รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบออกจากเขตอาคารรกร้างที่กำลังลุกไหม้ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางสายรองที่ลัดเลาะผ่านตรอกซอยเล็ก ๆ ของเขตอุตสาหกรรมร้าง จางเหยียนหนิงนั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง เคียงข้างชายร่างใหญ่ผู้เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตของเธอ ใบหน้าซีกขวาของเขามีรอยแผลมีดฟัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แผลจากกระสุนและคมมีดยังคงไหลซึมออกมาเรื่อย ๆ แม้เขาจะไม่แสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่ดวงตาของหญิงสาวยังไม่ละจากแขนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดเหล่านั้น
“เขาควรจะได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้…” เธอพึมพำเบา ๆ พลางหันไปมองคนขับรถที่นั่งด้านหน้า
ชายคนนั้นอายุราวสามสิบต้น ๆ ใส่ชุดสูทสุภาพ ผมดำหวีเรียบ ดวงตาท่าทางใจดี เขามองหญิงสาวผ่านกระจกหลังด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงครับ คุณหลงซานกำลังจะไปหาคนที่รักษาเขาได้ดีที่สุดแล้ว”
“ใครกัน…?” เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“ให้ผมเล่าได้ไหมครับนาย” คนขับรถถามหลงซาน เขาพยักหน้าเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เล่าได้ คนขับรถจึงเปิดปากเล่าต่อ
“ผมจะหาไปพี่ชายของเขาเองครับ”
เหยียนหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนิ่งฟังต่อ คนขับรถเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีชั้นเชิงของผู้รู้มากกว่าแค่คนขับรถธรรมดา
“พ่อของคุณหลงซาน... ท่านเคยเป็นหนึ่งในปรมาจารย์แพทย์สมุนไพรที่เก่งที่สุดในโลกใต้ดินครับ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องตัวยาจีนโบราณ ยาที่สามารถกระตุ้นภูมิต้านทาน ฟื้นฟูอวัยวะ หรือแม้แต่สร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้ ยาบางชนิดของท่าน ใช้พืชต้องห้ามที่เพิ่งถูกจัดเป็นสารเสพติดในกฎหมายปัจจุบัน ถึงจะมีคุณสมบัติรักษาโรคได้เหลือเชื่อ แต่ก็ถูกตีตราเป็นยาผิดกฎหมาย” เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“เพราะแบบนั้น ธุรกิจของท่านจึงถูกผลักเข้าสู่โลกมืด จากผู้รักษากลายเป็นอาชญากร พวกเรากลายเป็นพวกซันเหอ ตั้งชื่อกลุ่มตนเองตามแหล่งที่มาของวิชา ที่ว่ากันว่ามาจากเซียนที่ภูเขาใหญ่เมื่อหลายพันปีก่อนว่า แก๊งต้าซาน ขายยาเถื่อนให้กับพวกที่ต้องการรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ ซึ่งพวกแก๊งค้าอวัยวะอย่างเถี่ยเจี่ยรู้ว่าถ้ายาเหล่านั้นแพร่หลาย ผู้ป่วยจะไม่ต้องเปลี่ยนอวัยวะอีกต่อไป ธุรกิจพวกมันจะล่มสลาย จึงฆ่าท่าน”
ดวงตาเหยียนหนิงเบิกกว้าง หันไปมองชายข้างกายอีกครั้ง เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นแค่คนบ้าพลังที่โผล่มาฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล แต่เป็น ทายาทของผู้ถูกล่า เป็นบุตรชายของแพทย์ผู้ถูกตราหน้าว่าอาชญากร
“แล้ว… พลังของเขา… มันคืออะไร?” เธอถามอย่างไม่อาจหักห้ามความสงสัยได้ คนขับจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วเล่าต่อ
“คุณหลงซานแต่เดิมก็เป็นเด็กสุขภาพแข็งแรง แต่ตั้งแต่พ่อของเขาตาย อะไรบางอย่างในตัวเขาก็ตื่นขึ้น ตามคำทำนายของเซียนที่ให้ตระกูลหวังมานับร้อยพันปี ว่าหากทายาททุกรุ่น กินโอสถสูตรพิเศษสำหรับสายเลือดสกุลหวังสืบต่อกันไป สักวันเมื่อทายาทผู้กินโอสถเผชิญกับความรู้สึกรุนแรงทางใจ มีคำถามมากมายในความคิด แล้วค้นพบคำตอบของตัวเอง ความสามารถของพวกเขาจะพุ่งสูงอย่างผิดธรรมชาติ เพื่อให้พวกเขาเดินไปในเส้นทางที่สอดคล้องกับคำตอบที่พวกเขาพบ”
“ผมก็ไม่ทราบว่าคุณหลงซานค้นพบตัวเองว่าอะไร แต่ทั้งแรง ความทนทาน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นผิดมนุษย์ แม้แต่กระดูกยังแข็งราวกับเหล็ก ขณะที่พี่ชายของเขาได้รับความทรงจำที่ยอดเยี่ยมราวกับห้องสมุดเดินได้ บางทียาตำหรับเซียนพวกนั้น อาจกระตุ้นให้ยีนหรือโครงสร้างบางอย่างในร่างกายพัฒนา แต่ต้องมีปัจจัยกระตุ้น และสำหรับคุณหลงซาน... มันคือความสูญเสียพ่อ” คนขับเงียบไปสักครู่ ก่อนจะยิ้ม “แต่ถึงจะมีพลังแค่ไหน เขาก็ยังเลือดออกได้ เจ็บได้ เหมือนคนธรรมดานะครับ ต้องรักษาเหมือนกัน... จะว่าไปเราก็ใกล้ถึงแล้วล่ะ”
รถหยุดลงหน้าตึกไม้เก่า ๆ ที่อยู่ในตรอกแคบของย่านชุมชนโบราณ ท่ามกลางความวุ่นวายของเมือง ตึกหลังนี้กลับสงบนิ่ง ราวกับเป็นศาลเจ้าลับ ๆ มากกว่าจะเป็นคลินิกรักษาแผล
ประตูไม้เปิดออก ก่อนที่ชายในชุดแพทย์จีนแบบโบราณจะก้าวออกมา เขาอายุราวสามสิบต้น ๆ ผิวขาวซีดแบบคนที่คลุกอยู่กับสมุนไพรและตำรับยาแทบไม่ออกแดด ใบหน้าเรียวยาวได้รูป ดูสุขุมสงบ แต่ในดวงตาสีน้ำตาลกลับแฝงความเฉียบคมราวกับอ่านใจคนได้ตั้งแต่แรกเห็น
ทันทีเมื่อเห็นร่างเปรอะเลือดของน้องชาย เขาก็ก้าวเข้ามาพยุงร่างหลงซานไปในตัวอาคาร ส่วนเหยียนหนิงที่ยังอึ้งกับเรื่องทั้งหมดอยู่ ได้แต่มองตามเงาหลังของสองพี่น้อง ก่อนจะถูกคนขับผายมือเชิญให้เข้าไปด้วย
เมื่อเข้าไปข้างใน เธอก็ต้องตกตะลึง ห้องด้านในถูกดัดแปลงเป็นห้องรักษาแบบแพทย์จีน พื้นไม้สะอาดสะอ้าน มีกลิ่นสมุนไพรหอมจาง ๆ เครื่องมือบางอย่างดูโบราณ แต่ถูกใช้อย่างพิถีพิถัน ราวกับหลุดออกมาจากยุคราชวงศ์
“นอนลง หลงซาน” พี่ชายพูดเรียบ ๆ แล้วจัดเตียงให้ก่อนหยิบชุดเข็มเงินขัดเงา และกล่องไม้ใส่สมุนไพรที่เรียงอย่างเป็นระเบียบ
เหยียนหนิงนั่งลงข้างเตียง พยายามไม่รบกวนการทำงานของหมอ แต่สายตายังจ้องมองร่างเปรอะเลือดของชายที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้
พี่ชายของเขาฝังเข็มลงจุดบางจุดตามแขน ท้อง และแผ่นหลังของหลงซาน จากนั้นค่อย ๆ บดสมุนไพรสีเขียวคล้ำใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบ ต้มกับน้ำร้อนแล้วกรอกให้เขาดื่ม ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที สีหน้าเขาดูผ่อนคลายลง แม้เลือดยังเปรอะอยู่ แต่แรงสั่นสะท้านในกล้ามเนื้อเริ่มคลี่คลาย
“ต่อไปจะเริ่มการผ่ากระสุนออก กับเย็บแผล จะส่งไปที่ห้องผ่าตัดนะ” พี่ชายของเขาเอ่ยขึ้น
“ทำไมพวกคุณไม่ไปโรงพยาบาล?” เหยียนหนิงถามแผ่วเบา
“ถ้าเราไปที่นั่น เราจะถูกจับทันที พวกเราเป็นอาชญากรนี่นะ” พี่ชายกล่าวเรียบ ๆ เขาหยุดชั่วครู่ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ “อยากเรียนรู้มั้ย... ว่าโลกใบนี้มันดำแค่ไหน?”
เหยียนหนิงไม่ตอบในทันที ดวงตาเธอเบนไปยังชายที่นอนหลับตานิ่ง ใบหน้ามีรอยแผล ทว่าแฝงไว้ด้วยความสงบเสงี่ยม เหมือนนักรบผู้ผ่านการต่อสู้มายาวนาน
“ฉันอยากรู้... แต่ฉันไม่อยากแค่รู้ ฉันอยากเปลี่ยนมัน” เธอกล่าวอย่างชัดเจน ทำเอาพี่ชายของหวังหลงซานยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น
“ถ้างั้น... ยินดีต้อนรับสู่โลกมืด”
กลิ่นสมุนไพรยังคละคลุ้งในอากาศ ร่างของหลงซานนอนนิ่งอยู่ในห้องด้านในหลังจากการผ่าตัดนำกระสุนออกเสร็จสิ้น เสียงลมหายใจของเขาเริ่มคงที่ขึ้น แม้ยังไม่ลืมตา แต่สีหน้าผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดเหยียนหนิงนั่งสงบอยู่ที่โต๊ะเตี้ยหน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะชายในชุดแพทย์จีนโบราณ พี่ชายของหลงซาน ก้าวออกมาช้า ๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมานั่งตรงข้ามเธอแสงจากโคมไฟจีนทรงกลมที่แขวนอยู่เหนือหัวฉายเงาสะท้อนบนใบหน้าเรียวยาวของเขา ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ทว่าเมื่อมองลึกเข้าไป เหยียนหนิงกลับรู้สึกเหมือนจ้องเข้าไปในตะเกียงที่เก็บเปลวเพลิงอันเก่าแก่“เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ…” เสียงของเธอแผ่วเบา“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น” เขาตอบสั้น ก่อนจะเทน้ำชาลงถ้วยใบเล็ก “แต่ถ้าเขายังเดินตามแผนที่วางไว้… ชีวิตของเขาจะไม่ปลอดภัยอีกเลย”“แผน…?” หญิงสาวทวนคำด้วยความสงสัย ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเริ่มอธิบาย“เธอรู้จักกลุ่มอิทธิพลในนคร S มากแค่ไหน?”เธอส่ายหน้าเบา ๆ เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนยกถ้วยชามาดื่มคำเล็ก ๆ แล้ววางลงช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น“ตอนนี้ในนคร S มีกลุ่มอิทธิพลใต้ดินหลักอยู่สี่กลุ่ม… และทุกกล
รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบออกจากเขตอาคารรกร้างที่กำลังลุกไหม้ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางสายรองที่ลัดเลาะผ่านตรอกซอยเล็ก ๆ ของเขตอุตสาหกรรมร้าง จางเหยียนหนิงนั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง เคียงข้างชายร่างใหญ่ผู้เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตของเธอ ใบหน้าซีกขวาของเขามีรอยแผลมีดฟัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แผลจากกระสุนและคมมีดยังคงไหลซึมออกมาเรื่อย ๆ แม้เขาจะไม่แสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่ดวงตาของหญิงสาวยังไม่ละจากแขนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดเหล่านั้น“เขาควรจะได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้…” เธอพึมพำเบา ๆ พลางหันไปมองคนขับรถที่นั่งด้านหน้าชายคนนั้นอายุราวสามสิบต้น ๆ ใส่ชุดสูทสุภาพ ผมดำหวีเรียบ ดวงตาท่าทางใจดี เขามองหญิงสาวผ่านกระจกหลังด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่ต้องห่วงครับ คุณหลงซานกำลังจะไปหาคนที่รักษาเขาได้ดีที่สุดแล้ว”“ใครกัน…?” เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ“ให้ผมเล่าได้ไหมครับนาย” คนขับรถถามหลงซาน เขาพยักหน้าเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เล่าได้ คนขับรถจึงเปิดปากเล่าต่อ“ผมจะหาไปพี่ชายของเขาเองครับ”เหยียนหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนิ่งฟังต่อ คนขับรถเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีชั้นเชิงของผู้รู้มากกว่าแค
เสียงฝีเท้าของชายร่างกำยำดังเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้ง ทุกคนในห้องรู้สึกดีว่าย่างก้าวของเขาก็ประหนึ่งย่างก้าวของความตายกำลังเคลื่อนมาใกล้ “ยิงมัน!” เสียงสั่งการของหัวหน้าแก๊งดังขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นกระสุนของเหล่าชายฉกรรจ์ ทุกคนรู้ดีกว่าถ้าถูกประชิดตัวเข้า ทุกอย่างเป็นอันจบแน่ ๆปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!กระสุนหลายนัดถูกปล่อยออกไป โดนบ้างโดนบ้าง ร่างของชายแปลกหน้าเซไปเล็กน้อยเมื่อกระสุนเจาะเข้าลำตัว เขาถูกยิงที่ไหล่ ที่หน้าอก ท้อง กระสุนฝังลงไปในร่าง แต่เหมือนจะไม่อาจทะลุชั้นกล้ามเนื้อที่แกร่งราวกับสัตว์ป่าของเขา เขา ไม่ล้ม ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ซ้ำยังกลับยังเดินเข้ามาต่อชายฉกรรจ์อีกสองคนเงื้อมีดพุ่งเข้ามา คนหนึ่งเข้ามามาฟันอีกคนเข้ามาแทง เขาง้างหมัดเตรียมสวนกลับ และเมื่อมีดฟันเข้าที่ร่าง บริเวณแผงอกกำยำ เขาก็เหวี่ยงหมัดสวนไปเต็มแรง เพียงหมัดเดียว ศีรษะของคนหนึ่งที่ฟันมาก็บิดสะบัด กระดูกต้นคอหักดังกร๊อบ ก่อนจะปลิวกระเด็นไปกระแทกผนังส่วนอีกคนที่เข้ามาแทง พอมีดเสียบเข้ามาที่ท้อง แต่ยังไม่ดันจะเข้าทะลุกล้ามเนื้อไปได้ ก็โดนคว้าข้อมือเข้า จา
“หน้าตาก็สวยดีนี่ น่าเสียดาย...” เสียงของชายคนหนึ่งที่นั่งบนโซฟาเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี จมูกโด่ง ตาเรียวสีน้ำตาล ผิวขาวสะอาด ผมสีดำตัดเป็นระเบียบ สวมแว่นตากรอบดำเลนส์สีชา ใส่ชุดสูทดูสุภาพ ผิดกับธุรกิจที่เขากำลังทำอยู่ ก่อนจะที่เขาจะจ้องมอง “เธอ” หญิงสาวผู้ที่มือเท้ากำลังถูกพันธนาการด้วยเชือก ปากถูกอุดด้วยผ้า ลูกน้องชายฉกรรจ์สองคนจับมากองอยู่แทบเท้าของเขา เธอชื่อว่า “จางเหยียนหนิง” หญิงสาวผิวขาว ผมยาวหยักศก ดวงตาคม รูปร่างเพรียวบาง เธอเติบโตในย่านคนจนแถบตะวันตกของนคร S อายุเพิ่งพ้นวัยยี่สิบไปได้ไม่นาน เป็นนักศึกษาที่ได้ทุนเรียนดี ได้เรียนในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผลการเรียนดี กิจกรรมเด่นเป็นเลิศ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้จบการศึกษา ใช้ความสามารถให้เต็มที่ ชะตากรรมของเธอกลับเล่นตลก ให้มาประสบชะตากรรมเช่นนี้ หากถามว่าทำไมเธอมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านเหล้าที่ไม่ค่อยมีลูกค้า แม่เป็นแม่บ้านที่ใช้เสียงด่าทอแทนการอบรม ทั้งคู่ชอบเล่นการพนันสารพัดชนิด จนเมื่อพ่อแม่ติดหนี้จากการพนันจนเกินทางจ่าย หนี้สินพันธนาการครอบครัวไว้ จนไ