“ท...ท้องงั้นเหรอ!”
“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นท้องได้แปดสัปดาห์แล้วแก”
ในขณะที่เธอต้องการมีลูกกับเขาจนต้องมาตรวจสุขภาพ มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการมีบุตร ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ในเมื่อสามีสุดที่รักที่แต่งงานกันมาเกือบสองปีไม่เคยเหลียวแล หรืออยากแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง แล้วจะให้เธอท้องยังไงได้ แต่กับผู้หญิงคนนั้นที่กลายเป็นแฟนเก่าและหายไปจากชีวิตเขานานพอๆ กับที่เธอแต่งงานมากลับตั้งครรภ์ถึงแปดสัปดาห์
นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันจิน” น้ำเสียงสั่นเครือพึมพำ น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้ล้นออกจากตาจนเจ้าตัวต้องรีบปาดทิ้ง สองมือกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อเจ็บจี๊ด แต่ยังไม่เท่าความปวดร้าวที่หัวใจ
ต่อให้ไม่รักกันก็ช่าง แต่การที่เขาแอบทรยศนอกใจกันกลับไปหาแฟนเก่าจนตั้งครรภ์ลับหลังเธอนี่มันคืออะไรกัน
จนิตาไม่รู้จะปลอบเพื่อนรักอย่างไรดี ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ เรื่องราวความรักหรือเรื่องในครอบครัวของอีกฝ่ายเธอเองก็พอรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายได้ ทว่ามันก็บังเอิญเกินไปไหมที่สามีเพื่อนกับแฟนเก่าต้องเจาะจงมาฝากครรภ์วันเดียวกับที่เพื่อนเธอตั้งใจมาตรวจสุขภาพเพราะอยากมีลูก
“แล้วนี่แกจะเอายังไงต่อ” เพราะสนิทกันพลอยทำให้เจ็บแค้นแทนตามไปด้วย “มาถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่าแกจะเลิก...”
คำนั้นกระตุกหัวใจเธอจนขาดวิ่น
“เลิกเหรอ...”
พลันหางตาก็เหลือบเห็นคนทั้งสองที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องตรวจพร้อมกัน ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องนัก แต่เธอก็ได้เขามาแล้วอย่างยากลำบาก แล้วทำไมต้องถอยให้คนอื่นด้วย
“ไม่! เรื่องอะไรฉันต้องเป็นฝ่ายเลิก...” พอขาดคำ คนพูดก็สลัดคราบน้ำตาทิ้ง พร้อมกับฉีกยิ้มหวาน เดินตรงเข้าไปหาเป้าหมายทันที
“เฮ้ย! ยัยปูน...” จนิตาเบิกตาค้าง ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวตามเพื่อนไปติดๆ เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่อง
“อ้าว! พี่ซีจะมาหาปูนทำไมไม่บอกก่อนล่ะคะ เราจะได้มาพร้อมกัน”
ฉัตริน หรือ ซี หันขวับไปมองทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ อดแปลกใจแกมหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
“เธอมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าสะกดรอยตามฉันมา”
“ที่รักก็พูดเป็นเล่น ทำไมปูนต้องทำอะไรแบบนั้นกับสามีตัวเองด้วยล่ะคะ” หญิงสาวเน้นคำว่าสามีเสียงดังจนใครต่อใครหันมามอง
“ซีคะ”
ปรียากรจิกตามองเจ้าของเสียงสั่นเครือที่บังอาจยื่นมือมายื้อแขนสามีเธอไว้ พร้อมกับดันตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังของเขาราวกับกลัวว่าจะโดนเธออาละวาดใส่
ที่จริงก็อยากทำอยู่หรอก แต่เหลือบไปเห็นกล้องมือถือที่มีคนแอบยกขึ้นมาถ่ายคลิปด้านหลังเสียก่อน หากเธอทำแบบที่คิด จากนางเอกก็จะกลายเป็นนางร้ายน่ะสิ แล้วใครจะโง่ทำ
“อ้าว! นึกว่าใคร ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่รัญ ได้ข่าวว่าพี่แต่งงานมีสามีไปแล้ว ตอนนั้นยังเสียใจที่ปูนกับพี่ซีไม่ได้ไปร่วมยินดีด้วยเลย”
คนถูกถามหน้าถอดสี หน้าชา ตัวสั่นสะท้าน ในขณะที่จนิตาได้แต่กลืนน้ำลายฝืดคออยู่ด้านหลังเพื่อน
“แล้วนี่สามีพี่รัญไม่ได้มาด้วยเหรอคะ ปูนจะได้ทักทาย แหม... ทำไมปล่อยให้ภรรยาตัวเองมากับสามีคนอื่นแบบนี้ล่ะ แย่จริงๆ เลย”
“ปูน!”
ฉัตรินปรามด้วยเสียงกร้าวแข็ง สีหน้าบอกบุญไม่รับมองหญิงสาวตรงหน้าราวกับอยากหักคอให้ตายเสียตรงนั้น ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
“ขา...ที่รัก ปูนก็อยู่ตรงนี้ ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วยล่ะคะ หรือว่าคิดถึงกัน”
“ซีคะ...รัญว่ารัญกลับก่อนดีกว่า” ปากบอกว่าจะกลับ แต่มือยังจิกแขนผัวคนอื่นไม่ยอมปล่อยเนี่ยนะ
“แล้วคุณจะกลับยังไงกำลังท้องกำลังไส้ เดี๋ยวผมไปส่ง...”
ประโยคนั้นทำให้คนฟังตาลุกวาวทันที ออเซาะเป็นคนเดียวหรือไง
“แต่ว่า...”
“อ้าว นี่พี่รัญก็ท้องเหรอคะ บังเอิญจัง เรานี่ชอบมีอะไรเหมือนๆ กันจริงๆ งั้นก็เอาแบบนี้ไหมคะ เดี๋ยวปูนไปส่งเองดีกว่า หรือถ้าลำบากใจจะให้ช่วยโทรตามสามีพี่มารับก็ได้นะคะ ยังไงก็ลูกเขาทั้งคนนี่นา”
“ปูน!”
เสียงเข้มๆ สำทับ พลางมองมือบางที่เกาะกุมแขนเขาไว้ด้วยอาการสั่นเทา ก็อดนึกสงสารไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกขุ่นเคืองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยาไม่น้อย
“ว่าไงคะที่รัก”
“ซีคะ! รัญไม่เป็นไร อย่าทะเลาะกันตรงนี้เพราะรัญเลยนะคะ รัญกลับเองได้จริงๆ”
“เห็นไหมคะพี่ซี พี่รัญเขาเก่งจะตาย งั้นปูนไม่เกรงใจนะคะ”
มือเรียวสวยยื่นไปดึงแขนที่ถูกเกาะกุมของสามีกลับคืนมาหน้าตาเฉย โดยไม่แยแสสายตาดุดันที่แทบจะกินหัวเธออยู่รอมร่อ
“งั้นก็กลับบ้านดีๆ นะคะพี่รัญ ไปค่ะที่รัก อ้อ จิน” ท้ายประโยคหันไปทางเพื่อนที่ยืนทำหน้าเหวอด้านหลัง
“ไว้เดี๋ยวฉันนัดคิวตรวจอีกทีนะ วันนี้ขอพาสามีกลับบ้านก่อน”
“ได้ๆ แกว่างเมื่อไหร่ก็โทรมาแล้วกัน ฉันจะดูคิวตรวจให้”
จนิตารีบพยักเพยิดรับมุกเพื่อน แอบดีใจที่เพื่อนรักควบคุมตัวเองได้ไม่ปรี๊ดแตกจนอาละวาดกลางโรงพยาบาลให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เสียก่อน พลางปรายตามองส่วนเกินที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มองตามผัวคนอื่นตาปรอย ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างดูถูกจากคนรอบข้างที่กำลังมารอตรวจ
เอาน่า โดนดูถูก แต่ยังไงก็ดีกว่าโดนจิกหัวตบล้างน้ำโทษฐานฉกผัวชาวบ้านล่ะนะ รัญชิสาอาจจะไม่โดนกินหัว แต่เพื่อนเธอนี่สิ ดูจากสายตาของฉัตรินแล้ว น่าจะรอดยาก...
“ไปค่ะที่รัก กลับบ้านเรา” ว่าแล้วปรียากรก็ควงแขนสามีแล้วลากออกไปจากตรงนั้นทันที
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&