เหล่าอัลฟา หนึ่งในกลุ่มใหญ่ของวงการตลาดมืด พวกเขามักใช้การจัดวันเกิดเป็นการบังหน้า เพื่อเจรจาเรื่องซื้อขายไปด้วยเสมอ ไม่ใช่เท่าแต่วางแผน แต่บางคืนก็สามารถสั่งสังหารคนที่ทรยศได้ นี่เลยเป็นที่มาของการให้ความสำคัญ ที่พวกเขาต้องเตรียมพร้อมกันพลาดมากกว่าวันปกติเป็นทวีคูณ เนื่องจากว่าที่แห่งนั้นซึ่งเป็นงานใหญ่ มักมีแต่คนใหญ่ๆ จะมีก็แต่เหล่าคนสำคัญเต็มพื้นที่ไปหมด จะไม่ขอพูดถึงแขกเรื่อกระเป๋าหนา หรือบรรดานารีทั้งหลายที่อยากผลักดันตัวเองเข้าวงการ โดยการเอาตัวเข้าแลกและควงแขนเซเรปมาในงานนี้ แต่จะขอพูดถึงศัตรูคู่อาฆาต ที่มีความแค้นส่วนตัวกับใครต่อใคร และใช้โอกาสนี้เป็นส่วนหนึ่งในการกำจัด ฉะนั้นการใช้เวลานี้ให้เป็นสิ่งสำคัญ
ห้องวีไอพีหนึ่งห้องที่ถูกจัดไว้เป็นโซนของใครของมัน จึงต้องมีปาร์ตี้ไปพร้อมๆกันกับการวางแผนฆ่าคนด้วย ซึ่งตรงนี้ เจ้าภาพอาจเหนื่อยที่จะต้องเดินขอคำอวยพรสักหน่อย ก็ย่อมต้องเข้าใจไปโดยปริยาย!
อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ไศลาจะได้เห็น ได้ยิน และได้สัมผัส กับสิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนในเวลาเดียวกัน แม้จะขึ้นชื่อว่ามีพี่ชายผู้ที่มีฝีมือเก่งกาจ เป็นงานที่สุด เพราะกว่าจะมายืนใกล้ชิดนายในฐานะบอดี้การ์ดได้นั้นมันคงไม่ง่าย ตำแหน่งนี้เขาไม่ได้ใช้เงินซื้อมา และต้องได้รับความไว้วางใจตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ กว่าจะพ้นผ่าน นั่นไม่ได้หมายความว่าโทมัส จะต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขามาก่อนหรอกหรือ!!
งั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก หากไศลากับครอบครัวจะไม่รับรู้อะไรเลย จากปากพี่ชาย การฝึกฝนให้พวกเธอเก่งเสมือนเขา หรือให้ได้ครึ่งของเขาสักนิด เพื่อป้องกันตัวเองในยามที่โดนศัตรูคิดปองร้าย สู้ให้เขาเปลี่ยนชื่อนามสกุล ล้างประวัติ และทำเป็นไม่รู้จักพวกเธอ แบบนี้มันน่าจะคุ้มกว่า...
นั่นน่ะซี...ถึงว่า เธอไม่มีโอกาสได้รู้เรื่องของเขาสักที
....ที่แท้....
...ศักดิ์ศรี และสัจจะ มันสำคัญต่อผู้ที่มีความจงรักภักดีเสมอ....
แล้วไอ้พวกมาเฟียที่นั่งตัวตรง คอตั้งบ่าวางมาดขรึมอยู่ตรงนี้มันจะมารู้บ้างไหม! ว่าการสูญเสียเขาไป ทิ้งคนที่รักเขาไว้ข้างหลัง มันเป็นยังไง??
เมื่อย้อนนึกไปไกลแล้ว อยู่ๆน้ำตาจะไหลลงมา ในขณะไศลานั่งห่อไหล่อยู่ในห้องเย็น ซึ่งเป็นส่วนที่เขาเตรียมไว้ให้กับเลขาหรือหญิงที่ควงมาด้วย เป็นนานสองนาน ส่วนอีกห้อง ถัดลึกเข้าไปข้างใน เป็นห้องลับที่หนุ่มๆเขาใช้ประชุมกัน ซึ่งนั่นกว่าจะพาออกกันมา คงต้องรอให้มีตัดเค้กปิดงานกันแล้ว
" เฮอะ...รู้อย่างนี้อยู่บ้านซะก็ดี "
ไศลาบ่นพึมพำ หลังก้มหน้างุนสลับกับเงยหน้าขึ้นอยู่หลายรอบ เมื่อรู้สึกว่าแผลระบมตรงจุดซ่อนเร้นกำลังจะกำเริบ ก่อนจะสะดุ้งตกใจด้วยประโยคใสกังวานนี้
" คุณคงเป็นเลขาคนใหม่ของคุณเวเดโน่สินะคะ"
ผู้หญิงร่างสูงสง่า ถัดไปทางยุโรปคนนึงเดินเข้ามาพร้อมในมือถือแก้วบรั่นดีสีอำพัน กับผู้ชายอีกคน คาดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดของหล่อน ยืนคุมอยู่ข้างหลัง ไศลาเห็น รีบลุกขึ้นทันที อย่าว่าแต่ทรวดทรงมาดามที่เธอดูออก แค่การแต่งตัวก็กินขาดแล้ว
" ไม่ต้องลุกก็ได้ค่ะ ฉันตั้งใจมานั่งกับคุณ "
" คะ? "
ว่าแล้วหล่อนก็หย่อนก้นลงนั่ง ไม่รอให้เธอเชื้อเชิญก่อน
" คุณชื่ออะไร? "
และกลายเป็นหล่อนที่ต้องเป็นฝ่ายช้อนตาคุยแทน พร้อมแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ กับรอยยิ้มละมุนละไมชวนฝันนี้
" ฉัน เรกาโด เอมิเลีย ^^"
" ....!!! "
สาวงามสไตล์ยุโรป คมสวยแฝงความเป็นทะเลทราย ด้วยดวงตาสีน้ำตาลยามจับจ้องสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าทุนเดิม นี่กระมัง นางฟ้าในหมู่โจร เพราะนามสกุลที่เธอใช้ช่างดังโด่ง เป็นที่น่าเกรงขามในหมู่ชนตลาดล่าง ถึงจัไม่เห็นเจ้าของชื่อที่แท้จริง แต่ก็ทำให้จดจำเก็บไปฝันได้!
แต่ก่อน คนที่ร้ายที่สุดคือ 'เรกาโด วิส'
ชื่อนี้เธอเคยได้ยินเผินๆผ่านหู ในช่วงที่ยังทำงานอยู่ที่ผับ ...และนี่คงจะเป็นมาดามของลูกชาย...
" ฉัน..ไศลาค่ะ "
ไศลาโน้มศีรษะลงเล็กน้อย เป็นการให้เกียรติ กับฝ่ามือที่เผลอยกขึ้นนาบกัน เอมิเลียเห็นจึงยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ก่อนจะเชิญเธอนั่ง และชี้หน้าด้วยแก้วในมือที่ถืออยู่
" ถ้าให้เดา เธอเป็นคนไทยสินะ "
" คะ? "
" การกระทำเมื่อกี้ เป็นการทักทายของประเทศเธอใช่รึเปล่า "
" อะ อ่อ... ใช่ค่ะ แสดงถึงมารยาท และมีสัมมาคารวะ ฉันไม่ชินกับการจับมือ...เอ่อ ขอโทษนะคะ "
หญิงสาวก้มหน้างุน ทำเอมิเลียเร่งโบกมือ
" ไม่ๆ จะขอโทษทำไม ฉันสิควรขอโทษ เพราะจริงๆแล้วต้องไหว้รับด้วย ฮะ แฮ่ม! "
ประโยคทิ้งท้ายเธอวางแก้วลง ยกมือขึ้นมาทำตาม ทว่า เพราะเป็นครั้งแรก จึงดูเก้ๆกังๆสักหน่อย ไศลาอึ้ง ก่อนจะยิ้ม และหัวเราะอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้า จะเป็นมิตรและอบอุ่นขนาดนี้
" รู้ไหม ฉันน่ะ ชอบมากเลย ไม่เคยไปหรอก แต่เคยศึกษามาบ้าง ที่นั่นถูกยกย่องให้เป็นประเทศที่ยิ้มเก่งที่สุด "
" เอ๋...ศึกษา? " ไศลาเลิกคิ้ว เอียงคอ
"อ๋อ ฉัน..เป็นคนชอบอ่านหนังสือน่ะ "
ก่อนจะยิ้มกว้าง หลังได้ยินคำบอกเล่านี้ และสังเกตุท่าทีในการจิบไวน์ของเธอ มันช่าง...เหมือนเด็กน้อยกำลังกินยาขมก็ไม่ปาน เอมิเลีย คงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ช่ำชองเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ ก่อนสายตาหวานนั้นจะเผลอชำเลืองมองไปยังคนข้างหลัง ซึ่งมองเธออยู่ก่อน ราวกับมีบางอย่างติดหน้าเธอ ทำให้เอมิเลียหันตามไปด้วย
" อ้อ ไศลา นี่ลูแคนนะ เป็นบอดี้การ์ดสามีฉัน "
เจ้าตัวจึงโค้งคำนับ หลังนายหญิงแนะนำตัวให้แทน ทว่า สายตาที่ทอดมองเธอ ทำเธอเริ่มหน้าฉงน เพราะมันยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ต้น ไศลาจึงถ่างตาเลิกคิ้วสูงแทนคำถาม ตามแบบนิสัยชอบทะเล้นของเธอ เอมิเลียผู้มีชาญฉลาดมารยาทสูง จึงขยับตัวให้บอดี้การ์ดได้พูด เพราะรู้ว่าไศลาคงยังใหม่ ไม่รู้ทำเนียม และใครเป็นใคร กระนั้นการที่ไศลาจะข้ามหัวตัวเองไปพูดกับบุคคลที่ยศน้อยกว่า จึงไม่ควรจะถือสา หากนี้ไม่ได้นั่งท่ามกลางเหล่าอัลฟา หรือแม้แต่สามีของเธอ
ใช่..กฏของที่นี่ ไม่ได้อนุญาตให้บริวารพูด ก็ไม่มีสิทธิ์จะพูด
" มีอะไรรึเปล่าคะ "
" เปล่าครับ ผมแค่คุ้นหน้าของคุณ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน "
" ฉันยังไม่เคยมาที่นี่นะคะ "
" งั้น ผมคงจำคนผิด ขอโทษครับ"
" ^^"
เอมิเลียนั่งมองหน้าสาวเอเชียด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย สีหน้าราบเรียบ ต่างกับในหัวที่ครุ่นคิด เธอไม่ใช่เอมิเลียคนเดิมเมื่อหลายปีก่อน แต่เธอคือ มาดามเรกาโด ผู้ที่ถูกสอนให้มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และใช้เหตุผลตัดสินปัญหา ไม่ว่าเรื่องนั้นจะทำให้เธอต้องใจอ่อนหรือสงสารแค่ไหน หากคนนั้นคือคนผิด..เธอก็ต้องเด็ดขาดและเที่ยงธรรม
ทว่า ไศลาผู้นี้ไม่ใช่ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานสูง เยี่ยงส่วนมากที่เคยรู้จัก เธอช่างใสซื่อ ไม่ต่างกันเลยกับเธอเมื่อยังเป็นเด็ก เด็กน้อยคนนึงในสถานที่หนึ่ง ต้องอยู่รวมกับคนอื่นที่ขึ้นชื่อว่า
'ไร้ผู้ปกป้องอย่างพ่อและแม่'
แม้กระทั่งความร่าเริงที่เคยมีติดตัวในตอนแรก แต่จะค่อยๆจางไปในตอนหลัง ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้สาวน้อยตรงหน้ายอมมาเสี่ยงตาย เพื่อให้ได้อยู่กับเวเดโน่ ตรงนั้นคงต้องช่างมันเถอะ ครานี้เธอรู้แล้ว ว่าคงต้องเป็นหน้าที่ของเธอ ที่จะต้องดูแลไศลาต่อไป ส่วนเวเดโน่ ในสถานะเลขา ทว่าอยู่บ้านเดียวกับเขา สำหรับเอมิเลีย เด็กสาวที่ถูกผลักดันให้ขึ้นเป็นหัวโขน คนแรกในกลุ่ม และเป็นบุคคลที่สมาคมยอมรับ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ว่าคนถัดไป ยังไงต้องเป็นเธอ แต่เวเดโน่เป็นผู้ชายที่เคยมากรัก มากความใคร่ นั่นหมายความว่ากว่าจะได้มันมา ชีวิตของไศลาหลังจากนี้ คงเหนื่อยน่าดู และอาจต้องเสี่ยงถึงสองอย่าง หากไม่มีคนคอยชี้แนะ คือ ไม่ตาย ก็คงเลี้ยงไม่โต...
ดึกดื่นกว่าไศลาจะถูกพากลับถึงบ้าน ความเหนื่อยล้าที่เจอมา ไม่ใช่ได้มาจากการแบกของหนัก หรือเดินขาลากแต่อย่าใด ทว่ามันคือการสับปะหงกนั่งรอเขาต่างหาก หลังนั่งคุยกับเอมิเลียได้สักพัก และหล่อนขอตัวกลับไปดูลูก
กระนั้นก็ว่ามันคุ้มแสนคุ้มที่เธอได้มิตรเพิ่มขึ้น ราวกับเป็นอัญมณีล้ำค่า ทว่า ก็ยังไม่เท่าความเมื่อยล้าที่เธอได้รับมาอยู่ดี
"ห๊าว~ ง่วงจะแย่ "
เมื่อถึงห้อง เธอจึงไม่รอช้า ที่จะกระโจนลงกลางเตียง กะว่าวันนี้ตั้งใจจะนอนทั้งชุดที่ใส่
แต่แล้ว..
" เฮ้! ไม่คิดจะอาบน้ำ? "
เวเดโน่กลับขมวดคิ้ว ผายมือถาม ไศลาตกใจถึงขั้นดีดตัวลุกขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าคนที่เดินตามหลังมาติดๆเมื่อกี้ จะแวะเข้ามาในห้องกับเธอด้วย
" ไม่อาบแล้วค่ะ จะนอนเลย "
หญิงสาวจึงตอบตามความจริง แล้วทิ้งตัวลงไปนอนใหม่ ทว่า..
" งั้นก็แล้วแต่เธอ ฉันรับได้ไม่เป็นไร "
" หะ ห๊า! "
กลับต้องลุกขึ้นมานั่งอีกระลอก อ้าปากเหวอ เมื่อคนตัวสูงนั้นถอดสูท ตามด้วยปลดตะขอเข็มขัดและกระดุมเสื้อพร้อมกัน ให้เหลือแต่กางเกงขาสั้นข้างในตัวเดียว
" นี่อย่าบอกนะ... เฮ้ยยย เดี๋ยว! ทำไมไม่ไปนอนห้องของคุณล่ะ "
" ห้องนี้มันถึงก่อน? "
" อะไรนะ? "
" เออน่า จะห้องไหนมันก็เหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้เดซี่ ย้ายของๆฉันมา เอ..หรือจะของๆเธอไปดี "
ก่อนจะถ่างตาหนักกว่าเดิม เมื่อเขาเดินโทงๆมา เตรียมจะล้มตัวนอนข้างๆ
" นี่! ไม่เอานะ" เธอยกมือดัก
" ทำไม? "
" ฉันไม่อยากนอนกับคุณ"
" แต่ฉันอยากนอน"
" โอ้ย นี่! "
และก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้ตลอด เพราะสู้เขาไม่ได้ ไศลามองตามร่างสูงที่ล้มลงนอนกลางเตียงเธออย่างไม่เกรงใจได้สำเร็จ ก่อนจะกรอกตามองบนด้วยความเซ็งสูงสุด หน้าที่บึ้งตึงทว่ายังมีเคล้าโคลงความสวย ทำเวเดนกลั้วขำ เขาหันหน้ามาทางเธอ เอื้อมมือเตรียมจะจับแก้ม
แต่แล้ว...
เพี้ยะ!!
" หยุด! "
กลับโดนเธอผลัก และฝาดฝ่ามือลงกลางแขนเต็มแรง
" ดุจริงนะแม่คุณ "
" ไม่ได้ดุหรอกค่ะ แค่ต้องปกป้องตัวเอง "
เธอทำปากจู๋ เบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะสะดุ้งโหยง หลังเขาเลื่อนศีรษะมาหนุนตักเธอ
" เอ๊ะ นี่! "
" แปปเดียวน่า ถ้าเธอไม่อาบน้ำ "
และล็อคแขนเธอเอาไว้ ในขณะหญิงสาวยังดื้อดึงไม่ยอม พยายามดิ้นขลุกขลักผลักไสเขาออก
" เปลี่ยนใจแล้วค่ะ ฉันจะอาบ ลุกเลย"
เขาเหลือบตามองหน้าเธออึดใจหนึ่ง สีหน้าเว้าวอนร้องขอ นั่นจึงทำให้เธอหยุดพยศชั่วคราว ถ้าจะมี คงมีเพียงดวงตาที่ขึงใส่เท่านั้น
" ฉัน..เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว.."
ทว่า เผลอเปลี่ยนไปเพราะประโยคนี้ และมือของเธอที่ถูกเขาดึงไปแนบแก้ม ไศลาเลยต้องเม้มปากสนิทแก้เขิน ยอมนั่งเฉยให้เขาหนุนตักแปปนึงอย่างที่เขาขอก็ได้ ก่อนจะช้อนตาขึ้นแสร้งไปโฟกัสอย่างอื่น เมื่อเห็นเขาเหลือบตาขึ้นมามอง
จนกระทั่งเวเดนปิดเปลือกตาลง จึงจะก้มลงมาใหม่ และสุดท้ายคงเป็นเธอที่เป็นฝ่ายใจเต้นแรงอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อจังหวะก้มลง เห็นเขาฉีกยิ้มด้วย ใบหน้าตอนหันข้างของเขา จึงเป็นภาพที่มีเสน่ห์ที่สุด
มุมปากบางเฉียบ กับฟันเรียงสวยที่ขาวสะอาด ไหนจะหนวดเครา และแถมรอยสักตรงแผงอกนั้น...
มันกำลังทำให้เธอจิตนาการไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ในดินแดนที่ร้อนระอุและมืดมิด ราวกับเป็นห้องแคบที่ค่อยกันกินลมหายใจ เขาเห็นผู้ชายสองคนกำลังปีนกำแพง ข้ามจากฝั่งมาอีกฝั่ง เสมือนหนีอะไรบางอย่าง หนึ่งในสองนั้นคือเขา ผู้ซึ่งกำลังมองดูอยู่ ในความรู้สึก ช่างตื่นเต้น แสนระทึกใจ ผู้ชายที่ว่าโยนตัวเองลงมาก่อน แม้นบนกำแพงนั้นจะเต็มไปด้วยกับดักที่พร้อมจะทำลายร่างตลอดเวลา ทว่าเขาหามีความเกรงกลัวไม่ ในขณะที่มีเส้นทางรอดกว่านี้ หลังเท้าเหยียบสู่พื้น ถ้าไม่หันกลับมาช่วยใครอีกคน ซึ่งยังติดอยู่บนกำแพง ' ส่งมือมาไอ้หนู'มือหนาเต็มไปด้วยเลือดแห้ง เลือดสด บาดแผลฉกรรจ์นับสิบแผลยื่นขึ้นเหนือหัว เด็กผู้ชายในความทรงจำเขา มองลงมาด้วยสายตาซาบซึ้ง ก่อนจะเม้มปาก ราวกับเก็บอาการอ่อนแอของความรู้สึก ที่กำลังจะกลั่นออกมาเป็นก้อนน้ำตา' พี่จะช่วยผมหรือครับ ' เขาเอ่ยถามเสียงสั่น' เออใช่ มึงยัดมาให้กู จนกูต้องติดร่างแหไปด้วย คงไม่สมควรจะช่วยมึง 'ส่วนเขาเองก็กัดฟันตะเพิดกลับไปไม่แพ้กัน กระนั้นก็ยังยื่นมือค้างเอาไว้' แต่กูทำไม่ได้หรอกโว้ย ส่งมือมา! เดี๋ยวก็ตายห่ากันหมดหรอก '' พี่เป็นใครกันแน่ ''ไว้ให้พ่อมึงมาตอบล่ะกัน 'หมับเขาพูดติดตลกในคำทิ้งท้าย ก่อนใช้จังหวะ
โครทิส เวเดโน่ พ่นควันบุหรี่ออกจากปากเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนทำลายไฟให้มอดโดยการยัดลงในที่เขี่ย หลังลูกน้องคนสนิทก้าวเร็วมาคำนับ รายงานเรื่องที่ไศลาจวนจะถึง" มาถึงแล้วงั้นเหรอ? ""อีกสิบนาทีครับนาย""พาเธอไปบ้านใหญ่""ได้ครับ"ก่อนเวเดนจะเดินสวนไปขึ้นรถ เพื่อเร่งจัดการปัญหาบางอย่างที่กำลังจะเกิดความยุ่งเหยิงขึ้น นั่นหมายความว่า เมื่อไศลามาถึงหญิงสาวจะต้องอยู่ลำพังร่างสูงในรถสปอร์ตสีดำสนิท นั่งเอนหลังกับพนักเบาะข้างหลัง ศีรษะแนบพิงไว้ พลางพ่นลมหายใจแรงทุกครั้งยามขยับท่า อันโค่ลูกน้องคนสนิท ทำหน้าที่ขับรถให้ในค่ำคืนนี้มองผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ สลับกับท้องถนน เพื่อมองพฤติกรรมของนายตัวเอง แล้วลอบยิ้ม สังเกตุดีๆ ว่านายไม่ได้หลับ"ติดกับเข้าแล้วสินะครับ"เวเดโน่หรี่เปลือกตาที่ปิดหวังพักผ่อนเท่านั้นขึ้น พลางพ่นหายใจไล่ความหงุดหงิด" พูดอะไรของมึง กูไม่เข้าใจ"" ผมรู้ ประโยคธรรมดาแบบนี้ นายเข้าใจดีที่สุด"" งั้นเรอะ แล้วออะไรล่ะวะ "แล้วกอดอกเปลี่ยนเป็นตะแคงข้าง แสร้งปิดเปลือกตาลงใหม่ ในขณะอันโค่เลิกคิ้วสูง สมน้ำหน้าตัวเองในใจที่อยู่ดีไม่ว่าดี แต่เพราะความอยากรู้ เขาจึงเอ่ยถามตามตรง" นายรักผู
ประเทศไทยหลังไศลาเหยียบลงพื้น สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับเธอคือรอยยิ้ม หญิงสาวลืมเรื่องราวทั้งหมด ราวกับไม่เคยอยู่ในความทรงจำมาก่อน เมื่อลงจากเครื่อง ร่างบางจึงเร่งเดินทางกลับบ้าน โดยการนั่งรถแท็กซี่ เพราะโทรหาน้องชายกับแม่ไม่ติด วันนี้แหละ เธอจะเค้นถามให้หมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่แล้ว...เมื่อถึง แล้วลงจากแท็กซี่ จูงกระเป๋าลากจนเกือบจะถึงหน้าบ้าน ปรากฏว่า..“ เห้ย..ไปไหนกันหมดอ่ะ “เธอพึมพำ แต่นั่นก็ไม่วายสาวเท้าต่อ เดินเร็วกว่าเก่า เร่งไปให้ถึง เพื่อจะเขย่าแม่กุญแจที่คล้องอยู่กับประตูรั้ว จากนั้นจึงทำการวางกระเป๋าลากไว้ ล้วงหาโทรศัพท์ลองโทรหาแม่สลับกับน้องชายอีกรอบ ทว่า...หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้“ อะไรกันเนี่ย “ดึงลงมาบ่น ก่อนจะเอาไปแนบหูใหม่ ทว่า ก็ยังเหมือนเดิมหมายแรกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้............หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อ................พอ!“ โอ้ย! “ไศลากระทืบเท้าระบายอารมร์หงุดหงิด ก่อนจะยืนเท้าสะเอว หันหน้าไปทางบ้าน คิ้วที่ขมวดเข้าหากัน บ่งบอกถึงความงงเป็นอย่างดี“ เอาวะ! ” พลางพ่นลมหายใจ เป็นการเตรียมพร้อมที่จะ...ปีน!“
ไศลาทำตามที่เอมิเลียว่า คือการแต่งตัวรอ และเก็บข้าวของที่จำเป็นที่สุด เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น นอกเหนือจากการทำตัวอย่าไม่ให้มีพิรุธ เมื่อถึงเวลา...หล่อนจะโทรมาเอง ประโยคเพียงแค่นั้นก็ทำให้พอจะเดาได้แล้วว่า เอมิเลีย มาดามแห่งตระกูลเรกาโด คงใช้ช่วงเวลาการประชุมนัดพิเศษของเหล่าอัลฟาวันนี้ เปิดช่องทางให้เธอหลบหนี ใจจริงก็รู้สึกผิด ไม่ใช่ไม่ย้อนคิดหรอก หากถูกจับได้ว่างานนี้ คนที่ช่วยเธอคือผู้หญิงที่มีอำนาจใหญ่โต แล้วผลจะเป็นยังไงแต่ทว่า เธอ... การเอาตัวรอด และกลับไปในที่ที่ดีที่สุด มีแต่อิสระ รวมทั้งได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ใครล่ะจะไม่ต้องการ! หากโครทิส เวเดโน่ คือคนที่มีเมตตา รักเธอ และไม่มีความเห็นแก่ตัวจริง ย่อมเข้าใจตรงนี้อยู่แล้ว!ติ๊ด ติ๊ดเสียงข้อความเข้า ไศลาหันขวับ ละสายตาจากสิ่งที่ทำแทบจะตะครุบดู เมื่อเห็นว่าเป็นเอมิเลีย จึงทำการเร่งรีบ รนรานเสียจนมือสั่น เธอเผลอยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินออกไปแต่แล้ว....“นายหญิงคะ “เดซี่กลับยืนถือถาดอยู่ตรงหน้า“.....!!!”“จะไปไหนหรือคะ เดซี่ทำของว่างมาให้ค่ะ”“เอ่อ..ฉัน...”หญิงสาวเกิดการตื่นตระหนกอยู่เป็นนิจ เกรงกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งที่แต่ก่อนการ
ร่างเปลือยนอนหงาย หน้าอกกระเพื่อม บ่งบอกว่าเจ้าของนั้นแสนจะเหนื่อย ไศลากรอกตาไปมา หลังเสร็จกิจ และเขาคนนั้นออกไปจากตัวเธอแล้ว ความโล่งอกไม่ใช่เป็นการได้ปลดปล่อยธาราในตัวนั่น ทว่า มันคือการที่เธอนั้นผ่านคืนนี้ไปแล้วต่างหากจะทำยังไงต่อไปดี?เธอช้อนตามองร่างใหญ่ที่นอนอยู่เคียงข้าง มีท่อนแขนรองรับศีรษะทุยไว้ ดวงตากล้ำกลอกก่อนจะมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา จากนั้นจึงกระปริบถี่ หรี่ลงมาเหมือนเดิม จุดที่เห็นมันคือโคมไฟบนเพดานอันหรู เธอไร้คำตอบในตอนนี้ ไม่มีทางออกราวกับสมองตื้อพาลให้มืดมนไปหมด นั้นเป็นสิ่งที่กำลังร้องบอกเธอว่า...นอนเถอะ" เฮ้อ..."หญิงสาวพลิกตัวกลับไปกอดเขา คนที่หลับสนิท พลางใช้แก้มแนบแผงอกแกร่ง ที่เต็มไปด้วยไรขน ในขณะเธอเองก็สับสน' เวเดโน่... คุณกับฉัน เราช่างต่างกัน ชีวิตของฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ ฉันรู้..ฉันมาเพื่ออะไร 'ใช่ ในเมื่อรู้คำตอบแล้ว จะอยู่ต่อไปทำไมอีก?☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆ฟ้าสาง เวเดนตกใจตื่น พร้อมครึ่งท่อนบนผงกขึ้น ก่อนจะหันซ้ายหันขวา มองหาใครบางคน" ไศลา"ซ่า.. ซ่า...เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำจึงโล่งใจ ให้ตายเถอะ! เมื่อคืนเขาฝันร้าย เช้านี้ใจคอจึงไม่ค่อยดีนัก
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ไศลาหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที เลยต้องจูลใหม่ทั้งหมด ร่างบางลืมตาตื่น ก่อนเบิกตะลึงเมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องของตัวเองแล้ว" ที่นี่มัน..."ริมฝีบางเฉียบขมุบขมิบ ฝ่ามือบางตะปบแก้มเนียนใส ตีแปะๆ สองสามทีจนแดงเป็นรอย ก่อนจะเบิกตากว้างหนักกว่าเดิม แล้วรีบกระโจนลงจากเตียง ไปโผล่อีกทีที่ห้องตัวเอง โชคดีหน่อย ที่เวเดนไม่ได้อยู่ในห้อง หรือบริเวณนั้น" ฟู่ววว"เธอพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก หลังปิดประตูลงสนิท และคราวนี้ไม่ลืมที่จะล็อคกลอนอย่างแน่นหนาด้วย ก่อนช้อนตามองไปรอบๆ เพื่อดูเวลา" จะหมดวันแล้วหรือนี่ "เธอห่อปากจู๋พร้อมขมวดคิ้ว ดวงตาคมกลอกไปกลอกมาคิดแผนเอาตัวรอด หลังนึกไปถึงดินเนอร์มื้อเย็น เพราะเดี๋ยวเขาต้องโผล่มา ไม่ก็ให้เดซี่มาตาม" ทำไงดี ทำไงดี คิดสิๆ อ่อ! นึกออกแล้ว ต้องป่วยสินะ โอเคตามนั้น "ว่าแล้วเธอก็ดีดตัวขึ้นบนเตียงทีนที ดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาปกปิด นอนตะแคงหันหลังให้ประตู โดยไม่คิดแม้จะเปิดไฟหรือแอร์" จงหลับ จงหลับ หลับต่อสิไศลา ตะกี้ยังง่วงอยู่เลย"และเพราะรู้อยู่เต็มอก ว่ามาเฟียอย่างเขาจะหลอกกันคงไม่ง่าย วิธีหลับจนเพลีย คือวิธีที่ดีที่สุด ตัวมันจะร้อนขึ้นม