ครืดๆ~ ครืด~ เสียงโทรศัพท์ดังไปทั่วห้องนอนในเวลาแปดโมงเช้า หญิงสาวยังคงนอนหลับตาพริ้มอย่างอ่อนเพลีย แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านช่องผ้าม่านสาดส่องยังเปลือกตาของเธอ ทำให้ดวงตากลมโตค่อยๆขยับก่อนจะลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า
“อือ…” ณดาครางในลำคอพร้อมกับบิดตัวไปหาโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหัวเตียงเพื่อกดปิดนาฬิกาปลุกที่ดังจนหูของเธอแสบไปหมด ร่างเล็กยังคงนอนนิ่ง ดวงตากลมโตจ้องมองตัวเลขที่แจ้งเวลาในหน้าจอมือถือของตัวเอง ในหัวพลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา จำได้ว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวและมีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มานั่งดื่มกับเธอและภาพก็ตัดไป “คงไม่มีอะไรหรอก” เธอปลอบใจตัวเองเบาๆ มือเล็กจับผ้าห่มที่คลุมกายออก แต่ความรู้สึกโล่งเปล่าทำให้เจ้าตัวแน่นิ่งไปชั่วขณะ “นี่…มัน…” เธอก้มมองร่างกายที่ปราศจากเสื้อผ้าของตัวเองด้วยใจที่หล่นวูบ สองขารีบก้าวลงจากเตียง ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่ใจกลางของร่างกาย ใบหน้าหวานเหยเกลงเพราะเจ็บที่จุดอ่อนไหว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเลื่อนมองคราบเลือดสีแดงเล็กๆ บนผ้าปูที่นอนสีชมพู ก่อนจะสังเกตเห็นว่าบนขาอ่อนตัวเองก็มีคราบเลือดและคราบสีขาวติดอยู่เช่นกัน ปึก! ณดาทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง ใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ น้ำ ตาเอ่อล้นอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอเสียตัวให้ใครที่ไหนไม่รู้ จำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนกลับมาได้ยังไงแล้วทำไมถึงตกอยู่ในสภาพนี้ “ฮึก…” ณดาทำได้เพียงส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น แม้ว่าอายุจะยี่สิบกว่าๆ แล้ว การที่ได้มีประสบการณ์เรื่องเซ็กส์คงไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพียงแต่ว่าเธออยากมอบให้กับคนที่เธอรักหรือเต็มใจจะมอบให้มาก กว่าที่ต้องโดนพรากไปทั้งที่ไม่รู้จักหรือไม่เต็มใจแบบนี้ เสียใจ แต่ทำอะไรมากไปกว่านั่งร้องไห้ไม่ได้แล้ว หญิงสาวนั่งชันเข่ากอดตัวเองและร้องไห้ออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ในใจก็กังวลโรคทางเพศสัมพันธ์ กังวลว่าอีกฝ่ายได้ป้องกันกับเธอหรือไม่ ความคิดในหัวตีกันมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าต้องกังวลเรื่องไหนก่อนกันแน่ ครืดๆ~ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังเรียกสติหญิงสาว ดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตาพยายามเพ่งมองชื่อคนที่โทรเข้ามา ‘คุณนภาลัย’ ณดานิ่งไป สูดหายใจเฮือกใหญ่ พยายามตั้งสติ มือทั้งสองข้างปาดน้ำตาออกลวกๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไป ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย (“มัวทำอะไร ทำไมรับสายช้า!”) เสียง แม่เลี้ยง ตะหวาดใส่จนต้องเอียงหัวห่างจากโทรศัพท์ “ณดาพึ่งตื่นค่ะ” (“ปลายฟ้าไม่มีเงินใช้แล้ว แกแบ่งมรดกที่พ่อแกให้มาให้น้องหน่อยสิ”) “…” ปลายฟ้าคือลูกติดของแม่เลี้ยง ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังเดียวกันกับเธอหลังจากที่แม่แท้ๆตายไปได้ปีเดียว (“ฮัลโหล ไม่มีปากรึไง นี่ฉันอุตส่าห์มาขอเงินแกดีๆ นะ อย่าให้ต้องพูดไม่ดีนักเลย!”) “ณดาไม่มีค่ะ” (“อะไร แกได้ไปตั้งเยอะมันหายไปไหนหมด!”) เสียงของอีกฝ่ายเริ่มแข็งกร้าวเมื่อเธอตอบไปแบบนั้น “ไม่มีจริงๆค่ะ ณดาจะไปเรียนแล้วแค่นี้นะคะ” เธอตัดสายทิ้งและลุกเดินหนีเข้าห้องน้ำ ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะพยา ยามโทรหาเธออีกกี่ครั้ง ทั้งที่สองแม่ลูกนั่นได้เงินจากพ่อแท้ๆของเธอไปตั้งมากมาย ยังกล้าที่จะโทรมาขอเงินจากเธออีก จริงอยู่ที่ตอนพ่อเสีย เธอได้มรดกเกือบทั้งหมดเพราะยังไงก็เป็นลูกในสายเลือดเดียวกับพ่อตัวเอง ไม่ใช่เมียใหม่พร้อมลูกติดแบบนภาลัย แต่ก่อนหน้านั้นที่ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยก็ผลาญเงินในบ้านไปไม่ใช่น้อย ถึงขนาดที่ธุรกิจรับเหมาของพ่อเสียหลักเพราะไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าจ้างให้ลูกน้อง พ่อเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิต สมบัติส่วนหนึ่งที่พ่อทิ้งไว้คือที่ดินกว่าร้อยไร่ ณดาตัดสินใจขายที่ดินที่ได้มาทั้งหมดเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ที่ค้างไว้ทั้งที่พ่อก่อและแม่เลี้ยงสร้าง จนตอนนี้ไม่เหลือหนี้ติดตัว เหลือแต่นภาลัยที่เกลียดเธอจนเข้าไส้ เพราะเจ้าตัวกับลูกได้เพียงบ้านหลังที่อาศัยอยู่เพียงชิ้นเดียว นภาลัยจึงพยายามติดต่อมาขอเงินจากณดาอยู่ตลอด มรดกที่เหลือคือหุ้นจากบริษัทเพื่อนสนิทพ่อ เขาเอ็นดูณดาเหมือนลูกตัวเอง เงินปันผลส่วนนั้นคุณลุงเป็นคนจัดการให้ณดาตลอด และคอยส่งเงินให้ใช้ทุกเดือนแม้ว่าณดาจะไม่ขัดสนเลยก็ตาม ท่านเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเธอเลยก็ว่าได้ “เย็นนี้ไปกินข้าวที่ร้านพี่แป้งปะ เห็นบอกมีเมนูใหม่ด้วย” กระต่ายพูดหลังจากนั่งหาร้านข้าวมาเกือบยี่สิบนาที “สักร้านเหอะ หิวแล้วเนี่ย” ณดาที่นั่งรอเพื่อนสนิทใต้คณะตัวเองบ่นอุบอิบ เธอรอกระต่ายเลิกเรียนตอนสิบเจ็ดนาฬิกาทั้งที่ตัวเองเลิกเรียนไปก่อนหน้านั้นถึงสองชั่วโมง “นั่งรอนานแล้วยังต้องมารอแกเลือกร้านอีกหรอ” “ก็อยากกินร้านอร่อยๆบ้าง ร้านที่แกเลือกมีแต่จืดชืด ไปร้านพี่แป้งนั่นแหละ อยากกินคะน้าหมูกรอบแบบเผ็ดๆๆๆ” “กินเผ็ดมากมันไม่ดีต่อกระเพาะเหอะ เข้าโรงพยาบาลมารอบนึงแล้วไม่เข็ดรึไง” ณดาเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะอีกฝ่ายชอบกินอาหารรสจัดจนเป็นแผลในกระเพาะบ่อยๆ “ไม่รู้ไม่ฟังไม่สน ไปเหอะ” กระต่ายลุกขึ้นอย่างดี้ด้าไม่สนคำเตือนเพื่อนตัวเอง “เห้อ” “แก…” ขณะที่เธอกำลังจะสะพายกระเป๋า เพื่อนสนิทก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น “รีบไป” ยังไม่ทันที่ณดาจะหันมองตามสายตาของเพื่อนตัวเองที่เบิกโพลงเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง มือเล็กของกระต่ายก็รีบดึงตัวเธอให้ลุกตามไปทันที “นี่ แกเป็นอะไรเนี่ย” กึก! “รีบไปไหนครับ?” ณดาและเพื่อนหยุดชะงักกึก เมื่อมีใครบางคนวิ่งมาดักรออยู่ข้างหน้าพวกเธอทั้งสอง “หลบ” กระต่ายพูดเสียงแข็ง ต่างจากณดาที่ยืนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตากลมโตมองหน้าผู้ชายตรงหน้าที่สูงกว่าเธอมาก จนต้องแหงนหน้ามอง คุ้นตาเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน “ขอคำตอบ” เสียงทุ้มเล็ดลอดจากปากหนาสีคล้ำที่ดูท่าจะสูบบุหรี่จัด “น่ารำคาญ!” เพื่อนสาวตอบก่อนจะออกแรงดึงข้อมือของณดาให้เดินตามไปด้วย “ขอคำตอบแค่นี้มันยากนักหรอวะ” ขายาวนั่นก้าวแค่ครั้งเดียวก็สามารถยืนดักหน้าพวกเธอทั้งสองได้อีกครั้ง “เห้ยไอ้คีย์ พอเหอะมึง” ผู้ชายตัวสูงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดขึ้น “อย่าไปรบเร้าเขามากเลย” “คีย์?” คนตัวเล็กที่ยืนหลบหลังเพื่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ “กูจะเอาคำตอบวันนี้” “ไม่ตอบนี่ดูไม่ออกหรอว่าไม่ได้ชอบ เลิกตามเลิกรังควานสักทีได้ปะ โคตรน่ารำคาญเลย!” กระต่ายตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว “เอออีกอย่างนะ เลิกหลงตัวเองสักที มันตลก!” “หลงตัวเองหรอ? ฉันเนี่ยนะ” ผู้ชายที่ชื่อคีย์ขยับตัวเข้าใกล้มากขึ้น “เธอควรดีใจมากกว่านะที่ฉันชอบเธอมากขนาดนี้” “หรอ ฉันจะดีใจกว่านี้นะถ้านายไสหัวออกไปจากชีวิตฉัน!” กระ ต่ายตอบกลับพร้อมกับกระชากแขนเพื่อนตัวเองให้เดินตามออกไป ณดาเร่งฝีเท้าเดินตามเพื่อนตัวเองไปอย่างเงียบๆ เก็บความสงสัยไว้ในใจ เพราะท่าทีเพื่อนสนิทยังคงความหงุดหงิดเอาไว้ ใบหน้าสวยคมบึ้งตึงจนไม่กล้าแม้แต่จะสะกิดถามอะไรออกไป “กูบอกมึงละว่าอย่ารุกแบบนั้นไม่เชื่อกู” เสียงของ ‘เฟิร์ส’ เพื่อนสนิทคีย์ที่ไปด้วยเมื่อตอนเย็น พูดแทรกเสียงเพลงในร้านเหล้าที่พวกเขานั่งตั้งแต่หัวค่ำจนตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่ม “ก็กูชอบ” ชายหนุ่มตอบพลางกระดกแก้วเหล้าในมือเข้าปากรวดเดียวหมด “ยากๆยิ่งชอบว่ะ” “มึงก็บ้าเกินคีย์ เป็นกูก็กลัวนะ อย่างกับจะไปหาเรื่องเขางั้นแหละ” ‘โจ’ เพื่อนอีกคนพูดบ้าง “ทำอย่างกับผู้หญิงเขาชอบผู้ชายดิบเถื่อนแบบมึงไปซะทุกคนงั้นแหละ” ‘โด้’ เพื่อนที่เงียบที่สุดในกลุ่มเอ่ย “ส่วนใหญ่ก็ชอบเปล่าวะ ไม่งั้นกูจะได้มาถ้วนหน้าหรอ” เพื่อนคน อื่นๆ พากันทำหน้าเอือมระอากับสิ่งที่เขาพูด จริงอยู่ที่คีย์เป็นผู้ชายที่ฮอตสุดๆ ผู้หญิงเข้าหาไม่ขาดสาย อันที่จริงผู้หญิงก็ไม่เคยขาดมือกันทั้งกลุ่มอยู่แล้ว แต่ดันไปเจอน้องรหัสเพื่อนร่วมคณะ ที่สวยคมโดนใจเสือร้ายอย่างเขาเข้า จึงเสนอตัวไปหาเขาถึงที่ ‘ไม่ชอบคนแบบพี่ค่ะ’ แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่เป็นอย่างหวังเพราะถูกหักหน้าเข้าเต็มแรง คนแพ้ไม่เป็นอย่างเขาจึงอยากเอาชนะผู้หญิงที่ชื่อกระต่ายสะจนตัวสั่น หวังจะฟันให้สะใจแล้วทิ้งขว้างซะให้เข็ด ตามตื้อไปมาเป็นเวลาสองเดือนกว่ากลับชอบผู้หญิงคนนั้นเข้าอย่างจัง ผู้หญิงก็พยายามหนีห่างส่วนเขาก็พยายามรุกล้ำทุกทาง จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตัวเธอมาสักที “นั่นน้องคนนั้นไม่ใช่หรอวะ” เฟิร์สทำท่าชะเง้อชะแง้มอง “ใครวะ” โจเข้าร่วมด้วยอีกคน “น้องที่อยู่กับสาวมึงเมื่อเย็นไง” คีย์หันหลังมองตามสายตาเพื่อน เห็นผู้หญิงตัวเล็กเดินเก้ๆ กังๆ เหมือนกำลังมองหาใครสักคน “จะว่าไปน้องคนนี้ก็สวยนะมึง ทำไมกูพึ่งเคยเห็นวะ” “เออสวยจริงว่ะ แต่ดูนิ่งๆ ไปหน่อย” โจพูดทั้งที่ไม่ละสายตาจากร่างเล็ก “อย่าบอกนะว่าเอาชีทงานมาแจกเพื่อน” ทั้งสี่จ้องมองณดาที่กำลังเดินไปยังโต๊ะของใครบางคน ซองเอกสารจำนวนหนึ่งถูกหยิบออกจากกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ดูเหมือนว่าเธอจะเอางานมาแจกจ่ายให้เพื่อน คนตัวเล็กพูดพร้อมชี้นิ้วไล่ตามซองเอกสารด้วยสีหน้าจริงจัง “หึ” คีย์หัวเราะในลำคอ ตาคมจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “คิดเหี้ยไรไม่ดีอยู่วะ” โด้เหลือบมองเพื่อนตัวดีก่อนจะถามเสียงเรียบ มือใหญ่กระดกเหล้าจนหมดพร้อมกับเทใหม่จนเต็มแก้วและยกดื่มรวดเดียวหมดอีกครั้ง “ปล่อยให้เขามีอนาคตที่ดีบ้าง อย่าไปทำลายเขาเลย” “อนาคตที่ดีหมายถึงยังไงวะ” “หมายถึงมึงอย่าไปเสือกยุ่งกับเขาไง” โด้ตอบพร้อมสบตากับเพื่อนตัวเอง “ให้คนดีๆเจอคนดีๆเหมือนกันดีกว่า” ปึก! แก้วเหล้าในมือคีย์วางกระแทกโต๊ะตรงหน้าหลังจากที่เขายกดื่มเหล้าในแก้วจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว “กูนี่แหละดีสุดในโลกแล้ว” ร่างสูงลุกขึ้นพลางจ้องไปที่หญิงสาวที่กำลังเดินออกจากร้านไป “อีกอย่างที่มึงต้องรู้” “…” “กูได้ยัยนั่นก่อนที่มึงจะห้ามอีก” “…” “กูน่ะคนดี ไม่งั้นยัยนั่นจะได้ขึ้นสวรรค์หรอวะ”ส่งท้ายนักเขียนถึงนักอ่านสวัสดีค่ะ อิมฮายอนทักทายส่งท้ายนะคะ ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนที่สนับสนุนและซัพพอร์ตนักเขียนมือใหม่คนนี้ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ตัดสินใจเขียนและเผยแพร่ออกไปอันที่จริงอิมฮายอนตั้งใจให้จบก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ด้วยเวลาว่างที่ไม่ค่อยมีเพราะส่วนตัวทำงานประจำจันทร์ถึงเสาร์ มีเวลาว่างแค่หลังเลิกงาน บวกกับล่าสุดที่พึ่งคว้าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ติดตัวมา ทำให้แผนการวางงานเป๋ไปหมด ทั้งที่นิยายควรปิดจบลงไปแล้วแต่กลับต้องหยุดเขียนถึงหนึ่งอาทิตย์ ต้องขอโทษที่ปล่อยให้นักอ่านรอนานถึงขนาดนี้ หลายคนอาจจะเทนิยายเรื่องหลงกลรักวิศวะตัวร้ายไปแล้ว แต่ไรท์เข้าใจดี เป็นเพราะวางแผนงานไว้ไม่ดีเองแต่แรก แต่สุดท้ายตอนนี้นิยายของอิมฮายอนก็ได้ปิดจบลงด้วยดีไรท์ไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อมากเกินไป การที่ณดายอมคืนดีง่ายๆ อาจจะขัดใจใครหลายๆ คน แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าในชีวิตจริงมีอีกหลายคนที่ให้อภัยคนรักได้ง่ายๆ แบบนี้ บางคนทำเรื่องไม่ดีมากกว่านี้ยังได้รับการให้อภัยและกลับใจ คีย์เองก็เหมือนกัน เขารักณดาแค่ฟอร์มจัดและมัวแต่มองจุดอื่นจนลืมโฟกัสหัวใจตัวเองเรื่องนี้เนื้อหาบาง
Special episode“อันนี้คืออะไร” ชิ้นเนื้อสีดำถูกยกคีบขึ้นด้วยมือหนาของคิมหันต์ หน้าหล่อขมวดคิ้วสีหน้าเหยเก“หมูไง แหกตาดูดิ” คีย์เดินมาพูดใส่ ก่อนจะโดนร่างของคิมหันต์กระแทกไหล่ใส่“กูรู้!”“แล้วถามเพื่อ!”“กูแค่สงสัยว่าใครทำ ไหม้ขนาดนี้ใครจะแดกลงวะ!” คิมหันต์ตอบเสียงดัง“กูเอง มัวแต่เอาน้ำไปให้โรสลืมว่าตัวเองย่างหมูไว้” ปวินทร์ตอบสีหน้าเรียบเฉย ยกถาดหมูย่างที่ย่างเสร็จแล้วออกไปต่อหน้าต่อตา“เฮ้ยๆ มึงจะเอาไปไหน” คิมหันต์ยื้อแย่งอย่างไม่ยอม “กูยังไม่ได้แบ่งให้เมียกูเลย”“กูก็จะเอาไปให้เมียกูเหมือนกัน”“มึงเอาไปหมดนี่อะนะ!”“เออ คนท้องอยากกินมึงอย่ามาแย่งว่ะ” วินดึงถาดหมูย่างจนหลุกออกมาจากมือคิมหันต์ เขามองด้วยสายตาละห้อย วินมักจะอ้างเรื่องที่โรสท้องอยู่เพื่อแย่งอาหารไปจากเขาอยู่เสมอคิมหันต์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ทำอะไรไม่ได้เพราะเห็นแก่ผู้หญิงของเขา เธอกำลังตั้งครรภ์ได้สี่เดือนไม่อยากแย่งอาหารหลานตัวเอง เขายกถาดหมูดิบมาตรงหน้าเตรียมก่อไฟย่างหมูใหม่อีกรอบ“ทำเร็วๆ ณดารอกินอยู่” คีย์เกาะไหล่แกร่งของพี่เขย พลางกระโดดเหยงๆ อยู่ด้านหลังเหมือนเด็ก“เอ้า เมียมึงอยากกินมึงไม่มาทำ
บทที่ 39จองตัวณดานั่งอยู่ปลายเตียงมองออกไปทางหน้าต่างด้านนอก เธอยิ้มอย่างดีใจเพราะคีย์บอกว่าจะพาเธอไปอควอเรียมที่พึ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่นาน ขึ้นชื่อว่าเป็นอควอเรียมที่มีสัตว์น้ำมากที่สุดในตอนนี้ ณดาจึงดีใจมากเป็นพิเศษ“เสร็จรึยัง” คีย์เดินเข้ามาตามคนตัวเล็ก พอเห็นการแต่งตัวของเธอเขาก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “แต่งตัวสวยจัง”“จริงหรอคะ” ณดาเดินไปส่องกระจกก่อนจะหมุนมองตัวเองรอบๆ ชุดเดรสลายลูกไม้สีขาว สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ไม่โป๊มากจนเกินไปแอบเซ็กซี่ปนขี้เล่น“จริงสิ แฟนพี่สวยสุดๆ ไปเลย” คีย์บอก เขาเดินเข้าโอบเอวบาง แอบขโมยหอมแก้มคนตัวเล็กไปอีกหนึ่งฟอด “ไปกัน เดี๋ยวสายแล้วจะร้อน”ทั้งสองนั่งรถส่วนตัวไปตามจีพีเอส ด้วยความที่เป็นสถานที่ที่พึ่งเปิดใหม่ คีย์ไม่ชำนาญทางมากพอจึงเลือกที่จะใช้จีพีเอสช่วยในการนำทางอีกที ระหว่างทางเขากอบกุมมือเล็กไว้ตลอด เป็นความเคยชินอีกอย่างที่เขาทำตั้งแต่เริ่มคบกันมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งณดาเองก็ไม่ได้ขัด ชอบซะอีกขับออกจากตัวที่พักได้ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง ข้างทางเริ่มออกจากตัวเมืองเข้าสู่ชนบทเสียอย่างนั้น จากที่เต็มไปด้วยบ้านคนกลายเป็นป่ารกทึบ ขับต่อไปอีกกลายเป
บทที่ 38กระชับมิตร“พี่คีย์ทำอะไรของพี่เนี่ย!” ณดายืนเท้าเอวเอียงคอถามคนรักของตัวเอง ที่มานั่งเล่นก่อกองทรายราวกับเด็กน้อยเธอตื่นขึ้นมาไม่เจอใครในบ้านเลยเดินหาอยู่พักใหญ่ จนตอนนี้เหงื่อเริ่มออกท่วมตัว พึ่งจะเจอคีย์ที่กำลังเล่นกองทรายอย่างสนุกสนาน เวลานี้เป็นช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงแดดจึงแทบไม่เหลือ คีย์ถึงมานั่งก่อกองทรายที่ริมหาดอย่างไม่กลัวผิวไหม้เขาเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เธอก่อนจะลุกปัดตูดที่มีเศษทรายติดออก มือหนาเอื้อมมากอบกุมมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้คนตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ปราสาททรายของตัวเอง“สวยไหม” เขาถามด้วยสีหน้าภูมิใจ“สวยค่ะ นึกยังไงมาเล่นทรายอยู่คนเดียว”“อยากโชว์ความสามารถ” เขาหัวเราะเบาๆ “ไปเดินเล่นกันไหม” ณดาพยักหน้ารับทั้งสองจูงมือกันเดินเล่นริมชายหาด ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนแรก จึงตกลงกันว่าจะมาค้างที่ทะเลสักอาทิตย์ เพราะเทอมหน้าณดาคงได้เตรียมออกฝึกงาน คงจะหาเวลาว่างมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้ได้ยากกว่าเดิมลมเย็นๆ พัดกระทบใบหน้า เสียงคลื่นซัดเข้ากับชายฝั่งช่างเป็นเสียงที่สงบ ณดาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เธอชอบบรรยากาศในช่วงเวลานี้มากที่สุด
บทที่ 37วัดใจ“คิดดีแล้วหรอณดา” คิมหันต์ถามเสียงเข้ม ใบหน้าหล่อบึ้งตึงอย่างไม่พอใจสุดขีดเมื่อน้องสาวของเขาพาคนที่ตัวเองยกพวกไปรุมกระทืบถึงมหาวิทยาลัยมาที่บ้าน เมื่อคืนณดาหายไปบอกจะไปค้างห้องเพื่อน ตัวเขาเองก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรเพราะคิดไว้ว่าณดาคงไม่กลับไปหาผู้ชายที่เคยทำร้ายตัวเองจนเจ็บไปทั้งร่างกายและหัวใจแบบนั้นไหงตอนนี้มาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าละห้อยเสียได้ คงต้องบอกว่ามีแค่ณดาที่แสดงสีหน้ากังวลใจ เพราะผู้ชายตัวสูงข้างกายเอาแต่ทำหน้าท้าทายเขาอยู่ตลอดเวลา สภาพนี้จะมาขอให้ยกโทษให้แล้วคบกับน้องสาวเขาง่ายๆ หรอไม่มีทาง“ณดาทบทวนความรู้สึกของตัวเองดีแล้วค่ะ” คนตัวเล็กที่นั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเอ่ยตอบ “จริงอยู่ที่พี่คีย์เคยใจร้ายกับณดาไว้สารพัด เพียงแค่คำขอโทษไม่กี่คำคงทดแทนไม่ได้ แต่ตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้พูดคุยกัน ณดากลับเอาแต่คิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน จนเผลอลืมสิ่งไม่ดีพวกนั้นไป”“แล้วมันรู้สึกผิดอย่างที่พูดหรอ” คิมหันต์ปลายตามองคีย์ที่นั่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไร “คนอย่างมึงเนี่ยหรอจะเปลี่ยนนิสัยเพื่อน้องกู”“…”“บอกว่าหมาคลอดลูกเป็นควายยังน่าเชื่อกว่าอีก” ณดาลอบก
บทที่ 36คิดถึง[Nada’s Part]“เฮ้อ” ฉันนั่งถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน ทั้งที่วันนี้เพื่อนๆ ในคณะพากันมากินเลี้ยงฉลองปิดภาคเรียนที่หนึ่งแท้ๆมันควรจะสนุกกว่านี้สิตั้งแต่วันนั้นที่ออกจากโรงพยาบาล ฉันไม่เจอหน้าพี่คีย์อีกเลย ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ แต่ไม่ได้ถามพี่คิมหันต์หรือคุณลุงโดยตรงเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาทั้งสองคงไม่ตอบคำถาม และน่าจะโดนดุกลับมาแทนทั้งที่วันนั้นเขาเป็นคนพาฉันไปโรงพยาบาลแท้ๆ แต่พอตื่นมากลับไม่เจอหน้าเขา อันที่จริงก็ไม่ได้อยากเจอขนาดนั้นหรอก แค่ต่อมสำนึกมันทำงานอยากจะขอบคุณที่อุตส่าห์พาไปหาหมอได้ทันท่วงที อาการแพ้ขั้นรุนแรงจนเกือบตายแบบนี้ในชีวิตเป็นมาแล้วสี่ครั้ง สำหรับรอบที่พี่คีย์เจอนี่น่าจะกลางๆ ไม่แรงหรือน้อยเกินไปเป็นความผิดของฉันเองด้วย รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแพ้อาหารแต่ไม่ตรวจให้ดีก่อนจะกิน ห่วงกินจนได้เรื่อง“ณดาครับ ชนแก้วกันหน่อยไหม” พี่แซม พี่รหัสของอลันเดินเข้ามาคุยกับฉันเป็นรอบที่สิบแล้วมั้ง เขาดูเหมือนจะสนใจตัวฉันพอสมควร เพราะรอบก่อนก็พึ่งจะขอช่องทางโซเชี่ยลไป รอบนี้วนกลับมาชนแก้วอีกแล้ว“ไม่ดีกว่าค่ะ ณดาอิ่มแล้ว” ฉันยิ้มตอบตามมารยาทไป เบื่อเต็มทีแล