จากนักเขียนนิยายที่กำหนดชะตาผู้อื่น ดันมากลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง เมื่อต้องข้ามมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่แต่ง แถมยังเป็นร่างนางร้ายที่ถูกกำหนดให้กำลังจะตุย! งานนี้มีหรือนางจะปล่อยให้ตัวเองต้องดำเนินตามเนื้อเรื่องที่แต่ง ไม่มีใครอยากตุยซ้ำสอง คนเดียวที่จะทำให้นางรอดได้มีเพียงพระรองที่ไม่ค่อยมีบท คู่ปรับของพระเอกที่นางแต่งเท่านั้น!
view more“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”
“จับตัวนางออกไปจากตำหนักข้า!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ท่านเข้าใจหม่อมฉันผิดไปแล้ว!”
“เข้าใจเจ้าผิด?”
กึก! เสียงฟันกระทบกันเมื่อมือหนาเอื้อมบีบคางเรียวด้วยกำลังประมาณหนึ่ง แววตาเคียดแค้นสบมองเข้าไปในนัยน์ตาสีอ่อนดั่งกวางน้อยที่น่าทะนุถนอม
“ว่าที่พระชายาข้าถูกวางยาพิษในอาหารที่เจ้าทำ นี่เรียกว่าเข้าใจผิดงั้นหรือ”
น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยโทสะและเกลียดชัง
“ไม่…ไม่ใช่ฝีมือหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ทำ”
“รั่วอิงเหยา ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าปีศาจร้ายเสียอีก!”
ตุ้บ!
“โอ้ย!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อ ‘รั่วอิงเหยา’ ถูก ‘องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิง’ ผลักไสจนล้มกองกับพื้นเย็นเยียบในช่วงเหมันตฤดู
“พานางไปขังคุกหลวง รอตัดสินโทษ!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้วางยาน้องหญิง”
รั่วอิงเหยาร้องขอความเห็นใจทั้งยังพร่ำบอกว่าตนเองถูกใส่ร้ายเรื่องวางยา หากแต่องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงกลับไม่สนใจใยดี หันหลังเดินกลับเข้าไปยังตำหนักเพื่อดูอาการคนรักที่กำลังจะกลายเป็นพระชายาในอีกไม่กี่วัน
สองชั่วยามต่อมา , คุกหลวงใต้ดิน
แกร๊ก!
เสียงปลดกุญแจโซ่ของห้องคุมขังดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษรูปงามแต่งกายด้วยชุดองครักษ์ขั้นสูงก้าวผ่านประตูเข้ามา
“องครักษ์ตู้”
เมื่อเห็นว่าใครเข้ามายังสถานที่สกปรกเช่นนี้ รั่วอิงเหยาถึงกับเบิกตาโตเอ่ยเรียกนามของ ‘ตู้ชิงหลาง’ องครักษ์ขององค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอย่างแปลกใจ
“ข้ามาเพื่อพาคุณหนูใหญ่ออกไปจากที่นี่”
ตู้ชิงหลางรีบเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่แอบลักลอบเข้ามาในคุกยามวิกาล
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าองค์ชายต้องไม่ทอดทิ้งข้า”
น้ำเสียงดีใจระคนเย่อหยิ่งดังออกมาพร้อมแววตาแห่งผู้ชนะ
“องค์ชายฝากคำพูดหนึ่งมาให้คุณหนูใหญ่”
“พูดมา”
รั่วอิงเหยาใจเต้นตุบ ๆ นางลุ้นในใจว่าองค์ชายใหญ่ที่นางหลงรักจะฝากฝังสิ่งใดผ่านองครักษ์คนสนิทมา
“องค์ชายใหญ่ขอให้ท่านจากไปอย่างสุขสงบ ไร้อาวรณ์ และอย่าได้โกรธเคืองพระองค์เลย”
รั่วอิงเหยาฟังจบรู้สึกถึงตะหงิดใจ
หากนี่คืออวยพรให้นางที่ได้ออกจากคุก เช่นนั้นเหตุใดถึงใช้คำว่า ‘จากไปอย่างสุขสงบ’
“องค์ชายหมา…ย อึก!”
รั่วอิงเหยายังไม่ทันได้ถามในสิ่งที่สงสัย เชือกเส้นหนึ่งกลับถูกรัดเข้าที่คอของนางจากทางด้านหลัง
รั่วอิงเหยาตกใจอย่างสุดขีด นางพยายามดิ้นรนออกจากเชือกที่รัดคอ หากแต่แรงสตรีมีเพียงหยิบมด จะไปสู้แรงของบุรุษได้เช่นไร
“องค์ชายยังบอกอีกว่า มีเพียงท่านจากโลกนี้ไป พระองค์ถึงจะครองรักกับคุณหนูรั่วเชียนชิงได้อย่างสบายพระทัย”
ประโยคสุดท้ายจากองครักษ์ตู้ช่างเจ็บปวดหัวใจนางยิ่งนัก
รั่วอิงเหยาค่อย ๆ ขาดอากาศหายใจช้า ๆ และจากไปอย่างโดดเดี่ยวในคุกอันมืดมนแห่งนี้
ตุบ! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“เลือดเย็นที่สุด!”
ฉิงฉิงอ่านนิยายเรื่องล่าสุดของนักเขียนมือทองอย่าง ‘อิงอิง’ เพื่อนรัก 'เรื่องบุปผางามของรัชทายาท' เสร็จถึงกับสะใจจุดจบของนางร้ายในนิยายที่เพื่อนรักแต่ง
“อินล่ะสิ”
“ก็อินแหละ แต่แกเลือดเย็นไปปะ”
“เลือดเย็นตรงไหน ถ้ารั่วอิงเหยาไม่ถูกเก็บ นางต้องหาโอกาสกำจัดน้องสาวเพื่อแย่งพระเอกมาอีก”
“ถึงงั้นก็เถอะ แกฆ่าตัวร้ายไปแล้วแปลว่านิยายใกล้จบแล้วดิ”
อิงอิงหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กอีกตัวเพื่อตอบคำถามเพื่อนรัก
“ยัง! แกดูพล็อตฉันก่อน”
อิงอิงเปิดบันทึกที่เขียนรายละเอียดของนิยายเรื่องนี้ให้เพื่อนรัก
“นางร้ายอาฆาตแค้น วิญญาณจึงไปสวมร่างอนุรักเพื่อสร้างความวุ่นวายต่อ โห! ฉันว่าแกดูแนวซาดิสเลือดเย็นอยู่นะ สร้างตัวละครมาร้ายแล้วให้ตุยเย่เสร็จ ยังใจดำสร้างนางมาเกิดใหม่ในร่างอื่นเพื่อทำบาปทำกรรมต่อ”
ฉิงฉิงแสดงความคิดเห็นอย่างออกรสออกชาติเมื่ออ่านพล็อตเรื่องของเพื่อนรักเสร็จ
“แบบนี้แหละนักอ่านชอบ ถ้าโลกสวยไป ไม่มีปมอะไร นักอ่านบางคนก็ไม่อ่าน”
“แล้วแกจะให้ยัยรั่วอิงหยาไปสวมร่างอนุรักของใคร”
“ก็ต้องเป็นองค์ชายสามที่จ้องแย่งบัลลังก์กับองค์ชายใหญ่สิ”
“อืม ร้ายคูณสิบเลยทีนี้ ให้พี่น้องฆ่ากันเองใช่ปะ” ฉิงฉิงลองเดาดู
“ใช่” อิงอิงตอบสั้น ๆ
“นี่! สมมตินะสมมติ ถ้าเกิดจู่ ๆ ตัวละครที่แกแต่งเกิดมีจิตอาฆาตแกขึ้นมา แล้วดึงแกไปลิ้มลองรสชาติของเนื้อเรื่องที่แกเขียนถึงพวกเขาด้วยตัวเอง แกจะทำยังไง”
อิงอิงมองหน้าเพื่อนรักด้วยสายตาเป็นประกายพร้อมเรียกชื่อเพื่อนรักเสียงดัง
“ฉิงฉิง”
“ว่า”
“แกเลิกเป็นนางแบบแล้วมาแต่งนิยายเหมือนฉันเถอะ จินตนาการแกล้ำกว่าฉันมาก”
ฉิงฉิงที่อุตส่าห์รอลุ้นว่าเพื่อนจะพูดอะไรถึงกับไถลเก้าอี้ถอยห่างอิงอิงทันทีก่อนจะเอ่ย
“ฉันไม่ถนัดแต่ง ถนัดแต่อ่าน”
“จ้ะแม่คุณ! ฉันก็แค่แนะแนวทางงานเสริมให้เท่านั้น”
“ไม่เอาอะ กลัววันดีคืนดี ตัวละครในนั้นจะอาฆาตแล้วมาเข้าฝัน ฮึย! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
ฉิงฉิงพูดไปลูบแขนตัวเองไป
“แกก็แต่งนิยายโลกสวยไปสิ”
“ไม่อะ รออ่านนิยายแกดีกว่า”
อิงอิงเบ้ปากใส่ฉิงฉิงที่นั่นก็ติ นี่ก็ติง แต่พอให้ลองเองกลับไม่เอา
ติ๊ง!
จู่ ๆ แจ้งเตือนจากอีเมลก็ดังขึ้น
อิงอิงรีบกดเปิดอ่านทันทีโดยไม่คิดว่าจะเป็นไวรัสแต่อย่างใด
“อะไรวะเนี่ย”
อิงอิงเป็นคนเปิดอ่าน แต่คนที่สบถออกมากลับเป็นเพื่อนรักเธอที่กวาดสายตาอ่านข้อความเกือบสิบบรรทัดจบในไม่ถึงห้าวินาที
“สแปมมั้ง”
อิงอิงรีบกดลบทันที ทว่าอีเมลนั้นกลับลบไม่ได้!
“อย่าเป็นไวรัสนะเว้ย”
อิงอิงพยายามลบข้อความนั้นแต่ลบยังไงก็ขึ้น error ตลอดจนเธออยากจะร้องไห้เพราะกลัวงานในเครื่องจะหายเกลี้ยงหมด
“จะว่าไป แกระวังไว้บ้างก็ดีนะ ฉันว่าคำทำนายนั้นอ่านแล้วไม่เหมือนอีเมลลูกโซ่เลย”
ฉิงฉิงสะกิดไหล่เพื่อนรักพร้อมเตือนเสียงแผ่ว เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกี่ยวกับคำทำนายที่ถูกส่งมา
“จู่ ๆ ก็มีใครส่งมาทักว่าแกจะดวงกุด ระวังเรื่องที่สูง แกก็จะเชื่อง่าย ๆ เนี่ยนะ”
ถึงแม้อิงอิงจะเป็นนักเขียนนิยาย แต่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องดวงหรือเครื่องรางใด ๆ เหตุเพราะเธอเคยพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหลายหน แต่สุดท้ายที่เธอผ่านทุกอย่างมาได้ล้วนมีแต่สมองและสองมือของเธอ
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แกไม่เคยได้ยินหรือไง”
อิงอิงไร้เสียงตอบกลับ เธอกวาดสายตาอ่านข้อความตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่หยุดอยู่เพียงแค่ประโยคเดียว
‘นี่คือคำเตือน! คุณกำลังจะดวงกุด ระวังที่สูง จะพลากคุณไปไกลแสนไกล’
เปรี้ยง!
อิงอิงที่สายตาจดจ้องอยู่ที่เนื้อหาอีเมลถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าผ่ามาเปรี้ยงหนึ่ง
“บอกแล้วไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
ฉิงฉิงกระซิบแผ่วเบาอย่างเย็นยะเยือกใกล้ใบหู
“ถอยไปเลยฉันจะออกไปเก็บผ้า”
อิงอิงว่าจบก็เดินไปที่ริมระเบียงเพื่อเก็บผ้าที่ตากเอาไว้
กึก!
เสียงฟันกระทบกันเมื่อเธอเดินมาที่ริมระเบียงแล้วเผลอมองลงไปด้านล่าง ความสูงจากชั้นสิบทำให้เธอขนลุกเล็กน้อย
วืด ฟิ้ว~
จู่ ๆ ลมหอบใหญ่ก็พัดมาทำให้เสื้อตัวบางของเธอที่ตากอยู่ปลิวหล่นไป อิงอิงที่เหม่ออยู่พอเห็นเสื้อปลิวไปต่อหน้าต่อตาจึงรีบคว้าเอาไว้โดยลืมไปว่าเธอยืนอยู่ริมระเบียงที่มีรั้วกั้นแค่ครึ่งเอวเธอ
“อ๊ะ! กรี๊ด!”
“ยัยอิงอิง!”
"ชิงเอ๋อร์ หลังจากดื่มยาชุบชีวิตแล้วร่างกายเจ้าก็ผิดปกติ ป่วยง่าย หอบเหนื่อยเร็ว ใช่หรือไม่"คนถูกถามตกใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกได้ว่าพี่สาวตนยังมีสายเลือดของหมออยู่ครึ่งหนึ่ง เรื่องแค่นี้นางย่อมสังเกตออก"เป็นอย่างที่พี่หญิงกล่าว"รั่วอิงเหยาหน้าเศร้าลงมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงระคนสำนึกผิด"เพราะพี่ไม่ดีแท้ ๆ เจ้าถึงกลายเป็นคนขี้โรคจนถูกเลื่อนงานอภิเสกออกไปอย่างไม่มีกำหนด"คำพูดของพี่สาวช่างเหมือนเข็มนับหมื่นทิ่มแทงอกรั่วเชียนชิงพร้อมกัน"ไม่ต้องห่วง พี่จะช่วยเจ้าให้กลับมาแข็งแรงโดยไวจะได้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชายใหญ่เร็ว ๆ"รั่วเชียนชิงถึงกับใจหล่นวูบ รู้สึกครางแคลงใจกับคำพูดของพี่สาวจนทนเก็บความสงสัยที่เก็บซ่อนไว้ในใจไม่อยู่เอ่ยถามออกมาเสียงสั่นและแผ่วเบา"พี่หญิงไม่โกรธชิงเอ๋อร์ที่แย่งองค์ชายใหญ่มาหรือเจ้าคะ"รั่วเชียนชิงเพิ่งรู้ความจริงหลังจากที่ฟื้นจากผงเจ็ดราตรีว่าอิงเหยาต่างหากที่พบหลัวอี้เฟิงและรักเขาเป็นคนแรก นางจึงไม่โกรธที่ถูกพี่สาววางยา"ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ต่อให้เวลานั้นข้ารักอี้เฟิงมากเพียงใด หากเขาและข้าใจไม่ตรงกัน สุดท้ายเขาก็จะเลือกหัวใจที่ตรงกับเขาอยู่ดี...นั่นคือเจ้า"
ข้าคืออิงเหยา แต่ก็ไม่ใช่อิงเหยาเรือนอิงอิงหลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว รั่วอิงเหยาก็ถูกมารดาตำหนิจนหูชา แต่ในสายตานักเขียนที่ทะลุมิติมากลับรู้สึกว่าปิงเซียวหลันนั้นช่างดีแสนดี เป็นห่วงเป็นใยรั่วอิงเหยายิ่งนักทั้ง ๆ ที่รั่วอิงเหยาผู้นั้นสร้างแต่เรื่องแต่ราวให้มารดาตนเสื่อมเสียและน่าอับอาย น่าเสียดายที่ในนิยายที่อิงอิงแต่ง ปิงเซียวหลันผู้นี้กลับไม่ค่อยมีบทบาทเช่นตอนนี้เลย"พี่หญิงข้าขอเข้าไปได้หรือไม่"น้ำเสียงอ่อนหวานฟังแล้วนุ่มหูเอ่ยขึ้นด้านนอก ในมือนางถือถาดอาหารและยาบำรุงโลหิตเอาไว้มั่น"น้องหญิงเข้ามาเถิด"ตั้งแต่กลับมาจากหนานโจว นอกจากรั่วอิงเหยาจะกักตัวอยู่ในห้อง นั่งแกะสลักตุ๊กตาไม้เล่นแก้เบื่อ นางก็ไม่ได้พบเจอน้องสาวเพื่อกล่าวขอโทษเรื่องที่ผ่านมาเลย"ชิงเอ๋อร์เอายาบำรุงโลหิตกับขนมที่พี่หญิงชอบมาให้เจ้าค่ะ"รั่วอิงเหยามองนางเอกในนิยายนางด้วยแววตาเป็นประกาย คราวก่อนยังสำรวจความงามของรั่วเชียนชิงไม่หนำใจ พอตั้งใจมองยามนางมีสติจึงสมแล้วที่นางปลุกปั้นสร้างรั่วเชียนชิงให้หน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต คิ้วเข้มโก่งงาม ชวนให้บุรุษที่พบเจอนางเป็นต้องหลงใหล"ลำบากเจ้าแล้ว"รั่วอิงเหยาฉีกยิ้ม
"แม่สื่อว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ"เห็นสามีรำคาญถึงกับเขียนเวลาตกฟากที่เป็นความลับสำคัญของสตรีไว้โจ่งแจ้งเช่นนั้น แม่สื่อที่ว่าคงมากันหลายคนจริง ๆรั่วหนานเฉินตวัดสายตามองฮูหยินปิงหลังด้วยแววตาเหยียดเล็กน้อย"วาจาของฝ่าบาทสูงส่งจริง ๆ สามารถเปลี่ยนคนที่ใจคอเราะร้ายให้กลายเป็นที่รักของคนที่เคยชังได้ภายในพริบตา เจ้าคิดว่าแม่สื่อพวกนั้นจะกล้าบอกคุณชายที่ไหว้วานมาว่าดวงไม่สมพงษ์กับบุตรสาวเจ้าหรือ"คำพูดคำถกถางของรั่วหนานเฉินดูท่าแล้วคงไม่มีวันจะมองบุตรสาวคนโตนี้อย่างอ่อนโยนได้อีกแล้ว"เช่นนั้นท่านพี่ก็เลือกสักคนให้ลูกเถิดเจ้าค่ะ"ปิงเซียวหลันฟังผู้เป็นบิดาเหน็บแนมบุตรสาวไม่ไหวจึงประชดกลับ"เลือกหรือ พิธีอภิเสกของชิงเอ๋อร์ถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด เจ้าจะให้บุตรสาวเจ้าออกเรือนตัดหน้าเชียนชิง ทั้ง ๆ ที่นางเป็นต้นเหตุให้น้องสาวถูกเลื่อนงานแต่งเยี่ยงนั้นหรือ!"คิดถึงเรื่องนี้แล้วรั่วหนานเฉินปวดใจยิ่งนัก หากวันนั้นรั่วอิงเหยาไม่กล้าดีวางยารั่วเชียนชิง ป่านนี้สกุลรั่วก็กลายเป็นพ่อตาขององค์ชายใหญ่ไปแล้ว"ท่านพี่จะไม่ยอมปล่อยความผิดนี้ของอิงเหยาไปเลยใช่ไหมเจ้าคะ"ใช่ว่ารั่วหนานเฉินปวดใจแทนบุตรสาวคนเล็กค
กรีดเลือดสาบานจวนราชครูรั่ว...รั่วอิงเหยาเดินทางกลับถึงฉีโจวมาได้สามวันแล้ว ต้องขอบคุณจดหมายที่หลัวฉางเฟิงเขียนให้นางกลายเป็นสตรีกล้าหาญ เอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยเขาไว้ ฮ่องเต้แห่งฉีหลัวพอพระทัยมากที่นางช่วยพระภาติยะรักตนไว้จึงมอบของกำนัลมากมาย คืนความบริสุทธิ์ในข้อหากฏ ทำให้ตอนนี้รั่วอิงเหยากลายเป็นที่เล่าลือปากต่อปากว่านางกลายเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเจ้ไปแล้วตุ้บ!รั่วหนานเฉินทุบมือลงประหนึ่งหงุดหงิดใจหลังจากแม่สื่อมากมายที่ผลัดกันเข้าออกจวนราชครู่เพิ่งสงบลง"ท่านพี่ มีอะไรหรือเจ้าคะ"ปิงเซียวหลันเพิ่งกลับมาจากอารามขอพรเห็นสามีทำหน้าตาเคร่งเครียด แววตาแข็งขึง จึงรีบวางเดินมาลูบแผ่นหลังรั่วหนานเฉินเบา ๆ เพื่อให้เขาใจเย็นลง"บุตรสาวเจ้า บุตรสาวเจ้า..."รั่วหนานเฉินกัดฟันแน่นยามเอ่ยถึงรั่วอิงเหยา มือหนึ่งกำแน่นยามนึกถึงการสนทนากับแม่สื่อมากมายที่ถูกคุณชายแต่ละจวนส่งมาให้ตรวจดวงชะตาพวกกับบุตรสาวคนโตของสกุลรั่ว"อิงเหยาทำไมหรือเจ้าคะ"หลายวันมานี้ บุตรสาวของนางไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง วัน ๆ เอาแต่เหม่อลอย นั่งแกะสลักไม้เงียบ ๆ อยู่ในห้อง มองอย่างไรก็ไม่มีอะไรที่บิดาอย่างเขาต้องทำท่าทีโกรธ
"เจ้าช่วยจัดการขบวนรถม้าพรุ่งนี้ให้ดี ส่งทหารฝีมือดีติดตามไปด้วย ส่งนางเสร็จให้พวกเขาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวสองสามวันค่อยกลับมา""ขอรับ"ฉินเส้ารับคำสั่งแล้วเดินออกไปจากห้องเงียบ ๆ"ว่าที่พระชายาข้าหรือ น่าสนใจ...น่าสนใจ"นึกถึงคำพูดประโยคนี้ของรั่วอิงเหยาทีไรต้องขบขันขึ้นมาทุกที อยากเป็นพระชายาของเขา ขั้นแรกคงต้องทลายน้ำแข็งในใจเขาให้ได้เสียก่อนเรือนรับรอง...รั่วอิงเหยากลับมายังเรือนรับรองเรียบร้อยแล้ว ภายในห้องมีเหยียนตู้คุกเข่าอยู่กลางห้องคล้ายรอคอยให้นางมาสำเร็จโทษตน"เหยียนตู้! เจ้าทำอะไร รีบลุกขึ้นเร็ว"ไม่ว่าเปล่า รั่วอิงเหยารีบเดินเข้าไปช่วยพยุงองครักษ์คนสนิทขึ้นยืน หากแต่เหยียนตู้ที่ยังรู้สึกละอายใจกับการกระทำก่อนหน้าเอาแต่ขืนแรงไว้ไม่ยอมลุกขึ้นตามคำสั่ง"ข้าน้อยผิดต่อคุณหนูใหญ่ เชิญคุณหนูใหญ่สั่งลงโทษข้าตามกฏของสกุลเหยียนเถิด"รั่วอิงเหยาได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งกับความดื้อรั้นของเหยียนตู้"เจ้ารู้สึกผิดต่อข้าจริง หรือกำลังแกล้งเอาคนข้ากันแน่"สองมือเท้าเอวตะคอกเสียงถามอย่างเหนื่อยใจ"ข้าน้อยมิกล้า คุณหนูเข้าใจผิดแล้ว"เข้าใจผิดอันใดกัน เมื่อครู่เขาบอกกับปากเองว่าให้นางลงโทษตา
:: ท่านช่วยข้า ข้าช่วยท่าน ::"ลายมือข้ามีอะไรให้เจ้าทำสีหน้าเช่นนั้น"หลัวฉางเฟิงอยากรู้ว่ารั่วอิงเหยาจะแสดงงิ้วอะไรให้เขาดูต่อจึงเร่งถาม"เส้นเฉียงตัดเส้นตรง บ่งบอกว่าซื่อจื่อมีเรื่องที่เป็นปมบางอย่างกับคนสำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยหันหน้าคุยกันดี ๆ ได้สักครั้งเดียว"หลัวฉางเฟิงนิ่งเงียบกับคำทำนายนี้ เขามองเส้นลายมือบนฝ่ามือตนตามที่รั่วอิงเหยาบอก พลางคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่เป็นปมในใจของเขากับคนผู้หนึ่งจริงหากแต่ถ้านางล่วงรู้ความลับได้ เช่นนั้นควรเจาะจงปัญหาในใจของเขาออกมาไม่ใช่หรือ"พูดเท่านี้ ข้าว่าเจ้าคงไม่ได้ล่วงรู้จริง"รั่วอิงเหยารอคอยประโยคนี้อยู่พอดี เมื่อหลัวฉางเฟิงเอ่ยเหมือนสงสัยในความสามารถนี้ นางก็จะจัดให้อย่างถึงใจเขาบัดเดี๋ยวนี้"สมัยที่ซื่อจื่อยังเป็นดรุณน้อยเคยหลงป่าใช่หรือไม่เพคะ แถมไม่ได้พลัดหลงคนเดียว เหมือนจะมีคนผู้หนึ่งพลัดหลงป่าพร้อมพระองค์ด้วย"หลัวฉางเฟิงได้ยินถึงกับตกใจ คงไม่ใช่ว่านางจะเล่าถึงเรื่องเมื่อตอนเขาอายุสิบขวบกระมังไม่สิ! เรื่องในวัยนั้นเสด็จพ่อและเสด็จลุงเขาจัดการปิดปากคนที่รู้เรื่องหมดแล้วนี่ อีกอย่างตอนนั้นรั่วอิงเหยาน่าจะเพิ่งลืมตา
Mga Comments