"เบ่งอีกหน่อย แม่นาง!!!""อื้อออออ!!! อ๊า!!!" เสียงร้องครวญครางของสตรีในห้องทำให้เหมยหลิงถึงกับนั่งไม่ติดพื้น จ้าวไป๋ลู่เจ็บท้องจะคลอดตั้งแต่ยามดึก จนตอนนี้ล่วงเข้าสู่ยามเช้าแล้ว นางก็ยังไม่คลอดเสียที สร้างความเป็นห่วงให้เหมยหลิงเป็นอย่างมาก "เหตุใดยังไม่คลอดเสียที!!!" "เจ้าใจเย็นก่อนเถิด ยามที่เจ้าคลอดก็ร่วมวันร่วมคืนเจ้าจำไม่ได้หรือ" "นั่นสินะ!!!" เหมยหลิงและสามีของนางต่างปลอบใจซึ่งกันและกัน ด้านจ้าวไป๋ลู่ในยามนี้นั้น เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าสวย นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับจะขาดใจตายเสียให้ได้ "ออกแรงเบ่งอีกคราเถิด ใกล้แล้วแม่นาง" เสียงของหมอทำคลอดชราทำให้จ้าวไป๋ลู่ออกแรงเบ่งอย่างสุดชีวิต อุแว้ เสียงร้องของเด็กทารกดังขึ้นทำให้จ้าวไป๋ลู่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา "แม่นาง เจ้าได้บุตรชาย" บุตรชาย หรือ? ดีใจจัง ความเหนื่อยล้าเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ทำให้จ้าวไป๋ลู่หลับตาลงในทันที ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด นางค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะสัมผัสได้ถึงผ้าเปียกชื้นที่กำลังเช็ดใบหน้าของนางอยู่"ฟื้นแล้วหรือ" "พี่เหมยหลิง ลูกของข้าเล่า" "เขาเพิ่งหลับไปน่ะ เจ้าอยากเห็นเข
หลี่รั่วหานกลับมาที่หน้าผาแห่งนั้นทุกวัน และทุกครั้งเขาจะไหว้พระขอพรที่วัดไป๋หม่า ขอให้จ้าวไป๋ลู่กับลูกของเขายังมีชีวิตรอดปลอดภัย สายลมพัดโชยมาเป็นระยะ ยามนี้เข้าสู่กลางฤดูหนาวแล้ว อากาศค่อนข้างหนาวเย็น วันเวลาผันผ่านมาเรื่อย ๆ จนวันนี้ก็ครบสองปีกว่าแล้วที่นางจากไป เขาควบม้าลงมาจากวัดไป๋หม่า ก่อนจะมุ่งหน้ามายังภัตตาคารชิงชาง ซึ่งเขานัดกับหลัวเทียนเฉินและเซียวถงเอาไว้ เมื่อมาถึงก็พบว่าสหายทั้งสองกำลังนั่งรอเขาอยู่ในห้องด้านบนแล้ว "พวกเจ้ามานานแล้วหรือ?""สักพักแล้ว""นี่คือสิ่งใด?" "ปลาตากแห้งน่ะ เจ้าลองชิมดูสิ พ่อครัวของที่นี่บอกว่าเพิ่งรับปลาพวกนี้มาจากหมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่ง ปลาตัวเล็กตัวน้อยพวกนี้ พอนำมาตากแห้งและปรุงเป็นอาหาร รสชาติดีเหลือเกิน" หลี่รั่วหานไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก ทันทีที่เขาใช้ตะเกียบคีบปลาตากแห้งทอดเข้าปาก ความรู้สึกมากมายก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา รสชาติมันเหมือนกับ..."อาเฉิน!!! ไปเรียกพ่อครัวมา" "เรียกมาทำไมกัน?" "ข้าจำได้ว่าปลานี่รสชาติเดียวกับที่ไป๋ไป๋เคยมอบให้ข้ากิน!!! ต้องเป็นนางแน่ ๆ ต้องเป็นนางแน่ ๆ" "อารั่ว!!! ตั้งสติ!!!" "ข้าจะไปหาพ่อครัว!!!" หล
เหมยหลิงไปยืมรถเทียมเกวียนจากคนในหมู่บ้านให้ไปส่งจ้าวไป๋ลู่ที่เมืองหลวง ระยะทางจากหมู่บ้านชาวประมงกับเมืองหลวงค่อนข้างห่างไกลไม่น้อย เกรงว่ากว่าจะถึงจวนตระกูลจ้าวก็คงจะย่ำค่ำเป็นแน่ จ้าวไป๋ลู่จึงให้เหมยหลิงพาบุตรชายของตนเองไปด้วย นางอยากให้เหมยหลิงพักที่จวนตระกูลจ้าวสักคืน แล้วค่อยออกเดินทางกลับ เหมยหลิงพยักหน้าเล็กน้อย นางฝากคำพูดกับคนในหมู่บ้านเอาไว้ว่าหากสามีของนางมา ให้บอกไปว่านางไปส่งจ้าวไป๋ลู่ที่เมืองหลวง เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพพวกนางจึงออกเดินทางกันในทันที ยามนี้เข้าสู่ปลายฤดูหนาวอากาศจึงไม่หนาวมากนัก จ้าวหยางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดาก่อนจะผล็อยหลับไป จ้าวไป๋ลู่ใช้ผ้าห่มห่อหุ้มร่างกายของบุตรชายเอาไว้เพื่อมิให้เขาหนาวจนป่วยมิเช่นนั้นจะลำบากเอาได้ ด้านหลี่รั่วหานก็มาตามที่นัดกับสามีของเหมยหลิงเอาไว้ เขาตั้งใจที่จะขี่ม้าไปเพราะมันรวดเร็วมากกว่า จึงได้มอบม้าให้สามีของเหมยหลิงตัวหนึ่ง ส่วนรถเทียมเกวียนนี้เขาจะให้คนนำไปส่งที่หมู่บ้านในภายหลัง การเดินทางในครั้งนี้ มีหลัวเทียนเฉินและเซียวถงติดตามไปด้วย จ้าวไป๋ลู่รู้สึกกังวลอยู่ในใจตลอดเวลา นางหันซ้ายแลขวา ด้วยกลัวว่าร
การที่ได้กลับมานอนที่จวนของตนเองนั้น ช่างสบายใจเหลือเกิน จ้าวไป๋ลู่ตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหาร หมิงอวี้เองก็มาช่วยนางในครัว อีกทั้งยังบอกอีกว่าตั้งแต่นางตกหน้าผาไป หมิงอวี้ก็กลับมาที่จวนตระกูลจ้าวทันที หมิงอวี้เฝ้ารอที่จะได้พบเจอนางอีกครา และเชื่อเสมอว่านางยังไม่ตาย ในใจของนางพลันครุ่นคิดถึงเรื่องที่มารดาเล่าให้ฟังเมื่อคืน คนที่มาช่วยเหลือครอบครัวนางคือหลัวเทียนเฉินและเซียวถง อีกทั้งยังมีหลี่รั่วหานที่ยอมมอบจดหมายฉบับนั้นให้หลัวเทียนเฉิง เรื่องนี้มารดาของนางได้ฟังจากคำบอกเล่าของเซียวถง คดีจึงสำเร็จและจบสิ้นไปได้ ด้านหนิงเสวี่ยกับสามีของนางและมารดาของนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้กระทั่งจวนตระกูลหวังก็ถูกปิดตายไปด้วย จ้าวไป๋ลู่ไม่อยากจะเก็บเรื่องราวที่เกี่ยวกับหลี่รั่วหานมาคิดอีก นางตัดสินใจแน่วแน่ที่จะตัดขาดจากเขาตั้งแต่ที่หน้าผาเมื่อสองปีก่อนแล้ว เช่นนั้นระหว่างนางกับเขาก็ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก หากเขาส่งหนังสือหย่ามาที่จวน นางก็ไม่ได้ขัดข้องอันใด เมื่อรับสำรับยามเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหมยหลิงกับบุตรชายของนางก็ขอตัวกลับหมู่บ้านในทันที จ้าวไป๋ลู่กอดนางอยู่นาน อีกทั้งยังมอบของ
ร้านสุรา หลัวเทียนเฉินและเซียวถงมองดูหลี่รั่วหานที่ยกจอกสุราจอกแล้วจอกเล่าเข้าปากด้วยสายตาที่เอือมระอา "กินให้ตายนางก็ไม่หายโกรธเจ้า" "อาถง เจ้าสนิทกับนางมานาน เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะต้องทำเช่นไรให้นางหายโกรธข้า" "ข้าไม่รู้" เซียวถงเอ่ยตัดบทอย่างไร้เยื่อใย หลัวเทียนเฉินที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาในทันที "เจ้าต้องให้เวลานางหน่อยอารั่ว" "อืม ข้าจะไม่กดดันนาง ข้าจะไม่ทำให้นางลำบากใจอีก" "หากอยากเขียนหนังสือหย่าก็บอกข้านะ ข้าจะรีบช่วยเจ้าอย่างเต็มที่" "เจ้าว่าเช่นไรนะ!!!" "อ้อ หมาป่าในจวนน่ะ จวนข้ามีหมาป่า" หลัวเทียนเฉินแกล้งทำเปลี่ยนเรื่องก่อนจะยกจอกสุราขึ้นดื่ม เฮ้อ!!! ข้าน่ะเป็นถึงหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์ที่ผู้คนยำเกรง เอาเถิด ข้าไม่คิดแย่งภรรยาผู้ใดอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ก็ดี!!! เฮ้อ!!! สงสัยต้องรีบกลับจวนไปชัก...เสียแล้ว ข่าวการกลับมาของจ้าวไป๋ลู่สร้างความดีใจให้แก่องค์หญิงหงลี่เป็นอย่างมาก นางถึงกับแอบไปดูที่หน้าจวนตระกูลจ้าว เผื่อว่าจะได้พบกับจ้าวไป๋ลู่และจ้าวหยางหลานชายของนางสักครา แต่จนแล้วจนรอดนางก็ไม่มีโอกาสได้พบสองแม่ลูกเลยสักครา เจียงฮองเฮามีรับสั่งให้จ้าวไป๋ลู่แล
กระท่อมกลางป่าหลังหนึ่ง หนิงเสวี่ยในยามนี้กำลังมองดูรอยแผลเป็นที่หัวไหล่ด้านซ้ายของนางด้วยแววตาที่ครุ่นคิด รอยแผลเป็นนี้ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นรอยแผลเป็นทางยาว ราวกับถูกของมีคมบาด แต่นางก็นึกไม่ออกว่ามันเกิดจากสาเหตุใด ท่านแม่เคยบอกนางว่า นางซุกซนมากในวัยเด็ก จึงได้รอยแผลเป็นรอยนี้มา "ข้านำอาหารมาให้เจ้า" เมื่อเห็นว่าหวังเจียหมิ่นนำอาหารเข้ามา หนิงเสวี่ยจึงดึงเสื้อกลับขึ้นมาดังเดิมเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นเอาไว้ "ท่านแม่เล่า" "กำลังนอนพักอยู่ในห้อง"หนิงเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองอาหารตรงหน้าที่หวังเจียหมิ่นนำมามอบให้ หวังเจียหมิ่นยินดีพานางและท่านแม่หนีออกจากเมืองหลวง แม้จะรู้ดีว่าเขาอาจจะได้รับโทษไปด้วย แต่เขาก็ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ท่านพ่อถูกประหารพร้อมพี่ชายของนางไปแล้ว ส่วนนางนั้นหนีมาพร้อมกับท่านแม่ที่นอกเมืองหลวง นางไม่เข้าใจท่านแม่เลยแม้แต่น้อย ท่านพ่อและพี่ใหญ่ตกตายจากไป แต่ท่านแม่กลับไม่มีท่าทีโศกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงท่าทีเหม่อลอยและบางคราที่ท่านแม่พึมพำอยู่กับตนเองเพียงลำพัง นางเคยพยายามแอบฟังแต่ก็ไม่อาจจับใจความได้เลยแม้เพียงประโยคเดียว ท่านแม่บอก
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ
จ้าวไป๋ลู่ถูกลักพาตัวมาที่เรือนโกโรโกโสหลังหนึ่งบนหุบเขา นางกอดจ้าวหยางเอาไว้แนบอก พยายามปกป้องบุตรชายเอาไว้อย่างสุดชีวิต "ลงมา!!! เดินเข้าไป!!!" ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนพากันล้อมตัวนางเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้นางเดินเข้าไปในเรือนหลังนั้น เมื่อนางมาถึงก็พบกับองค์หญิงหงลี่ที่ยามนี้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ใบหน้าขององค์หญิงหงลี่บวมเป่งคล้ายกับถูกตบตีมาอย่างหนัก "ท่านแม่!!!" "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ถูกนำมาขังรวมเอาไว้กับองค์หญิงหงลี่ นางกอดจ้าวหยางไว้แนบอก ก่อนจะหันมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง พวกมันจับตัวนางมาด้วยเหตุใดกัน ไม่นานนักความสงสัยของนางก็กระจ่าง เมื่อได้พบกับ หนิงเสวี่ยและมารดาของนาง หนิงเสวี่ยจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะสลับมองมาที่จ้าวหยางอย่างเกลียดชัง "หึ!!! ตายยากเสียจริงนะจ้าวไป๋ลู่ เจ้าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังคลอดเด็กนรกนี่ออกมาอีกด้วย!!!" "อย่ายุ่งกับบุตรของข้า" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอร้องข้ากัน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่บอกเล่าให้ฟัง ท่านแม่บอกว่าจ้าวไป๋ลู่รอดตายกลับมาได้อีกทั้งยังมีบุตรชายที่เกิดจากหลี่รั่วหานตามมาอีกด้
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม