ่ยจวินเดินเข้ามาคำนับผู้อาวุโสทั้งสอง “เสวี่ยเออร์” สวี่ฟางมองหน้าบุตรเกอของตนด้วยสายตาตั้งคำถาม ส่วนเหอจงเทาที่เห็นว่ามีบุรุษเดินทางมากับบุตรเกอของตนก็มีสีหน้ามืดครึ้มลง“ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ นี่คุณชายจ้าวเพ่ยจวินขอรับ ช่วงที่อยู่เมืองหลวงข้าพักที่จวนสกุลจ้าวแล้ววันนี้คุณชายจ้าวจึงอาสามาส่งข้าขอรับ” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยแนะนำคนพี่ให้รู้จัก“เจ้าคือคนที่มอบปิ่

  • หมอเกอเทวดาน้อย   บทที่ 29

    หลังจากสิ้นสุดงานเลี้ยงอันสนุกสนาน? คุณหนูหลายตระกูลก็ถูกสั่งให้กักตัวอยู่แต่ภายในจวน คุณหนูเซี่ยเองต้องไปคุกเข่าที่หน้าศาลบรรพชนตามรับสั่งของฮ่องเต้จนชาวเมืองต่างเล่าลือกันสนุกปาก ส่วนเหอฟานเสวี่ยนั้นต้องเข้าวังถวายการตรวจพระครรภ์ของฮองเฮาอยู่หลายครั้งสลับกับการไปแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่าอาจารย์ของสำนักหมอหลวงโดยที่มีจ้าวเพ่ยจวินตามไปด้วยไม่เคยห่างจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเดือนจึงถึงเวลาที่เหอฟานเสวี่ยต้องเดินทางกลับบ้านของตน“เสวี่ยเออร์ลาท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” เหอฟานเสวี่ยคำนับลาผู้อาวุโสของจวนตามธรรมเนียม“ไม่อยู่ต่ออีกสักนิดหรือลูก” จ้าวฮูหยินเอ่ยพลางน้ำตาซึม ตลอดเวลาเกือบเดือนที่อีกฝ่ายอยู่ที่นี่เขารู้สึกเอ็นดูไม่น้อย“อย่าทำให้ลูกลำบากใจเลย เส้นทางยาวไกลหลายพันลี้อาจวินเจ้าต้องดูแลน้องดีๆ พ่อขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย” บิดาของจ้าวเพ่ยจวินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มใจดี“ขอรับท่านพ่อ” จ้าวเพ่ยจวินรับคำผู้เป็นบิดา“อย่าลืมมาหาแม่บ้างนะเสวี่ยเออร์ จวนตระกูลจ้าวตอนรับเจ้าเสมอ” จ้าวฮูหยินเอ่ยบอกเกอน้อย“ขอรับ หลายวันมานี้เสวี่ยเออร์มารบกวน ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ที่ดูแลข้าอย่างดีขอรับ” เหอฟานเสวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status