เสียงฝีเท้าของชายร่างกำยำดังเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้ง ทุกคนในห้องรู้สึกดีว่าย่างก้าวของเขาก็ประหนึ่งย่างก้าวของความตายกำลังเคลื่อนมาใกล้
“ยิงมัน!” เสียงสั่งการของหัวหน้าแก๊งดังขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นกระสุนของเหล่าชายฉกรรจ์ ทุกคนรู้ดีกว่าถ้าถูกประชิดตัวเข้า ทุกอย่างเป็นอันจบแน่ ๆ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนหลายนัดถูกปล่อยออกไป โดนบ้างโดนบ้าง ร่างของชายแปลกหน้าเซไปเล็กน้อยเมื่อกระสุนเจาะเข้าลำตัว เขาถูกยิงที่ไหล่ ที่หน้าอก ท้อง กระสุนฝังลงไปในร่าง แต่เหมือนจะไม่อาจทะลุชั้นกล้ามเนื้อที่แกร่งราวกับสัตว์ป่าของเขา เขา ไม่ล้ม ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ซ้ำยังกลับยังเดินเข้ามาต่อ
ชายฉกรรจ์อีกสองคนเงื้อมีดพุ่งเข้ามา คนหนึ่งเข้ามามาฟันอีกคนเข้ามาแทง เขาง้างหมัดเตรียมสวนกลับ และเมื่อมีดฟันเข้าที่ร่าง บริเวณแผงอกกำยำ เขาก็เหวี่ยงหมัดสวนไปเต็มแรง เพียงหมัดเดียว ศีรษะของคนหนึ่งที่ฟันมาก็บิดสะบัด กระดูกต้นคอหักดังกร๊อบ ก่อนจะปลิวกระเด็นไปกระแทกผนัง
ส่วนอีกคนที่เข้ามาแทง พอมีดเสียบเข้ามาที่ท้อง แต่ยังไม่ดันจะเข้าทะลุกล้ามเนื้อไปได้ ก็โดนคว้าข้อมือเข้า จากนั้นก็มีเสียงดังกร๊อบ ข้อมืออีกฝ่ายหักผิดรูปไปในพริบตา ก่อนที่กำปั้นของมืออีกข้างจะพุ่งเข้าปะทะใบหน้าผู้เข้ามาแทงจนยุบลงไป!
“เป็นไปได้ยังไงวะ... ยิงก็แล้ว... แทงก็แล้ว... มันไม่ล้ม!”
ชายคนหนึ่งพูด แต่ไม่ทันขาดคำก็ต้องร้องลั่น เพราะถูกมือใหญ่ของผู้บุกรุกจับเข้าที่หน้าอกแล้ว บีบซี่โครงของเขา จากนั้นก็มีเสียงดังราวกับกระดูกซี่โครงแตกละเอียด แล้วผู้บีบก็เหวี่ยงผู้ถูกบีบลงกับพื้นโดยเอาหัวปักลง เกิดเสียงดังสนั่นเมื่อศีรษะทิ่มทะลุพื้น ฝังลงไปในพื้นห้อง
สมุนคนสุดท้ายยกปืนขึ้นหมาบเล็งที่ศีรษะ ทว่าร่างใหญ่กำยำกลับเอื้อมมือเข้าหา บีบเข้าที่กระบอกปืน จากนั้นมันก็บิดเบี้ยวไปราวกับถูกบดด้วยเครื่องจักรอะไรสักอย่าง ก่อนที่กำปั้นของชายผู้บุกรุกจะง้างสุดแขน แล้วปล่อยหมัดออกไปปะทะหน้า ส่งผลให้ชายที่ถือจับเศษซากปืนอยู่คอหักสิ้นสภาพในทันที
“แกต้องการอะไรจากฉัน เงินทอง เขตอิทธิพล หรือสินค้างั้นรึ? บอกมา ฉันจะให้แก ขอแค่กลับไปก็พอ แล้วเรื่องวันนี้ฉันจะไม่เอาความ” เสียงของชายผู้สวมแว่น หัวหน้ากลุ่มเถี่ยเจี่ยพูดขึ้น เขายืนขึ้นคุยพลางเอามือล้วงกระเป๋า พยายามทำตัวใจดีสู้เสือ แม้ว่าตอนนี้จะเหลือเป็นคนสุดท้ายก็ตาม
“หัวหน้ากลุ่มเถี่ยเจี่ย ชื่อเจี่ยไป๋หวัง ฉายาศัลยแพทย์เถื่อนสินะ คงฆ่าไปเยอะน่าดู พวกคนตายไม่ฟื้นขึ้นมาเพราะอำนาจของแกหรอก” ชายผู้บุกรุกกล่าวขี้น ก่อนจะจับคอเสื้อคู่สนทนา แล้วง้างหมัดหมายซัดสุดแรง
หัวหน้ากลุ่มเถี่ยเจี่ยเห็นดังนั้นก็เอามือออกออกมาจากกระเป๋า ปรากฏเข็มขึ้นในมือ แล้วเขาก็ฝังเข็มลงไปที่หลังมือที่จับคอเสื้อของเขาก่อนที่หมัดจะถูกปล่อยออกมา จากนั้นก็บิดข้อมือของผู้บุกรุกเล็กน้อย ทำให้เขาซวนเซขาทรุดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปรากฏตัว!
“ฝังเข็มสกัดจุดเหรอ... ความรู้ดีนี่ แต่กลับพรากชีวิตคนไปมากมายเพื่อเงินทอง น่าเสียดาย!” ชายผู้บุกรุกกัดฟันแล้วออกแรงบีบให้มากขึ้น คราวนี้เข็มที่ปักหลังมือถึงกับกระเด็นออกมาเอง ก่อนที่เขาจะปล่อยหมัดออกไป ส่งร่างเจี่ยไป๋หวังปลิวกระเด็นทะลุหน้าต่างอาคาร หายไปจากสายตา!
แม้คู่ต่อสู้ในห้องจะหมดสภาพแล้วทั้งหมด แต่ร่างกายชายร่างยักษ์ก็มีแผลฉีกหลายแห่ง เลือดไหลอาบแขนขา ถึงแบบนั้นชายร่างยักษ์คนนั้นก็ยังยืนอยู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างกับไม่ใช่คน
เหยียนหนิงยังคงนอนตัวสั่นอยู่ที่พื้น ดวงตาเบิกโพลงราวกับยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ชายร่างใหญ่กำยำเดินเข้ามาช้า ๆ ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ หยิบมีดจากศัตรูที่ตายแล้วตัดเชือกที่มัดข้อมือข้อเท้าเธอออก เสียงฝืดแผ่วของเชือกที่ถูกเฉือนขาดดังเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบ
“เธอเป็นใคร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงของเขาต่ำ แต่มั่นคง เย็นชา แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเหมือนไม่ได้ไร้หัวใจเสียทีเดียว
“ฉันชื่อจางเหยียนหนิง... พวกมันหลอกฉันมานี่ จะเอาอวัยวะของฉันไปขาย...” เธอตอบ โดยที่ดวงตายังชื้นน้ำตา เขาพยักหน้าเบา ๆ ด้วยความเข้าใจ
“ฉัน หวังหลงซาน ” เขาบอก ทันได้นั้นเธอก็ได้เห็นว่าแสงสีส้มของเปลวไฟ ส่องออกมาจากหน้าประตูห้อง ราวกับนรกเปิดประตูรับสถานที่บาป “ที่นี่... เคยเป็นโรงพยาบาลเก่า ตอนนี้มันกลายเป็นโรงเชือดมนุษย์ไปแล้ว มันไม่ควรเหลืออยู่อีกต่อไป”
“ฉันกำลังเผามันทิ้ง... รีบออกจากที่นี่กันเถอะ” เขาพึมพำ ก่อนจะยื่นมือให้เธอ
เธอไม่ลังเลที่จะคว้ามือนั้น ร่างทั้งสองเดินฝ่าเปลวเพลิงและควันไฟออกมานอกอาคารที่เริ่มลุกไหม้ จนมาถึงลานหน้าโรงพยาบาล รถสีดำคันหนึ่งจอดรออยู่แล้ว คนขับรถร่างเล็ก ท่าทางสุภาพก็รีบลงมาเปิดประตูให้
“นายครับ เชิญเลยครับ”
“ไปที่ปลอดภัยก่อน” ชายคนนั้นกล่าวเรียบ ๆ กับคนขับ แล้วหันมามองเธออีกครั้ง “จะให้ไปส่งที่บ้านไหม?”
เธอหันไปมองไฟที่ลุกไหม้อาคาร ลามไปยังหน้าต่างที่เธอเคยถูกกักขัง น้ำตาหยดสุดท้ายไหลลงมาอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้น จ้องตาเขา
“ฉ... ฉันไม่มีบ้านอีกแล้ว... พวกเขาขายฉัน ไม่ได้มีเยื่อใยอะไร เราตัดขาดกันแล้ว... ขอไปกับคุณเถอะ ฉันจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ที่สุด!”
เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้า แล้วพาเธอเข้าไปที่ประตูด้านหลัง ก่อนประตูจะรถก็ปิดลง
รถยนต์เคลื่อนออกจากซอยอย่างเงียบเชียบ เหลือเพียงเงาเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่เบื้องหลัง... กับหญิงสาวผู้ที่เลือกทางรอดใหม่ ข้างกายชายที่เหมือนปีศาจ
กลิ่นสมุนไพรยังคละคลุ้งในอากาศ ร่างของหลงซานนอนนิ่งอยู่ในห้องด้านในหลังจากการผ่าตัดนำกระสุนออกเสร็จสิ้น เสียงลมหายใจของเขาเริ่มคงที่ขึ้น แม้ยังไม่ลืมตา แต่สีหน้าผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดเหยียนหนิงนั่งสงบอยู่ที่โต๊ะเตี้ยหน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะชายในชุดแพทย์จีนโบราณ พี่ชายของหลงซาน ก้าวออกมาช้า ๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมานั่งตรงข้ามเธอแสงจากโคมไฟจีนทรงกลมที่แขวนอยู่เหนือหัวฉายเงาสะท้อนบนใบหน้าเรียวยาวของเขา ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ทว่าเมื่อมองลึกเข้าไป เหยียนหนิงกลับรู้สึกเหมือนจ้องเข้าไปในตะเกียงที่เก็บเปลวเพลิงอันเก่าแก่“เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ…” เสียงของเธอแผ่วเบา“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น” เขาตอบสั้น ก่อนจะเทน้ำชาลงถ้วยใบเล็ก “แต่ถ้าเขายังเดินตามแผนที่วางไว้… ชีวิตของเขาจะไม่ปลอดภัยอีกเลย”“แผน…?” หญิงสาวทวนคำด้วยความสงสัย ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเริ่มอธิบาย“เธอรู้จักกลุ่มอิทธิพลในนคร S มากแค่ไหน?”เธอส่ายหน้าเบา ๆ เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนยกถ้วยชามาดื่มคำเล็ก ๆ แล้ววางลงช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น“ตอนนี้ในนคร S มีกลุ่มอิทธิพลใต้ดินหลักอยู่สี่กลุ่ม… และทุกกล
รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบออกจากเขตอาคารรกร้างที่กำลังลุกไหม้ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางสายรองที่ลัดเลาะผ่านตรอกซอยเล็ก ๆ ของเขตอุตสาหกรรมร้าง จางเหยียนหนิงนั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง เคียงข้างชายร่างใหญ่ผู้เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตของเธอ ใบหน้าซีกขวาของเขามีรอยแผลมีดฟัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แผลจากกระสุนและคมมีดยังคงไหลซึมออกมาเรื่อย ๆ แม้เขาจะไม่แสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่ดวงตาของหญิงสาวยังไม่ละจากแขนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดเหล่านั้น“เขาควรจะได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้…” เธอพึมพำเบา ๆ พลางหันไปมองคนขับรถที่นั่งด้านหน้าชายคนนั้นอายุราวสามสิบต้น ๆ ใส่ชุดสูทสุภาพ ผมดำหวีเรียบ ดวงตาท่าทางใจดี เขามองหญิงสาวผ่านกระจกหลังด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่ต้องห่วงครับ คุณหลงซานกำลังจะไปหาคนที่รักษาเขาได้ดีที่สุดแล้ว”“ใครกัน…?” เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ“ให้ผมเล่าได้ไหมครับนาย” คนขับรถถามหลงซาน เขาพยักหน้าเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เล่าได้ คนขับรถจึงเปิดปากเล่าต่อ“ผมจะหาไปพี่ชายของเขาเองครับ”เหยียนหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนิ่งฟังต่อ คนขับรถเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีชั้นเชิงของผู้รู้มากกว่าแค
เสียงฝีเท้าของชายร่างกำยำดังเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้ง ทุกคนในห้องรู้สึกดีว่าย่างก้าวของเขาก็ประหนึ่งย่างก้าวของความตายกำลังเคลื่อนมาใกล้ “ยิงมัน!” เสียงสั่งการของหัวหน้าแก๊งดังขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นกระสุนของเหล่าชายฉกรรจ์ ทุกคนรู้ดีกว่าถ้าถูกประชิดตัวเข้า ทุกอย่างเป็นอันจบแน่ ๆปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!กระสุนหลายนัดถูกปล่อยออกไป โดนบ้างโดนบ้าง ร่างของชายแปลกหน้าเซไปเล็กน้อยเมื่อกระสุนเจาะเข้าลำตัว เขาถูกยิงที่ไหล่ ที่หน้าอก ท้อง กระสุนฝังลงไปในร่าง แต่เหมือนจะไม่อาจทะลุชั้นกล้ามเนื้อที่แกร่งราวกับสัตว์ป่าของเขา เขา ไม่ล้ม ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ซ้ำยังกลับยังเดินเข้ามาต่อชายฉกรรจ์อีกสองคนเงื้อมีดพุ่งเข้ามา คนหนึ่งเข้ามามาฟันอีกคนเข้ามาแทง เขาง้างหมัดเตรียมสวนกลับ และเมื่อมีดฟันเข้าที่ร่าง บริเวณแผงอกกำยำ เขาก็เหวี่ยงหมัดสวนไปเต็มแรง เพียงหมัดเดียว ศีรษะของคนหนึ่งที่ฟันมาก็บิดสะบัด กระดูกต้นคอหักดังกร๊อบ ก่อนจะปลิวกระเด็นไปกระแทกผนังส่วนอีกคนที่เข้ามาแทง พอมีดเสียบเข้ามาที่ท้อง แต่ยังไม่ดันจะเข้าทะลุกล้ามเนื้อไปได้ ก็โดนคว้าข้อมือเข้า จา
“หน้าตาก็สวยดีนี่ น่าเสียดาย...” เสียงของชายคนหนึ่งที่นั่งบนโซฟาเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี จมูกโด่ง ตาเรียวสีน้ำตาล ผิวขาวสะอาด ผมสีดำตัดเป็นระเบียบ สวมแว่นตากรอบดำเลนส์สีชา ใส่ชุดสูทดูสุภาพ ผิดกับธุรกิจที่เขากำลังทำอยู่ ก่อนจะที่เขาจะจ้องมอง “เธอ” หญิงสาวผู้ที่มือเท้ากำลังถูกพันธนาการด้วยเชือก ปากถูกอุดด้วยผ้า ลูกน้องชายฉกรรจ์สองคนจับมากองอยู่แทบเท้าของเขา เธอชื่อว่า “จางเหยียนหนิง” หญิงสาวผิวขาว ผมยาวหยักศก ดวงตาคม รูปร่างเพรียวบาง เธอเติบโตในย่านคนจนแถบตะวันตกของนคร S อายุเพิ่งพ้นวัยยี่สิบไปได้ไม่นาน เป็นนักศึกษาที่ได้ทุนเรียนดี ได้เรียนในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผลการเรียนดี กิจกรรมเด่นเป็นเลิศ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้จบการศึกษา ใช้ความสามารถให้เต็มที่ ชะตากรรมของเธอกลับเล่นตลก ให้มาประสบชะตากรรมเช่นนี้ หากถามว่าทำไมเธอมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านเหล้าที่ไม่ค่อยมีลูกค้า แม่เป็นแม่บ้านที่ใช้เสียงด่าทอแทนการอบรม ทั้งคู่ชอบเล่นการพนันสารพัดชนิด จนเมื่อพ่อแม่ติดหนี้จากการพนันจนเกินทางจ่าย หนี้สินพันธนาการครอบครัวไว้ จนไ