หญิงสาวที่ถูกพ่อแม่เอามาขายให้กับแก๊งมาเฟีย ได้ถูกโชคชะตาให้เข้ามาผูกพันกับมาเฟียจอมทรหดที่กำลังจะกลายเป็นตำนานของวงการ แต่ดูเหมือนชีวิตมาเฟียจะไม่ง่าย เมื่อเป้าหมายของเขาคือการพิชิตทุกแก๊งในเมืองนี้
ดูเพิ่มเติม“หน้าตาก็สวยดีนี่ น่าเสียดาย...”
เสียงของชายคนหนึ่งที่นั่งบนโซฟาเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี จมูกโด่ง ตาเรียวสีน้ำตาล ผิวขาวสะอาด ผมสีดำตัดเป็นระเบียบ สวมแว่นตากรอบดำเลนส์สีชา ใส่ชุดสูทดูสุภาพ ผิดกับธุรกิจที่เขากำลังทำอยู่ ก่อนจะที่เขาจะจ้องมอง “เธอ” หญิงสาวผู้ที่มือเท้ากำลังถูกพันธนาการด้วยเชือก ปากถูกอุดด้วยผ้า ลูกน้องชายฉกรรจ์สองคนจับมากองอยู่แทบเท้าของเขา
เธอชื่อว่า “จางเหยียนหนิง” หญิงสาวผิวขาว ผมยาวหยักศก ดวงตาคม รูปร่างเพรียวบาง เธอเติบโตในย่านคนจนแถบตะวันตกของนคร S อายุเพิ่งพ้นวัยยี่สิบไปได้ไม่นาน เป็นนักศึกษาที่ได้ทุนเรียนดี ได้เรียนในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผลการเรียนดี กิจกรรมเด่นเป็นเลิศ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้จบการศึกษา ใช้ความสามารถให้เต็มที่ ชะตากรรมของเธอกลับเล่นตลก ให้มาประสบชะตากรรมเช่นนี้
หากถามว่าทำไมเธอมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านเหล้าที่ไม่ค่อยมีลูกค้า แม่เป็นแม่บ้านที่ใช้เสียงด่าทอแทนการอบรม ทั้งคู่ชอบเล่นการพนันสารพัดชนิด จนเมื่อพ่อแม่ติดหนี้จากการพนันจนเกินทางจ่าย หนี้สินพันธนาการครอบครัวไว้ จนไม่อาจทำอะไรได้มากนัก กระทั่งมีข้อเสนอจากกลุ่มอิทธิพลซันเหอ หรือคำเรียกมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลของประเทศนี้ พวกเขาชื่อแก๊งเถี่ยเจี่ย (铁界 – พิภพเหล็ก)
“ติดหนี้พนันมากนักสินะ งั้นเอาลูกสาวแกมาให้แก๊งเถี่ยเจี่ยสิ ถ้าอยากจะหมดหนี้ หน้าตาสะสวย คงเป็นนางบำเรอของพวกเราได้ดี”
หนึ่งในชายที่มาติดต่อเป็นสมาชิกของกลุ่มนั้น พ่อของเธอได้ยินมาว่าเป็นกลุ่มที่ดำเนินกิจการหลายอย่างที่ไม่ชอบด้วนกฎหมาย ตั้งแต่ค้ามนุษย์ ยาเสพติด ของเถื่อน หรืออะไรต่อมิอะไร
เหยียนหนิงไม่เคยคิดว่าพ่อแม่จะยอมจริง ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งรถตู้สีดำไม่มีทะเบียนจอดลงหน้าบ้านตอนดึก ก่อนที่ชายฉกรรจ์หลายคนจะเข้ามาจับเธอกดกับพื้น แม้จะดิ้นรน แต่เรี่ยวแรงของเธอไม่อาจต้านทานพวกมันได้ สุดท้ายเธอก็โดนมัดมือเท้า ยัดปากด้วยผ้า และลากตัวเพื่อจะพาขึ้นรถตู้ไป
“ไม่เป็นไรนะเหยียนหนิง ลูกน่ะหน้าตาสวย ยังไงมันก็คงเอาลูกไปทำนางบำเรอ ยังไงลูกก็ยังมีชีวิตต่อไป ดีกว่าเป็นหนี้ต่อแล้วตายกันทั้งบ้านนะ” แม่ของเธอพยายามปลอบใจ ระหว่างที่เธอถูกหิ้วขึ้นรถตู้ไป โดยไม่แม้แต่จะห้ามปรามพวกนั้นสักคำ ทำเอาเธอต้องน้ำตารินไหล ร้องไห้มาตลอดทางจนโดนพามาที่อาคารลึกลับแห่งนี้
“เด็กคนนี้ อายุยี่สิบปี สภาพสมบูรณ์มาก ไม่มีรอยสัก ไม่มีประวัติป่วย เหมาะให้ท่านใช้งานมากเลยครับ” หนึ่งในชายฉกรรจ์ที่ยืนห้อมล้อมเธอกล่าวกับขายสวมแว่นที่นั่งบนโซฟาหนัง ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งราวกับไม่ใช่คนที่มีจิตใจ ดวงตาเรียวที่เฉียบคมมองมาอย่างไม่ใส่ใจ ถึงแบบนั้นก็ดูหล่อเหลาเอาการ สะอาดสะอ้าน สำอางอยู่ไม่น้อย
เธออาจจะต้องกลายเป็นนางบำเรอของเขาตามที่พวกนั้นเสนอกับพ่อแม่อย่างงั้นเหรอ... เธอควรจะต้องอดทน อย่างน้อยพ่อแม่เธอก็ยังไม่ตาย เธอก็ยังรอด... ยังหาโอกาสพลิกฟื้นชะตากรรมตัวเองได้...
แต่ดูเหมือนแม่จะประเมินสถานการณ์ผิดไปมาก...
“มีออเดอร์จากต่างประเทศพอดีเลยครับ กระจกตา ไต ตับ หัวใจ นำสินค้าชิ้นนี้ไปแยกชิ้นส่วนขายเลยไหมครับหัวหน้า” หนึ่งในชายฉกรรจ์ที่รุมล้อมเธอเอ่ยขึ้น ทำเอาหัวใจเธอแทบจะหลุดออกมาจากอก ก่อนที่ใครจะเอามีดผ่าตัดมาผ่าแยกส่วนเสียอีก
“พาไปเลย ถึงจะน่าเสียดายความสวย แต่ยังไง ของแบบนี้มันได้กำไรเร็วกว่าขายตัวแบบเมื่อก่อนเยอะ” ชายสวมแว่นผู้เป็นหัวหน้าของพวกมัน ยิ้มแสยะออกมา นั่นทำให้เธอต้องกรีดร้องแม้จะมีผ้าอุดปากอยู่ ดวงตาแดงก่ำจากความกลัวและความสิ้นหวัง น้ำตาไหลทะลักไม่ขาดสาย เธอพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนเพื่อหลบหนี ขาถูกมัดจนลุกไม่ได้ แถมฉกรรจ์สี่คนก็รุมล้อมไปหมดทุกด้าน
ไม่มีทางหนี ไม่มีใครมาช่วย... เธอคงต้องตายแน่ ๆ... เธอคิดแบบนั้น จนกระทั่ง
ตู้ม!!!
เกิดเสียงดังเหมือนระเบิดขึ้นนอกห้อง ตามด้วยเสียงปืนหลายนัด เสียงร้องโหยหวนของผู้คนข้างนอกด้วยความเจ็บปวดทรมาน ราวกับเจอกับอะไรที่สยดสยองที่สุดในชีวิต
“เกิดอะไรขึ้น!?” หัวหน้าของกลุ่มเถี่ยเจี่ยละสายตาจากเธอ หันไปมองที่ประตู ไม่นานนักมันก็เปิดออก พร้อมด้วยลูกสมุนคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“มีคนบุก! มันมาถล่มแก๊งพวกเรา!”
“แก๊งไหนกัน หรือตำรวจ มันมากันมากไหม?!” หัวหน้าถามอย่างร้อนรน ท่าทีสงบนิ่งเมื่อครู่เริ่มหายไป
“คนเดียวครับ เจ้าลูกชายแก๊งต้าซาน (ภูผาใหญ่) ที่เราฆ่าพ่อมันไป... มันมาล้างแค้น!”
“คนเดียวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง!” หัวหน้าพูดอย่างหงุดหงิด แต่ไม่ทันขาดคำ มือคนขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาบนบ่าของลูกสมุนที่มาแจ้งข่าว เจ้าของมือนั้นคือร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร ที่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง และคว้าจับบ่าของเขาเข้า จากนั้นเหยียนหนิงก็ได้เห็นภาพสยดสยองที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
บริเวณบ่าของลูกสมุนคนนั้น ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อรอยต่อระหว่างคอกับหัวไหล่ ถูกมือนั้นกระชากจนกล้ามเนื้อหลุดออกมา พร้อมกับเสือดที่สาดกระเซ็น จากนั้นร่างที่กำลังหลั่งเลือดก็ปลิวกระเด็นเข้ามาในห้อง พุ่งผ่านเหล่าชายฉกรรจ์ที่กำลังยืนอยู่ กระแทกกับผนังอาคารอย่างรุนแรง จนเกิดรอยแตกขนาดใหญ่เท่าตัวคนปะทะ แล้วแรงปะทะนั้นก็ยังส่งร่างสมุนที่มาส่งข่าว ฝังเข้าไปในผนังเกือบมิดตัว
“บ้าอะไรวะเนี่ย?! ปีศาจชัด ๆ!”
เหยียนหนิงตัวสั่น ดวงตาเบิกโพลง เธอจ้องไปยังผู้บุกรุก เขาคือชายกำยำคนหนึ่ง จมูกโด่ง ผมสั้นสีน้ำตาล ใบหน้ามีรอยแผลสด ๆ จากของมีคมที่ซีกขวา ความสูงมากกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผิวคล้ำแดด ร่างกายท่อนบนเพียงเสื้อแจ็คเก็ตหนังที่เปิดแหวกอก เต็มไปด้วยรอยขาดจากกระสุนปืนและของมีคม เสื้อแหวกอกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นตึงและรอยแผลเต็มไปหมด
เธอไม่รู้ว่าผู้บุกรุกเป็นใคร แต่ในหัวเธอมีเพียงคำเดียว...
“ฉันรอดแล้ว...?”
กลิ่นสมุนไพรยังคละคลุ้งในอากาศ ร่างของหลงซานนอนนิ่งอยู่ในห้องด้านในหลังจากการผ่าตัดนำกระสุนออกเสร็จสิ้น เสียงลมหายใจของเขาเริ่มคงที่ขึ้น แม้ยังไม่ลืมตา แต่สีหน้าผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดเหยียนหนิงนั่งสงบอยู่ที่โต๊ะเตี้ยหน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะชายในชุดแพทย์จีนโบราณ พี่ชายของหลงซาน ก้าวออกมาช้า ๆ ปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมานั่งตรงข้ามเธอแสงจากโคมไฟจีนทรงกลมที่แขวนอยู่เหนือหัวฉายเงาสะท้อนบนใบหน้าเรียวยาวของเขา ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ทว่าเมื่อมองลึกเข้าไป เหยียนหนิงกลับรู้สึกเหมือนจ้องเข้าไปในตะเกียงที่เก็บเปลวเพลิงอันเก่าแก่“เขาปลอดภัยแล้วใช่ไหมคะ…” เสียงของเธอแผ่วเบา“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น” เขาตอบสั้น ก่อนจะเทน้ำชาลงถ้วยใบเล็ก “แต่ถ้าเขายังเดินตามแผนที่วางไว้… ชีวิตของเขาจะไม่ปลอดภัยอีกเลย”“แผน…?” หญิงสาวทวนคำด้วยความสงสัย ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเริ่มอธิบาย“เธอรู้จักกลุ่มอิทธิพลในนคร S มากแค่ไหน?”เธอส่ายหน้าเบา ๆ เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนยกถ้วยชามาดื่มคำเล็ก ๆ แล้ววางลงช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น“ตอนนี้ในนคร S มีกลุ่มอิทธิพลใต้ดินหลักอยู่สี่กลุ่ม… และทุกกล
รถยนต์สีดำเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบออกจากเขตอาคารรกร้างที่กำลังลุกไหม้ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางสายรองที่ลัดเลาะผ่านตรอกซอยเล็ก ๆ ของเขตอุตสาหกรรมร้าง จางเหยียนหนิงนั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง เคียงข้างชายร่างใหญ่ผู้เป็นดั่งผู้ช่วยชีวิตของเธอ ใบหน้าซีกขวาของเขามีรอยแผลมีดฟัน ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แผลจากกระสุนและคมมีดยังคงไหลซึมออกมาเรื่อย ๆ แม้เขาจะไม่แสดงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่ดวงตาของหญิงสาวยังไม่ละจากแขนเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดเหล่านั้น“เขาควรจะได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้…” เธอพึมพำเบา ๆ พลางหันไปมองคนขับรถที่นั่งด้านหน้าชายคนนั้นอายุราวสามสิบต้น ๆ ใส่ชุดสูทสุภาพ ผมดำหวีเรียบ ดวงตาท่าทางใจดี เขามองหญิงสาวผ่านกระจกหลังด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ไม่ต้องห่วงครับ คุณหลงซานกำลังจะไปหาคนที่รักษาเขาได้ดีที่สุดแล้ว”“ใครกัน…?” เธอถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ“ให้ผมเล่าได้ไหมครับนาย” คนขับรถถามหลงซาน เขาพยักหน้าเบา ๆ เป็นสัญญาณให้เล่าได้ คนขับรถจึงเปิดปากเล่าต่อ“ผมจะหาไปพี่ชายของเขาเองครับ”เหยียนหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนิ่งฟังต่อ คนขับรถเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีชั้นเชิงของผู้รู้มากกว่าแค
เสียงฝีเท้าของชายร่างกำยำดังเข้ามาในห้องพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้ง ทุกคนในห้องรู้สึกดีว่าย่างก้าวของเขาก็ประหนึ่งย่างก้าวของความตายกำลังเคลื่อนมาใกล้ “ยิงมัน!” เสียงสั่งการของหัวหน้าแก๊งดังขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นกระสุนของเหล่าชายฉกรรจ์ ทุกคนรู้ดีกว่าถ้าถูกประชิดตัวเข้า ทุกอย่างเป็นอันจบแน่ ๆปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!กระสุนหลายนัดถูกปล่อยออกไป โดนบ้างโดนบ้าง ร่างของชายแปลกหน้าเซไปเล็กน้อยเมื่อกระสุนเจาะเข้าลำตัว เขาถูกยิงที่ไหล่ ที่หน้าอก ท้อง กระสุนฝังลงไปในร่าง แต่เหมือนจะไม่อาจทะลุชั้นกล้ามเนื้อที่แกร่งราวกับสัตว์ป่าของเขา เขา ไม่ล้ม ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ ซ้ำยังกลับยังเดินเข้ามาต่อชายฉกรรจ์อีกสองคนเงื้อมีดพุ่งเข้ามา คนหนึ่งเข้ามามาฟันอีกคนเข้ามาแทง เขาง้างหมัดเตรียมสวนกลับ และเมื่อมีดฟันเข้าที่ร่าง บริเวณแผงอกกำยำ เขาก็เหวี่ยงหมัดสวนไปเต็มแรง เพียงหมัดเดียว ศีรษะของคนหนึ่งที่ฟันมาก็บิดสะบัด กระดูกต้นคอหักดังกร๊อบ ก่อนจะปลิวกระเด็นไปกระแทกผนังส่วนอีกคนที่เข้ามาแทง พอมีดเสียบเข้ามาที่ท้อง แต่ยังไม่ดันจะเข้าทะลุกล้ามเนื้อไปได้ ก็โดนคว้าข้อมือเข้า จา
“หน้าตาก็สวยดีนี่ น่าเสียดาย...” เสียงของชายคนหนึ่งที่นั่งบนโซฟาเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี จมูกโด่ง ตาเรียวสีน้ำตาล ผิวขาวสะอาด ผมสีดำตัดเป็นระเบียบ สวมแว่นตากรอบดำเลนส์สีชา ใส่ชุดสูทดูสุภาพ ผิดกับธุรกิจที่เขากำลังทำอยู่ ก่อนจะที่เขาจะจ้องมอง “เธอ” หญิงสาวผู้ที่มือเท้ากำลังถูกพันธนาการด้วยเชือก ปากถูกอุดด้วยผ้า ลูกน้องชายฉกรรจ์สองคนจับมากองอยู่แทบเท้าของเขาเธอชื่อว่า “จางเหยียนหนิง” หญิงสาวผิวขาว ผมยาวหยักศก ดวงตาคม รูปร่างเพรียวบาง เธอเติบโตในย่านคนจนแถบตะวันตกของนคร S อายุเพิ่งพ้นวัยยี่สิบไปได้ไม่นาน เป็นนักศึกษาที่ได้ทุนเรียนดี ได้เรียนในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผลการเรียนดี กิจกรรมเด่นเป็นเลิศ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้จบการศึกษา ใช้ความสามารถให้เต็มที่ ชะตากรรมของเธอกลับเล่นตลก ให้มาประสบชะตากรรมเช่นนี้หากถามว่าทำไมเธอมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านเหล้าที่ไม่ค่อยมีลูกค้า แม่เป็นแม่บ้านที่ใช้เสียงด่าทอแทนการอบรม ทั้งคู่ชอบเล่นการพนันสารพัดชนิด จนเมื่อพ่อแม่ติดหนี้จากการพนันจนเกินทางจ่าย หนี้สินพันธน
ความคิดเห็น