ตอนที่ 2
“คุณพ่อ! นี่คุณพ่อมีคนอื่นเหรอคะ ทำไมคุณพ่อถึงทำตัวน่าเกลียดแบบนี้ล่ะคะ” ปิ่นสุดาเอ่ยถามเสียงดัง
“ใช่แล้วยัยเปรม พ่อแกทำตัวน่าเกลียดที่สุด” คุณปภาดาช่วยผสมโรง
“ทำไมคุณพ่อต้องนอกใจคุณแม่ด้วย” ปิ่นสุดาโพล่งขึ้นอีกครั้ง
“หยุดนะยัยเปรม แกจะเชื่อแม่ของแกมากเกินไปแล้ว แล้วก็รู้เอาไว้ว่าพ่อไม่เคยทำตัวแบบนั้น” คนเป็นพ่อตวาดลั่น เพราะตัวท่านไม่เคยทำเรื่องทำนองนั้นแม้แต่ครั้งเดียว พลางย้อนให้คิดถึงความหลัง เพราะตนได้ทำผิดพลาดมาครั้งหนึ่งด้วยการมีความสัมพันธ์กับปภาดา เพื่อนสนิทของตวงรัตน์ หญิงสาวอันเป็นที่รักและคิดสร้างครอบครัวด้วยกันแต่ดันมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
ซึ่งครั้งนั้นท่านกำลังสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนที่ได้ก่อสร้างโรงแรมขึ้นมา ก่อนจะเมามายและมีความสัมพันธ์กับปภาดา จนตวงรัตน์เข้ามาเห็นและหนีไป ตัวท่านเองอยากออกตามหาตวงรัตน์แทบขาดใจเมื่อรู้ว่าเธอได้หายไป ทว่าก็ต้องรับผิดชอบปภาดาที่เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา
“ฮึ! ขอให้มันจริงเถอะคุณกิต แล้วถ้าฉันรู้ว่าคุณหวนกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละจะตามไปรังควานไม่ให้มันอยู่เป็นสุขแน่ รวมทั้งคุณด้วย อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้คุณมีความสุข ในขณะที่ฉันเป็นทุกข์” คนเป็นภรรยาเหยียดปากพูด ทำให้ลูกทั้งสองคนที่ฟังอยู่ด้วยเกิดความสงสัย
“คุณแม่พูดถึงใครครับ” ปฐวี บุตรชายคนโตวัยยี่สิบหกปีเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมองบิดาและมารดาสลับกันไปมา โดยมีปิ่นสุดาช่วยถามย้ำ
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น แม่ก็แค่พูดเผื่อเอาไว้แค่นั้น ปัดกับเปรมอย่าไปสนใจเลย ตอนนี้แม่ว่าเรามาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าทำยังไงถึงจะหาเงินแปดสิบล้านมาใช้หนี้ที่พ่อแกไปก้อไว้ได้” คุณปภาดาบอกปัดพลางหันไปจ้องคู่ชีวิตที่นั่งหน้าเครียดมากกว่าเดิม
“คุณพ่อเป็นคนก่อเรื่อง ก็ต้องคิดหาทางเองสิคะ เปรมไม่ช่วยหรอกค่ะ เปรมไม่ชอบคิด เพราะมันน่าเบื่อจะตายไปค่ะ” ปิ่นสุดากล่าวจบก็เบ้ปาก
ทางด้านบิดาเงยหน้ามองด้วยความผิดหวังกับถ้อยคำของบุตรสาวคนโต ที่หากตนได้รับคำปลอบใจดีๆ สั้นๆ จากคนเป็นลูกบ้าง ตัวท่านคงมีกำลังใจต่อสู้ปัญหาได้มากกว่านี้ จากนั้นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ก็ถอนใจออกมาเบาๆ หลับตาอย่างคนคิดไม่ตก หากจะขายบ้านหลังนี้ก็คงไม่เพียงพอ แล้วไหนจะยังโรงแรมนั่นอีกที่ใกล้จะถูกฟ้องล้มละลายเพราะตนไปกู้เงินมาลงทุนและปรับปรุงเมื่อสี่ปีก่อน แต่งบก็มาบานปลายประกอบกับเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก อีกทั้งคู่แข่งก็มีมากมายปัญหาเลยรุมเร้า
“คุณกิต คุณจะมานั่งเงียบแบบนี้ไม่ได้นะ จะเอายังไงก็บอกฉันมาสิ” คุณปภาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางจ้องหน้าคู่ชีวิตด้วยความผิดหวัง พร้อมเสียงถอนใจหนักๆ ไปกับความนิ่งเฉยของคู่ชีวิต ก่อนหวนนึกถึงอดีตที่หากรู้ว่าต้องมาตกอยู่ในภาพเช่นนี้แล้วละก็ เธอไม่ผสมยาให้คุณกิตติดื่มในคืนสังสรรค์เมื่อยี่สิบหกปีก่อนเป็นแน่
“คุณกิต! พูดมาสิว่าคุณจะเอายังไงกันแน่ กับปัญหาที่คุณไปก่อไว้” ฝ่ายผู้เป็นภรรยาอดทนไม่ไหวกับการนิ่งเฉยจึงเอ่ยถามคู่ชีวิตเสียงดังลั่น
“คุณอยากรู้หรือเปล่าว่าผมมีทางใช้หนี้ได้ทางไหนบ้าง” ประมุขของบ้านกล่าวออกมาอย่างช้าๆ แต่ตัวท่านไม่คิดทำเช่นนั้นแน่ เพราะทางเจ้าหนี้ต้องการให้ส่งบุตรสาวไปใช้หนี้ในตำแหน่งเมียเก็บ ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็เหมือนส่งลูกไปลงนรกชัดๆ และไม่ว่าลูกคนไหน ท่านไม่คิดจะส่งไปชำระหนี้ ในวันนั้นตัวท่านยอมรับว่าตกใจจนแทบช็อกเมื่อตัวแทนของเจ้าหนี้ได้ยื่นภาพถ่ายของปิ่นสุดามาให้ดูพร้อมบอกความจำนง
“ก็พูดมาสิ ว่าต้องทำยังไง ก่อนที่คนละแวกนี้จะรู้ว่าเราจะหมดตัว แต่คุณอย่าบอกเชียวนะว่าจะขายบ้านหลังนี้ ฉันไม่ยอมแน่ๆ” คนเป็นภรรยาพูดดักคอ ส่วนบุตรชายและบุตรสาวก็ตาลุกด้วยความดีใจเมื่อบิดามีหนทางแก้ปัญหาครั้งเสียที
“เจ้าหนี้ต้องการให้ผมส่งยัยเปรมไปเป็นเมียเก็บ” คุณกิตติเอ่ยตอบภรรยาอย่างช้าๆ ชัดๆ แล้วมองหน้าบุตรสาวและถึงอย่างไรท่านก็ไม่มีวันส่งลูกสาวไปเป็นเมียเก็บใคร ไม่ว่าจะเป็นปิ่นสุดาหรือปิ่นมุก
“เรื่องอะไรคุณพ่อจะมายกเปรมไปใช้หนี้แทน ในเมื่อคุณพ่อเป็นคนก่อเรื่องเอาไว้เอง ฉะนั้นคุณพ่อนั่นแหละที่ต้องไปใช้หนี้แทน เปรมไม่เกี่ยว เปรมไม่ไปไหนเด็ดขาด คุณพ่อห้ามมาบังคับเปรม” ปิ่นสุดาค้านเสียงแหลมสูงแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จากนั้นก็กระทืบเท้าดิ้นเร่าๆ อย่างขัดใจ
คุณปภาดาเห็นเข้าก็รีบเข้าปลอบบุตรสาวคนโตให้ใจเย็นเสียก่อน ก่อนที่ตัวท่านจะเผยยิ้มมุมปากกับสิ่งที่คาดการณ์อยู่ในใจนั่นคือ เจ้าหนี้ที่ว่านั่นเป็นใครและรวยหรือไม่ แล้วถ้ารวยถึงขึ้นมหาเศรษฐี ตนยินดีส่งปิ่นสุดาไปให้ เพื่อให้บุตรสาวคนโตจะได้สุขสบายไปตลอดชาติ เป็นเมียเก็บคนรวย ใช่ว่าจะไม่ดีเสียเมื่อไหร่กัน หากรู้จักออดอ้อน ฉอเลาะ ประจบประแจงเข้าหน่อย ขี้คร้านพวกผู้ชายจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
“พ่อก็ไม่คิดจะส่งลูกคนไหนไปให้ใครทั้งนั้น แกวางใจเถอะ ยัยเปรม” คนเป็นพ่อบอกสีหน้ายิ้มนิดๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าของบุตรสาวระบายยิ้มด้วยความโล่งใจ ผิดจากคนเป็นแม่นักที่กำลังครุ่นคิดไม่ตก
“แล้วคุณจะทำยังไง จะหาเงินจากที่ไหนไปใช้หนี้ ส่วนไอ้โรงแรมนั่นก็จะถูกฟ้องอยู่อีกไม่กี่วัน” คุณปภาดาถามเสียงอ่อนลง พลางหันไปสำรวจบุตรสาวของตนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ได้น้อยหน้าใคร คนเป็นแม่ก็ลอบยิ้มอยู่ในใจ คาดเดาว่าเจ้าหนี้ของสามีคงจะรวยระดับเจ้าพ่อแน่
“เราต้องขายบ้านหลังนี้ แล้วเอาเงินไปใช้หนี้บ้างส่วน ผมว่ามันคงได้สักสิบล้านขึ้น” ประมุขของบ้านพูดขึ้นเสียงเครียด รอยยิ้มซีดเซียวเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น
“ไม่ได้! ยังไงฉันก็ให้คุณขายบ้านหลังนี้ไม่ได้ คุณคิดบ้างสิ ถ้าเรา ขายบ้านไปแล้ว เราจะอยู่ที่ไหนกัน” คนเป็นภรรยาค้านเสียงแข็ง
ตอนอวสาน“จินหลง เป็นอะไรไปคะ โอ๋ๆ เงียบนะคะ” ปิ่นมุกหันมาโอ๋ลูกน้อยด้วยสีหน้ากังวล ห่วงพ่อของลูกก็ห่วง ห่วงลูกก็ห่วง ส่วนจินหลงก็ไม่ยอมเงียบ ป้าช้อยอาสาอุ้มจินหลงแล้วสั่งให้ปิ่นมุกลงไปดูคนนั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านพัก เธอลังเลเล็กน้อยแล้ววิ่งไปคว้าร่มอันใหญ่ออกไปหาคนหน้าบ้านพักที่นั่งตัวสั่นปากสั่นไปหมด“คุณถัง! ทำไมคุณถึงได้ดื้อแบบนี้ล่ะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะอยู่ยังไงล่ะคะ” ปิ่นมุกลืมเลือนทุกสิ่งไปหมดแล้วเพราะเป็นห่วงเขาจนเผลอพูดความในใจออกไป เธอกางร่มคันใหญ่เข้าบังเม็ดฝน ใช้ผ้าที่ถือติดมือมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนดื้อรั้นที่ดื้อยิ่งกว่าเด็กสามขวบ“ฉันยอมตายปิ่นมุก หากเธอไม่ยอมอภัยให้ ฉันรักเธอ ปิ่นมุก ฉันทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีเธออยู่กับฉัน เธอรู้บ้างไหมว่าฉันทรมานแค่ไหนตลอดสองปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่กล้ากลับมาหาเธอ เพราะฉันคิดว่าสักวัน ฉันจะลืมเธอให้ได้ เหมือนที่เธอลืมฉัน แต่ฉันก็ทำไม่ได้ แล้ววันนี้ก่อนที่ฉันจะตายฉันอยากมาพบเธอ อยากกอดเธอสักครั้ง แล้วฉันจะยอมตาย...ตายอยู
ก่อนอวสานหนึ่งชั่วโมงถัดเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังรบกวน คุณแม่ลูกหนึ่งจึงชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างแต่เพราะเวลานี้มืดค่ำแล้วจึงมองเห็นไม่ถนัดนัก ปิ่นมุกหันมามองลูกชายที่ตอนหลับปุ๋ยไปแล้ว แล้วเดินลงไปดูคนมาที่กดกริ่งหน้าบ้านพักหลังจากคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอน เจ้าของบ้านหยุดปลายเท้าทันทีเมื่อเห็นใครบางคนนั่งอยู่บนรถเข็น หน้าตาเขาซูบผอมจนน่าใจหาย ตอนรู้ว่าคุณถังประสบอุบัติเหตุ เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะมีร่างกายผ่ายผอมมากถึงเพียงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ก็ซีดเซียวเหมือนคน ไร้ชีวิตชีวา ปิ่นมุกยืนอยู่ลานหน้าบ้านเพราะสับสน เธอสับสนจริงๆ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกแบบไหน“ปิ่นมุก” ถังเฟ่ยหลงใช้มือดันล้อรถให้เข้ามาชิดรั้วบ้านมากขึ้น แววตาเศร้าหมองทอดมองร่างเล็กนิ่ง“คุณ...มาทำอะไรคะ” ไม่ได้อยากถามคำถามนี้เลยจริงๆ แต่เพราะไม่รู้จะถามอะไรทำให้ปิ่นมุกเอ่ยคำถามนี้ออกไปแล้วก็ได้แต่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ“ฉันมาหาเธอ ฉันอยากเห็นหน้าเธอ อยากคุยกับเธอ อยากกอดเธอ ก่อนที่ฉัน...” เจ้าของคำพูดรู้สึก
ตอนที่ 115แต่ใครเลยจะรู้ว่าปิ่นมุกที่ทำทีไม่สนใจพ่อของจินหลงอยู่ทุกวันนั่น เธอคิดถึงพ่อของจินหลงอยู่ทุกวัน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง มันเหมือนมีเส้นใยบางเบามาขวางกั้นเอาไว้ มันบางเบาแต่ก็จริงแต่เธอยังทำลายมันจากใจไม่ได้หมดเสียที เธอจำได้ไม่เคยลืมถึงสิ่งที่ คุณถังฝากความเจ็บช้ำไว้ให้เธอ แม้ความเจ็บช้ำมันจะน้อยลงทุกวันแต่เธอไม่เคยลืมเลือนได้“แล้วตกลงวันนี้ เราจะทำอะไรกันบ้างคะพี่มะลิ” ปิ่นมุกเปลี่ยนเรื่องก่อนฉวยเอาตะกร้าผักไปล้าง“คุณปิ่นคะ ผักนั่นน่ะพี่ล้างหมดแล้วละค่ะ” มะลิบอกอย่างเอ็นดูรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพราะอย่างน้อยคุณปิ่นมุกก็ยังคงอาลัยอาวรณ์คนที่หายหน้าหายตาไปอยู่เหมือนกัน แล้วยิ่งคุณหนูจินหลงหน้าตาเหมือนพ่อขนาดนั้น สักวันเถอะกำแพงในใจของคุณปิ่นมุกต้องพังทลายลงสักวัน“ล้างแล้วก็ล้างอีกได้นี่คะพี่มะลิ” บอกเสียงอ้อมแอ้ม แล้วก็ลงมือล้างผักอย่างตั้งใจ แต่จิตใจกระหวัดถึงใบหน้าหล่อเหลาของคนบางคนที่เหมือนลูกชายของเธอ“ก็ได้ค่า ล้างให
ตอนที่ 114 ตอนที่ 1142 ปีต่อมา... นับจากวันที่ได้จากกันในวันนั้น ปิ่นมุกไม่เคยได้ข่าวคราวของคนป่าเถื่อนอีกเลย เขาทำตัวหายไปจริงๆ พร้อมกับเรื่องราวในอดีตก็ค่อยๆ ลบเลือนไปจากใจของเธอเช่นกัน บิดามักพูดเสมอว่าให้ลืมไปเสียแม้จะยากแต่ก็ต้องลืมเพื่อให้มีแรงเดินต่อไป หลังจากเธอบอกกับบิดาว่าเธอท้อง เมื่อรู้ว่าท้อง เธออยากบอกเขาเหลือเกิน แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงไม่คิดหวนกลับไปและบอกตัวเองว่าให้ลืมคนป่าเถื่อนคนนั้นซะ แต่ยิ่งพยายามลืมเขา ใจกลับก็ยิ่งจดจำและโหยหาเขา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่จำใจจากหญิงที่รักไปนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและตอนนี้อาการของถังเฟ่ยหลงก็น่าเป็นห่วงมากเพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้กลับมาเดินได้เป็นคนปกติอีกครั้ง ถังเฟ่ยหลงท้อแท้หมดกำลังใจ หมดพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่พยายามตัดใจแต่เขาไม่เคยลืมปิ่นมุก อยากกลับไปหาเธอแทบขาดใจ แต่ไม่กล้าไปส
ตอนที่ 113“ไม่ไป ฉันไม่ยอมห่างจากเธออีกแล้วนะปิ่นมุก เพราะอะไรปิ่นมุก ตั้งแต่เธอได้กลับไปอยู่บ้าน เธอก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาฉัน เธอคิดจะทรมานฉันหรือไง ฉันรู้ว่าฉันผิด...ผิดมาก ผิดจนเธอคงไม่ให้อภัยฉัน แต่ฉันอยากขอโทษ ขอให้คนเลวๆ อย่างฉันได้แก้ตัวบ้างไม่ได้เชียวเหรอ เธอจะทำอะไรกับฉันก็ได้ แต่ขออย่าผลักไสฉันไปไหน ได้ไหมปิ่นมุก ฉันรักเธอ ได้ยินไหมว่าฉันรักเธอ” น้ำเสียงของถังเฟ่ยหลงดูเศร้าหมอง แววตาคม แดงก่ำเพราะหวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเธอไป ใบหน้าหล่อเหลาเบียดเข้าใกล้อีกครั้ง“ฉันเหม็นคุณ” ปิ่นมุกยกมือดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง แล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือยามได้เห็นแววตาคมแดงก่ำ“นะปิ่นมุก ให้ฉันได้มีโอกาสชดเชยสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ เธอคือดวงใจของฉันนะปิ่นมุก ฉันมันเลว ใจร้าย ป่าเถื่อน อย่างที่เธอประณามฉัน แต่ฉันอยากขอโอกาสบ้างสักครั้ง นะปิ่นมุกขอโอกาสให้ฉันบ้างได้ไหม” ฝ่ามืออุ่นกุมสองมือเล็กขึ้นจุมพิตซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้น นาทีนี้ถังเฟ่ยหลงไม่คิดอายใครอีกแล้วที่จะต้องหลั่งน้ำตาเพื่อวอนขอโอกาสจากหญิ
ตอนที่ 112ดวงตาคู่สวยเริ่มรื้นด้วยหยาดน้ำตาเมื่อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต เพราะหากเธอยอมอยู่เป็นครอบครัวกับคุณถังก็เหมือนคนอกตัญญูที่ไปรักกับคนที่ทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียชีวิต แต่หากเธอเลือกที่จะเดินคนละเส้นทางกับคุณถังหัวใจของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นกัน แต่สักวันเธอก็หวังว่าความเจ็บปวดจะจางหายไปในที่สุด เมื่อไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องมาเห็นหน้ากัน เวลา...เวลาอาจช่วยเยียวยารักษาหัวใจบอบช้ำของเธอ ‘เพราะเราสองคนรักกันไม่ได้’“ลูกปิ่น” คุณกิตติขานเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราสองคนรักกันไม่ได้ค่ะ” ปิ่นมุกเงยหน้าตอบบิดาเสียงแผ่วๆ ยกนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลนองสองแก้ม คุณกิตติจึงรั้งบุตรสาวคนเล็กเข้ามาปลอบประโลมขณะที่ด้านหน้าของศาลาริมน้ำ ถังเฟ่ยหลงและลูกน้องรวมถึงคุณตวงรัตน์และบุตรชายก็จับกลุ่มยืนพูดคุยกันและมองมายังสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง ส่วนปิ่นมุกหลังได้รับอ้อมกอดอบอุ่นจากบิดานานหลายนาที เธอจึงเอ่ยชวนให้บิดากลับบ้านพักเพื่อจบปัญหาเรื่องระหว่างเธอและคุณถัง คุณกิตติก็ไม่คิดซ