แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลง
ชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้
เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามอง
ผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...
งานของดีอำเภอ
ณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ
"พี่เรเข้าไปดูหมอลำกัน"
"ไปก็ไป พี่แคนถ้าเบื่อก็ไปเดินเล่นได้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะพาอีลำดวนเข้าไปดูหมอลำ"
"ครับ เดี๋ยวอ้ายตามเข้าไป"(เดี๋ยวพี่ตามเข้าไป) ชายหนุ่มบอกกับคนตรงหน้าก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปยังทางเข้าในส่วนของเวทีหมอลำ
ผ่านไปครู่ใหญ่
แคนเดินเข้ามาหยุดที่ทางเข้าหันหน้าเข้าหาเวที พลางชะเง้อคอมองหาคนตัวเล็ก แล้วคนเยอะขนาดนี้จะหาเจอได้ยังไง โทรไปหลายสายก็ไม่มีท่าทีว่าเรไรนั้นจะรับสาย คงไม่ได้ยินเสียง
เมื่อคิดไปแบบนั้นแคนก็ใช้สัญชาตญาณตัวเองเดินเข้าไปที่ลำโพงฝั่งซ้ายมือ เดินเข้ามาแค่นิดเดียวก็เจอคนที่ตามหา แต่ไม่ทันที่จะได้ถึงเธอคนตัวเล็ก
"อ้ายแคน"(พี่แคน)
"สร้อย" ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านที่เธอนั้นมีใจชอบพอในตัวแคนอยู่พอสมควร
"อ้ายแคนมากับไผ"(พี่แคนมากับใคร)
"เรไร"
"อีเร ลูกสาวตาสิทธิ์นั้นบ่"(เรลูกตาสิทธิ์น่ะเหรอ)แคนพยักหน้าพลางมองไปยังคนตัวเล็กที่นั่งหัวเราะอยู่เพราะบนเวทีเป็นช่วงที่แสดงตลกพอดี เขาเห็นเธอยิ้มได้แบบนี้ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
"เดี๋ยวอ้ายไปก่อนเด้อ"(พี่ไปก่อนนะ)
"อ้ายแคน...ขอสร้อยไปนั่งนำได้บ่ สร้อยกะมาคนเดียว"(พี่แคน...ขอสร้อยไปนั่งด้วยได้ไหม สร้อยก็มาคนเดียวเหมือนกัน) แต่แคนรู้ดีว่าสร้อยนั้นไม่ได้มาคนเดียว และช่วงนี้เขาก็อยากทำคะแนนกับเรไร ไม่อยากให้เธอเห็นเขาใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น เขาจึงปฏิเสธสร้อยไปนั่นทำให้สร้อยไม่พอใจ
"อ้ายซื้อมาให้"(พี่ซื้อมาให้) ชายหนุ่มยื่นถุงของกินที่เขาซื้อมาให้ทั้งลูกชิ้นน้ำดื่ม และขนมขบเขี้ยวอีกหลายอย่าง
"ซื้อมาทำไมเยอะแยะ กินข้าวมาจากบ้านแล้ว สิ้นเปลืองเงินกว่าจะหามาได้แต่ละบาท"
"พี่เร..." ลำดวนเห็นพี่สาวเผลอตัวบ่นออกมาก็สะกิดขาและส่ายหน้าปรามเบาๆ พอหันมาที่ชายหนุ่มด้านข้างเขาก็เอาแต่ยิ้ม
"อ้ายแคนก็อีกคน ยิ้มเป้ยๆคือจั่งมักหลายเวลามันจ่ม"(พี่แคนก็อีกคน ยิ้มอยู่ได้อย่างกับชอบอย่างนั้นแหละ)
"อ้ายมักเวลาเรจ่ม ตาฮักบักคัก"(พี่ชอบเวลาเรบ่น น่ารักจัง) ได้ยินเช่นนั้นลำดวนก็ถึงกับกลอกตามองบนเลย ส่วนเรไรก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเพราะแคนนั้นมักจะพูดชมเธอแบบนี้บ่อย
หรือนี่จะเป็นที่มาของ 'หลงเสียงเรไร'
เวลาอย่างเข้ามาสี่ทุ่มกว่าๆ เรไรที่เห็นว่าดึกแล้วจึงเอ่ยชวนกลับเพราะว่าพรุ่งนี้เธอต้องตื่นไปขายพริกที่ตลาดแต่เช้ามืดอีก นี่ก็เหมือนจะไม่สบายตั้งแต่กลางวันแต่ที่ยอมมาก็เพราะลำดวนมันอยากมาหรอก
"เดี๋ยวแวะไปหายายวาดก่อน" ทั้งสามเดินตรงมาที่ซุ้มยาดองของวาสนาพี่สาวคนโต ที่มี อบต.หนุ่มอยู่ด้วย ผู้คนแวะเวียนมาซื้อเข้าไปกินที่หน้าเวทีหมอลำ ส่วนมากก็จะเป็นคนที่มีอายุหน่อย วัยรุ่นก็จะกินเบียร์กินอะไรกันไป
"จะกลับแล้วเหรอ" เรไรพยักหน้าก่อนจะถามกลับ
"ขายดีบ่"(ขายดีไหม)
"พอได้ กินอะไรกันมาหรือยัง หิวไหม"
"อิ่มแปล้เลยจ้ะพี่วาด พี่แคนซื้อลูกชิ้นปิ้งกับน้ำมะพร้าวปั่นมาให้กิน" วาสนาไม่ได้แปลกใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าแคนนั้นชอบพอน้องสาวของตน ซึ่งตนก็แล้วแต่คนสองคน หากน้องสาวตนไม่ชอบก็ทำอะไรไม่ได้...
"เอามาจักกรึบแนยายพอนอนหลับ"(เอามาสักแก้วสิยาย พอให้กระชุ่มกระชวย) วาสนามองค้อนน้องสาวเล็กน้อยแต่ก็ใช้กระบวยไม้ไผ่ตักเหล้าในไหนั้นขึ้นมาให้อยู่ดี
พรวด!
"อ่า ข่า~~~" พอน้ำสีแดงไหลเข้าปากผ่านลำคอลงท้องไป คนตัวเล็กก็ทำเสียงพร้อมกับพ่นลมร้อนออกมาทางปาก
"พอแล้ว วันไหนไม่ได้ไปขายของค่อยไปที่ร้านพี่ให้กินเต็มที่เลย" วาสนาดักคอไว้เมื่อน้องสาวยื่นแก้วมาตรงหน้าอีกครั้งทำให้เรไรแสดงสีหน้าง้ำงอนออกมา
"กลับก่อนเด้อซั่น"(กลับก่อนนะงั้น) ว่าแล้วเธอก็เดินไปโดยไม่รอคนด้านหลังที่ยืนยิ้มอยู่
"อ้ายกลับก่อนเด้อ ครามมึงอย่าลืมไปส่งวาสนาเด้อ"(พี่กลับก่อนนะ ครามอย่าลืมไปส่งวาสนานะ)
"กูบ่ลืมดอก สิส่งให้ฮอดหม่องเลย"(กูไม่ลืมหรอกเดี๋ยวส่งให้ถึงที่เลย) วาสนาหันมามองค้อนคนด้านหลังเพราะรู้ทันถึงความหมายของเขา
เดินออกมายังไม่ทันได้ถึงรถของแคน หญิงสาวก็ต้องหยุดเดินตัวนิ่งอยู่กับที่จนลำดวนกับแคนที่เดินตามมาแปลกใจ แต่เมื่อมองไปตามสายตาของเธอเขาก็พอที่จะเข้าใจ
มือใหญ่คว้าจับมือของเธอเอาไว้แน่น ใบหน้าสวยหันมามองพร้อมกับแววตาสั่นระริก เพราะเห็นชายหนุ่มอดีตคนรักที่ควงคู่มากับสาวที่เคยเป็นเพื่อนสนิทเธอ
"กูคือคันแข่วสองคนนี้แท้วะ จักบาทก่อนนา"(หมั่นไส้สองคนนี้ว่ะ สักทีดีไหม) ลำดวนที่เป็นคนนิสัยตรงๆ ทำท่าจะปรี่เข้าไปที่สองคนตรงหน้าทว่าเรไรนั้นดึงตัวเอาไว้เสียก่อน
"ช่างเขาเถอะ กลับบ้านกัน" น้ำเสียงของเรไรนั้นทำให้คนฟังปวดใจ
ตลอดทางสิบห้ากิโลเมตรเรไรเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ต่างจากนิสัยของเธอที่เป็น จนรถมาจอดถึงบ้านลำดวนนั้นลงจากรถไปแล้วแต่เรไรก็เอาแต่เหม่อจนชายหนุ่มต้องสะกิดเธอ
"ฮอดแล้ว"(ถึงแล้ว)
"อ้อจ้ะ! ขอบคุณนะจ๊ะ"
"เดี๋ยว!" มือหนาคว้าแขนเอาไว้ไม่ให้เธอได้ลงจากรถ ความมืดที่อยู่รอบตัวทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัด
"อ้ายขอถามเรคำหนึ่ง"(พี่ขอถามเรสักคำ) เมื่อไม่เห็นหญิงสาวตอบเขาจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
"ยังฮักไผอีกได้บ่"(ยังรักใครได้อีกไหม)
"อ้ายแคนเร"(พี่แคนเร)
"อย่าฟ้าวตอบตอนนี้กะได้แต่อ้ายอยากให้เรฮู้ว่า อ้ายฮักเร ฮักอิหลี แล้วกะฮักมาดนแล้ว"(อย่าพึ่งตอบตอนนี้ก็ได้ แต่พี่อยากให้เรรู้ไว้ว่า 'พี่รักเร' รักจริงๆ และรักมานานแล้ว)
"อ้ายแคน"(พี่แคน) เรไรรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมากับคำพูดที่ดูจริงจังและน้ำเสียงที่ละมุนของอีกฝ่าย
ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาเกลี่ยไล้ที่พวงแก้มเนียนแผ่วเบาด้วยความถะนุถะนอม
"แก้มเนียนๆนี้ อ้ายบ่อยากให้มันเปื้อนน้ำตา"(แก้มเนียนๆนี้พี่ไม่อยากให้มันเปื้อนน้ำตา)
"ไม่ได้ อุ้บ!!" เขาจัดการปิดปากเธอด้วยปากหยัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนร่างอรชรทำให้กำหนัดในตัวของเขาเพิ่มพูนตั้งแต่เข้าใกล้ ขมเม้มปากกระจับด้วยความละมุน เมื่อเธอเผยอปากเขาก็จัดการสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพรงนุ่ม ๆ นั้นทันที ร่างหนาขยับคร่อมพร้อมกับบดจูบอยู่นาน ความคิดถึงและความเสน่หาแสดงออกมาเป็นการกระทำที่เร่าร้อน เสียงหายใจติดขัดจากคนด้านล่างทำให้เขาถอนจูบนั้นออกมาซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่ลำคอขาว"อื้อ อ้ายแคน" เธอประคองใบหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะจ้องมองเข้าไปในม่านตาดำสนิทด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าทุกครั้ง"เรว่ามันเร็วเกินไป""อ้ายเฝ้าเรมาตั้งสิบปี ตั้งแต่ที่เรดึงอ้ายออกมาจากป่ากล้วย""แต่ว่า...""อ้ายขอได้บ่ครับ..." ลมหายใจอุ่นร้อนขณะที่ปากพูดจรดลงตามข้างแก้มใบหน้าหล่อคลอเคลียร์ไม่ห่างชวนให้อารมณ์เคลิ้มไปได้อย่างง่าย ปากหยักได้รูปพรมจูบลงมาตามซอกคอ ใบหน้าหวานเอียงเอียงรับสัมผัสและไม่ปฏิเสธยิ่งทำให้คนตัวโตได้ใจ ทุกครั้งที่ปากหยักกดจูบขนบางก็ชูชันจนทั่วร่าง ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมือใหญ่กอบกุมเต้าอวบทำเอา
พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ฝูงวัวควายถูกต้อนกลับจากนาเดินเต็มถนนบรรยากาศที่คุ้นเคยในหมู่บ้านเหมือนทุก ๆ วันเป็นสิ่งที่คนเมืองกรุงไม่มีโอกาสได้สัมผัส สองสาวขับรถมอเตอร์ไซด์ลากพ่วงรถเข็นด้านหลังบรรทุกผักกลับเข้ามาเฉกเช่นทุกวัน มีทั้งออเดอร์จากตลาดและที่วัด สองคนต้องเก็บมากกว่าปกติ"ลำดวนไปอาบน้ำก่อนจะได้ออกไปวัด""แล้วพี่เรไม่ไปเหรอ""ไปแต่เอ็งอาบก่อนพี่จะแบ่งผักรอ อาบเสร็จพี่จะได้ไปอาบต่อ" คนพี่ว่าพร้อมกับยกตะกร้าผักลงจากรถเข็นและแบ่งแยกออกว่าตัวไหนเอาไปส่งตลาดตัวไหนเอาไปส่งวัด ไม่นานคนเป็นน้องก็อาบเสร็จพอดี เธอจึงเดินไปหยิบผ้าถุงที่ตากอยู่ข้างบ้านเข้าห้องน้ำไปไฟที่เปิดให้แสงสว่างจนทั่วบริเวณวัดมันเลยไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนกับทุกวัน แถมผู้คนก็ยังเดินพลุกพล่านทั้งคนที่คุ้นหน้าและคนที่ไม่คุ้นหน้า คณะของนักเรียนและครูที่มาถึงเมื่อตอนบ่ายก็เปลี่ยนชุดนุ่งขาวห่มขาวกันจนละลานตาไปหมดและกำลังทยอยเข้าไปทำวัดเย็นในศาลา"เอาผักมาส่งจ้า""เออ ๆ วางไว้นั่นแหละจักบาทล่ะ"(เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ ทั้งหมดเท่าไหร่)"สองร้อยจ้ะ" ผักสามตะกร้าราคาแค่นี้ถือว่าถูกมาก
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างปลุกฉันให้รีบตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเตรียมไปวัดในวันพระใหญ่ ในฤดูหนาวแบบนี้ทำเอาไม่อยากจะออกจากผ้าห่มเลย"พี่เร ตื่นหรือยัง""อือ" ฉันตอบน้องสาวพลางหยิบเสื้อแขนยาวไหมพรมออกมาสวมใส่ เราสองคนเดินลงมาจากบนบ้านและช่วยกันทำกับข้าวมือเป็นระวิง กว่าจะเสร็จฟ้าก็ทอแสงรำไรแล้ว ม่านหมอกหนาบดบังทิวทัศน์ของทุ่งนาที่เหลืองอร่ามให้เห็นเป็นเลือนราง"เสร็จแล้วฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเพื่อรอคิวอาบต่อ ดีที่พี่แคนมาทำห้องน้ำและติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใหม่เลยทำให้การอาบน้ำสะดวกขึ้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย พอคิดถึงชายคนที่ครอบครองดวงใจรอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าทันที ฉันหยิบเสื้อพื้นเมืองสีชมพูกับผ้าถุงลายหยาดฝนที่แม่ทอให้ออกมาสวมและสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมอีกที ก่อนจะรีบออกมารอลำดวนที่ด้านล่าง ไม่นานนางก็เดินลงมาด้วยชุดที่คล้ายกันกับของฉันเราสองคนพี่น้องขับรถออกมาตามทางตรงไปที่วัดโดยใช้ทางลัดตามคันนา แสงรุ่งอรุณตกกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าจนเป็นแสงระยิบระยับชวนมองกลิ่นอายของต้นข้าวยามถูกหมอกโชยเข้าจมูกช่างเป็น
แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า..."อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจั
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่""บ่ ๆพ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป""จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสี
"เอ้าสูสองคนคือมานำกัน"(อ้าว ทำไมสองคนนี้มาด้วยกัน)"กูย่างเลาะมาพ้อผู้สาวกำลังยืนงง ๆ อยู่ข้างห้องน้ำกำลังว่าสิลักพาตัว"(กูเดินมาเจอสาวสวยคนนี้กำลังยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำเลยว่าจะลักพาตัวสักหน่อย)"หือ!!!"ฉันเงยหน้ามองคนด้านข้างและพยายามจะดึงมือออกจากเนื้อมือของเขาที่จับรั้งฉันเอาไว้"อีลำดวนกลับบ้าน"(ลำดวนไป...กลับบ้าน)"ฮะ อือ ๆ" ลำดวนก็เมาไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันตกใจสิ่งที่พี่แคนทำจนหายเมาแล้วล่ะ เหลือแค่มึนนิดหน่อย ทีแรกกะจะกลับมากินต่อแหละ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"ยกรถจักรยานขึ้นรถให้ด้วย" ฉันบอก...ไม่สิฉันสั่งเขา! และเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ข้าง ๆ ร้านพี่วาสนาราวกับเป็นรถของตัวเอง ส่วนลำดวนขึ้นรถมาได้ก็นอนราบไปที่เบาะหลังและเหมือนจะหลับจนได้ยินเสียงกรนออกมาเบา ๆ"อีลำดวน ลุกฮอดบ้านแล้ว"(ลำดวนลุกถึงบ้านแล้ว)"อือ ฮะ อือ" น้องสาวคนเล็กลุกขึ้นงัวเงียก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน"ขอบคุณเด้อที่มาส่ง"(ขอบคุณนะที่มาส่ง)"เร...เป็นแฟนกับอ้ายเนาะ"(เร...เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ)ตั้งแต่ฉันผิดหวังจากไอ้ห้อยนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่แคนของฉันเป็นแฟน ในคราแรก