แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลง
ชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้
เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามอง
ผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...
งานของดีอำเภอ
ณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ
"พี่เรเข้าไปดูหมอลำกัน"
"ไปก็ไป พี่แคนถ้าเบื่อก็ไปเดินเล่นได้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะพาอีลำดวนเข้าไปดูหมอลำ"
"ครับ เดี๋ยวอ้ายตามเข้าไป"(เดี๋ยวพี่ตามเข้าไป) ชายหนุ่มบอกกับคนตรงหน้าก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปยังทางเข้าในส่วนของเวทีหมอลำ
ผ่านไปครู่ใหญ่
แคนเดินเข้ามาหยุดที่ทางเข้าหันหน้าเข้าหาเวที พลางชะเง้อคอมองหาคนตัวเล็ก แล้วคนเยอะขนาดนี้จะหาเจอได้ยังไง โทรไปหลายสายก็ไม่มีท่าทีว่าเรไรนั้นจะรับสาย คงไม่ได้ยินเสียง
เมื่อคิดไปแบบนั้นแคนก็ใช้สัญชาตญาณตัวเองเดินเข้าไปที่ลำโพงฝั่งซ้ายมือ เดินเข้ามาแค่นิดเดียวก็เจอคนที่ตามหา แต่ไม่ทันที่จะได้ถึงเธอคนตัวเล็ก
"อ้ายแคน"(พี่แคน)
"สร้อย" ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านที่เธอนั้นมีใจชอบพอในตัวแคนอยู่พอสมควร
"อ้ายแคนมากับไผ"(พี่แคนมากับใคร)
"เรไร"
"อีเร ลูกสาวตาสิทธิ์นั้นบ่"(เรลูกตาสิทธิ์น่ะเหรอ)แคนพยักหน้าพลางมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งหัวเราะอยู่เพราะบนเวทีเป็นช่วงที่แสดงตลกพอดี เขาเห็นเธอยิ้มได้แบบนี้ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
"เดี๋ยวอ้ายไปก่อนเด้อ"(พี่ไปก่อนนะ)
"อ้ายแคน...ขอสร้อยไปนั่งนำได้บ่ สร้อยกะมาคนเดียว"(พี่แคน...ขอสร้อยไปนั่งด้วยได้ไหม สร้อยก็มาคนเดียวเหมือนกัน) แต่แคนรู้ดีว่าสร้อยนั้นไม่ได้มาคนเดียว และช่วงนี้เขาก็อยากทำคะแนนกับเรไร ไม่อยากให้เธอเห็นเขาใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น เขาจึงปฏิเสธสร้อยไปนั่นทำให้สร้อยไม่พอใจ
"อ้ายซื้อมาให้"(พี่ซื้อมาให้) ชายหนุ่มยื่นถุงของกินที่เขาซื้อมาให้ทั้งลูกชิ้นน้ำดื่ม และขนมขบเขี้ยวอีกหลายอย่าง
"ซื้อมาทำไมเยอะแยะ กินข้าวมาจากบ้านแล้ว สิ้นเปลืองเงินกว่าจะหามาได้แต่ละบาท"
"พี่เร..." ลำดวนเห็นพี่สาวเผลอตัวบ่นออกมาก็สะกิดขาและส่ายหน้าปรามเบาๆ พอหันมาที่ชายหนุ่มด้านข้างเขาก็เอาแต่ยิ้ม
"อ้ายแคนก็อีกคน ยิ้มเป้ยๆคือจั่งมักหลายเวลามันจ่ม"(พี่แคนก็อีกคน ยิ้มอยู่ได้อย่างกับชอบอย่างนั้นแหละ)
"อ้ายมักเวลาเรจ่ม ตาฮักบักคัก"(พี่ชอบเวลาเรบ่น น่ารักจัง) ได้ยินเช่นนั้นลำดวนก็ถึงกับกลอกตามองบนเลย ส่วนเรไรก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเพราะแคนนั้นมักจะพูดชมเธอแบบนี้บ่อย
หรือนี่จะเป็นที่มาของ 'หลงเสียงเรไร'
เวลาอย่างเข้ามาสี่ทุ่มกว่าๆ เรไรที่เห็นว่าดึกแล้วจึงเอ่ยชวนกลับเพราะว่าพรุ่งนี้เธอต้องตื่นไปขายพริกที่ตลาดแต่เช้ามืดอีก นี่ก็เหมือนจะไม่สบายตั้งแต่กลางวันแต่ที่ยอมมาก็เพราะลำดวนมันอยากมาหรอก
"เดี๋ยวแวะไปหายายวาดก่อน" ทั้งสามเดินตรงมาที่ซุ้มยาดองของวาสนาพี่สาวคนโต ที่มี อบต.หนุ่มอยู่ด้วย ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเข้าไปกินที่หน้าเวทีหมอลำ ส่วนมากก็จะเป็นคนที่มีอายุหน่อย วัยรุ่นก็จะกินเบียร์กินอะไรกันไป
"จะกลับแล้วเหรอ" เรไรพยักหน้าก่อนจะถามกลับ
"ขายดีบ่"(ขายดีไหม)
"พอได้ กินอะไรกันมาหรือยัง หิวไหม"
"อิ่มแปล้เลยจ้ะพี่วาด พี่แคนซื้อลูกชิ้นปิ้งกับน้ำมะพร้าวปั่นมาให้กิน" วาสนาไม่ได้แปลกใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าแคนนั้นชอบพอน้องสาวของตน ซึ่งตนก็แล้วแต่คนสองคน หากน้องสาวตนไม่ชอบก็ทำอะไรไม่ได้...
"เอามาจักกรึบแนยายพอนอนหลับ"(เอามาสักแก้วสิยาย พอให้กระชุ่มกระชวย) วาสนามองค้อนน้องสาวเล็กน้อยแต่ก็ใช้กระบวยไม้ไผ่ตักเหล้าในไหนั้นขึ้นมาให้อยู่ดี
พรวด!
"อ่า ข่า~~~" พอน้ำสีแดงไหลเข้าปากผ่านลำคอลงท้องไป คนตัวเล็กก็ทำเสียงพร้อมกับพ่นลมร้อนออกมาทางปาก
"พอแล้ว วันไหนไม่ได้ไปขายของค่อยไปที่ร้านพี่ให้กินเต็มที่เลย" วาสนาดักคอไว้เมื่อน้องสาวยื่นแก้วมาตรงหน้าอีกครั้งทำให้เรไรแสดงสีหน้าง้ำงอนออกมา
"กลับก่อนเด้อซั่น"(กลับก่อนนะงั้น) ว่าแล้วเธอก็เดินไปโดยไม่รอคนด้านหลังที่ยืนยิ้มอยู่
"อ้ายกลับก่อนเด้อ ครามมึงอย่าลืมไปส่งวาสนาเด้อ"(พี่กลับก่อนนะ ครามอย่าลืมไปส่งวาสนานะ)
"กูบ่ลืมดอก สิส่งให้ฮอดหม่องเลย"(กูไม่ลืมหรอกเดี๋ยวส่งให้ถึงที่เลย) วาสนาหันมามองค้อนคนด้านหลังเพราะรู้ทันถึงความหมายของเขา
เดินออกมายังไม่ทันได้ถึงรถของแคน หญิงสาวก็ต้องหยุดเดินตัวนิ่งอยู่กับที่จนลำดวนกับแคนที่เดินตามมาแปลกใจ แต่เมื่อมองไปตามสายตาของเธอเขาก็พอที่จะเข้าใจ
มือใหญ่คว้าจับมือของเธอเอาไว้แน่น ใบหน้าสวยหันมามองพร้อมกับแววตาสั่นระริก เพราะเห็นชายหนุ่มอดีตคนรักที่ควงคู่มากับสาวที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเธอ
"กูคือคันแข่วสองคนนี้แท้วะ จักบาทก่อนนา"(หมั่นไส้สองคนนี้ว่ะ สักทีดีไหม) ลำดวนที่เป็นคนนิสัยตรงๆ ทำท่าจะปรี่เข้าไปที่สองคนตรงหน้าทว่าเรไรนั้นดึงตัวเอาไว้เสียก่อน
"ช่างเขาเถอะ กลับบ้านกัน" น้ำเสียงของเรไรนั้นทำให้คนฟังปวดใจ
ตลอดทางสิบห้ากิโลเมตรเรไรเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ต่างจากนิสัยของเธอที่เป็น จนรถมาจอดถึงบ้านลำดวนนั้นลงจากรถไปแล้วแต่เรไรก็เอาแต่เหม่อจนชายหนุ่มต้องสะกิดเธอ
"ฮอดแล้ว"(ถึงแล้ว)
"อ้อจ้ะ! ขอบคุณนะจ๊ะ"
"เดี๋ยว!" มือหนาคว้าแขนเอาไว้ไม่ให้เธอได้ลงจากรถ ความมืดที่อยู่รอบตัวทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัด
"อ้ายขอถามเรคำหนึ่ง"(พี่ขอถามเรสักคำ) เมื่อไม่เห็นหญิงสาวตอบเขาจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
"ยังฮักไผอีกได้บ่"(ยังรักใครได้อีกไหม)
"อ้ายแคนเร"(พี่แคนเร)
"อย่าฟ้าวตอบตอนนี้กะได้แต่อ้ายอยากให้เรฮู้ว่า อ้ายฮักเร ฮักอิหลี แล้วกะฮักมาดนแล้ว"(อย่าพึ่งตอบตอนนี้ก็ได้ แต่พี่อยากให้เรรู้ไว้ว่า 'พี่รักเร' รักจริงๆ และรักมานานแล้ว)
"อ้ายแคน"(พี่แคน) เรไรรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมากับคำพูดที่ดูจริงจังและน้ำเสียงที่ละมุนของอีกฝ่าย
ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยไล้ที่พวงแก้มเนียนแผ่วเบาด้วยความถะนุถะนอม
"แก้มเนียนๆนี้ อ้ายบ่อยากให้มันเปื้อนน้ำตา"(แก้มเนียนๆนี้พี่ไม่อยากให้มันเปื้อนน้ำตา)
[แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน
แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แนะนำตัวละคร1.เรไร นางเอก2.แคน พระเอกตลาดสดในตัวอำเภอในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว) “น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง“เรไรคนมองเยอะแล้ว"“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก “อีสีมันดีกว่าเรตร
กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโลครืดครืด ครืดครืดพึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีกคิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลยโชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อ
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ
[แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน
แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลงชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามองผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...งานของดีอำเภอณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ"
กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโลครืดครืด ครืดครืดพึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีกคิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลยโชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อ
แนะนำตัวละคร1.เรไร นางเอก2.แคน พระเอกตลาดสดในตัวอำเภอในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว) “น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง“เรไรคนมองเยอะแล้ว"“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก “อีสีมันดีกว่าเรตร