ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน
" พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำ
ก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา
ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย
" ฮึก..."
ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้
ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น
ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ
" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"
ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป
' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบกมือลาแล้วก็เดินจากไป
แต่ไม่ใช่การจากตาย อย่างไม่มีวันหวนกลับแบบนี้ พี่คงไม่รู้..ว่าพวกเราโคตรจะทรมาน '
หญิงสาวหลับตาพร้อมก้มหน้าอึดใจหนึ่ง ปล่อยเสียงสะอึกสะอื้นตัวโยน ไปตามแรงเขย่าของน้องชายนั้น แล้วจึงจะดึงเขามากอด
" ระเบิด... เพราะเขาเสียสละ เขารักเจ้านายของเขา ...อึก มาก จึงตาย"
"....!!! "
" พี่ขอโทษ! "
ซึ่งนั่นทำให้เขานิ่ง ชะงักค้างไป ราวกับเวลาหยุดเดิน
" ไม่เอาว่ะ พี่พูดโกหก "
ก่อนโวยวาย ในขณะมือบางพยายามโอบแผ่นหลังเขาจนแน่น กันเสียหลักล้ม ยามที่เขาขยับตัวและทิ้งน้ำหนักเอาไว้
" สรรค์..." เรียกเสียงแผ่ว
แต่แล้ว...
" แล้วพวกเราจะอยู่ยังไง..."
" ฮึก..."
เสียงนั้นกลับถูกกลบด้วยคำถาม ที่มันแทงใจดำให้สะเทือนใจเธอ
ท่ามกลางความเจ็บปวดของไศลาอีกเท่าทวีคูณ เมื่อจังหวะที่หรี่ตาขึ้นมา เผลอเหลือบไปยังเตียงสบตาเข้ากับคนที่เคยนอนอยู่บนนั้น ซึ่งตอนนี้ตื่นขึ้นมาจ้องเธอแล้ว
สิ่งที่เกิดต่อมาหลังจากนั้นก็คือ... สภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ตกอยู่ในสภาวะหัวใจใกล้จะล้มเหลว
" แม่..."
หญิงสาวนั่งกอดน้องชายแน่น ในขณะตรงหน้ากันคือแม่ของเธอ ซึ่งกำลังจะช็อคอีกคน ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตา คงไม่เจ็บที่สุดเท่ากับขอบตาเหี่ยวหย่อนแดงก่ำที่กำลังจะมีน้ำหยดใสเช่นเดียวกันกับเธอ
ยามนี้มันทั้งกดดันและเสียใจในเวลาเดียวกัน
รูปประโยคที่เคยคิดไว้ตั้งแต่เนิ่นก่อนหน้าเลือนหาย มลายลงลำคอหมดสิ้น เพียงแค่เธอกลืนน้ำลาย พร้อมกับคลายอ้อมกอดนั้น
“ แม่จ๋า...”
ก่อนค่อยๆคลานเข้าไปหา และจับปลายเท้าด้วยมือที่สั่นเท่า เมื่อไปถึง
ผู้หญิงวัยกลางคน กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก่อนหน้า ก็ย่อมรู้กันดีว่า เธอต้องแบกรับภาวะอันหนักอึ้งมาตั้งเท่าไหร่ นับวันที่ไร้สามีเคียงข้างกัน
หากไร้ลูกคนโตอย่างเช่นพี่ใหญ่ของพวกเขา ก็คงไม่มีกำลังพอที่จะดูแลน้องๆให้เรียนจบกันและสุขสบายขนาดนี้ได้ แม้นวันเหล่านั้นจะมีวันที่เคยเสียใจที่สุด กับความผิดหวังที่โทมัสมอบให้ก็ตาม แต่ครั้นนึกถึงเจตนาของเขา บวกกับคำว่าลูกในสายเลือด ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะโกรธจริงจัง หรือเกลียดลง
....หล่อนไม่มีวันเกลียดลูกตัวเอง
....ถึงจะโดนใครต่อใครครหาว่ามีลูกเป็นโจรขี้คุกขี้ตารางก็เถอะ
แล้ววันนี้สิ่งที่หล่อนเคยได้ยิน และไม่เคยคิดจะเชื่อมาตลอดคืออะไร?
เธอคงต้องเชื่อแล้วใช่ไหม??
หากลูกสาวตรงหน้าที่ไม่เคยมีนิสัยโกหก...เป็นคนบอก
“ ฮึก...”
ริมฝีกปากซีดแห้งเผือดสมกับอายุเม้มแน่น ราวกับพยายามขบข่มเสียงสะอื้น พร้อมมือคู่สากผสานกันเป็นเกลียว
ไศลาเห็นถึงกับรับไม่ได้ เรียกน้ำตาและความเจ็บปวดภายในออกมาอีกหนึ่งเท่าตัว เธอกัดฟันกรอด ร้องไห้ตัวเกร็ง แต่ก็ยังมีสติพอที่จะละมือจากอุ้งเท้าไปยังหน้าตักของคนเป็นแม่ได้ ก่อนจะซบหน้าลงตรงนั้น
ปล่อยโฮออกมาเบาๆ คลายความเสียใจสูงสุดที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ หนูขอโทษ....”
“ ......”
“ ขอโทษค่ะแม่ ฮืออออ”
กับคำขอโทษนี้ ที่มีเพียงเธอเท่านั้นรู้ความหมายของมัน
ใช่... สามีของเธอ คนที่เธอรัก มีส่วนเกี่ยวข้องต่อความตายของเขา
....พี่ใหญ่ของตระกูล
ผู้ที่ไม่เคยรังแกครอบครัวตัวเองสักครั้ง แม้ว่าภายนอกของเขาจะต่างกันก็เถอะ
สำหรับพวกเธอ ...
เขาคือฮีโร่ ที่ไม่เคยทอดทิ้งให้แม่และน้องต้องอดอยาก มีศักยภาพเกินคำว่าพี่ชาย ไม่ต่างจากพ่อบังเกิดเกล้าก็ว่าได้
หญิงสาวสูดน้ำมูกจนเกิดเสียง พลางผงกศีรษะขึ้น เพื่อช้อนตามองหน้าแม่ ที่เห็นเพียงปลายคางเท่านั้น เพราะหล่อนคงช็อคจนนิ่งไม่หาย ก่อนจะเริ่มพูด....
“ ขอโทษที่วันนี้ ไศทำให้แม่ต้องผิดหวัง “
“......”
“ แต่มันจะเป็นครั้งเดียวที่แม่จะได้เห็นมัน หลังจากนี้ ไศจะทำให้หน้าที่นี้แทนพี่ใหญ่ทั้งหมดเอง “
“.....”
“ ขอแค่แม่กับน้องให้อภัยเขา และอยู่ที่นี่กับเรานะคะ “
ท่ามกลางความเสียใจของทุกคน ซึ่งเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงที่จะคัดค้านใดๆ กับคำขอร้องของไศลา
คำว่าสงคราม เพียงได้ยินชื่อ ก็ยากที่ใครจะเข้าใจ บวกถึงความโปรดปรานกับความหมายของมันยิ่งแล้วใหญ่ ที่ไม่ได้มีดีตรงไหนเลย จัดอยู่ในด้านมืดดำเสียด้วยซ้ำ สัมผัสได้ถึงความรุนแรง และกลิ่นคาวคลุ้งไปด้วยเลือด โดยไม่ต้องอธิบายให้ยาว
แม้มันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ที่สามารถยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นต่ออนาคตข้างหน้าได้ กับเหล่าผู้คนหัวแข็งและยืนกรานกับการเป็นศัตรูซึ่งๆหน้า โดยแก็งค์อัลฟาใช้ระบบนี้ในการกำราบ ชูชันยกย่องตัวขึ้นมา ภายใต้ความกดดันขององค์กรตัวเอง ที่มีอำนาจยิ่งกว่า
ถึงขนาดทุกคนยอมก้มหัว ทำตามคำสั่ง ไร้ท่าดีทีเหลว เพื่อแลกมาด้วยเม็ดเงินมหาศาล
ทว่า.. สิ่งเหล่านี้กลับสร้างความสูญเสียต่อความเป็นคนระหว่างกิเลสและชีวิต
พรากผู้คนล้มตาย เปลี่ยนโลกของคนที่ยังอยู่ไปตลอดกาล
ใช่ วันนี้...พวกเขากำลังจะเป็นแบบนั้น
เวเดโน่เขวี้ยงก้นบุหรี่ หลังเหือดเข้าปอดครั้งสุดท้ายลงถัง เขาค่อนข้างเครียด กับแผนการที่กำลังจะดำเนินขึ้น
" คนอย่างมึง มีท่าทีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ "
แมททริกเลิกคิ้ว แค่นหัวเราะ พลางลุกบิดขี้เกียจ มีความรู้สึกต่างกันกับเขาโดยสิ้นเชิง
" หรือว่าเครียด ที่ต้องมาทุ่มเทให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง "
นอกจากไม่เคยเครียดหรือกดดันตัวเอง ยามใกล้สงครามแล้ว กับเรื่องความตายที่มีสิทธิ์เจอะเจอ ก็ยากที่จะมีอิทธิพลต่อใจเขา
คิดว่าเวเดโน่คงไม่ต่างกัน ไฉนวันนี้จึงแปรเปลี่ยน
มาเฟียหนุ่มไม่ตอบ แต่เลือกที่จะยืนเต็มความสูงแทน
ดวงตาสีดำสนิทบิดเบือนทอดมองออกไปยังหน้าต่างบานใหญ่ หลังหรี่ลงต่ำ เอาแต่มองจอสมาร์ทโฟนตรงหน้า ที่ในนั้นมีภาพถ่ายผู้หญิงคนนึงอยู่...
คนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป และคิดการใหญ่ที่จะกบฏในครั้งนี้
...ตามลำพัง ไม่มีใครรู้!
" มึงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร "
" ก็คนที่อยู่ในจอ แล้วมึงก็นั่งจ้องอยู่เป็นนานสองนานนั่นไงเล่า อย่าบอกนะ ไอ้ดัสส่งกูมาอยู่กับมึง เพื่อที่จะให้กูมานั่งดูท่าทางอ่อนๆของมึงเนี่ย "
" แค่คิดถึงเมีย มันทำให้กูดูแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ "
เสียงแหบสุขุมเอ่ย หากแต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะคุยด้วยอย่างเต็มที่ เขาถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปเตรียมตัว
ใส่เสื้อเกราะ และ เตรียมปืน...
" คิดถึงเมีย? "
" ใช่ กุญแจสำคัญของกูทั้งหมด จะให้เธอเป็นผู้พิพากษาอรัลเบล"
แมททริกชะงัก หันขวับไปมอง พลางเลิกคิ้วฉงน
" หมายความว่าไง? "
เป็นจังหวะเวเดนยกลำกล้องเป็นขึ้นมาเล็ง ก่อนจะเอ่ยเสียงนิ่ง
" จะบอกมึงเป็นคนแรก ในฐานะที่กูไว้ใจที่สุดก็ได้..."
"......"
" แผนที่ไอ้ครูซวางไว้ คราวนี้ กูจะตัดตอนหัวหน้าองค์กร และฆ่าอรัลเบล"
" ว่าไงนะ!"
" ถ้ามึงกับพรรคพวกในอัลฟาไม่พอใจล่ะก็ หยิบปืนขึ้นมา ยิงกบาลกูได้เลย "
" เว้ด..."
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน
' แต่ถ้าไม่ได้ ก็ช่วยฆ่ากันให้ตายซะเถอะ 'เวเดโน่ยืนอึ้ง ไม่คิดว่าประโยคนี้ของเธอจะทำเขาชะงัก เมื่อได้ยินมัน ยอมรับว่าเขาใจหาย กระนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีแรกเท่านั้น ก่อนจะดึงสติ " เธอว่าไงนะ.. " เขาขมวดคิ้ว ถามย้ำ ใช้นิ้วทั้งห้าได้เป็นประโยชน์สูงสุดหลังถลาเข้ามาบีบหัวไหล่เธอ" อึก..." ไศลานิ่วหน้า น้ำตาแทบทะลัก ทว่าทำได้เพียงช้อนตาขึ้นมองและฟังเขากัดฟันพูดด้วยความโมโห เขาเกลียดที่สุด คำประชดประชัน" พูดใหม่อีกทีสิ "" อะ โอ้ย! " " หยุดทำตัวงี่เง่า เพ้อเจ้อเถอะไศลา ต่อให้เธอนอนหายใจพะงาบๆ เธอก็ไม่มีวันได้ตาย หรือไปจากฉัน เรื่องของไอ้ซันก็เหมือนกัน ไหน ...ตรงไหนที่มันทำเธอ" " นี่หยุดนะ! " กับคำตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบ ราวกับแผลสดโดนป้ายพริก แหวกคอเสื้อเธอ กระชากหารอยอะไรบ้างอย่าง พร้อมมือใหญ่อีกข้างหนึ่ง สอดเข้ามาใต้กระโปรง จับหยาบลูบคลำตรงเนินเนื้อนั่น ทำไศลาตกใจ ถึงกับต้องรีบหุบ เบียดต้นขาเข้าหากัน ไม่สนว่าจะหนีบมือเขาด้วย นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย...เธอเจ็บปวดจริงๆนะ! หัวใจจะแหลกเหลว อย่างไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว! ใจคอจะไม่รับรู้ถึงความทรมานของเธอ
ดวงตากลมโตที่เคยเคลือบน้ำใสๆก่อนหน้า ช้อนขึ้นมองคนสูงกว่า เธอกำลังจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่เธอพูดออกมา ความหมายของมันนั้นทำให้เธออึดอัดมานาน" ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อาจจะชอบฉันจริงๆ หรือเอาชนะเขา แต่เชื่อเถอะว่า ทั้งสองอย่างมันทำให้ฉันรู้สึกไม่โอเค " ก่อนจะหลุบตาลง ในจังหวะที่เขานั้นเงียบไป " และเหมือนว่า คุณจะทำมันสำเร็จ ถ้าวันนี้คิดจะแยกระหว่างฉันกับคุณโครทิส ...มันสำเร็จแล้วล่ะ "ประโยคทิ้งท้ายเธอช้อนตาขึ้นอีกรอบ มองลึกเข้าไปข้างใน ก่อนจะเหยียดยิ้มราวกับขบขำกับสิ่งที่เจอ " เธอพูดจริงหรือ? " เขาย้ำ หญิงสาวพยักหน้า ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกรอบหน้าเขา" ค่ะ..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสมหวังหรอกนะคะ กับผลที่ต้องการและทำอยู่ "" หมายความว่าไง.."" ฉันชอบคุณไม่ลง"จนกระทั่งอีกประโยคหลุดออกมาจากปากเธอนั่นแหละ ซันดรูจึงจะเงียบกริบแบบไร้ปี่ไร้ขลุ่ย" ทำไม..." พลางถามเสียงแหบ ไศลายิ้มบางๆให้กับเขา " เพราะว่า..คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครอง ใช้วิธีแย่ง เป่าหู และทำลาย ไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อน ไม่สนแม้กระทั่งมิตรภาพที่เคยผูกพันกันมาก่อน เพื่อผู้หญิงคนเดียวก็คือฉัน บ