공유

บทที่ 136

작가: จิ้งซิง
ในขณะที่มือของเวินจื่อเยวี่ยใกล้สัมผัสประตูห้องเวินซื่อนั้น จู่ ๆ เขารู้สึกเย็นเยือกแผ่นหลัง จึงหันขวับ ซัดหมัดออกไปด้านหลังทันที

“พลั่ก!”

วินาทีที่หมัดและเท้าปะทะกัน เวินจื่อเยวี่ยจึงมองเห็นคนด้านหลังชัดเจน

แต่จะบอกว่าชัดเจนก็ไม่ทั้งหมด เพราะอีกฝ่ายห่อหุ้มด้วยชุดพรางกายยามวิกาล นอกจากดวงตาคู่นั้นที่ยังเปิดเผย ส่วนอื่นหลอมรวมไปกับความมืดมิด

“เจ้าคือผู้ใด!”

เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยถามเสียงเข้ม

จู๋เยวี่ยยื่นนิ้วชี้ออกมาวางไว้ตรงริมฝีปาก แล้วทำเสียงชู่ว์ “เสียงเบาหน่อย อย่าทำให้นางตื่น”

เมื่อสิ้นเสียง กระบี่ในมือนางปรากฏ วินาทีต่อมาพุ่งไปที่หัวของเวินจื่อเยวี่ย

เวินจื่อเยวี่ยโมโหทันที

“ไม่ยอมพูด ถ้างั้นข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าแล้ว!”

มีดสั้นเล่มหนึ่งไถลออกมาจากแขนเสื้อของเขา จากนั้นชูมือขึ้น เกิดเสียงดังเคร้ง ต้านทานกระบี่ยาวของจู๋เยวี่ยเอาไว้

ทั้งสองคนต่อสู้กันในเรือนของเวินซื่อทันที

……

วันรุ่งขึ้น เมื่อเวินซื่อสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พอเปิดประตูห้อง มองเห็นสภาพเละเทะภายในเรือน สีหน้าบนใบหน้าแข็งค้างไปทันที

“นี่...เกิดอะไรขึ้น? !”

หนึ่งคืนผ่านไป สภาพภายในเรือนของนางราวกับถูกสัตว์ป่าโจมตีไ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터
댓글 (4)
goodnovel comment avatar
พรนภา
พี่ชายทุกคนล้วนเลวทรามต่ำช้าไม่แพ้พ่อ คิดกำจัดนางเพื่อผู้หญิงที่ไม่ได้เกิดจากแม่เดียวกัน ตอนสั้นแล้วช่วยกระชับเนื้อหาให้เร็วหน่อยน้า
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ชาติที่แล้ว พี่คนนี้เป็นคนกรีดท้องนางเอกไม่ใช่เหรอ มีอะไรไม่อยากจะเชื่ออีกกะอีแค่วางยา
goodnovel comment avatar
Pusanisa Nok Siriwuth
ชอบค่ะ สนุกน่าติดตาม เอาใจช่วยเวินซื่อ นะ อย่ามีเลยพี่ชาย กับพ่อแบบนี้
댓글 모두 보기

관련 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 137

    “ทำไม ในสายตาคุณชายสามอย่างท่าน ขอเพียงไม่ได้วางยาให้ใครตาย ก็ถือว่าไม่ชั่วหรือ?”ดวงตาของเวินซื่อแดงก่ำ นางจ้องเขม็งไปที่เวินจื่อเยวี่ย “เช่นนั้นข้าอยากถามดู หากท่านไม่คิดจะวางยาให้ท่านตาย อย่างนั้นท่านต้องการทำสิ่งใดกันแน่? หา? ท่านพูดมาสิ!”“อยากให้ข้ากินยานี่เข้าไป แล้วพาข้ากลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? หรือว่าจับข้าขังเอาไว้ จะได้ให้น้องหกของท่านสังหารข้า? ทรมานข้า? หรือไม่เจ้าก็อยากจะผ่าท้องข้าอีกครั้งอย่างนั้นหรือ? !”เมื่อพูดมาถึงตอนท้าย เวินซื่อแทบควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่วินาทีนี้ความโกรธแค้นที่เก็บกดอยู่ในใจระเบิดออกมาอย่างสิ้นเชิงหลังจากนางพูดประโยคสุดท้ายออกไปด้วยความวู่วาม สายตาของอีกสามคนในเรือนตกใจ นางตระหนักถึงบางสิ่ง จึงหลับตาลง“ท่านอาจารย์ ศิษย์อยากไปสงบสติอารมณ์สักครู่ ท่านช่วยสอบสวนเขาแทนข้าทีเถอะเจ้าค่ะ”เวินซื่อพูดจนจบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย จากนั้นหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วปิดประตูดัง “ปัง”กลับไม่รู้เลยว่าอีกสามคนที่อยู่ในเรือน จิตใจกำลังปั่นป่วนอย่างมากจากคำพูดของนางเมื่อสักครู่ม่อโฉวซือไท่กับจู๋เยวี่ยมองดูบานประตูที่ปิดสนิท“เมื่อคร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 138

    ม่อโฉวซือไท่ชะงักไปสักครู่นางนึกไม่ถึงว่าภายในใจของเวินจื่อเยวี่ย คำตอบของคำถามนี้จะกลายเป็นเยี่ยงนี้แกรก...ประตูด้านหลังคล้ายถูกเปิดออก ม่อโฉวซือไท่จึงหันไปมองเป็นไปตามคาดเวินซื่อออกมาจากด้านในแล้ว“อู๋โยว...”ม่อโฉวซือไท่อยากพูดบางอย่าง แต่เวินซื่อฝืนยิ้มให้นาง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาจารย์ ข้าใจเย็นลงแล้ว”แต่นึกไม่ถึงว่าพอออกมา กลับได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินซื่อเดินไปหาเวินจื่อเยวี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางยืนอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามเสียงเย็นชา “ท่านว่าข้าทำให้ท่านแม่ตายหรือ?”“ถูกต้อง เจ้านั่นแหละ!”ทั้งที่แววตาของเวินจื่อเยวี่ยยังอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ แต่อารมณ์ของเขากลับฉุนเฉียวมาก“หากท่านแม่ไม่คลอดเจ้า ร่างกายของนางคงไม่ต้องมีโรคภัยที่สาหัสหลงเหลืออยู่เพราะคลอดยาก สุดท้ายยิ่งไม่ต้องจากไปเพราะโรคภัย!”หางตาของเวินจื่อเยวี่ยมีน้ำตาไหลรินสองข้าง แววตาที่เลื่อนลอยของเขาราวกับมองดูบางคนด้วยความโกรธแค้นผ่านบางสิ่งเวินซื่อรู้ว่าคือใคร นางไม่หลบ ยืนอยู่อย่างนั้น“ทั้งที่ท่านแม่เคยบอกว่าจะเติบโตไปพร้อมพวกเรา แต่ท่านแม่ผิดคำพูด ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นไร เพราะท่านแม่ชอบน้องสาว และเพื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 139

    ม่อโฉวซือไท่เดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปดึงนางมากอด“เด็กดี ไม่ต้องเป็นห่วง จื่อจวินคือผู้ที่อ่อนโยนที่สุดบนโลกใบนี้ นางจะเข้าใจเจ้า”แต่สิ่งที่ม่อโฉวซือไท่ไม่ได้บอกคือแต่หากแม่เจ้าได้รับรู้ความเสียใจของเจ้า และความเจ็บปวดพวกนั้นที่เจ้าได้ประสบ นางคงจะเสียใจอย่างแท้จริงกระมังม่อโฉวซือไท่หลับตาลงอย่างอดไม่ได้ในใจนางกำลังพร่ำบอก ขอโทษนะ จื่อจวิน ที่ข้าไม่ได้ดูแลพวกลูกของเจ้าให้ดีโชคดีที่ลูกสาวของเจ้าเข้มแข็งเหมือนเจ้าในตอนนั้นนางไม่ได้พ่ายแพ้เพียงแต่ เด็กที่เข้มแข็งมักจะต้องลำบากกว่ามากม่อโฉวซือไท่ลูบหัวของเวินซื่ออย่างสงสาร รอคอยให้นางร้องไห้เสร็จเงียบ ๆหลังจากร้องไห้ไปสักครู่ ในที่สุดเวินซื่อจึงสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้งนางมองดูหัวไหล่ของอาจารย์ที่เปื้อนคราบน้ำตาของนางเป็นวงอย่างละอายใจ“ขอโทษเจ้าค่ะท่านอาจารย์ ข้าดูเหมือนชอบร้องไห้มากไปหน่อย”ความจริงเวินซื่อไม่ถือว่าเข้มแข็งนางเป็นคนบอบบางมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังโตมาจากการประคบประหงมของจวนเจิ้นกั๋วกงดังนั้นชาติที่แล้วจึงถูกเวินเยวี่ยเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างง่ายดายชาตินี้แม้นางจะยังบอบบางอยู่บ้าง แต่โชคดีที่ครั้ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 140

    ระยะเวลาห่างจากที่เวินจื่อเยวี่ยไปหาเวินซื่อที่อารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาสองวันสองคืนแล้วเวินอวี้จือไม่รู้ว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น หรือว่าขณะที่เวินจื่อเยวี่ยวางยามีใครมาพบเห็นเข้า?แต่หากถูกจับได้จริง ทำไมจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลยในขณะที่เวินอวี้จือกำลังคิดว่าจะส่งคนไปดูสถานการณ์ที่อารามสุ่ยเยว่หรือไม่ ในที่สุดเวินจื่อเยวี่ยก็กลับมาข้างนอกท้องฟ้ามืดสนิท ตอนเวินจื่อเยวี่ยกลับมา เวินอวี้จือเตรียมตัวเข้านอนบ่าวรับใช้ได้ยินเสียงเคาะประตู “ใครนะ?”“ข้า เวินจื่อเยวี่ย”เวินอวี้จือที่เตรียมจะเอนกายนอนหยุดทันที แล้วสั่งให้บ่าวเปิดประตู“คุณชายสาม”หลังจากเวินจื่อเยวี่ยเข้าไปในห้องจึงพูดกับบ่าว “เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีธุระจะคุยกับน้องสี่”บ่าวย่อมไม่ได้จากไปทันที กลับหันมองคำสั่งทางสายตาของคุณชายผู้เป็นนายตน จึงหันหลังจากไปพร้อมปิดประตูห้องให้เรียบร้อย“พี่สาม ทำไมผ่านไปตั้งนานแล้วท่านเพิ่งกลับมา? เวินซื่อล่ะ? ท่านไม่ได้พานางกลับมาด้วยหรือ?”เวินอวี้จือสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั่งลงข้างเตียง พร้อมเอ่ยถามก่อน‘หากเวินอวี้จือถามเจ้า เจ้าบอกว่า…’ดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 141

    เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ให้นางไป เพียงแต่สั่งเวินจื่อเยวี่ยเสียงหนึ่งเวินจื่อเยวี่ยลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกออกจากโต๊ะ ก็มีเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนดังมาจากข้างนอก“แย่แล้วๆ !”เวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ ต่างเงยหน้าขึ้นมองเห็นเพียงข้ารับใช้ที่คอยปรนนิบัติในเรือนของเวินอวี้จือวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรน “ท่านกั๋วกง คุณชายใหญ่ รีบไปดูคุณชายสี่เถิด เขาเกิดเรื่องแล้ว!”คนที่อยู่ที่โต๊ะต่างพากันลุกขึ้นยืน“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าสี่ป่วยอีกแล้วหรือ?”“ไม่ใช่ป่วย...”ข้ารับใช้รู้สึกร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ “คุณชายสี่ เขา...จู่ๆ เขาก็พูดไม่ได้แล้วขอรับ!”“อะไรนะ?!”……ครู่ต่อมา คนในสกุลเวินหลายคนล้อมอยู่หน้าเตียงของเวินอวี้จือ รอคอยผลการวินิจฉัยของหมอด้วยความกังวลหมอผู้เฒ่าตรวจชีพจรเสร็จ ก็ขมวดคิ้วพลางดึงมือกลับ“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ คุณชายสี่ได้กินอะไรผิดปกติไปบ้างหรือไม่?”เวินฉางอวิ้นส่ายหัว “เจ้าสี่ร่างกายไม่แข็งแรง ปกติแล้วก็ต้องดื่มยาบำรุงมากมาย ทำให้เบื่ออาหาร โดยทั่วไปนอกจากอาหารมื้อหลักแล้ว ก็จะไม่กินอะไรอย่างอื่นอีก”“เช่นนั้นได้ไปสัมผ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 142

    ทันทีที่บ่าวรับใช้ค้นพบห้องลับในห้องของเจ้าสี่ เวินเฉวียนเซิ่งก็รู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายอย่างที่คิด“ดังนั้นจึงยังไม่ได้สั่งให้คนเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในทันทีหมอหลวงหลี่ผู้มากประสบการณ์ทำราวกับไม่ได้ยินอะไร ยังคงตั้งใจตรวจสอบผงยาในขวดต่อไปแต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม หมอหลวงหลี่ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด แล้วเอ่ยกับเวินเฉวียนเซิ่ง “ท่านเจิ้นกั๋วกง ครั้งนี้ข้าน้อยเกรงว่าคงไร้ความสามารถ”เวินเฉวียนเซิ่งไม่คาดคิดว่าพิษนี้จะร้ายแรงถึงขนาดทำให้หมอหลวงหลี่ผู้นี้ถึงกับเอ่ยปากว่าไร้ความสามารถ“หมอหลวงหลี่ พิษนี้มันอะไรกันแน่? เหตุใดถึงร้ายแรงเช่นนี้?”“พิษนี้ยากจะแก้ไขก็ตรงที่ส่วนผสมของยาที่ใช้มีความซับซ้อนมาก แถมยังผสมสมุนไพรพิษที่หายากยิ่งชนิดหนึ่งเข้าไปด้วย มีชื่อว่าเกล็ดงูแดง”“เป็นเพราะสมุนไพรพิษชนิดนี้ ข้าน้อยจึงบอกว่าไร้ความสามารถ เพราะมันจะแก้พิษได้ก็ต่อเมื่อใช้ดอกงูเขียวซึ่งหายากพอๆ กัน แต่ดอกงูเขียวที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวในเมืองหลวงถูกใช้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้อยากจะหาอีกสักต้น ก็ยากยิ่งนัก”ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของหมอหลวงหลี่ สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งและคนอื่นๆ ก็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 143

    “พยักหน้าที ส่ายหน้าที เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”เวินฉางอวิ้นเริ่มไม่เข้าใจแล้วแต่เขาไม่รู้เลยว่า เวินอวี้จือนั้นอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมากยาเชื่องฟังนั้นเป็นของเขา แต่ก็ไม่ใช่ของเขา!ยาเชื่องฟังของเขาไม่มีทางทำให้คนเป็นใบ้อยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้คนอ่อนแรงด้วย!เมื่อนึกถึงว่าเวินจื่อเยวี่ยเป็นคนนำขวดยานี้กลับมา เวินอวี้จือก็หันไปมองเขาในทันทีรีบพูดสิ ท่านรีบพูดมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ใครกันที่ทำอะไรกับยาเชื่องฟังของเขา!เป็นฝีมือของเวินซื่อ? หรือว่าคนชุดดำนั่น?ในตอนนี้เวินอวี้จือไม่สามารถพูดเองได้ จึงได้แต่หวังพึ่งเวินจื่อเยวี่ยให้พูดแทนทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเผชิญกับสายตาขอความช่วยเหลือจากเขา เวินจื่อเยวี่ยกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลยเวินอวี้จือพลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างหรือว่าก่อนหน้านี้ เวินจื่อเยวี่ยโดนเล่นงานไปก่อนแล้ว?!โชคดีที่ในเวลานี้มีคนตาไวสังเกตเห็นสายตาของเขา“พี่สี่ เหตุใดท่านจึงมองพี่สามตลอดเลย? หรือว่าพี่สามรู้อะไรบางอย่าง?”น้ำเสียงของเวินเยวี่ยดังขึ้นภายในห้อง ทำให้ทุกคนต่างสังเกตเห็นสายตาของเวินอวี้จือ แล้วหันไปมองเวินจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 144

    ในวินาทีที่เวินจื่อเยวี่ยพยักหน้า สิ่งที่เขาได้รับคือหมัดที่เดือดดาลของเวินจื่อเฉิน“ผัวะ!”เวินจื่อเยวี่ยถูกต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้นในวินาทีต่อมา หมัดนับไม่ถ้วนก็ร่วงลงมาดุจพายุโหมกระหน่ำ ซัดเข้าใส่ร่างของเขาไม่ยั้ง“พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร! ทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร! ต่อให้น้องห้าจะไม่ดีแค่ไหน นางก็ไม่เคยทำอะไรผิดต่อพวกเจ้า! พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรไปทำกับนางเช่นนี้! มีสิทธิ์อะไร?!”เวินจื่อเฉินยังไม่รู้ว่ายานั้นถูกปรับเปลี่ยนเขารู้แค่ว่าน้องชายแท้ๆ สองคนของตัวเองกลับร่วมมือกันวางยาพิษน้องสาวแท้ๆ ของพวกเขาเอง!ทั้งที่พวกเขาเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สนิทสนมรักใคร่กันขนาดนั้น เหตุใดจึงทะเลาะกันจนถึงขั้นนี้ได้?!“พอแล้ว เจ้าอยากจะต่อยเจ้าสามจนตายหรือไร?”เวินเฉวียนเซิ่งตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชาครั้งนี้ เวินจื่อเยวี่ยที่นอนอยู่บนพื้นไม่ได้ตอบโต้ เพียงแต่ปล่อยให้เวินจื่อเฉินต่อยเขาแต่ในวินาทีนี้ เวินจื่อเฉินกลับไม่ฟังคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่ง แถมยังหันไปตะโกนใส่เวินเฉวียนเซิ่งว่า “ไม่พอ!”น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ เป็น

최신 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status