เธอที่ต้องขายศักดิ์ศรีความสาวแลกกับการที่ยายได้รับการรักษาน้องได้โอกาสเรียนหนังสือ ต่อให้ต้องขายวิญญาณเธอก็ยอมและเขาที่เจ็บช้ำจากเมียเก่าเรียกเด็กไม่ซ้ำหน้าแต่ทว่าคืนนั้นสาวเชยๆผู้หนึ่งกลับมัดใจเขาได้
View Moreห้องนอน
"เสี่ยคะ !"
เสียงออดอ้อนแหบผร่าดังสะท้อนในห้องกระจกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมือเรียวเคาะบานกระจกอย่างจงใจ เธอตั้งใจสร้างแรงเย้ายวน เกาะกุมยึดใจ ยากที่จะลืมไม่ลง
ดวงหน้าคมคายริมฝีปากแดงสดแนบชิดแผ่นกระจกใส หลังเปลือยเปล่านวลเนียนโน้มเข้าหา ผู้ที่อบอวลไปด้วยความแข็งแกร่ง อย่างศิโรราบ มอบกายให้เขาอย่างไร้ข้อแม้
หยดไอน้ำจากฝักบัวสั่นไหวค่อย ๆ จางเลือนหายไปภายใต้ภาพเคลื่อนไหวที่เร่าร้อนขึ้นเรื่อย
อ้อมแขนแกร่งตักตวงใช้งานมันอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพราะเป็นเพียงสินค้าอย่างหนึ่งเท่านั้นที่เขาใช้เงินซื้อมา
ไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความหลง มีเพียงลมหายใจร้อนผ่าว กับเสียงกระซิบที่ไร้ความหมาย
สำหรับเธอความยากจนทำให้เธอได้เลือกเส้นทางนี้
ในค่ำคืนนี้เป็นทั้งค่าตอบแทนและเดิมพัน...ที่อาจจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
หากเธอสามารถจับใจเขาได้ เขาคือทางรอดสุดท้ายสำหรับการที่เธอไม่ต้องนอนกับใครต่อใครอีก
เธอจะได้เป็นคนของเขา
แต่ทว่าสำหรับเขาแล้ว เธอคือของปลอมที่ซื้อมาเพื่อกลบร่องรอยของแท้ในยามหัวใจของเขาว่างเปล่า
และตำแหน่งภรรยา ข้างกายนี้เขาไม่ต้องการมอบให้อีกทั้งนั้น
...
เมฆเคลื่อนผ่านลอยไป ท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้จากมืดมิดกลับแจ่มแจ้งเด่นชัดแต่กระนั้น ถึงท้องฟ้าจะสวยงามเพียงใดก็ไม่อาจเทียมความเหงาในใจของเขาได้
"เสี่ยคะ"
เสียงหวานอ้อนเดินเข้าหาชายผู้มอบความสุขให้เธอเมื่อครู่
กลิ่นควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งถูกพ้นออกจากปากเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
ร่างสูงแข็งแกร่งมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย
เสียงฝีเท้าของเธอใกล้เข้ามา ช้าแต่แน่วแน่ อย่างมีประสงค์แอบแฝง
เธอหวังสูงคิดว่าความเร่าร้อนเมื่อครู่จะตราตรึงใจเขา
เธออยากเป็นเมียตัวจริง
แต่ชีวิตไหนเลยจะง่ายดังปลอกกล้วยเข้าปาก
"เงินวางอยู่บนโต๊ะ ภายในห้านาทีผมไม่อยากเห็นคุณอีก"
เขาพูดเสร็จพร้อมกับหันหลังให้อย่างไร้เยื่อใย
แค่อีกก้าวเดียว... อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่เธอจะสัมผัสตัวเขาได้
แต่ทุกอย่างหยุดลงจากคำสั่งที่เฉียบขาด
ใบหน้าคมคายกับเรือนกายไร้ที่ติ จำใจต้องหันกลับไปแต่งตัว เก็บของ กำเงิน จากไปพร้อมกับความผิดหวัง
...เขายิ้มเยาะในใจ"เหมือนกันหมด"...
เธอไม่ใช่เพียงรายแรกที่เข้าหาเขาเช่นนี้ ผู้หญิงทุกคนที่นอนกับเขาต่างหวังว่าหลังจากนอนด้วยกันแล้ว
จะจับใจเขาได้แต่เปล่าเลย...
ในทุก ๆ คืนกิตติลูกน้องคนสนิท จะนำหญิงสาวมาส่งถึงเตียง เขานอนกับผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้า...
ใช้เสร็จโปรยเงินนับหมื่นที่เป็นเพียงเศษเงินสำหรับเขา ให้พวกเธอเหล่านั้นเป็นค่าตอบแทน
เขาไม่เคยผูกใจกับใครซักคน
ภายใต้ความมืด แววตาว่างเปล่ามองทอดออกไปจากห้องที่อยู่มุมสูงสุดของโรงแรม
"นายครับ ผมส่งเธอกลับแล้วครับ"
"อืม"
"เรียกเพิ่มไหมครับ จะได้โทรบอกเจ๊แก้ว"
"ไม่ล่ะ เสียงของพวกเธอกลบเสียงในใจฉันไม่ได้สักคน"
"พวกเธอทำงานแบบนี้แต่ต่างหวังอยากเป็นเจ้าของฉัน"
"ไปพักเถอะฉันจะนอนแล้ว"
"ครับนาย"
บาดแผลที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่ากับใครต่างทิ้งร่องรอยไว้เสมอ
สำหรับเขาแม้มันผ่านมาแล้วถึงสองปีแต่แผลนั้นไม่เคยตกสะเก็ดเลย มันเหมือนอักเสบอยู่ตลอดเวลา
จากผู้ศรัทธาในรัก กลับกลายเป็นเกียจความรัก ไปโดยไร้ข้อโต้แย้ง ทุกครั้งที่หัวใจหวั่นไหวกับใครสักคน ความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้น เขายังจำได้ดี มันมักย้อนกลับมา จนไม่อาจเริ่มต้นใหม่
การซื่อสัตย์ที่มอบให้เพียงฝ่ายเดียวมันไม่อาจรักษาคำว่าครอบครัวไว้ได้
...แต่ไม่ว่าเรือนร่างของผู้หญิงคนไหน จะเปลือยเปล่าขนาดใด ก็ไม่เคยหลอมละลายความหนาวในหัวใจของเขาได้...”
เมื่อก่อน
ความหอมของภรรยาคนงามเขาอยากแนบเธอติดตัวไปด้วยทุกที่ อ้อมแขนแกร่งโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง กดริมฝีปากสัมผัสตามใจ
"ไม่ไปกับพี่เหรอคะ"
"ไม่ค่ะ อยากดูลูกน้องทำงานพี่ไปเถอะ"
ดวงตาคมเข้มฉายแววเปล่งประกายเมื่อมองภรรยาตั้งใจทำงานช่างมีเสน่ห์ ดึงใจสามีเช่นเขาให้ตกหลุมรักในตัวภรรยาทุกวัน
ความหมั่นเขี้ยว เขากดจมูกหอมฟอดใหญ่ ๆ ซ้ำครั้งไม่รู้เบื่อ
"ไปได้แล้ว"
มือเธอตีเบา ๆ ไปที่แขนแกร่ง พร้อมออกปากไล่ พลางเอียงแก้มให้หอมเหมือนว่าเธอเองก็ไม่อาจขาดเขาได้
...เขาว่ากันว่า ความลับไม่มีในโลก
แต่แล้ว วันนั้นโลกได้ค่อย ๆ เผยความลับบางอย่างออกมา
การเซอร์ไพรส์ที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าเมื่อ เขาเสร็จธุระก่อนกำหนดและกลับบ้านก่อนเวลา
"ครูคะ หน้าจอกล้องวงจรปิด มันมืดค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร"
"ครับพี่เก๋ผมไปดูให้"
เพียงไม่นานจากหน้าจอมืด ๆ ของทีวี กลับสว่างวาบขึ้นมา เขาไล่ตรวจเช็คภาพทุกชั้นจนไปถึงชั้นที่ 12 ห้องนอน
พบผู้หญิงคนหนึ่ง ใช่เธอคือเจ้าของห้อง ภรรยาของเขา
และชายอีกคนเดินตามออกมา
"ป้าครับคนนี้ใคร"
"ช่างซ้อมบำรุงค่ะ"
เมื่อทราบที่มาที่ไปของชายผู้เดินตามหลังภรรยาเขาพยักหน้าเป็นการรับรู้ เบา ๆ
หัวใจกลับร้อนรุ่มแปลกพิกล จู่ ๆ ความรู้สึกสงสัยผุดขึ้นอย่างเงียบ ๆ กับความสัมพันธ์ภรรยาของตน และนายช่างผู้นั้น
ทำไม? เขาถึงออกมาจากห้องนอนถึงแม้จะคนละเวลา
แปลก!
เขาเฝ้าสังเกตภรรยา แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
ลิลสร้างความน่ารักเสมอต้นเสมอปลายในหน้าที่ของศรีภรรยา สิ่งเหล่านั่นค่อย ๆ ฝังกลบรอยร้าวในใจที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ราวผงฝุ่นได้มิด และมันก็เรือนหายไปพร้อมกับกาลเวลา
ชีวิตคู่อบอุ่นหวานชื่นไม่มีสถานการณ์ที่สร้างความหวาดระแวงแก่เขาแม้แต่น้อย
วันที่โลกอยากบอก
แต่แล้ววันหนึ่งโลกที่เก็บงำทุกอย่างเอาไว้ได้เปิดเผยความจริงอันแสนเจ็บปวดสำหรับสามีผู้ภักดีเช่นเขา
"ที่รักพี่ไปสอนแล้วนะครับ ไปกับพี่ไหม"
"ไม่ค่ะอยากดูลูกน้องทำงาน"
เธอส่งสามีขึ้นรถ ใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับโบกมือลา ทันทีที่สามีลับสายตา เธอกลับขึ้นห้องตามเช่นเคย
มีใครบางคนเฝ้าคอยอยู่ในห้อง หยดน้ำที่พึ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ ยังเกาะบนเนื้อเนียน แข็งของกล้ามเนื้อ ชวนให้อีกฝ่ายมองอย่างไม่วางตา
แขนแกร่งโอบเธอไว้แน่นไม่ให้ขัดขืน
"ลิลยังไม่ได้อาบน้ำเลยค่ะ"
"ผมทนไม่ไหวแล้ว เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน"
"ไม่รู้ล่ะคุณต้องชดเชยทั้งตอนนี้ และเย็นนี้ ผมจะรอที่สวนด้านหลัง"
ไร้เสียงพูดคุย มีเพียงการสัมผัสเร่าร้อนหวือหว่าของคนทั้งสองที่เต็มใจมอบความสุขแก่กัน
...ชีวิตแต่งงานของลิลมีความสุข เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง สามีรักเธอสุดหัวใจ เงินทอง ข้าวของไม่เคยขาดมือ
แต่โอ๊ตชายคนรักในวัยเรียน เขาเป็นรักแรก รักเดียวที่เธอห่วงหาอาทร
ทั้งคู่ จากกันเพราะถูกครอบครัวของฝ่ายหญิงไม่ยอมรับความรักในวัยเรียน แถมความจนของฝ่ายชาย ยิ่งผลักใสให้ทั้งคู่ไกลห่างกันริบ ยากจะหวนคืน
การกลับมาพบกันในวันนี้ วันที่เปรียบเสมือนทางคู่ขนานที่ไม่มีเส้นบรรจบ ทั้งสองต่างแต่งงานและมีครอบครัว
ความต้องการของใจ ถ่านไฟเก่าที่ไม่เคยมอดไหม้ มันปะทุกรุ่นอยู่ภายในใจบัดนี้ได้ลุกฮือ โหมกระหน่ำอีกครั้ง ข้ามเส้นศีลธรรม
แม้ผิดแต่ใจปรารถนา
แม้บาปขอชดใช้ในชาติต่อไป
ขอโทษจากใจสามีแต่เธอไม่อาจขาดเขาได้อีก
เสียงหายใจถี่รัว ได้เริ่มขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไม่รู้เหนื่อย จนกระทั่งความคิดถึงได้จางหายไป ทั้งคู่ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดคนที่รัก
...เสียงใส่รหัสหน้าประตูห้อง
ติ๊ด
ปลุกให้ร่างบางตกใจตื่น ดวงตาเบิกโพลง หัวใจเต้นแรงรัวราวกลองศึก รีบเขย่าเรียกชายชู้ให้ตื่น
"เกิดอะ..."เสียงชายหนุ่มหลับบนเตียงรู้สึกตัวถาม
ลิลจุปากส่งซิกเป็นการเตือนห้ามพูด…ชี้นำให้ไปซ่อนตัวยังระเบียง
ไม่นานประตูเปิดออก สามีของเธอกลับมา
ทิวสน เห็นภรรยาอยู่ในชุดคลุม ก็เข้าสวมกอด
"ไปอาบน้ำเร็วค่ะ จะได้สดชื่น"
"มาเหนื่อย ๆ ขอกอดให้ชื่นใจหน่อย "
"ถ้าช้า ก็เสียว่าเวลาทำอย่างอื่นนะคะ"
ประโยคหวานหว่านล้อม เขาจึงยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี
เป็นโอกาสให้ชายชู้ออกตัวจากที่ซ่อน
"คืนนี้ผมรอคุณนะ ไม่มาไม่กลับ"
คำพูดทิ้งท้ายจากชายคนรักที่ไม่ใช่สามี
ทิวสนออกจากห้องน้ำสงสัยภรรยาคุยกับใคร "เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่กับคุณ"
"เสียงฉันดูมือถือค่ะ"
...ตอนกลางดึกเงียบสงัด
ร่างบางแกะตัวออกจากแขนแกร่ง นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน สามีของเธอหลับไหลเพราะฤทธิ์ยาแก้แพ้บวกกับความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
เสียงประตูปิดลงอย่างเบามือ ร่างบางในชุดนอน เดินหนีหายไปยังสวนหลังโรงแรมจุดนัดพบ
ความโหยหา ปลดเปลื้องทุกอย่าง ใช้ใจสัมผัสใจ เรือนร่างสัมผัสกัน หล่อหลอมคนทั้งสองเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
โดยที่คนทั้งคู่ไม่รู้เลย ว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง
แม้ที่ตรงนั้นเปลี่ยวลับสายตาคน แต่มันก็มีคนจำพวกที่ชอบธรรมชาติมาแอบนอนประจำ
กิตติลูกน้องคนสนิทของทิวสนเดินออกมาตามหาแมวที่ตนเลี้ยงไว้
แต่กลับมาเจอแมวขโมย เขาหยุดนิ่งตั้งสติคิดทำอย่างไรดี ก่อนตัดสินใจ
ใช้มือถือโทรหาผู้เป็นนาย....
ความเหนื่อยล้า และฤทธิ์ยาส่งผลให้เขาหลับลึก แต่ต้องตกใจตื่นกับเสียงมือถือ มือหนาคว้ามาด้วยความพร่ามัวของตาที่สู้แสงของโทรศัพท์ในความมืด
หน้าจอปรากฏว่า กิตติลูกน้องคนสนิท วิดิโอคอลมา
มันสร้างความแปลกใจไม่น้อย
ในทันทีที่กดรับสายของกิตติ ภาพตรงหน้า เป็นเงาตะคุ้ม แต่พอรู้ว่าเป็นชายหญิงกำลังพลอดรักกันในที่ลับตา
แต่สิ่งที่มันกระตุกใจเขา โทรศัพท์สมัยใหม่สูมได้ไกลและชัดเจน
มือสั่นเทากำมือถือแน่น มีบางอย่างเยียบเย็นแทรกในใจ มันไม่ใช่ความเจ็บ แต่ทันเป็นความชา วินาทีนั้นเหมือนหัวใจของเขาจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ
เตียงว่างเปล่า กับภาพเคลื่อนไหวของคนสองคนตรงหน้า
แววตาเริ่มแดงก่ำ น้ำน้อยที่ตาเขาพยายามไม่ให้มันหล่นแม้เพียงสักหยด
แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ มือที่กำแน่นร้าวไปถึงกระดูกเขากดตัดสายทันที
"เก็บหลักฐาน"
คำสั่งสั้น ๆ แต่เฉียบขาด ถูกส่งถึงลูกน้อง เพราะเขาไม่อาจทนมองภาพพวกนั้นได้อีกต่อไป
ทิวสนเข้าไปนั่งในรถมองกระจกหลังที่สะท้อนภาพ จันทร์เสี้ยวถึงแม้เธอนั่งในร่มแต่ลมพัดเอาละอองฝนกระทบร่างบาง จันทร์เสี้ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหนาวเย็นของลมพายุ แล้วยังโดนฝนสาดอีก ดวงตาหวานมองผ่านม่านน้ำฝนออกไปยังคงเห็นรถของเขาจอดอยู่ คนใจร้าย...ทันใดนั้นรถหรูคันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปทันที น้ำที่ตาเอ่อล้นออกมา จันทร์เสี้ยวยิ้มให้กับตัวเองสมเพชที่คิดว่าเขามีใจให้เธอสักนิดทันใดนั้น...รถคันสีดำ มาจอดตรงป้ายรถประจำทาง ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเขาชายถือร่มเดินลงมาท่ามกลางพายุ "หนาวแย่เลย ให้ผมไปส่งบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ"ขอบคุณคุณชีวินมากเลยค่ะ แต่จันทร์เสี้ยวเกรงใจค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขอบคุณในน้ำใจที่เขามีต่อเธอ แต่คนที่กำลังจะแต่งงานไหนเลยจะกล้าขึ้นรถไปกับชายอื่นเพียงลำพัง"ไม่ต้องเกรงใจหรอกถือซะว่า เพื่อนไปส่ง อีกอย่างคุณตากฝนนานขนาดนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ" "ถ้าอย่างนั้นจันทร์รบกวนด้วยนะคะ" ชีวินเป็นสุภาพบุรุษทั้งคำพูดและการวางตัว เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้จันทร์เสี้ยวนั่งเรียบร้อยพร้อมปิดประตูรถให้อย่างเบามือ ก่อนตนเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทุกการกระทำขอ
เสียงหวานดังกล้องสะท้อน เงาทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจเหนื่อยหอบราวกับวิ่งระยะไกล เหงื่อผุดบนเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งเธอและเขา บทเพลงท่วงทำนองเคล้าคลอจบลง "คุณไม่ได้ใส่....ทำไมถึงปล่อย...." "อีก 5 วันเธอต้องเป็นเมียฉัน" "ของพันธุ์นั้นยังต้องใช้อีกเหรอ" "ฉันไม่ได้พกยามาด้วย" "ห้ามกินนะ มันอันตราย" เขาห่วงฉันเหรอเนี่ย "ขอบคุณที่ห่วงจันทร์นะคะ" ไร้เสียงตอบกลับจากเขา จันทร์เสี้ยวจึงเลิกสนใจเพราะพูดไปเสียอย่างไรก็ไร้ความหมายกับคนที่พูดน้อยแต่ดื้อเช่นเขา จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้สึกเหนี่ยวเหนอะหนะจึงผละตัวไปอาบน้ำ เสียงเปิดฝักบัวน้ำปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านร่างเปลือยเปล่า ดึงดูดให้สายตาคมของเขาเจ้าแห่งป่า มองร่างหญิงตรงหน้าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไป และยิ่งเธอขยับตัวถูไถตามร่างกายสร้างความเย้ายวนในใจไม่น้อย และมันได้ปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่พึ่งมอดไหม้ไปเพียงไม่กีนาทีให้ลุกโชนอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าหาร่างอรชรทางด้านหลังใช้สายตามองราวกับไม่เคยเห็นใช้นิ้วไล้แตะเคล้าคลึงเนินมนพร้อมกับกดจมูกไซ้คอเรียว จันทร์เสี้ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอเธอ ทำได้เพียงหลับตาพริ้มเผย
“แต่งสายฟ้าแลบเหรอ? ผู้หญิงอย่างจันทร์เสี้ยวเนี่ยนะ?” เสียงนินทาแว่วมาตามลมปนกลิ่นเหงื่อแดดบ่ายของตลาดบ้านนา เธอไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว แต่คราวนี้มันเกินทน “ยายมันขายหลานให้เศรษฐีไง ถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้” “นั่นสิ เศรษฐีที่ไหนจะเอาเด็กกระโปโลไปทำเมีย ถ้าไม่ใช่เมียน้อย” “ฉันว่ายายคงปล่อยให้ท้องก่อนนั่นแหละ ถึงได้กล้าประกาศแต่งงาน! “แหม...เชื้อมันแรงนะ ยายดวงแขนั่นก็แย่งผัวเขามาเหมือนกัน” “ใช่ ได้ข่าวว่าเมียเก่าได้ก่อน ยายดวงแขแต่งทีหลังอีก!” เสียงหัวเราะแหลมคมประสานกันราวมีดข่วนกระจก จันทร์เสี้ยวเดินผ่านเงียบ ๆ ไม่เคยโต้ตอบ จนกระทั่ง... ผัวะ! เสียงฝ่ามือปะทะแก้มดังลั่น หัวผู้หญิงคนนั้นหันตามแรงตบก่อนชะงักด้วยความตกใจ “อีจันทร์ มึงกล้าตบกูเหรอ!” “ใช่ ถ้ายังไม่หุบปากเน่า ๆ พวกพี่นั่นแหละ” “อีจันทร! มึง...” เสียงกร้าวหักหาญ กลายเป็นตะปบรวมจากฝูงหญิงที่เคยนินทา จับแขนจันทร์เสี้ยวไว้แน่น ราวฝูงหมาเห็นเหยื่ออ่อนแรง ผัวะ! ตบสวนกลับมา หน้าของเธอสะบัดตามแรง แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้สะใจ ปึก! เธอถีบสวนกลางท้อง ทำให้ร่างนั้นเซล้มไป “ได้ผัวรวยหน่อย กล้าหือเห
รุ่งอรุณแสงแดดลอดผ้าม่าน ทิวสนยงคงหลับสนิทที่ห้องนอนของตนเอง เขาออกจากห้องจันทร์เสี้ยวเกือบเช้าก่อนที่คุณยายจะตื่นมาเตรียมของใส่บาตรเมื่อคืนเด็กของเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนเขาไม่อยากจากเธอ"ได้ค่ะ งั้นจันทร์จะทำหน้าที่นี้"จันทร์เสี้ยวขึ้นคร่อมตักเขาอย่างแนบแน่นโดยไม่รีรอเธอก็โน้มตัวลง...ริมฝีปากประกบกับเขาแนบแน่นไม่ทันได้หายใจ จูบนั้นก็ลุกลามราวกับไฟที่ไม่มีใครหยุดได้เขาตอบรับทันที มือทั้งสองเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังเธอแน่นเสียงลมหายใจกลายเป็นเพียงจังหวะของอารมณ์ที่ระอุอยู่กลางอก"ต่อสิ"เสียงทุ้มเริ่มสั่นไหวจันทร์เสี้ยวใช้ปลายลิ้นไซ้คอ ลมหายใจร้อนผ่าวไล้ตามแนวเส้นเลือดสัมผัสนั้นแผ่ซ่านจนทำให้ทิวสนต้องขบกรามแน่นมือเรียวแตะไหล่เขาแนบ ก่อนจะเลื่อนลงประคองต้นแขนอย่างมั่นคงทุกความเคลื่อนไหวเธอทำด้วยความตั้งใจและแรงปรารถนาแบบไม่ลดละเพื่อให้เขาพึงพอใจมือเรียวไม่รอช้าเลื่อนขึ้นไปจับชายเสื้อเขานิ้วแตะไปที่กระดุมตัวแรกอย่างมั่นใจปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ ชวนให้ใจสั่นไหวริมฝีปากยังคงลากไล้ไปตามซอกคออย่างไม่ลดละทิวสนเผลอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกร้อนผ่าวโอบกอดจนหมดใจทิวสนส่ง
สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคล้าคลึงหนักหน่วงเธอเผลอแอ่นกายตอบรับ ไม่ใช่เพราะปรารถนา แต่เพราะลมหายใจของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจ ราวกับมันไม่เคยจากไปเลยสักวินาทีเดียว“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ไม่มีถุงยาง”เสียงเธอดังขึ้น...เบาแต่ชัดเจนพอจะหยุดทุกการเคลื่อนไหว เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับในทันที ราบเรียบแต่แฝงความขัดใจ“คืนนี้มันไม่จำเป็น...“จำเป็นสิคะ”เธอปรายตามองเขานิ่ง ๆ “คุณไม่กลัวเหรอ? จันทร์เป็นเด็กขายตัวนะคะ ต้องรับแขกมากมาย...”เธอหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ทั้งประชด ทั้งเจ็บ“อีกอย่าง...คุณก็นอนกับใครไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”กับคนอื่น เขาไม่เคยต้องอธิบายพวกเธอพร้อมถวายกายถวายใจใต้เนื้อเขาราวกับนางบำเรอศิโรราบผู้จงรักแต่กับเด็กสาวบ้านนอกหน้าตาเรียบง่ายคนนี้...เขากลับต้องตั้งรับ ต้องหาคำพูด ต้องกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดทำไม ทิวสน... แค่เด็กขายตัวคนหนึ่ง ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะเจ็บสมองสั่งให้เย็นชา แต่หัวใจกลับเต้นโครมครามจนไม่ฟังเขาเอ่ยออกไปทันที ปากนำหน้าสมองเสียด้วยซ้ำ“ฉันนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง แต่ฉันมั่นใจในตัวเอง...”เขาโน้มตัวลง กระซิบช้า ๆ“ต
นกตีปีกบนต้นโพนกการ้องเค้านกแสก เสียงบทสวดส่งวิญญาณผู้ล่วงลับ ดังล่องลอยตามผืนลม บรรยากาศอึมครึมสรัวเปล่าเปลี่ยววิเวกวังเวง ผู้มาร่วมบางคนเห็นใจ บางคนซุบซิบตามประสาชีวิตมนุษย์สองมือเรียวพนมพร้อมธูป 1ดอก ควันลอยอบอวนเป็นเครื่องหมายสื่อถึงวิญญาณ ใบหน้าหม่นแววตาเศร้า"น้าจ้ะไม่ต้องห่วงพระจันทร์ หนูจะดูแลเขาให้""พระจันทร์ไหว้พ่อนะ"จันทร์เสี้ยวได้อ่านข้อความบางประโยคของน้าชายให้พระจันทร์น้องสาวได้รับรู้ ว่าพ่อรักเธอมากเพียงใดจันทร์เสี้ยวเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายพี่สาวว่าอย่างไรเธอก็ว่าตาม"ยังโกรธพ่ออยู่ไหมพระจัทร์""ไม่โกรธค่ะ หนูแค่ตกใจกลัว""เชื่อใจพี่นะ ฟังพี่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมัน แต่พี่จะรักและปกป้องหนูเสมอพี่สัญญา"พระจันทร์มองหน้าพี่สาวอย่างตั้งใจแม้กระทั้งลืมกระพริบตา"ค่ะ"ใบหน้าอ้วนกลมเป็นสาลาเปาพยักสองพี่น้องเดินไหว้ขอบคุณแขกที่มาร่วมงานน้าของเธอ แขกส่วนมากเป็นคนในหมูบ้านเดียวกันเงาสองพี่น้องทอดผ่านมีเพียงเรา…ที่เป็นโลกของกันและกัน"ทินกรผู้ไม่ลำเอียงเมื่อยามลอยเด่นส่องแสงทุกย่อมหญ้า เมื่อคล้อยต่ำดับแสงทั่วล้า...ในห้องทำงานในบ้านสวนรัตติกาลพัดลมเย็นเข้าผิว เข
Comments