มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว
เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก
“ อะไรของมึงวะ “
ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...
“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ
ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด
“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ “
“ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “
กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร
แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง
“ ก็แบบ...”
เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่
“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยังไงวะ ลูกน้องไม่ขาดความสามัคคีกันหมดเรอะ “
“ ไม่รู้ รู้แต่ว่ากูจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ “ เขาดื้อ
“ อะไรของมึงวะ...”
แมททริกขมวดคิ้วยุ่งเหยิง อย่างหัวเสีย
“ไม่รู้จริงๆน่ะหรือ ว่าต่อไปภายภาคหน้าอรัลเบลจะทำอะไรกับเธอ “
เหตุผลของเวเดโน่ยิ่งทวีคูณความกดดันให้แมททริก เขาหรี่ตาลงต่ำ กุมขมับ หลับตาครุ่นคิด จนกระทั่งประโยคหนึ่งของสหายรักกระทบหู นั่นยิ่งทำสะเทือนใจ
" เธอท้อง.."
ร่างสูงหันหน้าขวับ พร้อมแววตาที่ไม่ต้องอธิบาย
ความตกใจประนึ่งเหยียบกับระเบิด
" มึงว่าอะไรนะ! "
ห้องประชุมลับ รอบๆเป็นกระจกติดฟิล์มทึบ บรรจุผู้นำทั้งห้า และบอดี้การ์ดไว้ใจได้อีกสิบ หนึ่งในนั้นถูกจิกจ้องตาไม่กระพริบ หลังความต้องการของเขาถูกคลี่คลายจากความลับ โดยเพื่อนตัวเอง
" จะจ้องกันอีกนานมั้ย อยากทำอะไรก็ทำเลย กูพร้อม "
มาเฟียผู้เคยถูกขนานนามว่าสุขุม คิดการใหญ่ใจมักนิ่งที่สุดในกลุ่ม บัดนี้แปรเปลี่ยนไปไร้เคล้าโคลงเดิมเพราะผู้หญิงคนเดียว
เขายักไหล่ไม่แยแส ซ้ำยังกวนบาทาพรรคพวกโดยการเอนหลังพิงพนักโซฟาอีก
" จะบอกว่าสิ่งที่มึงทำอยู่ตอนนี้ มันฉลาดงั้นสิ? "
เรกาโดเอ่ยเสียงทุ้ม หน้านิ่ง คาดเดาอารมณ์ยาก
มาเฟียหัวดื้อยักไหล่ให้อีกรอบ
" ใช่ กูเชื่อ พวกมึงไม่มีวันทิ้งกู "
" เอาความมั่นใจนั่นมาจากไหน "
เวเดนแค่นหัวเราะ หรี่ตามองหน้าทีละคน
" จากตอนนี้ไง การที่พวกมึงพากันมานั่งหนักใจเรื่องของกู ถือว่ามีชัยไปเกินครึ่ง น่าดีใจสุดยอด "
ก่อนจะยานคางในประโยคทิ้งท้าย
นั่นทำให้แมททริกแค่นหัวเราะกลับ ส่ายหัวเอือมระอา
เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าแก็งค์อัลฟาจะมาถึงจุดนี้ กับเหตุการณ์แบบนี้ ที่มันช่างกดดัน และท้าทายในเวลาเดียวกันได้
และแน่นอน ทุกคนในที่นี้ดูจะหน้าเสียหนักบ่ากันเป็นแถบ เมื่อรู้ชัดเจนแล้วว่า โครทิส เวเดโน่ หากมีใจเด็ดเดี่ยวต่อเรื่องใดในเรื่องหนึ่งแล้วเล่าก็ จะไม่มีทางเลิกคิด หรือหยุดยั้งใจตัวเองกลางคัน เว้นแต่...ซันดรู
เขาเอาแต่นั่งนิ่ง ทำสีหน้าตาย ไร้อารมณ์สุดๆ
จนกระทั่งถูกคูดัสตบบ่า จึงจะกระเตื้องขึ้นมาอีกครั้ง ที่ครั้งนี้เผลอสบตาจ้องหน้าเข้ากับเวเดน ซึ่งกำลังนั่งหน้าตายอยู่
เขาเลิกคิ้ว ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่ง ที่ทำให้ซันดรูต้องชะงัก
" และก็เชื่ออีกอย่างนึง ในฐานะเป็นเพื่อนร่วมสาบาน ไม่มีใครในนี้กล้าขัดใจกูหรอก เว้นแต่ใครบางคน .."
กับคำทิ้งท้าย ที่หันมาทางเขาคนเดียว
ปัง!
ยังไม่ทันเห็นสีหน้าของเขาด้วยซ้ำ เสียงตบโต๊ะพาทุกคนสะดุ้งโหยงกันเสียก่อน หลังจากซันดรูโมโห แล้วลุกขึ้นยืน มองหน้าคนพูด ทว่า..เขาไม่ได้สะท้กสะท้านต่อแรงสะเทือนนั่นสักนิด ยังคงนั่งเมินเฉยไร้การไหวติง มิหนำซ้ำยังช้อนตามองขึ้นมาราวกับจะหาเรื่องอีก
ในขณะน้องสุดในแก็งค์อย่างซันดรูทำได้แค่จ้องกลับคืนมาเท่านั้น เขาเองก็ไร้คำพูดใดๆ เว้นแต่การทำปากอมลม ตามแบบฉบับชอบกวนประสาทของเขา
" ไม่เอาน่า.." เสียงสุขุมทุ้มใหญ่ของเรกาโดแทรกกลาง หลังทนฟังมาตั้งแต่ต้น
ไม่ต่างจากแมททริกและคูดัส ที่เอาแต่นั่งขมวดคิ้วยุ่งเหยิง
" พอทีเถอะวะ! "
คงไม่มีใครชอบ ให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบุคคลสำคัญ ท่ามกลางสงครามเย็น ที่มันรู้แย่มากกว่าสงครามร้อนหลายเท่า
ใช่ สู้ให้เขาแพ่งกบาลศัตรูเสียดีกว่ามาฟังเพื่อนทะเลาะกันแบบนี้
" จะมาบาดหมางกันเองให้ได้อะไรขึ้นมา สงครามจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทำไมไม่สามัคคีกันไว้ "
เลยเป็นธรรมดาที่คนอื่นจะท้วงติง และไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากแต่ยามนี้ไม่มีใครโทษใคร โดยเฉพาะฝ่ายหญิง
ใคร่แค่ต้องการให้เพลาทิฐิลงชั่วคราว ไม่ต้องทั้งหมดก็ได้ แล้วค่อยมาเคลียร์กันจริงจังภายหลัง
เพื่อสงคราม...
เพื่อมิตรภาพ...
แต่แล้วเวเดนเหมือนจะไม่เข้าใจ เขายังคงเด็ดขาด และใช้อารมณ์ที่เก็บกดมายาวนาน ตัดสินปัญหา
" มาเฟียอย่างเราๆ คงมาถึงจุดนี้ไม่บ่อยนัก น้อยครั้งที่จะมีปัญหากันเอง และน้อยครั้ง เมื่อเกิดปัญหาแล้วเราจะคุยกันต่อได้ "
เขาเอ่ยเสียงเรียบ ในขณะตาหรี่ลงต่ำ ก่อนเสียงถอนหายใจจะตามมา ที่เรกาโดเองก็ทำไปด้วย แต่เลือกที่จะนั่งนิ่ง คอยดูสถานการณ์ไปก่อน
ในขณะซันดรูเอาแต่ยืนนิ่ง ร่างสูงทั้งร่างเบี่ยงไปทางแข็งทื่อ เขาไม่หืออือไม่พอยังทำท่าจะเดินหนีอีก
แต่แล้ว...
เสียงท้วงของคู่กรณีนี้ กลับทำเขาชะงัก
" ไม่ได้เอากันถึงตาย แต่การทำตัวแบบนี้ใช่ว่าจะต่างนะซัน ถ้ากูยังยืนกรานว่าไม่ยกไศลาให้ มึงยังจะเป็นเพื่อนกูอีกมั้ย...ถ้าหากไม่ อย่าหวังว่าจะรอดพ้นออกไปจากห้องนี้"
พร้อมเสียงบางอย่างที่เขาเองรู้จักมันดี
แกรก...
ในสถานะเพื่อนสนิท ที่เคยดื่มน้ำร่วมสาบานกันมาแล้ว การเอาปืนจ่อหัวอย่างนี้ สำหรับคนที่อยู่ในเหตุการณ์มันคือเรื่องใหญ่ เว้นแต่เวเดโน่และซันดรู คู่กระทบกระทั่งกันมานานแสนนาน พยายามเก็บก่ำความรู้สึกแย่เอาไว้ หวังทำงานให้ลุล่วง บัดนี้เหมือนจะแตกเป็นจุล ละเอียดยิบชนิดที่ว่า ไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ นอกจากเจ้าตัวอย่างพวกเขา!
เรกาโดนั่งมองหน้านิ่ง เขาเองก็หมดหนทางจะเกลี้ยกล่อม ความเหนื่อยล้าและทดท้อนี้ อนึ่งริคิดพยุงชีวิตใครคนนึงซึ่งกำลังจะตาย
...พยายามยื้อยึด ทั้งที่รู้อย่างไรก็ไม่รอด
ใช่..ตอนนี้ในความคิดเขากำลังเป็นแบบนั้น
จึงได้แต่ทำเพิกเฉย ราวกับไม่สนใจอีกต่อไป หากนาทีนี้ ซันดรูจะล้มลงตรงหน้า
" นี่ถึงขนาดเอาปืนจ่อกระบาลกันเลยเรอะ! "
ต่างกับแมททริก ที่เหมือนจะตกใจและผิดหวังในเวลาเดียวกัน
" บอกกูมาสิ มึงจะเอายังไง "
เวเดนเร่งถาม กดดันซ้ำ พลางหมุนเกรียวปืน เตรียมขึ้นนกไว้ เสมือนขู่
สองตาคู่ทมิฬจดจ่ออยู่เพียงหน้าหล่อเหลาไร้ความสะท้กเทือนนั่น บ่งบอกให้รู้เป็นนัยๆว่า.. เขาเองก็ไม่อยากจะอยู่นักหรอก
ฉะนั้น..อย่าเอาเรื่องความตายมาขู่กัน
" หึ! "ซันดรูแค่นหัวเราะ ยักไหล่ " เหนี่ยวไกเล้ย ถ้ามึงตั้งใจขนาดนี้แล้ว อยากให้กูตาย... ก็เอาเลยเซ่!! "
ก่อนตะโกนเสียงแหบในประโยคทิ้งท้าย ที่ทำคนถือปืนถึงกับสบถ เขากัดฟันกรอด ยกปืนเล็งให้มั่นอีกรอบ
" ไอ้..."
แต่แล้ว...
" อย่าน่าเว้ด! "
เรกาโดกลับตบโต๊ะขัดขวางเสียก่อน เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จ้องมองพวกเขาสลับกันตาเป็นมัน
" เป็นบ้าอะไรกันไปหมดแล้ววะ! "
" เรื่องนี้มึงรู้ดีเลยบิ๊กครูซ ลองนึกๆดูสิว่า ที่ผ่านมางานเราพังเพราะอะไร "
ทว่า ไม่คิดว่า คำพูดราบเรียบของเวเดนจะทำให้ใครคนนึงถ่างตางง
ซันดรูถึงกับหันขวับ ขมวดคิ้ว
" ว่าไงนะ?! " เค้นเสียงถามแหบแผ่ว
ในขณะมาเฟียร้ายยกยิ้ม เขากำกระบอกปืนแน่น
" ฟังไม่ผิดหรอก ที่พูดแค่อยากให้ยอมรับมา ว่ามึงคือหนอนบ่นไส้ในทีม "
" ไอ้เว้ด..นี่มึง! "
ก่อนจะเล็งปืนระดับเดียวกับหัว แล้วลั่นไกทันที
ปัง!
ท่ามกลางความตกใจของทุกคน และความเงียบสงัดหลังจากนั้น
แต่แล้ว...
กลับพากันโล่งอก เมื่อคนที่ล้มลงไม่ใช่ซันดรู แต่เป็นคนข้างกายอีกฝั่งของเขาในระยะประชิด
ใช่... เขาคือหนึ่งบอดี้การ์ด ที่ทำตัวลึกลับ ให้เวเดนจับพิรุธ
ในขณะทั้งหมดช็อค รวมถึงซันดรู มีเพียงเรกาโดเท่านั้นที่ยืนยิ้ม
" ทีนี้มึงไม่มีทางเลือกแล้วแหละซัน หากมึงจะเดินหนี รวมถึงพวกมึงทุกคนในห้องนี้ด้วย ใครตุกติก ตายเหมือนไอ้นี่ ..สถานเดียว"
เวเดนประกาศกร้าว ชี้ปลายกระบอกปืนไปยังคนที่นอนจมกองเลือด
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน
' แต่ถ้าไม่ได้ ก็ช่วยฆ่ากันให้ตายซะเถอะ 'เวเดโน่ยืนอึ้ง ไม่คิดว่าประโยคนี้ของเธอจะทำเขาชะงัก เมื่อได้ยินมัน ยอมรับว่าเขาใจหาย กระนั้นก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีแรกเท่านั้น ก่อนจะดึงสติ " เธอว่าไงนะ.. " เขาขมวดคิ้ว ถามย้ำ ใช้นิ้วทั้งห้าได้เป็นประโยชน์สูงสุดหลังถลาเข้ามาบีบหัวไหล่เธอ" อึก..." ไศลานิ่วหน้า น้ำตาแทบทะลัก ทว่าทำได้เพียงช้อนตาขึ้นมองและฟังเขากัดฟันพูดด้วยความโมโห เขาเกลียดที่สุด คำประชดประชัน" พูดใหม่อีกทีสิ "" อะ โอ้ย! " " หยุดทำตัวงี่เง่า เพ้อเจ้อเถอะไศลา ต่อให้เธอนอนหายใจพะงาบๆ เธอก็ไม่มีวันได้ตาย หรือไปจากฉัน เรื่องของไอ้ซันก็เหมือนกัน ไหน ...ตรงไหนที่มันทำเธอ" " นี่หยุดนะ! " กับคำตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบ ราวกับแผลสดโดนป้ายพริก แหวกคอเสื้อเธอ กระชากหารอยอะไรบ้างอย่าง พร้อมมือใหญ่อีกข้างหนึ่ง สอดเข้ามาใต้กระโปรง จับหยาบลูบคลำตรงเนินเนื้อนั่น ทำไศลาตกใจ ถึงกับต้องรีบหุบ เบียดต้นขาเข้าหากัน ไม่สนว่าจะหนีบมือเขาด้วย นี่เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย...เธอเจ็บปวดจริงๆนะ! หัวใจจะแหลกเหลว อย่างไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว! ใจคอจะไม่รับรู้ถึงความทรมานของเธอ
ดวงตากลมโตที่เคยเคลือบน้ำใสๆก่อนหน้า ช้อนขึ้นมองคนสูงกว่า เธอกำลังจะบอกให้รู้ว่า สิ่งที่เธอพูดออกมา ความหมายของมันนั้นทำให้เธออึดอัดมานาน" ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร อาจจะชอบฉันจริงๆ หรือเอาชนะเขา แต่เชื่อเถอะว่า ทั้งสองอย่างมันทำให้ฉันรู้สึกไม่โอเค " ก่อนจะหลุบตาลง ในจังหวะที่เขานั้นเงียบไป " และเหมือนว่า คุณจะทำมันสำเร็จ ถ้าวันนี้คิดจะแยกระหว่างฉันกับคุณโครทิส ...มันสำเร็จแล้วล่ะ "ประโยคทิ้งท้ายเธอช้อนตาขึ้นอีกรอบ มองลึกเข้าไปข้างใน ก่อนจะเหยียดยิ้มราวกับขบขำกับสิ่งที่เจอ " เธอพูดจริงหรือ? " เขาย้ำ หญิงสาวพยักหน้า ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกรอบหน้าเขา" ค่ะ..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสมหวังหรอกนะคะ กับผลที่ต้องการและทำอยู่ "" หมายความว่าไง.."" ฉันชอบคุณไม่ลง"จนกระทั่งอีกประโยคหลุดออกมาจากปากเธอนั่นแหละ ซันดรูจึงจะเงียบกริบแบบไร้ปี่ไร้ขลุ่ย" ทำไม..." พลางถามเสียงแหบ ไศลายิ้มบางๆให้กับเขา " เพราะว่า..คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครอง ใช้วิธีแย่ง เป่าหู และทำลาย ไม่สนใจความรู้สึกของเพื่อน ไม่สนแม้กระทั่งมิตรภาพที่เคยผูกพันกันมาก่อน เพื่อผู้หญิงคนเดียวก็คือฉัน บ