[Nada's Part]
“ณดา แก้วเดียวแกจะดื่มทั้งคืนเลยรึไง” เสียงเพื่อนสนิทของฉันดังขึ้นข้างหู ‘กระต่าย’ มองแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้าฉันมาพักใหญ่ คิดไว้อยู่ว่ามันต้องพูดแบบนี้แน่ๆ “ฉันไม่ได้คอทองแดงแบบแกนะ” ยัยเพื่อนรักคนดีนี่มันนักดื่มตัวจริงเลยแหละ ต่างกันกับฉันที่แทบจะไม่ออกงานปาร์ตี้หรือแตะของมึนเมาสักเท่าไร กระต่ายไหวไหล่ใส่ก่อนจะโยกย้ายสะโพกมนกลมของมันออกไปเต้นกับผู้คนในงาน ทิ้งฉันให้นั่งเฝ้าโต๊ะพวกมันอยู่คนเดียว ตอนมาจำได้ว่ามาหลายคน ไหงตอนนี้ข้างกายกลับไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ณดา กิตติคุณ ชื่อเล่น ณดา แต่ยัยกระต่ายชอบเรียกว่า ดา ตอนนี้อยู่ปีสอง คณะครุศาสาตร์ สาขาวิชาการประถมศึกษา หรือครูประถมวัยนั่นแหละ อายุยี่สิบเอ็ดปีย่างยี่สิบสองปี มีเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาลเพียงคนเดียวก็คือยัยกระต่าย ด้วยความที่เราทั้งสองนิสัยค่อนข้างต่างกันสุดขั้ว กระต่ายมีเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้องอีกมากมายที่รู้จักและสนิท ส่วนฉันที่ไม่ค่อยกล้าเข้าสังคม ไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้า (แต่ดันเลือกเรียนครู…) ไม่ชอบออกไปเที่ยวไหนกับใคร เลยมีเพื่อนแค่คนเดียวก็คือมัน ซึ่งมันก็ไม่เคยทิ้งฉันไปไหน เป็นเพื่อนรักคนหนึ่งที่เสมือนครอบครัวของฉันเลยล่ะ ยกเว้นตอนนี้ที่มันปล่อยฉันไว้เป็นผีเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว “เบื่อจัง” ที่จริงวันนี้ฉันไม่ได้จะมางานนี้หรอก เพราะเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทเป็นการส่วนตัว แต่ยัยกระต่ายนั่นแหละที่ชวนกึ่งบังคับให้มาเป็นเพื่อนให้ได้ ซ้ำยังให้ใส่ชุดมันอีกต่างหาก เดรสรัดรูปลายลูกไม้น้ำเงิน เด่นกว่าใครเขาในงาน! เดิมทีก็เป็นคนขี้อายไม่ชอบให้ใครมองหรือจ้องนานๆ อยู่แล้ว เจองานนี้เข้าไปถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยจริงๆ ต้องยอมรับแหละว่ายอมใส่มาเอง เพราะมันคะยั้นคะยอให้ใส่ให้ได้ อะไรของมันก็ไม่รู้ หากใครจะจ้องมองยังไงก็คงห้ามสายตาเขาไม่ได้ แต่ทว่ามันน่าอึดอัดจนอยากจะหนีกลับตอนนี้เลยนี่สิ “เห้อ” จึ้กๆ ฉันกำลังจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มกลับรู้สึกว่ามีอะไรบาง อย่างจิ้มอยู่ที่หัวไหล่ พอหันเอี้ยวกลับหลังเพื่อจะมองว่าคืออะไร แต่สิ่งที่พบเจอกลับกลายเป็นใบหน้าของใครบางคนที่อยู่ห่างเพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้น ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจ้องมองฉันด้วยแววตาแลดูผิดหวังหลังจากที่สบตาฉันได้เพียงชั่วครู่ ทั้งที่ก่อนหน้าริมฝีปากสีออกคล้ำนั่นกำลังฉีกยิ้มอยู่แท้ๆ อะไรกัน… “โทษที คิดว่าคนรู้จักน่ะ" เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มหู ร่างสูงขยับตัวออก ในตอนที่เขากำลังจะหันหลังกลับไป จู่ๆ สองเท้านั้นกลับขยับและเคลื่อนย้ายไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ขอนั่งด้วยแล้วกัน" “….” เขาเป็นใคร คำถามที่ได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามออกไป ผู้ชายตรงหน้าจัดได้ว่าหล่อเหลาเอาการ ถ้ายัยกระต่ายอยู่คงกรี้ดสลบ แต่ในความหล่อกลับดูอันตรายอย่างบอกไม่ถูก “ไม่พูดอะไรหน่อยหรอ?” รอยยิ้มเล็กปรากฏที่มุมปาก มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดนูนคว้าแก้วเหล้าที่ยังไม่ได้ใช้ตรงหน้าไปเทเหล้าดื่มอย่างถือวิสาสะ “ชนหน่อยไหม" “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ค่อยชอบดื่ม" ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว จะให้มายกแก้วเหล้าดื่มด้วยกันแบบนี้มันค่อนข้างจะอันตรายไปหน่อยมั้ง “ดื่มไม่เก่งหรอ" เขายกแก้วในมือขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด “หรือว่าไม่ชอบรสนี้ ลองน้ำผลไม้แทนไหม" “น้ำผลไม้หรอคะ?” เขายกยิ้มอีกครั้งไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับลุกเเดินไปหาบาร์เทนเดอร์ที่บาร์เหล้า ทั้งคู่คุยกันอยู่พักใหญ่ ไม่นานเขาก็เดินกลับมาพร้อมแก้วที่มีน้ำสีแดงถึงสามใบในมือ “ลองสิ ตัวดังเลยนะ" “…” “กลัวหรอ นี่มันน้ำผลไม้" แก้วใบหนึ่งถูกยื่นมาให้ กลิ่นสตอเบอรี่ลอยขึ้นมาเตะจมูก ท่าจะเป็นน้ำผลไม้อย่างที่เขาบอกจริงๆแหละ “ขอบคุณค่ะ" ฉันรับมันมาถือไว้ ใจหนึ่งก็อยากลองแต่อีกใจหนึ่งก็ยังคงกลัว “เรารู้จักกับอีฟด้วยหรอ" หลังจากที่เงียบอยู่นาน เขาก็เอ่ยปากถาม “เห็นมันบอกชวนแต่คนสนิทมา” พี่อีฟคือรุ่นพี่ที่เรียนอยู่คณะวิศวะ เธอค่อนข้างสนิทกับกระต่ายเพราะทั้งคู่เป็นคู่รหัสกัน “เปล่าค่ะ เพื่อนชวนมาเป็นเพื่อนอีกที" “เพื่อนชื่ออะไร" “กระต่ายค่ะ เขาเป็นน้องรหัสของพี่อีฟ" ตอบเสร็จก็เผลอตัวยกแก้วที่อยู่ในมือขึ้นดื่มสะงั้น “แค่กๆ นี่มัน…” “เป็นอะไรไหม" ไม่พูดเปล่า เขารีบขยับตัวย้ายที่นั่งมานั่งติดตัวฉันอย่างทันท่วงที “มะ ไม่เป็นไรค่ะ แต่น้ำนี่มันมีเหล้าด้วย" “ไม่อร่อยหรอ" “ก็อร่อยอยู่ค่ะ" “อร่อยก็ดื่มต่อสิคะ” เขาว่าแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ของตัว เองดันมือของฉันที่ถือแก้วไวน์ในมือขึ้นชิดริมฝีปาก “ถ้าเราเมาเดี๋ยวพี่ตามกระต่ายมาให้ พี่รู้จักอยู่” “พี่รู้จักกระต่ายด้วยหรอคะ" “รู้จักสิ เคยดื่มวงเดียวกันครั้งสองครั้ง พี่ก็เรียนคณะเดียวกันกับอีฟ สนิทกัน" รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเขา พอเขายิ้มแล้วหล่อกว่า เดิมเยอะเลย “พี่ชื่อคีย์” “อ๋อค่ะ" ฉันพยักหน้ารับ มองน้ำในแก้วไวน์และตัดสินใจยกดื่มจนหมดในครั้งเดียวเหมือนกัน “อ้อ ชื่อณดาค่ะ เรียกดาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ แล้ว แต่พี่สะดวกเลย" ฉันรีบบอกชื่อตัวเองเมื่อเขายังคงเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น “ครับ ณดา" เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงยัยเพื่อนตัวดียังไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นเลยสักนิด นี่มันเต้นจนลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้วหรอ หรือว่าได้ผู้ชายไปส่งถึงที่บ้านแล้วถึงปล่อยให้ฉันนั่งอยู่กับผู้ชายคนนี้มาค่อนคืน “ไหวไหม” เสียงของเขาดังอยู่ใกล้ข้างหู ใกล้ซะจนรับรู้ถึงไอร้อนจากลมหายใจอีกฝ่าย “พี่ว่าเราไม่ไหวแล้วนะ” “ณดาก็ว่างั้นค่ะ” ฉันกับเขานั่งดื่มนั่งคุยกันมาสามชั่วโมงแล้ว อีกอย่างแก้วไวน์ที่ตอนแรกมีอยู่ไม่กี่ใบตอนนี้มันกลับวางเกลื่อนเต็มโต๊ะไปหมด ไม่รู้เลยว่าตัวเองดื่มไปเยอะแค่ไหนแล้ว แต่ตอนนี้ถ้าให้ยืนคงจะไม่ได้แล้วล่ะ “พี่คีย์ช่วยตามกระต่ายให้ณดาหน่อยได้ไหมคะ ณดาอยากกลับบ้านแล้วค่ะ” ฉันบอกตามความจริง “อยากกลับแล้วหรอ ณดากลับแล้วพี่จะนั่งอยู่กับใครล่ะ” พี่คีย์ตอบพร้อมเอื้อมมือมาทัดผมที่ปรกหน้าฉันออก “ณดาไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ ง่วงนอนแล้ว” เวลานี้ฉันไม่สนใจอะไรแล้ว ปวดหัวและมึนหัวสุดๆ ไม่รู้ว่ามันคือเหล้าผลไม้ชนิดไหนแต่รสชาติดีจนเผลอดื่มไปมากมาย รู้ตัวอีกทีว่าเมาก็ตอนที่นั่งแล้วจะหงายหลังนั่นแหละ โชคดีที่มีพี่คีย์พยุงไว้ได้ทัน “งั้นรอก่อน เดี๋ยวพี่ไปตามกระต่ายให้” “ขอบคุณค่ะ” เขาลุกเดินจากไป ยังไม่ทันได้มองว่าเขาเดินไปทางไหน ฉันก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้ว ปวดหัวมากจริงๆ รอบหน้าไม่ดื่มแล้ว “ณดา” ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงเรียกของใครบางคนดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อยากจะลืมตามองแต่ดวงตาฉันมันหนักอึ้งเกินกว่าจะเปิดไหว “อือ…” ทำได้เพียงตอบรับในลำคอไป “พี่ไม่เจอกระต่าย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านแล้วกัน” “ณดาอยู่คอนโด อึก ค่ะ ไม่มีบ้าน” พูดไปสะอึกไป จนได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะจับตัวฉันให้เงยหน้าขึ้น “ครับ บอกที่อยู่พี่มาแล้วกัน” รู้สึกได้ว่าพี่คีย์อุ้มฉันจนตัวลอย กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาลอยปะทะเข้าจมูกจนเผลอสูดดมไปฟอดใหญ่ โดยปกติที่เป็นคนเข้ากับใครได้ยาก การหาแฟนหรือคนรู้ใจจึงค่อนข้างยากเข้าไปอีก เพราะเหมือนจะไม่มีใครชอบในแบบที่ฉันเป็นฉัน ไม่เคยแม้แต่ทำความรู้จักกันอย่างจริงจัง มีเพียงแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายหรือสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร การที่พี่คีย์อุ้มฉันออกมาจากไนท์คลับแห่งนี้ถือเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้แตะต้องตัวฉันมากที่สุดในชีวิตรองจากพ่อ แต่ประโยคถัดมาของเขากลับทำให้ใจหวั่นแปลกๆ “เดี๋ยวคืนนี้พี่ไปส่ง” เขาพูดในขณะที่กำลังจะคาดเข็มขัดให้ฉัน “ให้ถึงที่นอนเองครับ” และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยิน… [End of Nada’s part]ส่งท้ายนักเขียนถึงนักอ่านสวัสดีค่ะ อิมฮายอนทักทายส่งท้ายนะคะ ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนที่สนับสนุนและซัพพอร์ตนักเขียนมือใหม่คนนี้ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ตัดสินใจเขียนและเผยแพร่ออกไปอันที่จริงอิมฮายอนตั้งใจให้จบก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ด้วยเวลาว่างที่ไม่ค่อยมีเพราะส่วนตัวทำงานประจำจันทร์ถึงเสาร์ มีเวลาว่างแค่หลังเลิกงาน บวกกับล่าสุดที่พึ่งคว้าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ติดตัวมา ทำให้แผนการวางงานเป๋ไปหมด ทั้งที่นิยายควรปิดจบลงไปแล้วแต่กลับต้องหยุดเขียนถึงหนึ่งอาทิตย์ ต้องขอโทษที่ปล่อยให้นักอ่านรอนานถึงขนาดนี้ หลายคนอาจจะเทนิยายเรื่องหลงกลรักวิศวะตัวร้ายไปแล้ว แต่ไรท์เข้าใจดี เป็นเพราะวางแผนงานไว้ไม่ดีเองแต่แรก แต่สุดท้ายตอนนี้นิยายของอิมฮายอนก็ได้ปิดจบลงด้วยดีไรท์ไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อมากเกินไป การที่ณดายอมคืนดีง่ายๆ อาจจะขัดใจใครหลายๆ คน แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าในชีวิตจริงมีอีกหลายคนที่ให้อภัยคนรักได้ง่ายๆ แบบนี้ บางคนทำเรื่องไม่ดีมากกว่านี้ยังได้รับการให้อภัยและกลับใจ คีย์เองก็เหมือนกัน เขารักณดาแค่ฟอร์มจัดและมัวแต่มองจุดอื่นจนลืมโฟกัสหัวใจตัวเองเรื่องนี้เนื้อหาบาง
Special episode“อันนี้คืออะไร” ชิ้นเนื้อสีดำถูกยกคีบขึ้นด้วยมือหนาของคิมหันต์ หน้าหล่อขมวดคิ้วสีหน้าเหยเก“หมูไง แหกตาดูดิ” คีย์เดินมาพูดใส่ ก่อนจะโดนร่างของคิมหันต์กระแทกไหล่ใส่“กูรู้!”“แล้วถามเพื่อ!”“กูแค่สงสัยว่าใครทำ ไหม้ขนาดนี้ใครจะแดกลงวะ!” คิมหันต์ตอบเสียงดัง“กูเอง มัวแต่เอาน้ำไปให้โรสลืมว่าตัวเองย่างหมูไว้” ปวินทร์ตอบสีหน้าเรียบเฉย ยกถาดหมูย่างที่ย่างเสร็จแล้วออกไปต่อหน้าต่อตา“เฮ้ยๆ มึงจะเอาไปไหน” คิมหันต์ยื้อแย่งอย่างไม่ยอม “กูยังไม่ได้แบ่งให้เมียกูเลย”“กูก็จะเอาไปให้เมียกูเหมือนกัน”“มึงเอาไปหมดนี่อะนะ!”“เออ คนท้องอยากกินมึงอย่ามาแย่งว่ะ” วินดึงถาดหมูย่างจนหลุกออกมาจากมือคิมหันต์ เขามองด้วยสายตาละห้อย วินมักจะอ้างเรื่องที่โรสท้องอยู่เพื่อแย่งอาหารไปจากเขาอยู่เสมอคิมหันต์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ทำอะไรไม่ได้เพราะเห็นแก่ผู้หญิงของเขา เธอกำลังตั้งครรภ์ได้สี่เดือนไม่อยากแย่งอาหารหลานตัวเอง เขายกถาดหมูดิบมาตรงหน้าเตรียมก่อไฟย่างหมูใหม่อีกรอบ“ทำเร็วๆ ณดารอกินอยู่” คีย์เกาะไหล่แกร่งของพี่เขย พลางกระโดดเหยงๆ อยู่ด้านหลังเหมือนเด็ก“เอ้า เมียมึงอยากกินมึงไม่มาทำ
บทที่ 39จองตัวณดานั่งอยู่ปลายเตียงมองออกไปทางหน้าต่างด้านนอก เธอยิ้มอย่างดีใจเพราะคีย์บอกว่าจะพาเธอไปอควอเรียมที่พึ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่นาน ขึ้นชื่อว่าเป็นอควอเรียมที่มีสัตว์น้ำมากที่สุดในตอนนี้ ณดาจึงดีใจมากเป็นพิเศษ“เสร็จรึยัง” คีย์เดินเข้ามาตามคนตัวเล็ก พอเห็นการแต่งตัวของเธอเขาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “แต่งตัวสวยจัง”“จริงหรอคะ” ณดาเดินไปส่องกระจกก่อนจะหมุนมองตัวเองรอบๆ ชุดเดรสลายลูกไม้สีขาว สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ไม่โป๊มากจนเกินไปแอบเซ็กซี่ปนขี้เล่น“จริงสิ แฟนพี่สวยสุดๆ ไปเลย” คีย์บอก เขาเดินเข้าโอบเอวบาง แอบขโมยหอมแก้มคนตัวเล็กไปอีกหนึ่งฟอด “ไปกัน เดี๋ยวสายแล้วจะร้อน”ทั้งสองนั่งรถส่วนตัวไปตามจีพีเอส ด้วยความที่เป็นสถานที่ที่พึ่งเปิดใหม่ คีย์ไม่ชำนาญทางมากพอจึงเลือกที่จะใช้จีพีเอสช่วยในการนำทางอีกที ระหว่างทางเขากอบกุมมือเล็กไว้ตลอด เป็นความเคยชินอีกอย่างที่เขาทำตั้งแต่เริ่มคบกันมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งณดาเองก็ไม่ได้ขัด ชอบซะอีกขับออกจากตัวที่พักได้ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ข้างทางเริ่มออกจากตัวเมืองเข้าสู่ชนบทเสียอย่างนั้น จากที่เต็มไปด้วยบ้านคนกลายเป็นป่ารกทึบ ขับต่อไปอีกกลายเป
บทที่ 38กระชับมิตร“พี่คีย์ทำอะไรของพี่เนี่ย!” ณดายืนเท้าเอวเอียงคอถามคนรักของตัวเอง ที่มานั่งเล่นก่อกองทรายราวกับเด็กน้อยเธอตื่นขึ้นมาไม่เจอใครในบ้านเลยเดินหาอยู่พักใหญ่ จนตอนนี้เหงื่อเริ่มออกท่วมตัว พึ่งจะเจอคีย์ที่กำลังเล่นกองทรายอย่างสนุกสนาน เวลานี้เป็นช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงแดดจึงแทบไม่เหลือ คีย์ถึงมานั่งก่อกองทรายที่ริมหาดอย่างไม่กลัวผิวไหม้เขาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เธอก่อนจะลุกปัดตูดที่มีเศษทรายติดออก มือหนาเอื้อมมากอบกุมมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้คนตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ปราสาททรายของตัวเอง“สวยไหม” เขาถามด้วยสีหน้าภูมิใจ“สวยค่ะ นึกยังไงมาเล่นทรายอยู่คนเดียว”“อยากโชว์ความสามารถ” เขาหัวเราะเบาๆ “ไปเดินเล่นกันไหม” ณดาพยักหน้ารับทั้งสองจูงมือกันเดินเล่นริมชายหาด ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนแรก จึงตกลงกันว่าจะมาค้างที่ทะเลสักอาทิตย์ เพราะเทอมหน้าณดาคงได้เตรียมออกฝึกงาน คงจะหาเวลาว่างมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้ได้ยากกว่าเดิมลมเย็นๆ พัดกระทบใบหน้า เสียงคลื่นซัดเข้ากับชายฝั่งช่างเป็นเสียงที่สงบ ณดาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เธอชอบบรรยากาศในช่วงเวลานี้มากที่สุด
บทที่ 37วัดใจ“คิดดีแล้วหรอณดา” คิมหันต์ถามเสียงเข้ม ใบหน้าหล่อบึ้งตึงอย่างไม่พอใจสุดขีดเมื่อน้องสาวของเขาพาคนที่ตัวเองยกพวกไปรุมกระทืบถึงมหาวิทยาลัยมาที่บ้าน เมื่อคืนณดาหายไปบอกจะไปค้างห้องเพื่อน ตัวเขาเองก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรเพราะคิดไว้ว่าณดาคงไม่กลับไปหาผู้ชายที่เคยทำร้ายตัวเองจนเจ็บไปทั้งร่างกายและหัวใจแบบนั้นไหงตอนนี้มาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าละห้อยเสียได้ คงต้องบอกว่ามีแค่ณดาที่แสดงสีหน้ากังวลใจ เพราะผู้ชายตัวสูงข้างกายเอาแต่ทำหน้าท้าทายเขาอยู่ตลอดเวลา สภาพนี้จะมาขอให้ยกโทษให้แล้วคบกับน้องสาวเขาง่ายๆ หรอไม่มีทาง“ณดาทบทวนความรู้สึกของตัวเองดีแล้วค่ะ” คนตัวเล็กที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเอ่ยตอบ “จริงอยู่ที่พี่คีย์เคยใจร้ายกับณดาไว้สารพัด เพียงแค่คำขอโทษไม่กี่คำคงทดแทนไม่ได้ แต่ตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้พูดคุยกัน ณดากลับเอาแต่คิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน จนเผลอลืมสิ่งไม่ดีพวกนั้นไป”“แล้วมันรู้สึกผิดอย่างที่พูดหรอ” คิมหันต์ปลายตามองคีย์ที่นั่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไร “คนอย่างมึงเนี่ยหรอจะเปลี่ยนนิสัยเพื่อน้องกู”“…”“บอกว่าหมาคลอดลูกเป็นควายยังน่าเชื่อกว่าอีก” ณดาลอบก
บทที่ 36คิดถึง[Nada’s Part]“เฮ้อ” ฉันนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน ทั้งที่วันนี้เพื่อนๆ ในคณะพากันมากินเลี้ยงฉลองปิดภาคเรียนที่หนึ่งแท้ๆมันควรจะสนุกกว่านี้สิตั้งแต่วันนั้นที่ออกจากโรงพยาบาล ฉันไม่เจอหน้าพี่คีย์อีกเลย ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ แต่ไม่ได้ถามพี่คิมหันต์หรือคุณลุงโดยตรงเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาทั้งสองคงไม่ตอบคำถาม และน่าจะโดนดุกลับมาแทนทั้งที่วันนั้นเขาเป็นคนพาฉันไปโรงพยาบาลแท้ๆ แต่พอตื่นมากลับไม่เจอหน้าเขา อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเจอขนาดนั้นหรอก แค่ต่อมสำนึกมันทำงานอยากจะขอบคุณที่อุตส่าห์พาไปหาหมอได้ทันท่วงที อาการแพ้ขั้นรุนแรงจนเกือบตายแบบนี้ในชีวิตเป็นมาแล้วสี่ครั้ง สำหรับรอบที่พี่คีย์เจอนี่น่าจะกลางๆ ไม่แรงหรือน้อยเกินไปเป็นความผิดของฉันเองด้วย รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแพ้อาหารแต่ไม่ตรวจให้ดีก่อนจะกิน ห่วงกินจนได้เรื่อง“ณดาครับ ชนแก้วกันหน่อยไหม” พี่แซม พี่รหัสของอลันเดินเข้ามาคุยกับฉันเป็นรอบที่สิบแล้วมั้ง เขาดูเหมือนจะสนใจตัวฉันพอสมควร เพราะรอบก่อนก็พึ่งจะขอช่องทางโซเชี่ยลไป รอบนี้วนกลับมาชนแก้วอีกแล้ว“ไม่ดีกว่าค่ะ ณดาอิ่มแล้ว” ฉันยิ้มตอบตามมารยาทไป เบื่อเต็มทีแล