ตอนที่ 3
“เราก็ไปหาซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคาไม่กี่ล้านอยู่ก็ได้ คุณเลิกยึดติดกับหน้าตาทางสังคมบ้างเถอะคุณภา” เอ่ยอย่างตำหนิปนอ่อนอกอ่อนใจ เพราะฝ่ายภรรยาที่อยู่ร่วมกันมาหลายปียึดถือแต่หน้าตาและออกงานสังคมเป็นว่าเล่น แม้กระทั่งเงินทองกำลังขัดสน ผู้เป็นภรรยาก็ไม่เคยคิดจะหยุด
“ฉันไม่ไปอยู่หรอก บ้านหลังเล็กเท่ารูหนู แถมราคาก็แค่ล้านสองล้าน” คุณปภาดายังค้านเสียงแข็งเช่นเดิม
“เปรมก็ไม่ไปเหมือนกันค่ะคุณแม่ เปรมว่าบ้านที่คุณพ่อบอก ห้องน้ำ ห้องนอนคงเล็กน่าดู เปรมอยู่ไม่ได้หรอกค่ะคุณพ่อคะ คุณพ่อห้ามขายบ้านหลังนี้เด็ดขาด ไม่งั้นเปรมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้าเพื่อนๆ ของเปรมแวะมาที่บ้าน อีกอย่างถ้าต้องไปอยู่บ้านหลังเล็กเท่ารูหนูอย่างที่คุณแม่บอกจริงๆ เปรมอยู่ไม่ได้แน่ เพราะเปรมอายเพื่อน” บุตรสาวคนโตค้าน ผสมโรงกับมารดา ทำเอาประมุขของบ้านถอนใจหนักๆ แล้วส่ายศีรษะให้กับสองแม่ลูก
“ใช้แล้วละลูกเปรม คุณกิต...คุณห้ามขายบ้านหลังนี้นะ เห็นใจลูกบ้างเถอะ ถ้ามีบ้านหลังเล็กๆ ลูกคงได้อายเพื่อนๆ แน่ ส่วนฉันก็ทำใจไปอยู่บ้านหลังเล็กๆ ไม่ได้หรอก”
“มันจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สำคัญ เพราะบ้านหลังนี้ถูกยึดแน่ ถ้าเรา ไม่มีเงินไปใช้หนี้ธนาคาร คุณคิดบ้างสิคุณภา ส่วนแก...ยัยเปรม แกอย่าทำตัวยึดติดสิ่งของนอกกายเหมือนแม่ของแกจะได้ไหม” ผู้เป็นพ่อโต้กลับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“คุณแม่! คุณพ่อว่าคุณแม่ชอบยึดติดกับของนอกกายค่ะ” ปิ่นสุดาหันไปฟ้องมารดาด้วยเสียงแหลมสูง
“คุณกิต คุณอย่ามาว่าลูกฉันนะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ยึดติดอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ยอมขาย ไม่ยอมให้ธนาคารมายึดบ้านหลังนี้ไปเด็ดขาด” คนเป็นภรรยาต่อว่าเสียงสูง พลางเชิดหน้าใส่ผู้เป็นสามี
ขณะที่ปฐวีกำลังครุ่นคิดถึงหญิงสาวผู้มีฐานะร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง คนที่ตนบังเอิญไปรู้จักเมื่อครั้งไปเที่ยวเชียงใหม่ หญิงสาวลูกผสมไทย-ฮ่องกงคนนั้นก็ทำให้เขาพอใจตั้งแต่เห็นหน้าและเขาก็จัดการรวบหัวรวบหางเป็นเจ้าของเธอ จากนั้นก็คบหากันต่อราวสองเดือนเศษ ก่อนที่เขาจะหนีหายไปเพราะเริ่มเบื่อหน่ายและรู้ว่าฝ่ายนั้นเกิดท้องขึ้นมา แต่หากรู้ว่าครอบครัวจะเกิดปัญหาเช่นนี้ เขาคงไม่ทิ้งหล่อนมาแน่ๆ เพราะอย่างน้อยบริษัทผ้าไหมของเธอ ก็พอจะทำให้ครอบครัวของเขาพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
‘เขาควรกลับไปหาเธอ แล้วก็ปั้นเรื่องหลอกเธอสักนิด แค่นี้ก็อยู่หมัด’ ปฐวีคลี่ยิ้มเล็กน้อยกับแผนการที่คิดอยู่ในใจ เพราะผู้หญิงอย่าง ฮุ่ยจื่อ เป็นคนใจอ่อนมาก แถมยังออกจะซื่อจนโง่ด้วยซ้ำไป
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมต้องรีบเดินทางไปเชียงใหม่” ปฐวีพูดขึ้นเมื่อภายในห้องโถงมีแต่ความเงียบและตึงเครียด
“เกิดเรื่องขนาดนี้ แกยังมีกะจิตกะใจออกไปเที่ยวอีกหรือไงเจ้าปัด” บิดาเอ่ยอย่างตำหนิ
“ผมไม่ได้ไปเที่ยวครับคุณพ่อ ผมจะไปหางานทำ พอดีผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่น” ปฐวีเอ่ยบอก ก่อนหลบสายตาจับผิดของบิดา เพราะปิดบังเรื่องไปทำผู้หญิงท้องที่เชียงใหม่เอาไว้
“งานอะไรของแก ตาปัด” คนเป็นแม่ถามด้วยความสงสัย ใจก็อดจะหวั่นๆ ไม่ได้เพราะกลัวบุตรชายจะไปก่อเรื่องเข้าให้อีก เพราะแค่เรื่องหนี้สินก็กลุ้มใจเกินจะทนอยู่แล้ว
“ก็คงทำงานตามที่เรียนมาครับ คุณแม่อย่าลืมสิครับว่าผมเรียนจบนะครับ ไม่ได้เหมือนยัยเปรมที่เข้าเรียนที่ไหนก็ไม่จบ ผมขอไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องโถงแต่ต้องหยุดชะงักปลายเท้าเอาไว้ พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างขัดใจของปิ่นสุดาที่ถูกพี่ชายกระแนะกระแหนแต่เธอยังไม่ทันได้ต่อว่าพี่ชายแม้แต่คำเดียว บิดาก็ยกมือห้ามเสียก่อน
“ยัยปิ่นจะกลับมาอยู่แล้ว ทำไมแกไม่อยู่รอน้องก่อนล่ะ เจ้าปัด” คุณกิตติพูดขึ้นเมื่อหยุดเสียงของบุตรสาวคนโตได้ โดยมีปิ่นสุดาเบ้ปากออกอย่างนึกชังแฝดน้องที่ได้ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอก
“ยัยปิ่นคงไม่อยากเจอผมนักหรอกครับ มีแค่คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็ยัยเปรมไปรับที่สนามบิน ยัยปิ่นก็ยิ้มแก้มปริแล้วละครับ ส่วนผมขอตัวเพราะต้องรีบไปหางานทำ เผื่อจะได้ช่วยคุณพ่อได้บ้าง” ปฐวีพูดเสียงเรียบๆ หวนนึกถึงใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องสาวฝาแฝดอีกคนที่มารดาสั่งให้เขาเกลียดเธอ
“ใครบอกว่าเปรมจะไปรับนังปิ่น เพราะน้ำหน้าอย่างมัน แค่ให้คนสวน คนขับรถไปรับก็พอแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นต้องไปยืนขาแข็งรอมันสักนิด ใช่ไหมคะคุณแม่ขา” ปิ่นสุดาโพล่งขึ้น พลางจ้องหน้าพี่ชายได้ แววตาขุ่นเคือง
“ใช่แล้วจ้ะลูกเปรม เพราะคุณแม่ก็ไม่ไปเหมือนกัน ส่วนคุณก็ไม่ต้องไปรับยัยปิ่นหรอก อยู่บ้านพักผ่อนสบายๆ ดีเสียกว่าไปยืนรอรับยัยปิ่นตาปัด แกจะรีบไปจัดกระเป๋าไม่ใช่หรือไง รีบไปได้แล้ว”
พูดจบคุณปภาดาก็ฉุดมือบุตรสาวให้ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องรับแขกตามหลังลูกชายคนโต ทำให้ต้องยุติการถกเถียงเรื่องหนี้สินไปโดยปริยาย ภายในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงคุณกิตติที่ยังคงนั่งกลัดกลุ้มใจอยู่ ก่อนที่ป้าช้อยและสาวใช้สองคนจะเข้ามาดูแลประมุขของบ้านเมื่อคุณ ปภาดาและปิ่นสุดาขับรถออกไปจากบ้าน ประมุขของบ้านหันไปยิ้มบางๆ ให้กับคนรับใช้และแม่ครัวคนเก่าแก่ที่เลี้ยงดูปิ่นมุกมาตั้งแต่เด็กเล็กน้อย ก่อนที่ท่านจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนด้วยสีหน้าทุกข์ระทม
ตอนอวสาน“จินหลง เป็นอะไรไปคะ โอ๋ๆ เงียบนะคะ” ปิ่นมุกหันมาโอ๋ลูกน้อยด้วยสีหน้ากังวล ห่วงพ่อของลูกก็ห่วง ห่วงลูกก็ห่วง ส่วนจินหลงก็ไม่ยอมเงียบ ป้าช้อยอาสาอุ้มจินหลงแล้วสั่งให้ปิ่นมุกลงไปดูคนนั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านพัก เธอลังเลเล็กน้อยแล้ววิ่งไปคว้าร่มอันใหญ่ออกไปหาคนหน้าบ้านพักที่นั่งตัวสั่นปากสั่นไปหมด“คุณถัง! ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้ล่ะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะอยู่ยังไงล่ะคะ” ปิ่นมุกลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดแล้วเพราะเป็นห่วงเขาจนเผลอพูดความในใจออกไป เธอกางร่มคันใหญ่เข้าบังเม็ดฝน ใช้ผ้าที่ถือติดมือมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนดื้อรั้นที่ดื้อยิ่งกว่าเด็กสามขวบ“ฉันยอมตายปิ่นมุก หากเธอไม่ยอมอภัยให้ ฉันรักเธอ ปิ่นมุก ฉันทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีเธออยู่กับฉัน เธอรู้บ้างไหมว่าฉันทรมานแค่ไหนตลอดสองปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่กล้ากลับมาหาเธอ เพราะฉันคิดว่าสักวัน ฉันจะลืมเธอให้ได้ เหมือนที่เธอลืมฉัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้ แล้ววันนี้ก่อนที่ฉันจะตายฉันอยากมาพบเธอ อยากกอดเธอสักครั้ง แล้วฉันจะยอมตาย...ตายอยู
ก่อนอวสานหนึ่งชั่วโมงถัดเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังรบกวน คุณแม่ลูกหนึ่งจึงชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างแต่เพราะเวลานี้มืดค่ำแล้วจึงมองเห็นไม่ถนัดนัก ปิ่นมุกหันมามองลูกชายที่ตอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แล้วเดินลงไปดูคนมาที่กดกริ่งหน้าบ้านพักหลังจากคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน เจ้าของบ้านหยุดปลายเท้าทันทีเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนรถเข็น หน้าตาเขาซูบผอมจนน่าใจหาย ตอนรู้ว่าคุณถังประสบอุบัติเหตุ เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะมีร่างกายผ่ายผอมมากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ก็ซีดเซียวเหมือนคน ไร้ชีวิตชีวา ปิ่นมุกยืนอยู่ลานหน้าบ้านเพราะสับสน เธอสับสนจริงๆ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน“ปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงใช้มือดันล้อรถให้เข้ามาชิดรั้วบ้านมากขึ้น แววตาเศร้าหมองทอดมองร่างเล็กนิ่ง“คุณ...มาทำอะไรคะ” ไม่ได้อยากถามคำถามนี้เลยจริงๆ แต่เพราะไม่รู้จะถามอะไรทำให้ปิ่นมุกเอ่ยคำถามนี้ออกไปแล้วก็ได้แต่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ฉันมาหาเธอ ฉันอยากเห็นหน้าเธอ อยากคุยกับเธอ อยากกอดเธอ ก่อนที่ฉัน...” เจ้าของคำพูดรู้สึก
ตอนที่ 115แต่ใครเลยจะรู้ว่าปิ่นมุกที่ทำทีไม่สนใจพ่อของจินหลงอยู่ทุกวันนั่น เธอคิดถึงพ่อของจินหลงอยู่ทุกวัน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง มันเหมือนมีเส้นใยบางเบามาขวางกั้นเอาไว้ มันบางเบาแต่ก็จริงแต่เธอยังทำลายมันจากใจไม่ได้หมดเสียที เธอจำได้ไม่เคยลืมถึงสิ่งที่ คุณถังฝากความเจ็บช้ำไว้ให้เธอ แม้ความเจ็บช้ำมันจะน้อยลงทุกวันแต่เธอไม่เคยลืมเลือนได้“แล้วตกลงวันนี้ เราจะทำอะไรกันบ้างคะพี่มะลิ” ปิ่นมุกเปลี่ยนเรื่องก่อนฉวยเอาตะกร้าผักไปล้าง“คุณปิ่นคะ ผักนั่นน่ะพี่ล้างหมดแล้วละค่ะ” มะลิบอกอย่างเอ็นดูรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะอย่างน้อยคุณปิ่นมุกก็ยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่หายหน้าหายตาไปอยู่เหมือนกัน แล้วยิ่งคุณหนูจินหลงหน้าตาเหมือนพ่อขนาดนั้น สักวันเถอะกำแพงในใจของคุณปิ่นมุกต้องพังทลายลงสักวัน“ล้างแล้วก็ล้างอีกได้นี่คะพี่มะลิ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม แล้วก็ลงมือล้างผักอย่างตั้งใจ แต่จิตใจกระหวัดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนบางคนที่เหมือนลูกชายของเธอ“ก็ได้ค่า ล้างให
ตอนที่ 114 ตอนที่ 1142 ปีต่อมา... นับจากวันที่ได้จากกันในวันนั้น ปิ่นมุกไม่เคยได้ข่าวคราวของคนป่าเถื่อนอีกเลย เขาทำตัวหายไปจริงๆ พร้อมกับเรื่องราวในอดีตก็ค่อยๆ ลบเลือนไปจากใจของเธอเช่นกัน บิดามักพูดเสมอว่าให้ลืมไปเสียแม้จะยากแต่ก็ต้องลืมเพื่อให้มีแรงเดินต่อไป หลังจากเธอบอกกับบิดาว่าเธอท้อง เมื่อรู้ว่าท้อง เธออยากบอกเขาเหลือเกิน แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงไม่คิดหวนกลับไปและบอกตัวเองว่าให้ลืมคนป่าเถื่อนคนนั้นซะ แต่ยิ่งพยายามลืมเขา ใจกลับก็ยิ่งจดจำและโหยหาเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่จำใจจากหญิงที่รักไปนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและตอนนี้อาการของถังเฟ่ยหลงก็น่าเป็นห่วงมากเพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กลับมาเดินได้เป็นคนปกติอีกครั้ง ถังเฟ่ยหลงท้อแท้หมดกำลังใจ หมดพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่พยายามตัดใจแต่เขาไม่เคยลืมปิ่นมุก อยากกลับไปหาเธอแทบขาดใจ แต่ไม่กล้าไปส
ตอนที่ 113“ไม่ไป ฉันไม่ยอมห่างจากเธออีกแล้วนะปิ่นมุก เพราะอะไรปิ่นมุก ตั้งแต่เธอได้กลับไปอยู่บ้าน เธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาฉัน เธอคิดจะทรมานฉันหรือไง ฉันรู้ว่าฉันผิด...ผิดมาก ผิดจนเธอคงไม่ให้อภัยฉัน แต่ฉันอยากขอโทษ ขอให้คนเลวๆ อย่างฉันได้แก้ตัวบ้างไม่ได้เชียวเหรอ เธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ แต่ขออย่าผลักไสฉันไปไหน ได้ไหมปิ่นมุก ฉันรักเธอ ได้ยินไหมว่าฉันรักเธอ” น้ำเสียงของถังเฟ่ยหลงดูเศร้าหมอง แววตาคม แดงก่ำเพราะหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเธอไป ใบหน้าหล่อเหลาเบียดเข้าใกล้อีกครั้ง“ฉันเหม็นคุณ” ปิ่นมุกยกมือดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง แล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือยามได้เห็นแววตาคมแดงก่ำ“นะปิ่นมุก ให้ฉันได้มีโอกาสชดเชยสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ เธอคือดวงใจของฉันนะปิ่นมุก ฉันมันเลว ใจร้าย ป่าเถื่อน อย่างที่เธอประณามฉัน แต่ฉันอยากขอโอกาสบ้างสักครั้ง นะปิ่นมุกขอโอกาสให้ฉันบ้างได้ไหม” ฝ่ามืออุ่นกุมสองมือเล็กขึ้นจุมพิตซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้น นาทีนี้ถังเฟ่ยหลงไม่คิดอายใครอีกแล้วที่จะต้องหลั่งน้ำตาเพื่อวอนขอโอกาสจากหญิ
ตอนที่ 112ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นด้วยหยาดน้ำตาเมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เพราะหากเธอยอมอยู่เป็นครอบครัวกับคุณถังก็เหมือนคนอกตัญญูที่ไปรักกับคนที่ทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียชีวิต แต่หากเธอเลือกที่จะเดินคนละเส้นทางกับคุณถังหัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่สักวันเธอก็หวังว่าความเจ็บปวดจะจางหายไปในที่สุด เมื่อไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน เวลา...เวลาอาจช่วยเยียวยารักษาหัวใจบอบช้ำของเธอ ‘เพราะเราสองคนรักกันไม่ได้’“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราสองคนรักกันไม่ได้ค่ะ” ปิ่นมุกเงยหน้าตอบบิดาเสียงแผ่วๆ ยกนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลนองสองแก้ม คุณกิตติจึงรั้งบุตรสาวคนเล็กเข้ามาปลอบประโลมขณะที่ด้านหน้าของศาลาริมน้ำ ถังเฟ่ยหลงและลูกน้องรวมถึงคุณตวงรัตน์และบุตรชายก็จับกลุ่มยืนพูดคุยกันและมองมายังสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง ส่วนปิ่นมุกหลังได้รับอ้อมกอดอบอุ่นจากบิดานานหลายนาที เธอจึงเอ่ยชวนให้บิดากลับบ้านพักเพื่อจบปัญหาเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง คุณกิตติก็ไม่คิดซ