“แล้วเพื่อนเธอไปไหน ทำไมถึงทิ้งให้เธอนั่งอยู่คนเดียว ไม่รู้หรือไงผับแบบนี้ไม่ปลอดภัยที่จะนั่งคนเดียว”
ปลายฝนยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะหันมองหน้าเขาตรง ๆ ต้องยอมรับจากใจจริงว่าธามลุคนี้ดูหล่อมาก หล่อจนเธอไม่อยากละสายตาไปจากเขา“นายรู้หรือเปล่าว่าทำไมคาเทียร์ไม่อยู่ตรงนี้” “ทำไม?” “เพราะเพื่อนฉันทิ้งฉันให้อ่อยเหยื่อไง ไม่คิดว่าผู้ชายที่เข้ามาคุยกับฉันคนแรกเป็นนาย แบบฉันนี่พอเป็นผู้หญิงของนายได้ไหม” คงเพราะแอลกอฮอล์ลที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ ปลายฝนเลยพูดประโยคนั้นออกไปให้คนได้ฟังระบายยิ้มอย่างชอบใจ เขาพอมองออกว่าเธอเริ่มเมาแล้ว เขาเองก็ไม่อยากฉวยโอกาสกับคนเมา แต่เหมือนเธออยากรู้คำตอบที่ถาม เพราะยังคงจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละ “ผู้หญิงของฉันที่เธอหมายถึงคือแบบไหน” เธอส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อตั้งสติ แต่ทว่าก็ยังขยับใบหน้ามาใกล้เขา ทำเอาคนที่นั่งนิ่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ที่ได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอ อีกทั้งหน้าอกหน้าใจของเธอก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแบบชัดเจนอีกด้วย “ผู้หญิงที่อยู่กับนายไงล่ะ”ริมฝีปากอวบอิ่มที่ทาลิปสติกสีแดงสดขยับอย่างเซ็กซี่ อ่า…ไม่ใช่แค่เธอที่เริ่มเมา เขาเองก็เริ่มรู้สึกมึนหัวเหมือนกันที่ได้มองเธอใกล้ขนาดนี้ ทำไมมันเหมือนเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งเธอพูดประโยคนั้นออกมา ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไม่นั่งใจเย็นอยู่แบบนี้แน่ แต่นี่คือปลายฝนที่ปากบอกว่าเกลียดเขานักหนา เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าเธอพูดจริงหรือแค่ต้องการแกล้งเพราะคิดว่าเธอเหนือกว่าเขา “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” “…..” “เสียชื่อคาสโนว่าคณะบริหารหมด” “รู้หรือเปล่าว่าที่พูดออกมาหมายถึงอะไร” เธอยิ้มออกมา เหมือนกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่ง ยังไงเขาก็มองเธอไม่ออกว่าผู้หญิงอย่างเธอพูดเล่นหรือจริง“ฉันไม่ได้โง่” “รู้ว่าเธอไม่ได้โง่ แต่เธอกำลังเล่นกับไฟรู้ตัวหรือเปล่า” ธามขยับใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น แต่เธอเองก็ไม่ได้ถอยหนีเขา และยังท้าทายเขาด้วยการเอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากหนาของเขา พร้อมส่งสายตายั่วยวนชนิดที่คนมองต้องใจสั่น“ฉันเองก็อยากจะลองเหมือนกัน ว่าไฟที่เขาว่าร้อน มันจะขนาดไหนกันเชียว” จะบอกว่าเป็นความเมาทั้งหมดก็ไม่ได้ เธอแค่เริ่มกรึ่ม ๆ ยังมีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่าง เรื่องที่เธอพูดออกไปทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอคิดมาตลอดทั้งวัน มันทำเธอหงุดหงิด เธอไม่ชอบผู้ชายแบบเขาก็จริง แต่ในใจลึก ๆ ก็อยากลองว่าผู้ชายแบบเขาที่ผู้หญิงเข้าหานับไม่ถ้วน มีอะไรดีนอกจากหน้าตา “ไม่ได้เมาใช่ไหม?” ใบหน้าสวยขยับไปมาเพื่อตอบสิ่งที่เขาถาม ก่อนที่เขาจะเอามือเธอมาจับเพื่อดูอาการของเธอ แต่ทว่าเธอไม่ได้ดึงมือกลับไป แถมยังกระชับมือที่จับกันแน่นขึ้นไปอีก แม้เสียงเพลงในผับจะดังมากขนาดไหน แต่เหมือนกับว่าเสียงหัวใจของคนสองคนที่จับมือกันอยู่จะดังมากกว่า ธามเองก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ตอนนี้เราสองคนยกแก้วขึ้นมาดื่มพร้อมกันรวดเดียวหมด ก่อนที่เขาจะเรียกพนักงานมาเช็คบิลค่าเครื่องดื่ม “เธอเอารถมาหรือเปล่า?” “เปล่า...ฉันมากับคาเทียร์” คนตัวสูงพยักหน้า เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เขาก็จูงมือเธอฝ่าฝูงผู้คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในผับ ไม่รู้ว่าบรรยากาศอบอ้าวเกินไปหรือเปล่า มือที่จับกันถึงได้ชื้นเหงื่อมากขนาดนี้ หันมองคนตัวเล็กที่เดินตามเขาอยู่ เธอก็เอาแต่ก้มหน้าไม่มองทาง ไม่รู้ว่านึกอายหรือคิดจะเปลี่ยนใจ แต่หากเป็นอย่างหลังเขาไม่ยอมแน่ “รู้ใช่ไหม ถ้าเดินมาถึงรถฉันแล้ว แปลว่าอะไร?” “ฉันไม่เปลี่ยนใจ”เหมือนเธอจะอ่านความคิดเขาออก เลยพูดออกไปแบบนั้น แค่คิดว่าหลังจากนี้เรื่องของเธอกับเขาจะเป็นยังไงมากกว่า เพื่อนสองคนของเธอรู้ว่าเธอเกลียดธามขนาดไหน หากรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังจะออกไปกับคนที่เธอเกลียด ทั้งมิลลิและคาเทียร์จะว่ายังไงนะ “ถึงเธอจะเปลี่ยนใจ ฉันก็คงไม่ยอมหรอก เธอเป็นคนเสนอให้ฉันเองนะ มาทำให้ฉันอยากแล้วจากไปเธอจะมีกรรม” “แบบนายนี่รู้จักเรื่องเวรกรรมด้วยเหรอ” “ถึงฉันจะนอนกับผู้หญิงไปทั่ว แต่ฉันไม่เคยยุ่งกับแฟนคนอื่นนะ ฉันเองก็มีศีลธรรมเหมือนกัน และถ้าผู้หญิงไม่เต็มใจ ฉันก็ไม่บังคับ” ปลายฝนหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของเขา เธอไม่อยากคิดเรื่องศีลธรรมตอนนี้ ดูมันจะไม่เข้ากับสถานการณ์ของเธอกับเขาตอนนี้เอาเสียเลย เมื่อเดินออกมาถึงรถหรูของเขา ธามก็ใจดีเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะอ้อมมาขึ้นนั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถแต่ก็ยังไม่ได้ขับออกไป เขากลับหันหน้ามามองเธอ “ไม่ต้องโทรบอกเพื่อนเธอเหรอ” “คาเทียร์คงเห็นแล้วล่ะ ว่าฉันออกมากับนาย” “เมื่อกี้ถ้าเป็นคนอื่น เธอจะออกมากับเขาแบบนี้หรือเปล่า” ปลายฝนนิ่งคิดสิ่งที่เขาถาม เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหากเมื่อกี้เป็นผู้ชายคนอื่นมานั่งใกล้ ๆ เธอ มันจะเป็นยังไงต่อ“ไม่รู้เหมือนกัน” พอเธอตอบไปแบบนี้ ก็เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจในคำตอบของเธอเท่าไหร่ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา เขาหันหน้าไปขับรถออกจากลานจอดรถทันที บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด ไม่มีบทสนทนาอะไรระหว่างกัน เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นที่สุดในชีวิตที่กำลังจะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน เหลือบตาหันไปมองเสี้ยวหน้าของเขาที่ยังดูสบาย ๆ อยู่ เขาคงไม่ได้กังวลเหมือนกับเธอ แน่สิ...เพราะเรื่องแบบนี้กับเขามันคงเป็นเรื่องปกติทั่วไปในชีวิต เขาคงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นหรอก ผิดกับเธอที่ตอนนี้เหงื่อเริ่มออกมาตามใบหน้า จากที่คิดว่าจะไม่เปลี่ยนใจก็เริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมา “อะ เอ่อ เราจะไปที่ไหนกัน”ถามออกไปด้วยเสียงตะกุก ตะกักเหมือนไม่มั่นใจ “คอนโดฉัน” “นายเคยพาผู้หญิงคนอื่นไปหรือเปล่า” “เคย…แต่ไม่เคยให้ใครนอนค้าง”เขาเป็นประเภทได้แล้วก็แยกย้าย ไม่เคยให้ความสำคัญอยากคบต่อกับผู้หญิงคนไหนมานานมากแล้ว เรื่องจะนอนค้างกับใครเลยเป็นไปไม่ได้ หลังจากเขาตอบ บทสนทนาก็เงียบลงอีก ปลายฝนหันมองนอกหน้าต่างรถ งั้นแปลว่าเธอเองคืนนี้ก็ต้องกลับห้องสินะ แต่ก็ไม่ได้หวังจะนอนค้างกับเขาอยู่แล้ว รถหรูเลี้ยวเข้าจอดลานจอดรถของคอนโด ทันทีที่รถจอดสนิท ปลายฝนก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วเปิดประตูรถโดยไม่รอให้เขามาเปิดให้ "รีบจัง"คนตัวสูงยิ้มแซว เมื่อเห็นเธอเป็นฝ่ายยืนรอเขา ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าคอนโดเพื่อขึ้นไปยังห้องของเขา "เธอหิวหรือเปล่า?" เขาสังเกตุว่าเธอดูเงียบ ๆ ไป เลยถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ "ไม่หิว แต่ถ้านายหิวจะสั่งอะไรกินก่อนก็ได้นะ" ปลายฝนพยายามควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ เธอรู้ว่าเมื่อลิฟท์เปิดออก หมายถึงเธอจะถอยอีกไม่ได้ เป็นครั้งแรกของเธอที่จะได้อยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ถึงเธอจะรู้ว่าเพราะอะไรที่ต้องมาอยู่แบบนี้ แต่ภายในใจก็ร้อนรนและตื่นเต้นไปหมด "เหงื่อเธอแตกเต็มเลย"ปลายนิ้วเรียวยาวของธาม ปาดลงตรงกรอบหน้าชื้นเหงื่อของเธอเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าใกล้เธอเรื่อย ๆ จากสถานการณ์แบบนี้คนตัวเล็กคิดว่าเขากำลังจะจูบเธอแน่นอน เลยหลับตาพริ้มเผยอปากออกเล็กน้อย แต่ทว่าเสียงลิฟท์ก็เรียกสติของเธอคืนมา ติ้ง! ธามผละใบหน้าออก นึกขำท่าทางของเธอ ใครจะคิดว่าเธอจะไร้เดียงสาได้ถึงขนาดนี้ ให้เขาเดาเธอคงเป็นประเภทอยากรู้ อยากลองไปเสียทุกอย่าง ไม่คิดว่าจะอยากลองเรื่องแบบนี้ด้วย แต่ก็ดีเขามั่นใจว่าคืนนี้จะได้กินเหยื่ออันโอชะ อยากรู้เนื้อสาวบริสุทธิ์จะหอมหวานขนาดไหน1ปีผ่านไป ปลายฝนคลอดลูกชายคนที่สองได้เจ็ดเดือนแล้ว ธามตั้งชื่อว่าน้องธีม คนนี้ใบหน้าถอดแบบปลายฝนออกมาทุกอย่าง ทำให้เป็นที่รักของคนเป็นปู่ที่ขยันมาหาหลานชายเช้าเย็น ส่วนคนเป็นย่าที่เตรียมเปย์หลานสาวในท้องของเธอที่ตอนนี้อายุครรภ์ได้สามเดือน เพิ่งจะได้รู้เพศเมื่อวานว่าเป็นผู้หญิง ธามก็บอกคุณหมอว่าให้ทำหมันทันที เพราะเขาไม่อยากให้เมียท้องอีกแล้ว “ตกลงไม่เอาอีกแน่นะ”ลินดาถามลูกเขย ที่กำลังนั่งพูดคุยกับสามีของเธออยู่ “ไม่เอาแล้วครับแม่ ผมไม่อยากให้ฝนเจ็บอีก” “ก็ไหนว่าอยากมีห้าคนเหมือนแม่ไง”ลินดาแกล้งหยอกเย้าธาม จำได้ว่าปลายฝนเคยบอกว่าเขาอยากมีลูกห้าคนเหมือนครอบครัวเธอ แต่ทว่าเมื่อเห็นเมียเจ็บจากการคลอดก็ทนไม่ได้ ถ้าปลายฝนไม่ขอว่าอยากมีลูกสาวสักคนคงไม่ยอมให้ท้องอีก “ฝนมีได้ค่ะ แต่ธามไม่ยอม” “ตอนแม่นะ แม่คลอดธรรมชาติสองคนนะคือธันเดอร์กับสกาย ที่เหลือสามคนแม่ผ่าคลอดหมด” “ฝนยอมรับเลยว่าแม่เก่งมากที่ท้องได้ถึงห้าคน” “ห่วงร่างกายตัวเองบ้างเหอะ เวลาฝนท้องแล้วอารมณ์แปรปรวนทุกที” ธามอดที่จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อคืนเขาต้องนั่งปลอบใจเธอร้องไห้ทั้งคืนจนไม่ได้นอน สาเหตุของการร้องไห้คือกลัวตัว
อุแว้! อุแว้! "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับลูกรัก"คุณพ่อมือใหม่อุ้มลูกชายคนแรกไว้ในอ้อมกอดทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง ส่วนคนเป็นแม่ตอนนี้กำลังนอนพักอยู่ที่เก้าอี้แบบเอนนอน ปลายฝนเหนื่อยมาทั้งวัน กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน ธามเลยให้เธอได้นอนพักบ้าง แต่ทว่าพอลูกชายร้องเท่านั่นแหละ คุณแม่ยังสาวก็ตื่นทันที "ธามเอาลูกมาให้ฝน สงสัยจะหิว" ชายหนุ่มอุ้มลูกชายวัยแปดเดือนส่งให้ปลายฝน ที่เดินอุ้ยอ้ายเพราะกำลังท้องลูกชายคนที่สองเข้าเดือนที่สี่แล้ว หลังจากเรียนจบธามก็ขอปลายฝนแต่งงานทันที แต่งงานได้สองเดือนกว่าเธอก็ท้องลูกชายคนแรกคือน้องธีโอ พอคลอดปุ๊บรักษาแผลจนหาย เขาก็จับทำลูกคนที่สองทันที "นั่งแบบนี้ถนัดหรือเปล่า ธามว่าไปนั่งที่โซฟาดีกว่า"เสียงลูกชายเงียบทันทีเมื่อได้กินนมจากเต้า แต่ทว่าเขามองท่าทางทุลักทุเลของเมียแล้วเป็นห่วง เธอเองก็ท้องอยู่ด้วยแล้วต้องอุ้มลูกชายที่จ่ำหม่ำแบบนั้นก็กลัวว่าเธอจะปวดหลัง "ไม่เป็นไร ฝนนั่งได้" ฟอด!!! ปลายฝนก้มลงหอมแก้มลูกชายแรงเพราะความหมั่นเขี้ยว เธอมองตัวน้อยที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่อยู่ในท้องอย่างภูมิใจ "อีกไม่กี่เดือนธีโอจะเป็นพี่แล้วนะครับ ดีใจหรือเปล่าครับ" "หลั
กลับจากทริปดูดาว ธามก็พาปลายฝนไปพบครอบครัวตามที่เขาบอกจริง ๆ ตอนแรกเธอประหม่ามาก เพราะท่าทางของพ่อเขาดูเป็นคนดุ แต่ทว่าเมื่อได้พูดคุยก็พบว่าท่านเป็นคนหน้าดุแต่ใจดี ส่วนแม่เขาก็ชวนเธอคุยจนทำให้เธอรู้สึกคลายความตื่นเต้นลงไป แถมยังบอกให้ธามพาเธอไปกินข้าวกับท่านบ่อย ๆ "บอกแล้วว่าแม่ธามต้องชอบฝน" ไม่มีอะไรดีใจไปกว่าการที่คนที่เรารักทั้งสองคนเข้ากันได้อีกแล้ว มันเหมือนได้ปลดล็อคคลายความกังวลทุกอย่าง คณะบริหารธุรกิจ วันนี้เป็นวันแรกตั้งแต่เปิดตัวที่ธามกับปลายฝนเดินควงกันเข้ามาที่ตึกคณะ สายตาของทุกคนจับจ้องคู่รักที่กำลังอยู่ในความสนใจ ตอนแรกลงจากรถคนตัวเล็กก็ตื่นเต้นมาก แต่ทว่าเขาจับมือเธอไว้เหมือนปลอบใจ ทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น "ฝากไว้ก่อนนะ ตอนเที่ยงมารับ"ธามพาปลายฝนมาส่งที่สองสาว มิลลิและคาเทียร์ "แหมพอเปิดตัวแล้วก็หวานกันมากเลยนะ"มิลลิเอ่ยแซวพร้อมทำสีหน้าหมั่นไส้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน "แล้วก็ไม่ต้องฝากนะ ยังไงเพื่อนฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว" ธามยิ้มก่อนจะเดินไปหาปอร์เช่ที่นั่งรอเขาอยู่ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาของธาม ทำให้ปอร์เช่ยิ้มแซว "มีความสุขจังนะมึง" "อิจฉากู ก็หาแฟนสักคน เวลากูไ
หลังจากนอนดูดาวกันจนอากาศเริ่มหนาวเย็นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ธามก็ชวนปลายฝนเข้ามาในเต็นท์ ซึ่งปลายฝนก็รีบมุดผ้าห่มเข้าไปทันที "หนาวเหรอ?" "อืม...ขนลุกไปหมดเลย" "เวลาหนาว มันมีกิจกรรมทำให้อุ่นอยู่นะ"แววตาคมเปล่งประกายความเจ่าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขยับตัวขึ้นมาคร่อมเธอไว้ "แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน"เธอยังมีท่าทีลังเล ทั้งที่ก็เริ่มมีความต้องการขึ้นมาเหมือนกัน "ฝนก็อย่าครางดังสิ"มือหนาของเขาดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเธอออก ก่อนจะลูบไล้ไปตามตัวหญิงสาว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองจูบอันแสนหวานให้เธอ ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับอากาศหนาวเหน็บยามดึก "อืม"เสียงทุ้มครางในลำคอถูกใจรสจูบของเธอ ก่อนที่เขาจะเอามือสอดเข้าไปในเสื้อไหมพรมของเธอ บีบเค้นเต้าอวบทั้งสองข้าง เมื่ออารมณ์วาบหวามเริ่มครอบงำ ริมฝีปากจึงผละออกจากกัน สองมือช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกจนหมด ธามขึ้นทาบทับบนลำตัวเปลือยเปล่าของเธอทันที เขาใช้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอระหงของเธอ กดจูบเน้นย้ำทุกจุดจนขึ้นรอยแดงเป็นวงกว้าง ปลายฝนหลับตาพริ้มอย่างซ่านสยิว ภายในกายเธอร้อนวูบวาบกับสัมผัสนั้น มือเล็กลูบไล้แผ่
ทั้งสองคนมาถึงอุทยานแห่งชาติตาดหมอกในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง แค่เข้าเขตธรรมชาติอากาศก็เย็นสบายทันที การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรมากนัก รถยนต์สามารถเข้ามาจนถึงลานกว้างของอุทยานได้เลย ตรงจุดกางเต็นท์เป็นลานกว้าง มีคู่รักหลายคู่กำลังช่วยกันกางเต็นท์ ธามเลือกจุดที่ห่างจากคนอื่นพอสมควรจนปลายฝนอดแซวไม่ได้ "ตกลงตั้งใจมาดูดาวแน่นะ" "ธามคิดเผื่อฝนนะ กลัวฝนครางเสียงดัง"เขาเข้ามากระซิบริมหูเธอ "ใครบอกว่าจะทำ ฝนตั้งใจมาดูดาว" "จริงเหรอ รอดูคืนนี้แล้วกันนะ" เขายักคิ้วล้อเลียนเธอ ส่วนเธอก็ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา ผู้ชายอะไรหลงตัวเองที่สุด เต็นท์ที่เขาเตรียมมาเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ที่นอนได้8-9คน เขาเอาเบาะเป่าลมขนาด3.5ฟุตมาด้วย มีหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย เรียกได้ว่าสบายเหมือนนอนอยู่ที่บ้านเลยด้วยซ้ำ "ดูสิ...ธามเตรียมพร้อมขนาดนี้ คงไม่ได้มานอนจับมือกันหรอกนะ" "คิก คิก แล้วก็มาว่าฝนหมกมุ่น ตัวเองอ่ะหนักกว่าเขาอีก" “มีน้ำตกด้วยนะ อยากไปหรือเปล่า” ปลายฝนทำท่าอึกอัก ก่อนเข้ามาตรงจุดกางเต็นท์เธอแอบเห็นทางไปน้ำตกที่ต้องเดินเท้าเข้าไป บอกตรง ๆ ในชีวิตนอกจากเดินทางไกลตอนเรียนลูกเสือ เนตรนารี เธอก็ไม่เคย
“เฮียคิดว่าตอนนี้ลูกของเราไม่ได้ไปค้างห้องเขาเหรอคะ หัดอยู่กับความเป็นจริงซะบ้างนะคะ ตัวเองก็ใช่ว่าเมื่อก่อนจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่าให้ลินต้องพูดนะ” “อะไรกัน แค่เฮียห่วงลูก ก็กลายเป็นคนผิดแล้วเหรอ” “ไม่ได้ว่าเฮียผิดเลยนะคะ แค่อยากให้เฮียยอมรับความจริงค่ะ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก อีกหน่อยปลายฟ้าอีกคน ถึงวันนั้นเฮียไม่อกแตกตายเหรอคะ ทำใจค่ะ” “ลินดา จะว่าเฮียไปถึงไหน” เมื่อเห็นว่าตัวเองเผลอพูดมากเกินไป ก็เข้าไปกอดออดอ้อนคนเป็นสามีทันที เป็นวิธีที่เธอใช้ได้ผลมาตลอดและคิดว่าครั้งนี้ก็คงไม่พลาดเหมือนกัน เพราะทันทีที่เธอเข้าไปออดอ้อนเขา พายุก็ยิ้มออกมาทันที “เฮียห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกเจอคนไม่ดี” “ลินเข้าใจค่ะ แต่ความรักมันบังคับได้ที่ไหนกัน ในเมื่อลูกเรารักเขาไปแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้คือทำใจและปล่อยให้ลูกได้เผชิญด้วยตัวเองนะคะ เราเป็นพ่อแม่มีหน้าที่แค่ซัพพอร์ตความรู้สึกของลูกเท่านั้นแหละคะ” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่านไปด้วยดี หลังทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันอีกสักพัก ธามก็ขอตัวกลับโดยมีปลายฝนเดินมาส่งที่รถ“ธามไปนะ” “ขอบคุณมากนะ ที่ธามอดทนและพยายามกับเรื่องวันนี้” “ขอบคุณทำไม ธามเต็มใจทำให้อยู่แล้ว” ปล