“ไม่ ไม่ไล่ อย่าคิดอะไรมากเลยนะ…” เหม่ยหลินรีบตอบ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายขลาดกลัวไปมากกว่านี้ “ฉันจะรักษาเธอให้หาย และกลับมาเหมือนเดิม ฉันสัญญา...”
“แล้วพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” เหม่ยหลินฝืนใจถามสิ่งที่ค้างคาใจ
คนที่อยู่ในอาการตื่นกลัวหยุดชะงัก แล้วตอบ “นลินไม่รู้ รู้ตัวอีกที ก็มีคนเรียกให้นลินตื่น แต่นลินมองอะไรไม่เห็นไปแล้ว”
เธอเล่าด้วยความหวาดผวา เหม่ยหลินจึงเลิกถาม
“คุณหยกไม่ทิ้งนลินนะคะ...” เสียงสะอื้นถามซ้ำขยับไปมา เหมือนคนกำลังหาที่พึ่งพิง
“อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ทิ้งหนูหรอก” เธอย้ำหนักแน่น
ใบหน้าที่เคยบิดเบี้ยวและหวาดกลัว เมื่อได้รับคำสัญญา ก็ค่อย ๆ ลดเสียงสะอื้น แล้วฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“จะดูแลหนูให้มากกว่านี้ สัญญา” เหม่ยหลินให้คำมั่นอีก
“ขะ ขอบคุณคุณหยกมากนะคะ” เสียงแหลมแหบรีบกล่าวและสวมกอดร่างบางที่ไม่เคยมีใครกล้าเข้าใกล้ชนิดถึงเนื้อถึงตัว หากตอนนี้ได้สัมผัสเต็มอ้อมกอด... ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอก็ไม่เคยได้อภิสิทธิ์ใกล้ชิดทายาทอันดับหนึ่งของตระกูล หยางขนาดนี้...
ถิงถิงได้แต่ยืนมอง ด้วยอาการลำคอตีบตัน ก่อนจะผันหน้าหนีภาพนั้น!
หลังจากที่พูดกล่อม จนนลินสงบและปล่อยให้หลับไปแล้ว เหม่ยหลินก็เดินไปนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง ส่งสัญญาณให้หนานซิงเดินตามมา
หนานซิงรีบก้าวตามและยืนรอรับคำสั่ง
“ติดต่อคุณเกรียงได้หรือยัง”
“ยังครับ... แต่หลังจากนั้น ผมก็พยายามโทรหาตลอดครับ”
เหม่ยหลินมองหน้าหนานซิง คิ้วเรียวขมวด ความหวาดระแวงพาดผ่านเข้ามา “จะเกิดอะไรกับคุณเกรียงหรือเปล่า”
“ครั้งแรกที่โทรไป ก็รับสายครับ แต่พอจะโทรไปรายงานเรื่องที่เจอคุณนลินแล้ว แต่กับติดต่อท่านไม่ได้”
“ลองโทรไปใหม่อีกครั้งซิ” เธอไม่ยอมแพ้ เพราะตอนนี้ไม่อาจไว้ใจสถานการณ์ได้
เมื่อถูกสั่ง หนานซิงก็รีบจัดการทันที
เสียงรอสายดังจนตัดไป และเรียกซ้ำ ก็ยังไม่มีคนรับสายเช่นเดิม หนานซิงมองหน้าเจ้านาย ซึ่งเหม่ยหลินก็เห็นคำตอบกับตาอยู่แล้ว
“ให้คนตามไปดูหรือยัง”
“ไปแล้วครับ ประตูปิดเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่”
“บ้าจริง... ให้ทีมซงตามเรื่องให้เจอ ไม่งั้นไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า” เหม่ยหลินสั่งเสียงเครียด
ถึงนายแพทย์เกรียงจะเป็นแค่อดีตลูกจ้าง แต่การทำงานรับใช้ตระกูลหยางและทำหน้าที่ดูแลเหม่ยหลินตลอดหลายปีจนนับถือประหนึ่งญาติคนหนึ่ง จนกระทั้งสี่ปีก่อน นายแพทย์เกรียงมาทำการลาออก ซึ่งให้เหตุผลว่าร่างกายไม่ไหว และกลัวทำงานได้ไม่เต็มที่จึงขอลาออก ซึ่งตอนนั้นก็ได้ฝากลูกสาวคนเดี๋ยวที่เพิ่งเรียนจบมาคอยรับใช้เธอแทน
เหม่ยหลินมองไปคนบนเตียงสีหน้าหนักใจ “อย่าพูดเรื่องนี้ให้นลินได้ยินเป็นอันขาด”
“ครับ ผมจะกำชับทุกคนอีกครั้ง”
จากนั้นเหม่ยหลินก็โบกมือส่งสัญญาณให้หนานซิงออกไป หนานซิงโน้มรับคำสั่งแล้วเดินกลับไปรวมกลุ่มกับลูกน้องคนอื่น ๆ ที่หน้าประตูห้อง
ถิงถิงนั่งเล่นมือถือเหมือนไม่สนใจใคร แต่ที่จริงแล้วเธอได้ยินทุกคำพูดที่เหม่ยหลินกับหนานซิงพูดกัน จากนั้นเธอก็เดินไปหา
“ไว้ใจได้แค่ไหน”
คำถามของถิงถิงทำให้เหม่ยหลินเงยหน้าขึ้นมามอง
“หมายถึงใคร” เธอถามเสียงห้วน
“คุณบอกเองว่าไม่ให้ไว้ใจใคร นอกจากตัวเอง”
“หมายถึงนายแพทย์เกรียงกับนลินหรือ... มันจะมากไปหรือเปล่า เขาเกือบตายเพราะพวกเรานะ” เหม่ยหลินไม่พอใจ จนหน้าขาว ๆ ของเธอเห่อแดง
ถิงถิงยิ้มสะใจ ที่ทำให้คนหน้าเดียวเปลี่ยนได้ ก่อนจะมองเหม่ยหลินตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณเก่งทุกอย่าง เสียอย่างเดียว...”
เหม่ยหลินที่เก็บอาการมาโดยตลอด ตอนนี้เริ่มเก็บไม่อยู่ เพราะคำพูดของถิงถิง ที่กระตุ้นต่อมโมโหให้ทำงานได้ไวอย่างไม่น่าเชื่อ
“เก่งนักกับมองคนอื่นในทางลบ ไหนลองบอกมาสิว่าพี่มีขอเสียตรงไหน” พยายามเก็บอารมณ์
“ใจดีกับคนไปทั่ว...” ถิงถิงมั่นใจว่าตัวเองก็มองคนทะลุเชิดหน้าตอบ
“คนมีบุญคุณต่อกันหรือเปล่า” เหม่ยหลินย้อน
“แล้วคนในครอบครัวล่ะ อันไหนบุญคุณกว่ากัน!” ถิงถิงไม่ยอมแพ้
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี