กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโล
ครืดครืด ครืดครืด
พึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!
ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีก
คิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน
"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลย
โชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อยาที่ร้านขายยาในตัวอำเภอไปให้พ่อ พักนี้บ่นปวดกระดูกกระเดี้ยวปวดนี่เจ็บนั้นแต่ก็ตามประสาคแก่นั่นแหละ
กลับมาถึงบ้านก็เกือบแปดโมง เห็นลำดวนกำลังยกสำรับกับข้าวออกมาโดยมีกระติบข้าวเหนียวสะพายอยู่บนบ่า
"พี่เรมากลับมาพอดีเลย มากินข้าวจ้ะ"
"ได้อะไรกิน แล้วนี่พ่อกับแม่ไปไหน"
"อยู่หลังบ้าน เพาะกล้าต้นพริกอยู่" ฟังคำตอบลำดวนไปด้วยเดินไปล้างมือที่โอ่งมังกรข้างบ้านไปด้วย สายตาก็มองเข้าไปหลังบ้านที่สองตายายกำลังประคองกันลุกขึ้น(เมื่อไหร่จะถูกรางวัลที่หนึ่งสักทีวะ) ฉันบ่นในใจเพราะไม่อยากเห็นพ่อกับแม่ลำบาก ที่ทำงานหนักอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะนี่แหละ...แต่ก็ไม่พอจ่ายในแต่ละเดือน
ขณะที่ครอบครัวของเรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่เตียงไม้ประดู่ใต้ถุนบ้านก็มีรถกระบะสี่ประตูสีดำขับมาจอด ก่อนที่คนขับที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีกรมและกางเกงยีนส์สีเข้มจะลงมา
"ทิศแคนมาหยังละนั้น"(ทิศแคนมาทำไมนั่น) เขาเดินไปที่ท้ายกระบะก่อนจะเปิดฝาท้ายและยกจักรยานลงมา
"เอ้ารถจักรยานอีเรบ่แม่นตินั้น"(จักรยานเรใช่ไหมนั่น) พ่อเป็นคนพูดก่อนจะหันมามองหน้าฉัน
"พี่แคนยืมไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" ฉันตอบไปก่อนจะวางช้อนลงและขยับลงจากเตียง
"อ้ายเอารถจักรยานมาคืน" เสียงบอกกล่าวเมื่อจูงจักรยานเข้ามาจอดไว้ให้ที่ใต้ถุน
"แคนกินข้าวละยัง มาๆกินข้าวนำป้าก่อน"(แคนกินข้าวมาหรือยัง มากินด้วยกัน) แม่ฉันเป็นคนเอ่ยเรียกเขา ฉันนึกว่าพี่แคนจะปฏิเสธ เปล่า! เขาเดินเข้าไปนั่งลงที่เตียงข้างๆแม่เฉยเลย
"ไปจั่งได่มาจั่งได่ละนี่"(ไปไงมาไงละ)
"มื้อคืนติดฝนครับ เลยยืมรถเมือบ้าน"(เมื่อคืนติดฝนเลยยืมรถปั่นกลับบ้านครับ)
"สิไปไสละ"(แล้วจะไปไหนล่ะ)
"ว่าสิออกไปเบิ่งลูกน้องขุดสระอยู่นาพ่อใหญ่เสริฐ"(ว่าจะออกไปดูลูกน้องขุดสระอยู่นาตาเสริฐครับ) ฉันนั่งฟังบทสนทนาที่พ่อแม่ชวนพี่แคนคุยจนอิ่ม แล้ววันนี้ประจวบเหมาะกับลำดวนมันทำกับข้าวเยอะด้วยเลยพอเลี้ยงแขก
"มายืนจ้องหน้าทำไม ไหนว่าไปดูเขาขุดสระ"
"อิหล่างาม งามคัก"(หนูสวย สวยมาก) คำชมที่ออกมาซึ่งๆหน้าแบบนี้ก็ทำเอาฉันหวั่นไหวอยู่พอสมควร
"รู้ตัว ใครๆก็พูดแบบนี้แหละ" เขายิ้มกริ่มมาให้แต่ก็ไม่ยอมขึ้นรถไปสักที จนฉันต้องเปิดประตูดันหลังเขาเข้าไป
"เรไร" เขาลดกระจกลงและเอ่ยเรียกเสียงจริงจัง อีกทั้งสายตาที่มองมานั้นก็ยังเหมือนมีอะไรบางอย่าง
"มีอะไรก็รีบพูดมา เรจะไปสวน"
"อย่าคิดนำเขาหลายเด้อ อ้ายเป็นห่วง"(อย่าคิดมากนะ พี่เป็นห่วง)หมือนพี่แคนรับรู้สิ่งที่ฉันรู้สึกได้อย่างนั้นแหละ ทั้งที่ฉันก็ว่าพยายามเก็บไว้ให้ลึกแล้วนะ
"เรสิไปคิดนำเขาเฮ็ดหยัง"(เรจะไปคิดถึงเค้าทำไม) ตอบออกไปแบบนั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันยังส่งผลต่อหัวใจ
"ดีแล้ว อ้ายบ่อยากเห็นเรมีน้ำตา"(ดีแล้วเพราะพี่ไม่อยากเห็นเธอมีน้ำตา)เหมือนคำปลอบของพี่แคนจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นนะ แต่บาดแผลที่ยังสดใหม่ย่อมมีความเจ็บเป็นธรรมดาได้แต่หวังให้เวลาช่วยเยียวยาให้แผลนั้นจงหายในเร็วพลัน
สายลมโบกสะบัดพลิ้วไหวยอดหญ้าในยามบ่าย สุริยันเลื่อนลับในหมู่เมฆ ที่เถียงนาน้อยมีหญิงสาวนั่งนิ่งสายตาทอดมองไปตรงหน้าภายในใจเต็มไปด้วยคำถาม 'ที่ผ่านมาเธอผิดพลาดตรงไหน หรือทำไม่ดีอะไร ถึงต้องเป็นที่เจ็บ'
ครืดครืด~~~~
แต่แล้วความคิดฟุ้งซ่านนั้นก็ถูกวางลงเพราะเสียงมือถือเรียกสติให้กลับมา เป็นเบอร์โทรที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ หัวคิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
"เร...ได้ยินอ้ายบ่"(เรได้ยินพี่ไหม)
แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลงชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามองผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...งานของดีอำเภอณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ"
[แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน
แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แนะนำตัวละคร1.เรไร นางเอก2.แคน พระเอกตลาดสดในตัวอำเภอในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว) “น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง“เรไรคนมองเยอะแล้ว"“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก “อีสีมันดีกว่าเรตร
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ
[แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน
แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลงชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามองผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...งานของดีอำเภอณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ"
กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโลครืดครืด ครืดครืดพึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีกคิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลยโชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อ
แนะนำตัวละคร1.เรไร นางเอก2.แคน พระเอกตลาดสดในตัวอำเภอในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว) “น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง“เรไรคนมองเยอะแล้ว"“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก “อีสีมันดีกว่าเรตร