กลิ่นสมุนไพรยังคละคลุ้งในอากาศ ร่างของหลงซานนอนนิ่งอยู่ในห้องด้านในหลังจากการผ่าตัดนำกระสุนออกเสร็จสิ้น เสียงลมหายใจของเขาเริ่มคงที่ขึ้น แม้ยังไม่ลืมตา แต่สีหน้าผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
เหยียนหนิงนั่งสงบอยู่ที่โต๊ะเตี้ยหน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะชายในชุดแพทย์จีนโบราณ พี่ชายของหลงซาน ก้าวออกมาช้า ๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมานั่งตรงข้ามเธอ
แสงจากโคมไฟจีนทรงกลมที่แขวนอยู่เหนือหัวฉายเงาสะท้อนบนใบหน้าเรียวยาวของเขา ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ทว่าเมื่อมองลึกเข้าไป เหยียนหนิงกลับรู้สึกเหมือนจ้องเข้าไปในตะเกียงที่เก็บเปลวเพลิงอันเก่าแก่
“เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ…” เสียงของเธอแผ่วเบา
“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น” เขาตอบสั้น ก่อนจะเทน้ำชาลงถ้วยใบเล็ก “แต่ถ้าเขายังเดินตามแผนที่วางไว้… ชีวิตของเขาจะไม่ปลอดภัยอีกเลย”
“แผน…?” หญิงสาวทวนคำด้วยความสงสัย ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเริ่มอธิบาย
“เธอรู้จักกลุ่มอิทธิพลในนคร S มากแค่ไหน?”
เธอส่ายหน้าเบา ๆ เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนยกถ้วยชามาดื่มคำเล็ก ๆ แล้ววางลงช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“ตอนนี้ในนคร S มีกลุ่มอิทธิพลใต้ดินหลักอยู่สี่กลุ่ม… และทุกกลุ่มต่างมีมือเปื้อนเลือดประชาชนทั้งนั้น”
เขาเอื้อมไปหยิบแผนที่เล็ก ๆ ฉบับหนึ่งบนโต๊ะ กางให้เหยียนหนิงดู พลางใช้นิ้วแตะทีละจุด ก่อนจะอธิบาย
“นคร S ตอนนี้อยู่ภายใต้ 'พันธมิตรซันเหอ' ซึ่งเป็นการตกลงไม่โจมตีกันของพวกซันเหอทั้งสี่แก๊งใหญ่ ที่มีลูกน้องในสังกัดนับพัน เพื่อรักษาสมดุลของอำนาจ...”
“เริ่มจากทิศตะวันตก คุมโดยแก๊งเถี่ยเจี่ย (铁界 – พิภพเหล็ก) กลุ่มค้าอวัยวะที่เธอเพิ่งรอดมา พวกมันควบคุมโรงพยาบาลเถื่อนและเครือข่ายซื้อขายมนุษย์ มีหน่วยแพทย์เถื่อนที่แยกชิ้นส่วนมนุษย์ได้ภายในไม่กี่นาที”
“ทิศใต้เป็นของแก๊งแก๊งหยินอวี้ (银狱 – คุกเงิน) คุมบ่อนการพนันรายใหญ่ที่สุดในเมือง เชื่อมโยงกับองค์กรฟอกเงินจากหลายประเทศ เส้นสายลึกถึงนักการเมืองและตำรวจระดับสูง”
“ทิศตะวันออกเป็นของแก๊งหลงเม่า (龙貉 – มังกรหมาป่า) เครือข่ายค้ายาเสพติดและสารเคมีควบคุมที่ทรงอิทธิพลที่สุด มีห้องทดลองเคลื่อนที่ในท่าเรืออุตสาหกรรม และนักเคมีที่สามารถสกัดสารเคมีจากพืชให้กลายเป็นยาติดได้ภายในคืนเดียว”
“แก๊งหงเฟิง (红锋 – คมแดง) คุมด้านเหนือ เป็นแก๊งที่ดำเนินธุรกิจค้าประเวณีระดับสูง ควบคุมทั้งโรงแรมและไนต์คลับหรู แต่เบื้องหลังคือการบงการและค้าร่างผู้หญิงจากทั่วเอเชีย มีผู้รักษาความปลอดภัย เป็นกลุ่มทหารรับจ้างเก่าที่ผันตัวมาเป็นนักค้าอาวุธ พวกเขามีกำลังอาวุธเทียบเท่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และไม่อยู่ใต้ศีลธรรมใด ๆ อยู่ใต้เพียงแค่เงินเท่านั้น
“เขาจะ… ทำลายทุกกลุ่มเลยงั้นเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย ถึงจะรู้ซึ่งในความแข็งแกร่งของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน ก็ยังบาดเจ็บให้กลับมารักษาอยู่ดี
“เขาตั้งใจจะรื้อถอนธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมด... แต่ไม่ใช่เพื่อครอบครองแทนหรอกนะ เขาพอใจกับแก๊งของเราที่มีสมาชิกแค่หลักสิบ มากกว่าจะไปปกครองคนเป็นพัน” พี่ชายพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้วเพื่ออะไร?” เหยียนหนิงถาม เขาเงียบไปอึดใจ ก่อนพูดต่อ “เพื่อคืนความหวัง ให้เมืองนี้... ด้วยการกำจัดต้นตอ ที่บ่อนทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เชื่อว่ากฎหมายหรือรัฐบาล จะจัดการความเน่าของเมืองนี้ได้อีกแล้ว เขาจะเป็นปีศาจที่ฆ่าปีศาจเอง”
“แต่นั่นมันหมายความว่าเขาจะเป็นศัตรูกับทุกคน… ทุกแก๊ง” เหยียนหนิงพึมพำ ตัวเย็นวาบด้วยความตกตะลึงในความตั้งใจของผู้มีพระคุณของเธอ
“รวมถึงพวกคนจากทางรัฐด้วย” พี่ชายกล่าวเรียบ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกเฮือก “ไม่ต้องแปลกใจถ้าต่อจากนี้ ทั้งตำรวจ นักข่าว เจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม้แต่หมอที่เธอเคยเห็นในโรงพยาบาล จะกลายเป็นศัตรู... เพราะพวกเขาก็มีส่วนเกี่ยวพันกับกิจการโลกมืดของพวกซันเหอเมืองนี้ด้วยกันทั้งนั้น”
คำกล่าวนั้นทำเอาหญิงสาวนิ่งอึ้งไปนาน ดวงตาฉายแววความกังวล สมองเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ถ้าฉันอยากช่วยเขา... ฉันควรเริ่มจากอะไร?”
“ฉันเธอมีสามทางเลือก” พี่ชายบอกพลางจ้องเธอด้วยสายตาจริงจัง “หนึ่ง กลับไปใช้ชีวิตเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น สอง เป็นแค่คนข้างกายเขา เฝ้ามองเขาบาดเจ็บ และตายไปในสงคราม หรือสาม เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็น หาทางสนับสนุนเขา ไม่ว่าจะเป็นในการต่อสู้ หรือในการฟื้นฟูกิจการของแก๊งเรา”
เหยียนหนิงได้ฟังก็หลับตาชั่วครู่ ลมหายใจยาวผ่านริมฝีปาก ก่อนลืมตาขึ้นอย่างแน่วแน่
“ฉันเลือกข้อสาม ช่วยสอนฉันในสิ่งที่จำเป็น สำหรับการช่วยสนับสนุนน้องชายคุณด้วยเถอะ!”
กลิ่นสมุนไพรยังคละคลุ้งในอากาศ ร่างของหลงซานนอนนิ่งอยู่ในห้องด้านในหลังจากการผ่าตัดนำกระสุนออกเสร็จสิ้น เสียงลมหายใจของเขาเริ่มคงที่ขึ้น แม้ยังไม่ลืมตา แต่สีหน้าผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดเหยียนหนิงนั่งสงบอยู่ที่โต๊ะเตี้ยหน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะชายในชุดแพทย์จีนโบราณ พี่ชายของหลงซาน ก้าวออกมาช้า ๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมานั่งตรงข้ามเธอแสงจากโคมไฟจีนทรงกลมที่แขวนอยู่เหนือหัวฉายเงาสะท้อนบนใบหน้าเรียวยาวของเขา ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ทว่าเมื่อมองลึกเข้าไป เหยียนหนิงกลับรู้สึกเหมือนจ้องเข้าไปในตะเกียงที่เก็บเปลวเพลิงอันเก่าแก่“เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ…” เสียงของเธอแผ่วเบา“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น” เขาตอบสั้น ก่อนจะเทน้ำชาลงถ้วยใบเล็ก “แต่ถ้าเขายังเดินตามแผนที่วางไว้… ชีวิตของเขาจะไม่ปลอดภัยอีกเลย”“แผน…?” หญิงสาวทวนคำด้วยความสงสัย ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเริ่มอธิบาย“เธอรู้จักกลุ่มอิทธิพลในนคร S มากแค่ไหน?”เธอส่ายหน้าเบา ๆ เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนยกถ้วยชามาดื่มคำเล็ก ๆ แล้ววางลงช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น“ตอนนี้ในนคร S มีกลุ่มอิทธิพลใต้ดินหลักอยู่สี่กลุ่ม… และทุกกล
รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบออกจากเขตอาคารรกร้างที่กำลังลุกไหม้ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางสายรองที่ลัดเลาะผ่านตรอกซอยเล็ก ๆ ของเขตอุตสาหกรรมร้าง จางเหยียนหนิงนั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง เคียงข้างชายร่างใหญ่ผู้เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตของเธอ ใบหน้าซีกขวาของเขามีรอยแผลมีดฟัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แผลจากกระสุนและคมมีดยังคงไหลซึมออกมาเรื่อย ๆ แม้เขาจะไม่แสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่ดวงตาของหญิงสาวยังไม่ละจากแขนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดเหล่านั้น“เขาควรจะได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้…” เธอพึมพำเบา ๆ พลางหันไปมองคนขับรถที่นั่งด้านหน้าชายคนนั้นอายุราวสามสิบต้น ๆ ใส่ชุดสูทสุภาพ ผมดำหวีเรียบ ดวงตาท่าทางใจดี เขามองหญิงสาวผ่านกระจกหลังด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่ต้องห่วงครับ คุณหลงซานกำลังจะไปหาคนที่รักษาเขาได้ดีที่สุดแล้ว”“ใครกัน…?” เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ“ให้ผมเล่าได้ไหมครับนาย” คนขับรถถามหลงซาน เขาพยักหน้าเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เล่าได้ คนขับรถจึงเปิดปากเล่าต่อ“ผมจะหาไปพี่ชายของเขาเองครับ”เหยียนหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนิ่งฟังต่อ คนขับรถเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีชั้นเชิงของผู้รู้มากกว่าแค
เสียงฝีเท้าของชายร่างกำยำดังเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้ง ทุกคนในห้องรู้สึกดีว่าย่างก้าวของเขาก็ประหนึ่งย่างก้าวของความตายกำลังเคลื่อนมาใกล้ “ยิงมัน!” เสียงสั่งการของหัวหน้าแก๊งดังขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นกระสุนของเหล่าชายฉกรรจ์ ทุกคนรู้ดีกว่าถ้าถูกประชิดตัวเข้า ทุกอย่างเป็นอันจบแน่ ๆปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!กระสุนหลายนัดถูกปล่อยออกไป โดนบ้างโดนบ้าง ร่างของชายแปลกหน้าเซไปเล็กน้อยเมื่อกระสุนเจาะเข้าลำตัว เขาถูกยิงที่ไหล่ ที่หน้าอก ท้อง กระสุนฝังลงไปในร่าง แต่เหมือนจะไม่อาจทะลุชั้นกล้ามเนื้อที่แกร่งราวกับสัตว์ป่าของเขา เขา ไม่ล้ม ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ซ้ำยังกลับยังเดินเข้ามาต่อชายฉกรรจ์อีกสองคนเงื้อมีดพุ่งเข้ามา คนหนึ่งเข้ามามาฟันอีกคนเข้ามาแทง เขาง้างหมัดเตรียมสวนกลับ และเมื่อมีดฟันเข้าที่ร่าง บริเวณแผงอกกำยำ เขาก็เหวี่ยงหมัดสวนไปเต็มแรง เพียงหมัดเดียว ศีรษะของคนหนึ่งที่ฟันมาก็บิดสะบัด กระดูกต้นคอหักดังกร๊อบ ก่อนจะปลิวกระเด็นไปกระแทกผนังส่วนอีกคนที่เข้ามาแทง พอมีดเสียบเข้ามาที่ท้อง แต่ยังไม่ดันจะเข้าทะลุกล้ามเนื้อไปได้ ก็โดนคว้าข้อมือเข้า จา
“หน้าตาก็สวยดีนี่ น่าเสียดาย...” เสียงของชายคนหนึ่งที่นั่งบนโซฟาเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี จมูกโด่ง ตาเรียวสีน้ำตาล ผิวขาวสะอาด ผมสีดำตัดเป็นระเบียบ สวมแว่นตากรอบดำเลนส์สีชา ใส่ชุดสูทดูสุภาพ ผิดกับธุรกิจที่เขากำลังทำอยู่ ก่อนจะที่เขาจะจ้องมอง “เธอ” หญิงสาวผู้ที่มือเท้ากำลังถูกพันธนาการด้วยเชือก ปากถูกอุดด้วยผ้า ลูกน้องชายฉกรรจ์สองคนจับมากองอยู่แทบเท้าของเขา เธอชื่อว่า “จางเหยียนหนิง” หญิงสาวผิวขาว ผมยาวหยักศก ดวงตาคม รูปร่างเพรียวบาง เธอเติบโตในย่านคนจนแถบตะวันตกของนคร S อายุเพิ่งพ้นวัยยี่สิบไปได้ไม่นาน เป็นนักศึกษาที่ได้ทุนเรียนดี ได้เรียนในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผลการเรียนดี กิจกรรมเด่นเป็นเลิศ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้จบการศึกษา ใช้ความสามารถให้เต็มที่ ชะตากรรมของเธอกลับเล่นตลก ให้มาประสบชะตากรรมเช่นนี้ หากถามว่าทำไมเธอมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านเหล้าที่ไม่ค่อยมีลูกค้า แม่เป็นแม่บ้านที่ใช้เสียงด่าทอแทนการอบรม ทั้งคู่ชอบเล่นการพนันสารพัดชนิด จนเมื่อพ่อแม่ติดหนี้จากการพนันจนเกินทางจ่าย หนี้สินพันธนาการครอบครัวไว้ จนไ