“เซี่ยเว่ยหลง…”เสียงแหบพร่าของฮูหยินผู้เฒ่าดังขึ้นแผ่วเบาราวกับกำลังฝืนลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพียงเพื่อเอื้อนเอ่ยคำพูดสุดท้ายของชีวิต นางไอเบาๆ อย่างอ่อนแรงจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือ“ท่านแม่!”เซี่ยเว่ยหลงรีบทรุดตัวลงประคองร่างของมารดาด้วยความร้อนรน ดวงตาคมกริบฉายแววกังวลอย่างเป็นห่วง “หากมีสิ่งใดเอาไว้ค่อยพูดกันภายหลังเถิด...ตอนนี้ท่านสมควรพักผ่อนให้มาก” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้แม้แต่น้อยบรรยากาศในจวนสกุลเซี่ยวันนี้เงียบงันและหดหู่คล้ายกับมีกลุ่มเมฆดำหนาลอยคล้อยอยู่เหนือศีรษะพร้อมจะโปรยฝนแห่งความเศร้าลงมาได้ทุกเมื่อยามนี้อาการของฮูหยินผู้เฒ่าทรุดหนักลงไม่น้อย แม้ว่าจะเชิญหมอฝีมือดีมานับไม่ถ้วนทว่าทุกคนล้วนส่ายหน้าพูดด้วยคำตอบเดียวกันหมดทางรักษาแล้ว…ทั้งยังกล่าวปลอบประโลมให้ทำใจเถิด หากดีหน่อยก็บอกว่า หากสวรรค์อาจเมตตาให้นางอยู่ได้อีกเพียงปีหรือสองปีเท่านั้นแต่ยามนี้ อาการของฮูหยินผู้เฒ่ากลับคล้ายผู้ที่กำลังหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิตเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังก้องไปทั่วเรือนพัก เหล่าสาวใช้ต่างกรูเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น หวังเพียงว่าสวรรค์จะเห็นใจ…แม้เล็กน้อยก
เมิ่งซือซือรู้สึกได้ทันทีว่า...พี่ชายของนางคล้ายจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่กับเรื่องนี้แววตาของเมิ่งหานเฟิ่งยังคงฉายความขุ่นเคืองอย่างชัดเจน ริมฝีปากเม้มแน่น มือข้างหนึ่งกำแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ร่างสูงนั่งนิ่งแต่กลับให้ความรู้สึกดั่งพายุที่พร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อเมิ่งซือซือเห็นท่าทีเช่นนั้นก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้นางกระพริบตาปริบๆ มองพี่ชายอย่างจับสังเกตก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย“พี่ชาย...ท่านดูแปลกไปไม่น้อย”เมิ่งฮูหยินซึ่งเฝ้ามองอยู่เงียบๆ ก็พลันเอ่ยถามขึ้นบ้างด้วยความแปลกใจ “หานเฟิ่ง...เจ้าเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสงสัยตลอดเวลาที่ผ่านมาบุตรชายของนางเอาแต่คลุกตัวอยู่กับงานแทบไม่เว้นวันแล้วไยจึงมีเวลามาพัวพันกับเรื่องเช่นนี้ได้…?ทว่าอันที่จริงแล้ว เมิ่งฮูหยินเองก็เฝ้ารอให้บุตรชายออกเรือนแต่งงานภรรยาและมีครอบครัวเสียทียามนี้อายุก็มิใช่น้อย นางถึงกับยอมเอ่ยปากออกหน้าหาคู่ให้บุตรชายโดยตรงด้วยการพาบุตรสาวจากตระกูลดีๆ มานั่งจิบน้ำชาที่จวนเพื่อเปิดโอกาสให้ได้พูดคุยทำความรู้จักกันก่อนทว่าทุกครั้ง...เมิ่งหานเฟิ่งกลับบ่ายเบี่ยง มิหนำซ้ำยังเอาแต่อ้าง
หลายวันผ่านไป…สุดท้ายแล้วก็เป็นดั่งที่นางคาดไว้ไม่มีผิด…เซี่ยเว่ยหลงแย่งบุตรชายไปไว้ในความดูแลของเขาอย่างเด็ดขาด ซ้ำยังพรากแม่และลูกให้ต้องแยกจากกันราวกับเป็นคนแปลกหน้านางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยปากคัดค้านและยิ่งไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้บุตรชายอย่างปรารถนาเพียงเพราะหนังสือหย่าแผ่นนั้น…แม้จะยังอยู่ในจวนแล้วอย่างไร ทว่าอาหยวนกลับถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนของเซี่ยเว่ยหลง หากนางต้องการพบบุตรชายเพียงสักครั้ง ก็ต้องรอให้เขายินยอมเท่านั้น“เฮ้อ…” ไป๋เสี่ยวหรันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าย่ำแย่ สายตาเต็ทไปด้วยความขื่นขมอย่างปิดไม่มิดนายท่านก็ช่างใจร้ายใจดำนัก!ถึงขั้นกล้าพรากบุตรและมารดาออกมาจากกัวเชียวรึ!?ซือหรูที่อยู่ไม่ห่าง นางเห็นผู้เป็นนายหญิงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับมีบางสิ่งถ่วงแน่นในอก จากนั้นจึงขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาและแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย“ฮูหยิน…จะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ…”ความจริงแล้ว นางรู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อยตอนเห็นฮูหยินได้รับใบหย่าเสียที….คิดว่าสวรรค์คงเมตตาเห็นใจในความอดทนและเจ็บปวของนายหญิงที่ต้องทุกข์ทรมานมายาวนานจะสิ้นสุดลงเสียทีทว่า…นี่มันอะไรกัน!ยังไม่ท
บรรยากาศภายในห้องพลันถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน อาหยวนที่กำลังยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีอยู่ในอ้อมแขนมารดาพลันสะดุ้งตกใจเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินน้ำเสียงดังตวาดลั่นดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆ แดงก่ำมีหยาดสีน้ำใส เอ่อคลอขอบตา ริมฝีปากน้อยๆ เบะลงทันที“ฮือ…ฮึก…แม่…!” อาหยวนร้องไห้ออกมาทันที น้ำเสียงร้องไห้สะอื้นแผ่วเบา เขาพลางซุกหน้าเข้ากับอกของมารดาอย่างหวาดกลัว!!!ไป๋เสี่ยวหรันตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นอาหยวนร้องไห้ ใบหน้าคนงามเจื่อนลงฉายแววรู้สึกผิดอย่างชัดเจน นางรีบกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นก่อนจะลูบหลังบุตรชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลม“ไม่เป็นไรเซี่ยเจิ้นหยวน…ไม่มีอะไรต้องกลัว”“ฮึก…!” ทว่าเด็กน้อยยังคงเบะปากร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุดและไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงง่ายๆหยาดน้ำตาเม็ดใสไหลอาบแก้มอย่างท่วมท้นนางพลันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดจากนั้นจึงโน้มหน้าลงพลางเอ่ยกระซิบปลอบบุตรชาย “แม่อยู่นี่แล้ว อาหยวน…” น้ำเสียงหวานแผ่วเบานุ่มนวลเต็มไปด้วยความห่วงใยเด็กน้อยซบใบหน้าลงอกจนเปียกชุ่ม อาหยวนค่อยๆ เงยหน้ามองมารดาผ่านมารดาน้ำตา “อึก!...”“ไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้แน่”
เมื่อตอนเช้าตรู่วันนี้ ไป๋เสี่ยวหรันยังนอนหลับอยู่บนเตียง ทว่าเสียงเรียกอย่างร้อนรนของสาวใช้ดังขึ้นหน้าห้องพลันทำให้นางสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจก่อนจะรีบผุดลุกขึ้นทันที หัวใจเต้นระส่ำ คิดไปก่อนแล้วว่าอาจเกิดเรื่องร้ายกับอาหยวนแน่แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น…ซือหรูสาวใช้คนสนิทของนางกล่าวรายงานด้วยใบหน้าตื่นตระหนกว่ามีคนจากเรือนของเซี่ยเว่ยหลงนำหนังสือหย่ามาส่งให้แม้ว่าไป๋เสี่ยวหรันยังงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นแต่มว่าพอได้ยินว่า หนังสือหย่า…นางรู้สึกตื่นเต็มตาขึ้นมาทันทีก่อนจะรีบก้าวลงจากเตียงแล้วตรงเข้าไปหยิบกระดาษมาเปิดดูอย่างรวดเร็วเมื่อคืนที่ผ่าน เซี่ยเว่ยหลงรับปากว่าจะปล่อยนางไปพร้อมกับเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้แต่แล้วอย่างไรกลับมีข้อแม้ปรากฏชัดเจนบนหน้ากระดาษหากต้องการจากไปก็ให้ไปได้เพียงแต่ตัวเท่านั้น ห้ามนำสิ่งใดติดออกไปจากจวนเซี่ย…แม้กระทั่งบุตรชาย!นางเป็นมารดาจะกล้าทิ้งบุตรชายได้อย่างไร!แท้จริงแล้วเซี่ยเว่ยหลงไม่ได้เมามายจนไร้สติหรอกหรือ…!?พอนึกถึงตรงนี้ หัวใจของไป๋เสี่ยวหรันกระวูบรู้สึกโกรธเคืองอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย นางไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า…เซี่ยเว่ยหลงต้องการรั้งนางไว้เพราะ
เซี่ยเว่ยหลงเดินเอามือไพล่หลัง ตรงไปยังศาลาริมสระบัว ใบหน้าหล่อเหล่านิ่งเฉยไร้อารมณ์ทว่าดวงตาคมกริบกลับฉายแววไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเพียงแค่เขาก้าวเท้าออกจากจวนไปยังไม่ทันไร นางก็เชิญทั้งบุรุษและสหายมาพูดจาโอ้อวดว่าตนเองหย่ากับเขาแล้วอย่างงั้นรึ…!?หางตาของเซี่ยเว่ยหลงกระตุกริกๆ มาตลอด มิหนำซ้ำภายในใจยังเต็มไปด้วยความหงุดหงิดจากเหตุการณ์เมื่อคืนและพอยิ่งเดินเข้ามาใกล้ เสียงร้องโวยวายของสตรีและน้ำเสียงทุ้มของบุรุษที่ไม่คุ้นหูก็ยิ่งกระตุ้นความไม่พอใจให้เดือดดาลยิ่งขึ้นไปอีกเซี่ยเว่ยหลงปรายสายตาเย็นชามองอดีตภรรยาหมาดๆ เพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่มุมปากกระตุกโค้งเหยียดยิ้มเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยออกมาเสียงเรียบทว่ากลับเต็มไปด้วยถ้อยคำเหน็บแนมทั้งสิ้น “หึ! เพิ่งหย่ากับข้าไม่ทันไรก็พาบุรุษอื่นเข้าจวนมาอวดกันถึงที่แล้วงั้นหรือ”จางเหวินเดินตามหลังมาติดๆ แต่พอได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว เขาขมวดคิ้วหันขวับมองอีกฝ่ายตาขวางทันทีบุรุษผู้นี้…เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน!“เซี่ยเว่ยหลง!” จางเหวินขึ้นเสียงดังทันทีท่าทางขุ่นเคืองที่เหมือนถูกทอดทิ้งมาตลอดทั้งวันของอีกฝ่ายพลันหายหมดไปสิ้น