โรงพยาบาล
ความเงียบปกคลุมพื้นที่ทั่วทั้งหน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในตัวเมืองท่องเที่ยวมากด้วยวัดเก่าแก่ขึ้นชื่อของไทย
แต่เสียงหัวใจของจันทร์เสี้ยวกลับดังก้องอยู่ในอกจนเหมือนจะหลุดออกมาเต้นนอกกาย
แววตาของเธอหม่นเศร้า ใบหน้าเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตาและเหงื่อจากความเหนื่อยล้าขณะเฝ้ารอคอยหมอเข้ากู้สัญญาณชีพผู้เป็นยาย
ดวงตาคู่นั้นจับจ้องบานประตูไม่กระพริบ มีเพียงบางคราวที่ปรายตามองน้องสาววัยหกขอบซึ่งนอนหลับอยู่บนตักของเธอ
เวลาผ่านไปช้า ๆ ในที่สุดประตูบานนั้น..
ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก พร้อมกับคุณหมอเดินออกมาด้วยสีหน้าเข้มขรึมเพื่อแจ้งอาการของยาย
"ญาติคนไข้ ของคุณยายดวงแขใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ"
"ตอนนี้คุณยายปลอดภัยแล้วนะครับ แต่ต้องรีบผ่าให้เร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นอันตรายถึงชีวิต"
"เดี๋ยวหมอจะแจ้งแผนการรักษากับญาติอีกครั้งนะครับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ นะคะ"
เธอรู้สึกโล่งใจในทันทีที่ยายปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับเกิดความรู้สึกกังวล
เพราะยายต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องไม่อย่างนั้นยายของเธอคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
"พี่คะ หนูปวดฉี่"
ในขณะเดียวกันเสียงของพระจันทร์ที่กำลังงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่นเรียกหาพี่สาวด้วยอาการปวดฉี่ ได้ปลุกให้จันทร์เสี้ยวออกจากภวังค์ความคิด
"เดี๋ยวพี่พาไป"
มือน้อย ๆ จูงมือเรียวเดินมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
ระหว่างทางเดิน ผ่านร้านสะดวกซื้อ พระจันทร์สลัดมือพี่สาว วิ่งไปยืนเกาะกระจก มองขนมเรียงรายน่าทาน
และภาพสะเทือนใจพี่สาวเช่นเธอคือ เด็กสาวตัวน้อยแก้มใสคนหนึ่งที่กำลังหยิบขนมใส่ตะกร้าอย่างล้นหลาม โดยที่พ่อกับแม่ไม่ห้าม
"พระจันทร์ ไปกันเถอะห้องน้ำทางนี้"
เธอวางมือเบา ๆ โอบไหล่น้องสาว พระจันทร์แหงนหน้ามา ด้วยสายตาเศร้าหม่น พร้อมกับตัวที่ไม่ยอมผละตามออกไป
"พี่คะ หนูหิว"
เสียงของน้องมันไม่ได้ดังมากแต่มันกระเทือนไปถึงขั้วหัวใจของเธอ มือบางล้วงหาเงินในกระเป๋า พบเพียงเงินเหรียญสามบาท
ความรันทดถึงขนาด แม้เพียงเงินซื้อขนมสักชิ้นยังไม่อาจทำได้ มันสร้างความอดสูใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก
เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาเอาไว้อย่างสุดกำลัง ขาทั้งสองทรุดลงพื้นอย่างอ่อนแรง และดึงน้องสาวเข้ามากอด
"พี่ไม่มีเงินเหลือเลย วันหลังนะพี่สัญญาน้องจันทร์"
...เพียงแค่ขนมชิ้นเดียว ทำไมฉันถึงไม่สามารถทำให้ให้น้องได้...ยิ่งคิดหัวใจของผู้เป็นพี่ที่เป็น ทั้งพ่อและแม่ให้กับน้อง มันกลับมีแต่รอยน้ำตา
"ค่ะ"
เสียงขานรับอย่างว่าง่ายของพระจันทร์ หัวใจของเธอราวกับว่าเหมือนโดนเข็มทิ่มนับพันนับหมื่น
ถึงแม้พระจันทร์ยังเด็กมากแต่ก็เป็นเด็กรู้ความ เธอเข้าใจฐานะทางบ้านดี จึงไม่งอแง และเดินตามพี่สาวไปเข้าห้องน้ำ
หน้าห้องน้ำ
สายตาว่างเปล่า มองทอดออกไปอย่างไร้ทิศทาง
...ตั้งแต่ปีนั้นเพราะ ลูกผู้มีอิทธิพลประจำถิ่น ไม่เคารพกฎจราจร นำมาซึ่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แก่ครอบครัวของเธอ
ทั้ง พ่อ แม่ น้าสาว และน้าชาย พวกเขาต่างจากไปพร้อมกันในวันนั้น
อุบัติเหตุที่คู่กรณี สมอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจและคดีก็จบลงที่ประมาทร่วม เป็นแค่เพียงตำนานให้คนเล่าขาน
ความยุติธรรมไม่เกิดกับผู้ยากจน...
ครอบครัวที่เคยอบอุ่นบัดนี้ เหลือเพียงยายที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เธอจันทร์เสี้ยว และน้องสาว
...ภาพบรรยากาศทานข้าว เสียงหัวเราะเรื่องมุกตลกในโต๊ะอาหาร กับข้าวรสมือแม่ พ่อที่ทำตามใจแม่ทุกอย่าง น้าชายที่รักหลานสุดชีวิตและน้าสาวผู้ช่างเพ้อฝันเพราะชอบอ่านนิยาย...มันไม่มีอีกแล้ว...
จากเด็กสาวตัวน้อยของบ้าน ในวันนั้น
และในวันที่...ไม่เหลือที่พึ่งพิง จันทร์เสี้ยวจึงต้องกลายเป็นเสาร์หลักของบ้าน
ดูแลยายที่ป่วยต้องได้รับการรักษาโดยด่วน และให้คุณภาพชีวิตพื้นฐานแก่พระจันทร์แทนพ่อกับแม่
วุฒิการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายหางานลำบากแถมเธอไม่อาจทอดทิ้งคนที่เหลือเพียงไม่กี่คนในโลกใบเล็กของเธอไว้ตามลำพัง
จันทร์เสี้ยวรับจ้างทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน แต่ก็ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
...อะไรกันนะที่เธอทำแล้วถึงจะได้เงินเยอะ ๆ มาจ่ายค่าผ่าตัดของยาย และเลี้ยงน้อง เธอต้องทำอย่างไร...แม่คะ พ่อคะ จันทร์ต้องทำอย่างไรคะ...
~ตุ๊บ~โครก~
ร่างบางยืนอย่างเลื่อนลอยไม่ทันระวังโดนอกกว้างของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังกดโทรศัพท์ไม่มองทางชนเข้าให้อย่างเค็มแรง ทำเอาเธอถึงกับเซถลาล้ม ลงพื้น
น้ำตาที่ทนเก็บไว้ บัดนี้มันได้พังทลายพร้อมกับตัวเธอที่ล้มฟุบอยู่ที่พื้น
"ขอโทษนะครับ เป็นอะไรหรือเปล่า"
บุรุษสูงโปร่งผู้นั้นรีบละสายตาจากมือถือ พยุงร่างบางที่เขาเผลอชน
เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ เพราะมันสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เธอคงจะเจ็บมากถึงได้เสียน้ำตา
"ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
"เดี๋ยวผมพาไปหา หมอเดินไหวไหม"
เขากำลังพยายามชดเชยโดยจะอุ้มเธอไปหาหมอ
"ฉันไม่เป็นไรค่ะ อย่าสนใจฉัน"
"ไม่เป็นไรได้ยังไง คุณร้องไห้ขนาดนี้ "
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ"
ร่างบางรีบยันตัวลุกขึ้นพร้อมกลับกำลังจะเดินจากไป
~หมับ~
แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้
"ผมรู้สึกผิดจริง ๆ ครับ "
"ไม่รู้ว่าคุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" "ถ้าเกิดคุณกลับบ้านไปแล้วมีปัญหาหรือบาดเจ็บตรงไหน"
"โทรหาผมนะครับ ผมยินดีช่วยเสมอ"
เขาวางกระดาษหนึ่งใบบนมือของจันทร์เสี้ยว ก่อนเดินจากไปยังห้องน้ำชายอีกฝั่ง
หลังจากเขาเดินจากไป เธอพลิกกระดาษใบนั้น เป็นนามบัตรปรากฏชื่อพร้อมที่อยู่เบอร์โทร
คุณทิวสน ศิลายางกูล (ทิวสน)
"พี่คะไปกันเถอะ"
เธอเก็บกระดาษใบนั้นเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจูงมือพระจันทร์ไปเฝ้ายาย
วันถัดมา
แสงแดดในตอนเช้าไม่ร้อนมากมายแต่แสงของมันทำให้เธอเดินหลบเลี่ยงเพื่อไม่โดนมัน ร่างกายที่เหนื่อยล้า มิสู้หัวใจที่อ่อนแรง
วันนี้เธอมาพบหมอเพื่อรับทราบแผนการรักษาของยาย ความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่
ค่ารักษาของยายสามารถใช้สิทธิ์ค่ารักษาสำหรับคนไทย แต่ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม 25,000 บาท
สำหรับเธอและครอบครัว มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แม้แต่เงินจะซื้อข้าวสารกรอกหม้อให้พ้นแต่ละเดือนยังยาก
ใบหน้าอิดโรยจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ พร้อมกับอาหารยังไม่ตกถึงท้อง ร่างกายจึงส่งสัญญาณเตือน
ทุกอย่างดับวูบมืดสนิท
"คุณครับ คุณ"
พลเมืองดีเดินตามหลังมา เข้าช่วยเหลือทันท่วงที เมื่อหญิงสาวตรงหน้าจู่ ๆ เกิดเป็นลมลัมพับลงไปที่พื้น
เขาจำเธอได้หญิงสาวที่เขาชนล้มหน้าห้องน้ำ เมื่อหลายวันก่อน
เขาจดจำเธอได้ดี ไม่เรียกร้อง ไม่ต้องการความรับผิดชอบจากอีกฝ่ายทั้งที่เป็นผู้ถูกกระทำ
ร่างบางไร้สติ แขนแกร่งถือวิสาสะอุ้มเธอไปยังตึกรับผู้ป่วยเบื้องต้น
บุรุษพยาบาล เห็นคนในอ้อมแขนหมดสติเขารีบเข็นเตียงมารับ เธอที่นอนแน่นิ่งไปไม่ไหวติง
"ฝากด้วยนะครับ ผมรีบ ผมเจอเธอเป็นลมอยู่ เลยพามาส่งโรงพยาบาล"
...
ภายในห้องฉุกเฉิน เสียงผู้คนขวักไขว่ ทำงานอย่างรีบเร่ง ค่อย ๆ ดังเข้าไปในการรับรู้จากการหมดสติ จันทร์เสี้ยวลืมตาตื่นขึ้นมา กวาดสายตามองไปทั่วห้อง
"ฟื้นแล้วเหรอคะ คนไข้เป็นลมค่ะ"พยาบาลสาวสวยเดินเข้ามาเพื่อสอบถามอาการ
"หนูมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงคะ"
เธอยันตัวลุกขึ้นนั่ง นึกภาพในหัว ถึงลำดับเหตุการณ์ ก่อนที่ตนจะหมดสติ
"พลเมืองดีพาคุณมาส่งค่ะ รอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ในระหว่างนอนรอน้ำเกลือหมด เธอค่อย ๆ ไตร่ตรองซ้ำ ๆ ไปมาอยู่หลายรอบ ถามหัวใจตัวเองบ่อยครั้ง คำตอบที่ได้คือ
หากไม่ทำเช่นนี้ เงินรับจ้างทั่วไปไม่พอค่ารักษาของยาย
และชุดนักเรียนราคาไม่กี่ร้อยแต่แสนแพงสำหรับเงินในกระเป๋าเธอ สร้างความรู้สึกผิดที่มีต่อพระจันทร์ไม่น้อย
ศักดิ์ศรีของคนยากจนเช่นเธอ แต่เดิมที ไร้คนมองเห็น
เพราะสำหรับคนรวยแค่ปรายตามองด้วยหางตาก็ถือว่าบุญแล้ว พวกเธอก็แค่ขยะมูลฝอยไร้ค่า ไร้ราคา และเพื่อคนที่เธอรักแล้ว
ต่อให้แลกด้วยวิญญาณ
เธอยอมแลก เธอจะขายมัน
เธอก็จะทำ
โซ่ตรวนแห่งความจนที่พันธนาการเอาไว้ เธอจะเป็นคนปลดมันเอง
"ยายจ๊ะ ยกโทษที่หลานไม่อาจทำตามคำสอนของยาย"
"เพื่อยายจะได้หาย และพระจันทร์จะได้มีเงินเรียน"
อีกฝากหนึ่งของเมือง
เรือนดอกแก้ว แม่ออนผู้มากด้วยอิทธิพล ขึ้นชื่อลือชา เรื่องให้โอกาสเด็กสาวที่มีใจรักงานบริการ
ใครขี้เกียจทำงานไม่ชอบตากแดด เหงื่อออกในที่แจ้ง แล้วชอบเหงื่อออกในห้องแอร์ หวังความสุขสบาย ใช้เรือนร่างแรกเงิน
เรือนดอกแก้วพร้อมอ้าแขนรับอย่างเต็มใจ
วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาส่งจันทร์เสี้ยวถึงหน้าประตูเรือน เธอยืนนิ่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างกระพริบถี่ มองประตูอย่างเต็มตา
ที่นี่...คือที่...เธอจะขายความเป็นคน ใช้เรือนกายแลกชีวิตของยาย
ทุกคนล้วนมีฝัน จันทร์เสี้ยวเองก็เช่นกันฝันถึงชายหนุ่มในดวงใจ ความบริสุทธิ์ที่มีเธอหวังมอบให้เขาในวันวิวาห์
แต่นั้นมันเป็นอดีต.. ความคิดเพ้อฝันถึงความรักหวานชื่นเช่นเด็กสาวทั่วไปถูกพับเก็บใส่กุญแจปิดตาย
เมื่อเธอต้องกลายเป็นเสาร์หลักของบ้านเธอมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ แม่สามีบ้านไหนเลยจะยอมรับคนแบบเธอเป็นสะใภ้
ใครเล่าจะยอมปล่อยให้ลูกของตนมาลำบากกับผู้หญิงที่ไม่อะไรเชิดหน้าชูตาแก่วงศ์ตระกูลเขาได้
เธอปัดไล่ความคิด และยอมรับในโชคชะตา
หลับตาข้ามผ่านธรณีประตูไป มีสตรีท่านหนึ่งออกมาต้อนรับ และเชิญเธอเข้าไปยังห้องส่วนตัวเจ้าของเรือนดอกแก้วแห่งนั้น...
ในเมื่อขาก้าวเข้าประตูไปแล้ว ไม่มีทางถอยแล้วนะจันทร์เสี้ยว...
ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จันทร์เสี้ยวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้าให้พระจันทร์อย่างเบามือ สายตาของเธอจ้องมองร่างน้องสาวราวกับกลัวว่าน้องจะมลายหายไปได้ ส่วนทิวสนโทรสั่งให้กิตติเตรียมแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้เขา และตั้งแต่ได้เอกสารกองโตมาเขาก็เปิดโน๊ตบุ๊ค ตั้งหน้าตั้งตาทำงานราวกับว่าตนเองเป็นธาตุอากาศ ไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงกระดาษเปิดไปปามาดังเบา ๆ หลังจากจัดการเช็ดตัวน้องเสร็จเธอจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุดที่เขาสั่งกิตติไปซื้อมาให้ เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขายาวที่ความยาวของมันมากกว่าความสูงของเธอ จนชายผ้าไปกองอยู่ที่ข้อเท้าร่างบางในชุดยักษ์เดินออกมา จากห้องน้ำ ทำเอาสายตาคมของทิวสนที่ไม่ได้ตั้งใจมองในขณะดื่มน้ำแทบสำลักน้ำในปากใบหน้าหน้าหล่อเหล่าพร้อมสายตาคมจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่ รอยยิ้มจึงค่อย ๆ ผุดออกมา เขารู้สึกภูมิใจในตัวกิตติมากที่ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี ชุดที่เขาสั่งมาให้เธอ คือมิดชิด "คุณยิ้มอะไรคะ หรือว่าจันทร์หยิบผิด แต่ไม่น่าจะผิดเสื้อผ้าคุณมีแต่สีทะมึน"มือบางเปิดดูถุงอีกสี่ห้าใบ ของเขามีแต่สีทึบ ส่วนของเธอก็สีหวานสดใส แต่ทุกตัวล้วนแต่เป็นชุดโอเวอร์ไซซ์ทั
ทิวสนเข้าไปนั่งในรถมองกระจกหลังที่สะท้อนภาพ จันทร์เสี้ยวถึงแม้เธอนั่งในร่มแต่ลมพัดเอาละอองฝนกระทบร่างบาง จันทร์เสี้ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหนาวเย็นของลมพายุ แล้วยังโดนฝนสาดอีก ดวงตาหวานมองผ่านม่านน้ำฝนออกไปยังคงเห็นรถของเขาจอดอยู่ คนใจร้าย...ทันใดนั้นรถหรูคันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปทันที น้ำที่ตาเอ่อล้นออกมา จันทร์เสี้ยวยิ้มให้กับตัวเองสมเพชที่คิดว่าเขามีใจให้เธอสักนิดทันใดนั้น...รถคันสีดำ มาจอดตรงป้ายรถประจำทาง ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเขาชายถือร่มเดินลงมาท่ามกลางพายุ "หนาวแย่เลย ให้ผมไปส่งบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ"ขอบคุณคุณชีวินมากเลยค่ะ แต่จันทร์เสี้ยวเกรงใจค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขอบคุณในน้ำใจที่เขามีต่อเธอ แต่คนที่กำลังจะแต่งงานไหนเลยจะกล้าขึ้นรถไปกับชายอื่นเพียงลำพัง"ไม่ต้องเกรงใจหรอกถือซะว่า เพื่อนไปส่ง อีกอย่างคุณตากฝนนานขนาดนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ" "ถ้าอย่างนั้นจันทร์รบกวนด้วยนะคะ" ชีวินเป็นสุภาพบุรุษทั้งคำพูดและการวางตัว เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้จันทร์เสี้ยวนั่งเรียบร้อยพร้อมปิดประตูรถให้อย่างเบามือ ก่อนตนเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทุกการกระทำขอ
เสียงหวานดังกล้องสะท้อน เงาทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจเหนื่อยหอบราวกับวิ่งระยะไกล เหงื่อผุดบนเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งเธอและเขา บทเพลงท่วงทำนองเคล้าคลอจบลง "คุณไม่ได้ใส่....ทำไมถึงปล่อย...." "อีก 5 วันเธอต้องเป็นเมียฉัน" "ของพันธุ์นั้นยังต้องใช้อีกเหรอ" "ฉันไม่ได้พกยามาด้วย" "ห้ามกินนะ มันอันตราย" เขาห่วงฉันเหรอเนี่ย "ขอบคุณที่ห่วงจันทร์นะคะ" ไร้เสียงตอบกลับจากเขา จันทร์เสี้ยวจึงเลิกสนใจเพราะพูดไปเสียอย่างไรก็ไร้ความหมายกับคนที่พูดน้อยแต่ดื้อเช่นเขา จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้สึกเหนี่ยวเหนอะหนะจึงผละตัวไปอาบน้ำ เสียงเปิดฝักบัวน้ำปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านร่างเปลือยเปล่า ดึงดูดให้สายตาคมของเขาเจ้าแห่งป่า มองร่างหญิงตรงหน้าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไป และยิ่งเธอขยับตัวถูไถตามร่างกายสร้างความเย้ายวนในใจไม่น้อย และมันได้ปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่พึ่งมอดไหม้ไปเพียงไม่กีนาทีให้ลุกโชนอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าหาร่างอรชรทางด้านหลังใช้สายตามองราวกับไม่เคยเห็นใช้นิ้วไล้แตะเคล้าคลึงเนินมนพร้อมกับกดจมูกไซ้คอเรียว จันทร์เสี้ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอเธอ ทำได้เพียงหลับตาพริ้มเผย
“แต่งสายฟ้าแลบเหรอ? ผู้หญิงอย่างจันทร์เสี้ยวเนี่ยนะ?” เสียงนินทาแว่วมาตามลมปนกลิ่นเหงื่อแดดบ่ายของตลาดบ้านนา เธอไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว แต่คราวนี้มันเกินทน “ยายมันขายหลานให้เศรษฐีไง ถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้” “นั่นสิ เศรษฐีที่ไหนจะเอาเด็กกระโปโลไปทำเมีย ถ้าไม่ใช่เมียน้อย” “ฉันว่ายายคงปล่อยให้ท้องก่อนนั่นแหละ ถึงได้กล้าประกาศแต่งงาน! “แหม...เชื้อมันแรงนะ ยายดวงแขนั่นก็แย่งผัวเขามาเหมือนกัน” “ใช่ ได้ข่าวว่าเมียเก่าได้ก่อน ยายดวงแขแต่งทีหลังอีก!” เสียงหัวเราะแหลมคมประสานกันราวมีดข่วนกระจก จันทร์เสี้ยวเดินผ่านเงียบ ๆ ไม่เคยโต้ตอบ จนกระทั่ง... ผัวะ! เสียงฝ่ามือปะทะแก้มดังลั่น หัวผู้หญิงคนนั้นหันตามแรงตบก่อนชะงักด้วยความตกใจ “อีจันทร์ มึงกล้าตบกูเหรอ!” “ใช่ ถ้ายังไม่หุบปากเน่า ๆ พวกพี่นั่นแหละ” “อีจันทร! มึง...” เสียงกร้าวหักหาญ กลายเป็นตะปบรวมจากฝูงหญิงที่เคยนินทา จับแขนจันทร์เสี้ยวไว้แน่น ราวฝูงหมาเห็นเหยื่ออ่อนแรง ผัวะ! ตบสวนกลับมา หน้าของเธอสะบัดตามแรง แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้สะใจ ปึก! เธอถีบสวนกลางท้อง ทำให้ร่างนั้นเซล้มไป “ได้ผัวรวยหน่อย กล้าหือเห
รุ่งอรุณแสงแดดลอดผ้าม่าน ทิวสนยงคงหลับสนิทที่ห้องนอนของตนเอง เขาออกจากห้องจันทร์เสี้ยวเกือบเช้าก่อนที่คุณยายจะตื่นมาเตรียมของใส่บาตรเมื่อคืนเด็กของเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนเขาไม่อยากจากเธอ"ได้ค่ะ งั้นจันทร์จะทำหน้าที่นี้"จันทร์เสี้ยวขึ้นคร่อมตักเขาอย่างแนบแน่นโดยไม่รีรอเธอก็โน้มตัวลง...ริมฝีปากประกบกับเขาแนบแน่นไม่ทันได้หายใจ จูบนั้นก็ลุกลามราวกับไฟที่ไม่มีใครหยุดได้เขาตอบรับทันที มือทั้งสองเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังเธอแน่นเสียงลมหายใจกลายเป็นเพียงจังหวะของอารมณ์ที่ระอุอยู่กลางอก"ต่อสิ"เสียงทุ้มเริ่มสั่นไหวจันทร์เสี้ยวใช้ปลายลิ้นไซ้คอ ลมหายใจร้อนผ่าวไล้ตามแนวเส้นเลือดสัมผัสนั้นแผ่ซ่านจนทำให้ทิวสนต้องขบกรามแน่นมือเรียวแตะไหล่เขาแนบ ก่อนจะเลื่อนลงประคองต้นแขนอย่างมั่นคงทุกความเคลื่อนไหวเธอทำด้วยความตั้งใจและแรงปรารถนาแบบไม่ลดละเพื่อให้เขาพึงพอใจมือเรียวไม่รอช้าเลื่อนขึ้นไปจับชายเสื้อเขานิ้วแตะไปที่กระดุมตัวแรกอย่างมั่นใจปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ ชวนให้ใจสั่นไหวริมฝีปากยังคงลากไล้ไปตามซอกคออย่างไม่ลดละทิวสนเผลอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกร้อนผ่าวโอบกอดจนหมดใจทิวสนส่ง
สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคล้าคลึงหนักหน่วงเธอเผลอแอ่นกายตอบรับ ไม่ใช่เพราะปรารถนา แต่เพราะลมหายใจของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจ ราวกับมันไม่เคยจากไปเลยสักวินาทีเดียว“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ไม่มีถุงยาง”เสียงเธอดังขึ้น...เบาแต่ชัดเจนพอจะหยุดทุกการเคลื่อนไหว เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับในทันที ราบเรียบแต่แฝงความขัดใจ“คืนนี้มันไม่จำเป็น...“จำเป็นสิคะ”เธอปรายตามองเขานิ่ง ๆ “คุณไม่กลัวเหรอ? จันทร์เป็นเด็กขายตัวนะคะ ต้องรับแขกมากมาย...”เธอหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ทั้งประชด ทั้งเจ็บ“อีกอย่าง...คุณก็นอนกับใครไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”กับคนอื่น เขาไม่เคยต้องอธิบายพวกเธอพร้อมถวายกายถวายใจใต้เนื้อเขาราวกับนางบำเรอศิโรราบผู้จงรักแต่กับเด็กสาวบ้านนอกหน้าตาเรียบง่ายคนนี้...เขากลับต้องตั้งรับ ต้องหาคำพูด ต้องกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดทำไม ทิวสน... แค่เด็กขายตัวคนหนึ่ง ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะเจ็บสมองสั่งให้เย็นชา แต่หัวใจกลับเต้นโครมครามจนไม่ฟังเขาเอ่ยออกไปทันที ปากนำหน้าสมองเสียด้วยซ้ำ“ฉันนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง แต่ฉันมั่นใจในตัวเอง...”เขาโน้มตัวลง กระซิบช้า ๆ“ต