เจ๊ออน
ภายในห้องทำงานข้าวของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ จันทร์เสี้ยวเคาะประตูสองสามทีพลางยืนคอยสักพัก
ก็อก ก็อก ก็อก
"เข้ามาได้"
ในทันทีเสียงอนุญาตดังออกมาเชื้อเชิญ ให้ร่างบางที่หัวใจเต้นระรัว อยู่หน้าประตูเข้าไป
เดินหน้ามาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ถอยหลัง
ท่องไว้จันทร์เสี้ยว
เพื่อยาย
เพื่อน้อง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและ เดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
หญิงวัยกลางคนใบหน้าเรียวคมสวยงามสะดุดตา จันทร์เสี้ยวลอบมองท่าทีการดีดลูกคิดอย่างชำนาญช่างเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดเหลือหลาย
"คิดดีแล้วเหรอ ว่าจะเดินทางสายนี้"
"ค่ะ" เธอเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบ
เมื่อได้รับคำตอบ หญิงวัยกลางคนละสายตาจากการคิดบัญชี เดินเข้ามาหาเธอที่ยืนอยู่
มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ดวงหน้าเรียวมนประดับด้วยตากลมโต ขนตางอนงามเป็นแพ ปากอวบอิ่มและจมูกคมสวยได้รูป พวงแก้มใสเผยเลือดฝาด รูปร่างอรชรความสูงพอประมาณ
เจ๊ออนพินิจหญิงสาว อยู่ครู่หนึ่ง เขายิ้มเยาะอยู่ในใจ
นี่มันช้างเผือกตัวงามเชียว...ป่าไหนกันช่างปล่อยของล้ำค่าออกมา
จันทร์เสี้ยวยืนตัวตรงนิ่ง แม้เกิดอาการหวั่นใจ และเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าและร้อยยิ้มของคนที่รักเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นก็พันหายวับไปในทันที
เจ๊ออนสมญานาม สตรีไร้พ่าย ที่ผู้คนในแวดวงสายงานสีเทาต่างพากันนับถือ เธอไม่เคยก้มหัวให้ผู้ใด
แม้เจ๊ออนจะทำนาบนหลังคน ใช้ความสาวของลูกผู้หญิงด้วยกันหาเงิน ทว่าหัวใจของเธอก็ไม่ได้เลวร้ายหน้าเลือดผิดมนุษย์มนา
มีแต่ความโอบอ้อมอารีแก่สตรีในบ้าน ทุกคนถึงเรียกเจ๊ออนว่าแม่ได้เต็มปาก
กฎการรับคนเข้าบ้านมีเพียงหนึ่งข้อคือ
ขอเพียง เป็นสตรี...
เสียงแหลมเข้มกล่าวพลางใช้ปลายพัดที่ถืออยู่ในมือ เชยคางมนให้เอียงซ้ายเอียงขวาตาม เพื่อดูให้ถนัดตา
เจ๊ออนรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวเป็นอย่างมาก ถึงกับอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของจันทร์เสี้ยว
ไม่เพียงแค่คิดจะรับเธอส่ง ๆ เหมือนเด็กสาวทั่วไป
"ชื่ออะไรน่ะเรา"
"จันทร์เสี้ยวค่ะ"
"ลูกเต้าเหล่าใคร ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ"
"'หนูเป็นหลานของยายดวงแข มีน้องหนึ่งคน ส่วนพ่อแม่ น้าสาว น้าชาย ตายหมดค่ะ"
จันทร์เสี้ยวเล่าด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนั้น
"แล้วสวยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เลือกทำอย่างอื่นล่ะ"
วัดด้วยสายตาและจากประสบการณ์ที่ตนนั้นเก็บสะสมมาเกือบค่อนชีวิต พอจะมองออกว่าเด็กสาวนิสัยดีใช้ได้
หากมีทางให้เลือกเดินเธอไม่มีทางเดินบนเส้นทางนี้โดยเด็ดขาด เธอต้องมีเหตุผล
"ยายต้องผ่าตัด จันทร์ต้องงานเงินค่ะ"
จันทร์เสี้ยวตอบด้วยเสียงเรียบแต่เข้มขัน
"หนูทำงานรับจ้างทุกอย่างที่ได้เงิน เพื่อเลี้ยงยาย และน้อง แต่รายได้ไม่เคยพอกับค่าใช้จ่าย"
"มันไม่พอค่ะ ทั้งที่หนูพยายามแล้ว"
แววตาเศร้ากระพริบถี่
"ยังถือพรหมจันทร์ใช่ไหม"
"คะ? ค่ะ"
"หนูต้องการเงินค่าผ่าตัดเท่าไหร่ ฉันจะออกให้เธอก่อน แล้วมาทำงานใช้หนี้ "
"25,000 บาท นี่ค่ะเอกสารที่หมอให้มา"
เจ๊ออนรับ หนังสือแผนการรักษามามองกวาดสายตาด้วยความเร็ว แต่แล้วก็ สะดุดที่นามสกุล
นางดวงแข รุ่งเรือง
หัวใจที่ร้อนนานนับหลายปี เย็นวาบในทันที
ความสั่นของมือเกิดโดยอัตโนมัติ เจ๊ออนคว้าสร้อยคอที่สวมใส่ออกมา ทั้งค่อย ๆ เปิดสร้อยทองจี้หัวใจ
ความเศร้าเข้าปกคลุม น้ำตาเม็ดโตหยดลงรูป เธอรีบเอามือเช็ดออกอย่างลนลานเกรงว่าสิ่งนั้นจะบุบสลาย
"สร้อยเส้นนี้พี่ขอหมั่นน้องไว้ก่อนชอบไหม"
"ชอบจ้ะ"
ภาพวันวานย้อนหวนคืนกลับมา ยิ่งพาหัวใจให้ คิดถึงชายที่รัก
เพื่อความแน่ใจ ว่าเขายังมีชีวิตอยู่เจ๊ออนจึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้งและในใจภาวนาให้นเรศแต่งงานมีความสุขกับใครสักคน
ถึงแม้ชาตินี้ไร้วาสนาไม่อาจครองคู่กันแต่ก็หวังดีเสมอ
"หนูบอกว่าอะไรนะ นเรศ รุ่งเรืองตายแล้วอย่างนั้นเหรอ"
เสียงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ใช่ค่ะ 2 ปีก่อนคนเมาขับรถชนประสานงาน "
เจ๊ออนถึงกลับหลั่งน้ำตาทันที ปล่อยความเสียใจ มือกำสร้อยจี้หัวใจคล้ายกำหัวใจตัวเองที่ร้าวราน
ทำไมพี่ถึงไม่ใช้ชีวิตให้ดี ฉันหวังว่าพี่จะมีสุข
นึกถึงเธอในวัยเยาว์...
ออนในวัยแรกแย้ม พบรักกับชายหนุ่มรูปงาม นั้นก็คือ นเรศ น้าชายของเด็กสาวตรงเบื้องหน้า
ความรักของทั้งคู่สุกงอมจวนจะจูงมือกันและกันเข้าประตูวิวาห์
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็พันเกิด แม่พ่อของเธอได้จับเธอแต่งงานไปกับลูกคนรวย
คนที่ผิดสัญญาก่อนคือเธอ และชีวิตแต่งงานที่พ่อแม่เลือกให้
ราวกับฝันร้าย เขาทั้งทุบตีด่าทอ จนวันหนึ่งฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้น มีดใช้ทำกับข้าว ถูกปักลงกลางใจของสามีชั่วเขาคือเดรัจฉานในคาบคน รอยเปลือดกระเซ็นเปื้อนดวงหน้าขาว มือบางเช็ดออกหมดจดราวกับหมดใจ
หลังจากพ้นโทษ เธอจึงเริ่มสร้างบ้านเรือนดอกแก้ว ให้แก่ผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางไปได้พึ่งพิง
"ขอโทษนะจ๊ะที่น้ากลั้นน้ำตาไม่อยู่"
"น้า ?"
จันทร์เสี้ยว ทวนคำพูดของสตรีงามเบื้องหน้าที่ร้องไห้ในทันที เมื่อรู้ว่าน้าขายของเธอได้จากไปตั้งแต่สองปีก่อน
"ใช่จ้ะ น้าเป็นเพื่อนเก่าของนเรศ"
"เอาเงินนี้ไปรักษายายเลยนะไม่ต้องทำงานที่นี้หรอก"
เจ๊ออนเอื้อมมือไปแตะมือจันทร์เสี้ยวถุงเงินถูกยัดลงบนมือเรียว อย่างตั้งใจ
จันทร์เสี้ยวสะดุ้งเล็กน้อย พลางเอาเงินคืนเจ๊ออน
"รับไปเถอะ น้าเต็มใจ"
"ขอบคุณค่ะ อย่างงั้นเงินนี้หนูยืมนะคะ"
เพียงแค่เธอมีเงินเป็นค่ารักษายายในทันทีมันก็ดีต่อใจเธอมาก็แล้วบุญคุณท้วมฟ้า เธอต้องหาทางตอบแทน
"เมื่อเสร็จธุระแล้ว หนูจะมาทำงานใช้หนี้ทันทีค่ะ"
น้าออนวางมือลงบนหัวอย่างเอ็นดู
"ถือซะว่าน้าช่วยแม่เพื่อนได้ไหม"
"ขอบคุณนะคะ"
ออนสวมกอดจันทร์เสี้ยวด้วยความรักราวกับว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกที่พลัดพรากกัน
ถึงอย่างไร เธอก็จะหาเงินมาคืนน้าออนอยู่ดี
หัวใจที่เคยตากแดดโดนฝนบัดนี้อบอุ่นอีกครั้ง จากสตรีพึ่งพบหน้าไม่ถึงวัน
นอกจากยายแล้ว
ก็คงมีแม่เล้านางยักษ์ผู้ใจดี คนนี้ที่เห็นเนื้อแท้ เห็นใจและเข้าใจเธอ...
คืนแห่งความมืดมน...
ในคืนก่อนจะนำเงินไปจ่ายที่โรงพยาบาล
"พระจันทร์ใกล้เปิดเทอมแล้ว เอาหนังสือมาอ่านให้พี่ฟังหน่อยสิ ลืมหมดแล้วมั้งปิดเทอม"
"ถ้าหากอ่านเก่ง และคล่องแคล่ว พรุ่งนี้มีรางวัล"
เงียบ
"จะมีใครอยากกินขนมเซเว่นไหมนะ เลือกอะไรก็ได้"
ไม่มีเสียงตอบรับทั้งที่เอ่ยชื่อร้านที่เขาเฝ้ามองอยากเข้าไปทุกวัน
"หลับเหรอ!"
"พระจันทร์"
เธอเดินเข้าไปภายในบ้าน ต้องตกใจสุดขีด น้าชายเล็กเขากลับมา
ตั้งแต่จำความได้ทุกครั้งที่กลับบ้านไม่เคยมีเรื่องดีสักครั้ง มันเหมือนพายุที่พัดทุกอย่างให้ราบ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เหมือนมีฝ่ามือที่หยาบกร้านบีบหัวใจเธอจนแหลกละเอียด เมื่อพระจันทร์อยู่ในอ้อมแขนเขา
" เอาเงินมา 400,000 ไม่อย่างนั่นฉันจะเอาลูกฉันไป"
"พี่คะ ช่วยหนูด้วย เขาไม่ใช่พ่อของหนู "
"หนูไม่อยากไป"
ดวงตากลมโตส่งสายตาในเชิงขอร้องจ้องมองมายังจันทร์เสี้ยว ปากถูกปิดด้วยมือห้ามไม่ให้ส่งเสียงอีก พระจันทร์ทำได้เพียงสะอื้นให้เบา ๆ พร้อมกับคราบน้ำตาไหลที่อาบแก้ม
"คุณน้า เห็นไหมพระจันทร์ตกใจกลัวหมดแล้ว"
น้องสาวที่เธอรักและหวงแหนร้องด้วยความหวาดกลัว ใจของเธอร้อนราวกับไฟที่เติมฟืนและเชื้อเพลิง
"ไปหาเงินมา ไม่อย่างนั้นพระจันทร์ต้องไปกับฉัน"
น้าชายคือลูกที่เกิดกับเมียน้อยของตา ตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้เพียงสองเดือนแม่ก็จากไปด้วยโรคร้าย ตาหอบเด็กชายตัวอ้วนกลับบ้านมาให้ยายเลี้ยง
แต่เพราะความไม่รักดี เขาใช้ชีวิตในทางที่ผิด กินเหล้า เค้านารี ผีพนัน หนักสุดเป็นผู้ค้ายาที่ไม่ต้องใช้ใบประกอบวิชาชีพ
ตั้งแต่พระจันทร์เกิดได้ไม่กี่วัน เขานำเธอมาทิ้งไว้ แล้วหนีหายไปนานหลายปีการกลับมาของเขาในวันนี้ไม่ใช่คิดถึงลูกแต่
ต้องการเงิน เงินที่มากถึง 400,000 เธอจะไปหาจากไหน
"ขอเวลาฉัน สองอาทิตย์นะคะ"
"ไม่ 7 วัน ฉันต้องได้เงิน รับปากสิ"
"พวกมันจะฆ่าฉัน ฉันต้องเอาพระจันทร์ไปขัดดอก"
คำพูดที่ไม่ควรออกจากปากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ควรเป็นพ่อด้วยซ้ำ...
เสือร้ายมันยังไม่กินลูกตัวเอง แล้วนี้คนเป็นสัตว์ประเสริฐเพื่อกลบความชั่ว ความเลวทรามของตน ที่หลงมัวเมาปล่อยให้ผีการพนันเข้าสิง สร้างหนี้ขึ้นถึงขนาดยอมขายลูก
"ได้ ฉันรับปาก"
จันทร์เสี้ยวมือสั่น ลมหายใจขาดห้วง รีบตกปากรับคำ เมื่อนึกถึงความรู้สึกของพระจันทร์ที่ได้ยินคนเป็นพ่อจะขายเธอ
พระจันทร์ถูกปล่อยตัวจาการเกาะกุมเธอโผเข้าสวมกอดพี่สาวในทันที
"พี่ หนูไม่ไป" เสียงน้อย ๆ ของเธอราวกับมีดกรีดกลางใจเธอ
"ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่ยอมให้ใครมาเอาเธอไปทั้งนั้น"
โรงพยาบาล..
ในวันรุ่งขึ้น หลังจากจ่ายค่าผ่าตัดของยาย เธอหลบเลี่ยงผู้คนมายังสวนนั่งเล่นของโรงพยาบาล
เรื่องของยายพลันโลงใจไปแต่ซ้ำร้ายความกดทับจากอากาศยังไม่จางจากไป แต่มวลน้ำตามันกลับล้นเอ่อออกมาอย่างท่วมท้น
ขาทั้งสองอ่อนแรง ทรุดลงบนพื้นหญ้าเธอปล่อยใจให้น้ำตาไหลอย่างเงียบงัน
ความเหนื่อยล้า สะสม
ปัญหาเก่าที่ยังไม่คลาย ปัญหาใหม่กลับเพิ่มขึ้น
ต่อให้เธอเข้มแข็ง รับไหว ไม่เคยปริปากพูดสักครั้ง แต่เธอเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้นเสียใจได้ร้องไห้เป็น
ในวันที่หัวใจตกหลุมอากาศ ขอเพียงสิทธิ์ร้องไห้ปลอบใจแล้วจะลุกขึ้นใหม่
ทิวสนในระหว่างที่เขาพายายมานวด กลับเจอเธออีกแล้ว!
ภาพหญิงสาวคนนั้น
คนที่ชนเขาหน้าห้องน้ำ
คนที่เป็นลมต่อหน้าเขา
และวันนี้เธอคงเสียใจจริง ๆ ถึงได้ร้องไห้ในที่สาธารณะแบบไม่อายคน
น้ำตาเปียกปอนบนใบหน้างามและความอ่อนไหวนั้น มันช่างบีบคั้นความรู้สึกของเขาจับใจ เขาเหมือนถูกมนต์สะกดรู้ตัวอีกทีขาทั้งสองเดินตรงไปหยุดยืนข้างกายหญิงสาว
"คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
ผ้าเช็ดหน้าลายดอกทานตะวัน เล็ก ๆ ถูกยื่นให้เธอ
จันทร์เสี้ยวที่จมอยู่กับความขมขื่นของชีวิต
เพียงประโยคสั้น ๆ แต่ร้อยล้านความหมาย
ยิ่งมีคนปลอบ น้ำตาที่ไหลอยู่ ยิ่งไหลพรากราวกับฝนตกห่าหนึ่ง
เขาเป็นใครกันที่มาห่วงใยเธอ
ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ไม่มีคนเข้าใจหรือห่วงใยเธอเลย มีแต่เธอที่เป็นฝ่ายห่วงใยคนอื่น
ไหวไหม ทานข้าวหรือยัง
หรือสบายดีหรือเปล่า ในสายตาคนนอกต่างพากันสมเพส เวททนาคนฐานะต่ำต้อยเช่นเธอ
จันทร์เสี้ยวเงยหน้ามองผู้มาเยือนผ่านม่านน้ำตา ความรู้สึกซาบซึ้งในใจไม่ถูกเอ่ยออกมา
เธอใช้มือปาด ๆ เช็ด ๆ น้ำเจิ่งนอง ให้มันหายไป
"ผ้าเช็ดหน้าครับ สะอาดแน่นอน"
"ขอบคุณค่ะ"
จันทร์เสี้ยวรับน้ำใจพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ ถึงจะอบอุ่นแต่เธอไม่ควรคุยกับชายแปลกหน้า
ร่างบางรีบเดินจากไปทันที
ชายรูปร่างสูงโปร่ง แข็งแกร่ง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดกจมูกโด่งคมสัน ปากหยักได้รูป สวมเสื้อเชิ้ตพับแขนถึงศอก กางแกง สแลคขายาวสีดำ สวมนาฬิกาเรือนละหลายแสน
มิทันได้เอ่ย เธอก็จากไปเสียแล้วสายตาตมเข้มได้แต่มองตามหลังหญิงสาวที่ค่อย ๆ เดินห่างไปไกล
การพบกันเรียกได้ว่าอาจเป็นเพราะโลกกลม หรือพรหมลิขิตกันแน่
ทุกครั้งที่เจอเธอ มักจะทำให้เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย เหมือนว่าเธอเปราะบางก็ไม่ใช่เข้มแข็งก็ไม่เชิง
แต่ทุกครั้งที่เจอเธอแม้เสี้ยวนาที เขากลับอุ่นใจราวกับเจอเพื่อนเก่า
ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จันทร์เสี้ยวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้าให้พระจันทร์อย่างเบามือ สายตาของเธอจ้องมองร่างน้องสาวราวกับกลัวว่าน้องจะมลายหายไปได้ ส่วนทิวสนโทรสั่งให้กิตติเตรียมแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้เขา และตั้งแต่ได้เอกสารกองโตมาเขาก็เปิดโน๊ตบุ๊ค ตั้งหน้าตั้งตาทำงานราวกับว่าตนเองเป็นธาตุอากาศ ไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงกระดาษเปิดไปปามาดังเบา ๆ หลังจากจัดการเช็ดตัวน้องเสร็จเธอจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุดที่เขาสั่งกิตติไปซื้อมาให้ เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขายาวที่ความยาวของมันมากกว่าความสูงของเธอ จนชายผ้าไปกองอยู่ที่ข้อเท้าร่างบางในชุดยักษ์เดินออกมา จากห้องน้ำ ทำเอาสายตาคมของทิวสนที่ไม่ได้ตั้งใจมองในขณะดื่มน้ำแทบสำลักน้ำในปากใบหน้าหน้าหล่อเหล่าพร้อมสายตาคมจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่ รอยยิ้มจึงค่อย ๆ ผุดออกมา เขารู้สึกภูมิใจในตัวกิตติมากที่ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี ชุดที่เขาสั่งมาให้เธอ คือมิดชิด "คุณยิ้มอะไรคะ หรือว่าจันทร์หยิบผิด แต่ไม่น่าจะผิดเสื้อผ้าคุณมีแต่สีทะมึน"มือบางเปิดดูถุงอีกสี่ห้าใบ ของเขามีแต่สีทึบ ส่วนของเธอก็สีหวานสดใส แต่ทุกตัวล้วนแต่เป็นชุดโอเวอร์ไซซ์ทั
ทิวสนเข้าไปนั่งในรถมองกระจกหลังที่สะท้อนภาพ จันทร์เสี้ยวถึงแม้เธอนั่งในร่มแต่ลมพัดเอาละอองฝนกระทบร่างบาง จันทร์เสี้ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหนาวเย็นของลมพายุ แล้วยังโดนฝนสาดอีก ดวงตาหวานมองผ่านม่านน้ำฝนออกไปยังคงเห็นรถของเขาจอดอยู่ คนใจร้าย...ทันใดนั้นรถหรูคันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปทันที น้ำที่ตาเอ่อล้นออกมา จันทร์เสี้ยวยิ้มให้กับตัวเองสมเพชที่คิดว่าเขามีใจให้เธอสักนิดทันใดนั้น...รถคันสีดำ มาจอดตรงป้ายรถประจำทาง ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเขาชายถือร่มเดินลงมาท่ามกลางพายุ "หนาวแย่เลย ให้ผมไปส่งบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ"ขอบคุณคุณชีวินมากเลยค่ะ แต่จันทร์เสี้ยวเกรงใจค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขอบคุณในน้ำใจที่เขามีต่อเธอ แต่คนที่กำลังจะแต่งงานไหนเลยจะกล้าขึ้นรถไปกับชายอื่นเพียงลำพัง"ไม่ต้องเกรงใจหรอกถือซะว่า เพื่อนไปส่ง อีกอย่างคุณตากฝนนานขนาดนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ" "ถ้าอย่างนั้นจันทร์รบกวนด้วยนะคะ" ชีวินเป็นสุภาพบุรุษทั้งคำพูดและการวางตัว เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้จันทร์เสี้ยวนั่งเรียบร้อยพร้อมปิดประตูรถให้อย่างเบามือ ก่อนตนเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทุกการกระทำขอ
เสียงหวานดังกล้องสะท้อน เงาทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจเหนื่อยหอบราวกับวิ่งระยะไกล เหงื่อผุดบนเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งเธอและเขา บทเพลงท่วงทำนองเคล้าคลอจบลง "คุณไม่ได้ใส่....ทำไมถึงปล่อย...." "อีก 5 วันเธอต้องเป็นเมียฉัน" "ของพันธุ์นั้นยังต้องใช้อีกเหรอ" "ฉันไม่ได้พกยามาด้วย" "ห้ามกินนะ มันอันตราย" เขาห่วงฉันเหรอเนี่ย "ขอบคุณที่ห่วงจันทร์นะคะ" ไร้เสียงตอบกลับจากเขา จันทร์เสี้ยวจึงเลิกสนใจเพราะพูดไปเสียอย่างไรก็ไร้ความหมายกับคนที่พูดน้อยแต่ดื้อเช่นเขา จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้สึกเหนี่ยวเหนอะหนะจึงผละตัวไปอาบน้ำ เสียงเปิดฝักบัวน้ำปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านร่างเปลือยเปล่า ดึงดูดให้สายตาคมของเขาเจ้าแห่งป่า มองร่างหญิงตรงหน้าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไป และยิ่งเธอขยับตัวถูไถตามร่างกายสร้างความเย้ายวนในใจไม่น้อย และมันได้ปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่พึ่งมอดไหม้ไปเพียงไม่กีนาทีให้ลุกโชนอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าหาร่างอรชรทางด้านหลังใช้สายตามองราวกับไม่เคยเห็นใช้นิ้วไล้แตะเคล้าคลึงเนินมนพร้อมกับกดจมูกไซ้คอเรียว จันทร์เสี้ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอเธอ ทำได้เพียงหลับตาพริ้มเผย
“แต่งสายฟ้าแลบเหรอ? ผู้หญิงอย่างจันทร์เสี้ยวเนี่ยนะ?” เสียงนินทาแว่วมาตามลมปนกลิ่นเหงื่อแดดบ่ายของตลาดบ้านนา เธอไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว แต่คราวนี้มันเกินทน “ยายมันขายหลานให้เศรษฐีไง ถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้” “นั่นสิ เศรษฐีที่ไหนจะเอาเด็กกระโปโลไปทำเมีย ถ้าไม่ใช่เมียน้อย” “ฉันว่ายายคงปล่อยให้ท้องก่อนนั่นแหละ ถึงได้กล้าประกาศแต่งงาน! “แหม...เชื้อมันแรงนะ ยายดวงแขนั่นก็แย่งผัวเขามาเหมือนกัน” “ใช่ ได้ข่าวว่าเมียเก่าได้ก่อน ยายดวงแขแต่งทีหลังอีก!” เสียงหัวเราะแหลมคมประสานกันราวมีดข่วนกระจก จันทร์เสี้ยวเดินผ่านเงียบ ๆ ไม่เคยโต้ตอบ จนกระทั่ง... ผัวะ! เสียงฝ่ามือปะทะแก้มดังลั่น หัวผู้หญิงคนนั้นหันตามแรงตบก่อนชะงักด้วยความตกใจ “อีจันทร์ มึงกล้าตบกูเหรอ!” “ใช่ ถ้ายังไม่หุบปากเน่า ๆ พวกพี่นั่นแหละ” “อีจันทร! มึง...” เสียงกร้าวหักหาญ กลายเป็นตะปบรวมจากฝูงหญิงที่เคยนินทา จับแขนจันทร์เสี้ยวไว้แน่น ราวฝูงหมาเห็นเหยื่ออ่อนแรง ผัวะ! ตบสวนกลับมา หน้าของเธอสะบัดตามแรง แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้สะใจ ปึก! เธอถีบสวนกลางท้อง ทำให้ร่างนั้นเซล้มไป “ได้ผัวรวยหน่อย กล้าหือเห
รุ่งอรุณแสงแดดลอดผ้าม่าน ทิวสนยงคงหลับสนิทที่ห้องนอนของตนเอง เขาออกจากห้องจันทร์เสี้ยวเกือบเช้าก่อนที่คุณยายจะตื่นมาเตรียมของใส่บาตรเมื่อคืนเด็กของเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนเขาไม่อยากจากเธอ"ได้ค่ะ งั้นจันทร์จะทำหน้าที่นี้"จันทร์เสี้ยวขึ้นคร่อมตักเขาอย่างแนบแน่นโดยไม่รีรอเธอก็โน้มตัวลง...ริมฝีปากประกบกับเขาแนบแน่นไม่ทันได้หายใจ จูบนั้นก็ลุกลามราวกับไฟที่ไม่มีใครหยุดได้เขาตอบรับทันที มือทั้งสองเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังเธอแน่นเสียงลมหายใจกลายเป็นเพียงจังหวะของอารมณ์ที่ระอุอยู่กลางอก"ต่อสิ"เสียงทุ้มเริ่มสั่นไหวจันทร์เสี้ยวใช้ปลายลิ้นไซ้คอ ลมหายใจร้อนผ่าวไล้ตามแนวเส้นเลือดสัมผัสนั้นแผ่ซ่านจนทำให้ทิวสนต้องขบกรามแน่นมือเรียวแตะไหล่เขาแนบ ก่อนจะเลื่อนลงประคองต้นแขนอย่างมั่นคงทุกความเคลื่อนไหวเธอทำด้วยความตั้งใจและแรงปรารถนาแบบไม่ลดละเพื่อให้เขาพึงพอใจมือเรียวไม่รอช้าเลื่อนขึ้นไปจับชายเสื้อเขานิ้วแตะไปที่กระดุมตัวแรกอย่างมั่นใจปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ ชวนให้ใจสั่นไหวริมฝีปากยังคงลากไล้ไปตามซอกคออย่างไม่ลดละทิวสนเผลอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกร้อนผ่าวโอบกอดจนหมดใจทิวสนส่ง
สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคล้าคลึงหนักหน่วงเธอเผลอแอ่นกายตอบรับ ไม่ใช่เพราะปรารถนา แต่เพราะลมหายใจของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจ ราวกับมันไม่เคยจากไปเลยสักวินาทีเดียว“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ไม่มีถุงยาง”เสียงเธอดังขึ้น...เบาแต่ชัดเจนพอจะหยุดทุกการเคลื่อนไหว เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับในทันที ราบเรียบแต่แฝงความขัดใจ“คืนนี้มันไม่จำเป็น...“จำเป็นสิคะ”เธอปรายตามองเขานิ่ง ๆ “คุณไม่กลัวเหรอ? จันทร์เป็นเด็กขายตัวนะคะ ต้องรับแขกมากมาย...”เธอหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ทั้งประชด ทั้งเจ็บ“อีกอย่าง...คุณก็นอนกับใครไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”กับคนอื่น เขาไม่เคยต้องอธิบายพวกเธอพร้อมถวายกายถวายใจใต้เนื้อเขาราวกับนางบำเรอศิโรราบผู้จงรักแต่กับเด็กสาวบ้านนอกหน้าตาเรียบง่ายคนนี้...เขากลับต้องตั้งรับ ต้องหาคำพูด ต้องกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดทำไม ทิวสน... แค่เด็กขายตัวคนหนึ่ง ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะเจ็บสมองสั่งให้เย็นชา แต่หัวใจกลับเต้นโครมครามจนไม่ฟังเขาเอ่ยออกไปทันที ปากนำหน้าสมองเสียด้วยซ้ำ“ฉันนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง แต่ฉันมั่นใจในตัวเอง...”เขาโน้มตัวลง กระซิบช้า ๆ“ต