เหม่ยหลินถอนหายใจ และพยายามเก็บอารมณ์เพราะตอนนี้เธอมีเรื่องให้หนักใจเยอะเกินพอ เลยไม่อยากผิดใจกับ ถิงถิงอีกคน
“ขอพักหน่อยเถอะ” เธอบอกแล้วทิ้งแผ่นหลังไปบนเก้าอี้หลับตาลง
“หากอยู่แล้วทำให้หนักใจเพิ่มงั้นไปก็ได้” แล้วสาวเท้าเตรียมเดินออกไป แต่ถูกรั้งไว้ด้วยคำถามเสียก่อน
“จะไปไหน”
“ไปให้พ้น ๆ ไง” ประชด
“อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ”
ถิงถิงจิกตามองคนอายุมากกว่าด้วยสายตาตัดพ้อ ใช่เธอเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่...
สีหน้าและน้ำเสียงของถิงถิง หากเหม่ยหลินไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เธอคิดว่านั้นเป็นประโยคที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกน้อยใจซึ่งเธอไม่เคยเห็นมุมนี้ของถิงถิง หรือเพราะถิงถิงไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อนกันแน่!
เหม่ยหลินเริ่มสับสน กระนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้ความรับผิดชอบนี้ ต้องมาสร้างปัญหาให้เธอเพิ่ม...
ด้วยความอยากเอาชนะถิงถิงไม่ฟัง เธอเดินตรงไปยังประตูทางออก แต่เมื่อเปิดประตู สายตาสิบคู่พร้อมใจกันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เธอจิกตามองกราด แต่กำแพงมนุษย์นั่น ไม่หวั่นไหวกับสีหน้าและอาการของเธอแม้แต่น้อย
“หลีก!” เธอสั่งเสียงห้วน ขัดหูขัดตามองหน้าใครก็เป็นหน้าของเหม่ยหลิน คนที่ปากบอกกับใคร ๆ ว่าไม่อยากเข้าใกล้ที่สุด แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แม้แต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเธอ!
ชายทั้งห้าพร้อมใจกันก้มหน้ามองพื้น แต่เท้ากดแน่นไม่ขยับ
ถิงถิงกำหมัดง้างขึ้น อยากปาใส่หน้าคนพวกนั้นคนละทีสองที แต่ยังไม่ได้ขยับไปใกล้ ก็โดนขัดขึ้น
“คำสั่งอยู่ที่พี่ พี่ว่าเธอกลับมานั่งเถอะ เพราะถึงดื้อไป ก็รั้งแต่ให้คนพวกนั้นลำบากใจเปล่า ๆ ...”
ถิงถิงทิ้งหมัดลงข้างลำตัว นับ 1-10 ตวัดสายตากลับไปมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในท่านั่งไขว้ขา สองมือวางทับอยู่บนหน้าตัก สายตาแน่วแน่...
“พี่จะส่งนลินไปรักษา...” ‘เพื่อจะจัดการเธอได้เต็มที่’ ประโยคหลังไม่ได้พูดดังให้ใครได้ยิน แม้แต่คนตรงหน้า...
“จะไปเฝ้าดูแลด้วยเลยไหมคะ” ถิงถิงย้อนถาม ในขณะที่เธอเดินไปกระแทกก้นลงนั่งบนเก้าอี้บุนวม
เหม่ยหลินหรี่ตามอง สายตาอ่อนใจ ไม่เข้าใจว่าถิงถิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงคิดแต่จะประชดประชันกับเรื่องนลินไม่หยุด ทั้งที่อีกคนบาดเจ็บ หรือว่านี่เป็นนิสัยอีกอย่างที่เธอเพิ่งรู้...
หากเป็นคนอื่นแม้จะไม่ใช่คนที่รู้จัก แต่บังเอิญเห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ก็ต้องรู้สึกเห็นใจและสงสารไม่ใช่เหรอ...แต่นี่เล่นตั้งแง่ใส่...
เหม่ยหลินยกมือขึ้นกดไปที่กระบอกตาข้างหนึ่งอย่างคนคิดไม่ตกและพูดขึ้น
“หิวไหม เราออกไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ถิงถิงแอบย่นจมูกใส่ เมื่อเข้าใจว่าเหม่ยหลินจงใจเปลี่ยนเรื่อง “ทิ้งได้เหรอ” แล้วมองไปยังเตียง ที่มีคนนอนหลับอยู่
“ไม่นาน... อีกอย่างเป็นการฆ่าเวลา รอข่าวคุณเกรียงด้วย”
ฆ่าเวลา...อ้อนี่ที่ชวนไป เพราะอยากฆ่าเวลา เถอะ!
“ถามหน่อยเถอะ คนเจ็บขนาดนี่จะรออะไรอีก”
“หากยังติดต่อคุณเกรียงไม่ได้จริง ๆ พี่ก็จะจัดการเรื่องนี้โดยไม่ต้องรออนุญาตจากใคร แต่นี่...”
แล้วมองไปที่คนหลับที่ตอนนี้ได้ทำแผลและได้รับการรักษาเบื้องต้นไป
“อำนาจเด็ดขาดอยู่ที่คุณไม่ใช่เหรอ แล้วดูท่าคุณต้องรับผิดชอบเขาทั้งชีวิตแล้วนี่ คุณเกรียงคงไม่สิทธิ์ตัดสินอะไรแล้วมั่ง”
คำพูดของถิงถิงทำให้เหม่ยหลินนึกได้ ...เธอไม่ควรรอคำใครอีก ในเมื่อต้องรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของนลิน
“หยางซิง!” จากนั้นเธอก็ผลุนผลันลุกขึ้นเรียกหามือขวา ซึ่งหนานซิงก็เปิดประตูโผล่หน้าเข้ามาในทันทีเช่นกัน
“ครับคุณหนูใหญ่ ”
“เตรียมย้ายคุณนลินไปรักษาตัวที่แอลเอ”
หนานซิงชะงักเพียงนิด “ครับ”
นั่นเท่ากับว่าต้องใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว และไม่มีใครเข้าถึงตัวนลินได้อีก จนกว่าเธอจะหายเป็นปกติ และมีอะไรที่ดีกว่าเดิมแน่นอน...
ถิงถิงนั่งมองคนอื่นที่กำลังวุ่นวาย ประหนึ่งเธอเป็นอากาศ ที่ไม่มีใครมองเห็น...จนกระทั่งเธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และเดินไปหาเหม่ยหลิน ที่นั่งกล่อมนลินอยู่บนเตียง
“เธอควรรับไว้นะ” ถิงถิงเอ่ยขึ้น
แม้ไม่เห็นหน้าคนพูด แต่นลินผันหน้าหาต้นเสียงได้ทันทีแล้วตอบกลับไป “รักษาที่ไทยก็ได้ โรงฯบาลดี ๆ มีเยอะแยะค่ะ”
“แต่หากเป็นฉัน ฉันเชื่อมือหมอศัลกรรมที่นู่นนะ” ถิงถิงเสริมต่อ
“ใช่ เธอไม่ต้องกลัวว่าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนนะนลิน...” เหม่ยหลินพูดขึ้นบ้าง
“มีใครจะอยู่เป็นเพื่อนนลินหรือคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหม่าถามด้วยความอยากรู้
ซึ่งคำถามของนลินทำให้ถิงถิงเองก็อยากรู้ ...อาจจะทั้งอยากรู้และกลัวไปในคราเดียวกัน
“นลินยังจำเหม่ยจูได้ไหม”
คำพูดของเหม่ยหลิน ทำให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกโล่ง แต่แอบเก็บอาการ...
“คุ คุณเหม่ยจูนะหรือคะ จำได้สิ... ก็เป็นน้องสาวคุณหยกนี่คะ...” คำตอบบอกว่าเธอยังจำได้ดี เหม่ยหลินก็โล่งใจ
“เธอเหมือนคุณหยกมากนะคะ ไม่ว่า... นิสัย และความสามารถ”
...แม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี เช่นเดียวกับถิงถิง ที่ต่างคนต่างไม่ลืม แต่ก็ไม่อยากพูดถึง
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี