จากนักเขียนนิยายที่กำหนดชะตาผู้อื่น ดันมากลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง เมื่อต้องข้ามมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่แต่ง แถมยังเป็นร่างนางร้ายที่ถูกกำหนดให้กำลังจะตุย! งานนี้มีหรือนางจะปล่อยให้ตัวเองต้องดำเนินตามเนื้อเรื่องที่แต่ง ไม่มีใครอยากตุยซ้ำสอง คนเดียวที่จะทำให้นางรอดได้มีเพียงพระรองที่ไม่ค่อยมีบท คู่ปรับของพระเอกที่นางแต่งเท่านั้น!
View More“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”
“จับตัวนางออกไปจากตำหนักข้า!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ท่านเข้าใจหม่อมฉันผิดไปแล้ว!”
“เข้าใจเจ้าผิด?”
กึก! เสียงฟันกระทบกันเมื่อมือหนาเอื้อมบีบคางเรียวด้วยกำลังประมาณหนึ่ง แววตาเคียดแค้นสบมองเข้าไปในนัยน์ตาสีอ่อนดั่งกวางน้อยที่น่าทะนุถนอม
“ว่าที่พระชายาข้าถูกวางยาพิษในอาหารที่เจ้าทำ นี่เรียกว่าเข้าใจผิดงั้นหรือ”
น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยโทสะและเกลียดชัง
“ไม่…ไม่ใช่ฝีมือหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ทำ”
“รั่วอิงเหยา ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าปีศาจร้ายเสียอีก!”
ตุ้บ!
“โอ้ย!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อ ‘รั่วอิงเหยา’ ถูก ‘องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิง’ ผลักไสจนล้มกองกับพื้นเย็นเยียบในช่วงเหมันตฤดู
“พานางไปขังคุกหลวง รอตัดสินโทษ!”
“ไม่! องค์ชายใหญ่ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้วางยาน้องหญิง”
รั่วอิงเหยาร้องขอความเห็นใจทั้งยังพร่ำบอกว่าตนเองถูกใส่ร้ายเรื่องวางยา หากแต่องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงกลับไม่สนใจใยดี หันหลังเดินกลับเข้าไปยังตำหนักเพื่อดูอาการคนรักที่กำลังจะกลายเป็นพระชายาในอีกไม่กี่วัน
สองชั่วยามต่อมา , คุกหลวงใต้ดิน
แกร๊ก!
เสียงปลดกุญแจโซ่ของห้องคุมขังดังขึ้นพร้อมกับร่างของบุรุษรูปงามแต่งกายด้วยชุดองครักษ์ขั้นสูงก้าวผ่านประตูเข้ามา
“องครักษ์ตู้”
เมื่อเห็นว่าใครเข้ามายังสถานที่สกปรกเช่นนี้ รั่วอิงเหยาถึงกับเบิกตาโตเอ่ยเรียกนามของ ‘ตู้ชิงหลาง’ องครักษ์ขององค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอย่างแปลกใจ
“ข้ามาเพื่อพาคุณหนูใหญ่ออกไปจากที่นี่”
ตู้ชิงหลางรีบเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่แอบลักลอบเข้ามาในคุกยามวิกาล
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าองค์ชายต้องไม่ทอดทิ้งข้า”
น้ำเสียงดีใจระคนเย่อหยิ่งดังออกมาพร้อมแววตาแห่งผู้ชนะ
“องค์ชายฝากคำพูดหนึ่งมาให้คุณหนูใหญ่”
“พูดมา”
รั่วอิงเหยาใจเต้นตุบ ๆ นางลุ้นในใจว่าองค์ชายใหญ่ที่นางหลงรักจะฝากฝังสิ่งใดผ่านองครักษ์คนสนิทมา
“องค์ชายใหญ่ขอให้ท่านจากไปอย่างสุขสงบ ไร้อาวรณ์ และอย่าได้โกรธเคืองพระองค์เลย”
รั่วอิงเหยาฟังจบรู้สึกถึงตะหงิดใจ
หากนี่คืออวยพรให้นางที่ได้ออกจากคุก เช่นนั้นเหตุใดถึงใช้คำว่า ‘จากไปอย่างสุขสงบ’
“องค์ชายหมา…ย อึก!”
รั่วอิงเหยายังไม่ทันได้ถามในสิ่งที่สงสัย เชือกเส้นหนึ่งกลับถูกรัดเข้าที่คอของนางจากทางด้านหลัง
รั่วอิงเหยาตกใจอย่างสุดขีด นางพยายามดิ้นรนออกจากเชือกที่รัดคอ หากแต่แรงสตรีมีเพียงหยิบมด จะไปสู้แรงของบุรุษได้เช่นไร
“องค์ชายยังบอกอีกว่า มีเพียงท่านจากโลกนี้ไป พระองค์ถึงจะครองรักกับคุณหนูรั่วเชียนชิงได้อย่างสบายพระทัย”
ประโยคสุดท้ายจากองครักษ์ตู้ช่างเจ็บปวดหัวใจนางยิ่งนัก
รั่วอิงเหยาค่อย ๆ ขาดอากาศหายใจช้า ๆ และจากไปอย่างโดดเดี่ยวในคุกอันมืดมนแห่งนี้
ตุบ! เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“เลือดเย็นที่สุด!”
ฉิงฉิงอ่านนิยายเรื่องล่าสุดของนักเขียนมือทองอย่าง ‘อิงอิง’ เพื่อนรัก 'เรื่องบุปผางามของรัชทายาท' เสร็จถึงกับสะใจจุดจบของนางร้ายในนิยายที่เพื่อนรักแต่ง
“อินล่ะสิ”
“ก็อินแหละ แต่แกเลือดเย็นไปปะ”
“เลือดเย็นตรงไหน ถ้ารั่วอิงเหยาไม่ถูกเก็บ นางต้องหาโอกาสกำจัดน้องสาวเพื่อแย่งพระเอกมาอีก”
“ถึงงั้นก็เถอะ แกฆ่าตัวร้ายไปแล้วแปลว่านิยายใกล้จบแล้วดิ”
อิงอิงหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กอีกตัวเพื่อตอบคำถามเพื่อนรัก
“ยัง! แกดูพล็อตฉันก่อน”
อิงอิงเปิดบันทึกที่เขียนรายละเอียดของนิยายเรื่องนี้ให้เพื่อนรัก
“นางร้ายอาฆาตแค้น วิญญาณจึงไปสวมร่างอนุรักเพื่อสร้างความวุ่นวายต่อ โห! ฉันว่าแกดูแนวซาดิสเลือดเย็นอยู่นะ สร้างตัวละครมาร้ายแล้วให้ตุยเย่เสร็จ ยังใจดำสร้างนางมาเกิดใหม่ในร่างอื่นเพื่อทำบาปทำกรรมต่อ”
ฉิงฉิงแสดงความคิดเห็นอย่างออกรสออกชาติเมื่ออ่านพล็อตเรื่องของเพื่อนรักเสร็จ
“แบบนี้แหละนักอ่านชอบ ถ้าโลกสวยไป ไม่มีปมอะไร นักอ่านบางคนก็ไม่อ่าน”
“แล้วแกจะให้ยัยรั่วอิงหยาไปสวมร่างอนุรักของใคร”
“ก็ต้องเป็นองค์ชายสามที่จ้องแย่งบัลลังก์กับองค์ชายใหญ่สิ”
“อืม ร้ายคูณสิบเลยทีนี้ ให้พี่น้องฆ่ากันเองใช่ปะ” ฉิงฉิงลองเดาดู
“ใช่” อิงอิงตอบสั้น ๆ
“นี่! สมมตินะสมมติ ถ้าเกิดจู่ ๆ ตัวละครที่แกแต่งเกิดมีจิตอาฆาตแกขึ้นมา แล้วดึงแกไปลิ้มลองรสชาติของเนื้อเรื่องที่แกเขียนถึงพวกเขาด้วยตัวเอง แกจะทำยังไง”
อิงอิงมองหน้าเพื่อนรักด้วยสายตาเป็นประกายพร้อมเรียกชื่อเพื่อนรักเสียงดัง
“ฉิงฉิง”
“ว่า”
“แกเลิกเป็นนางแบบแล้วมาแต่งนิยายเหมือนฉันเถอะ จินตนาการแกล้ำกว่าฉันมาก”
ฉิงฉิงที่อุตส่าห์รอลุ้นว่าเพื่อนจะพูดอะไรถึงกับไถลเก้าอี้ถอยห่างอิงอิงทันทีก่อนจะเอ่ย
“ฉันไม่ถนัดแต่ง ถนัดแต่อ่าน”
“จ้ะแม่คุณ! ฉันก็แค่แนะแนวทางงานเสริมให้เท่านั้น”
“ไม่เอาอะ กลัววันดีคืนดี ตัวละครในนั้นจะอาฆาตแล้วมาเข้าฝัน ฮึย! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”
ฉิงฉิงพูดไปลูบแขนตัวเองไป
“แกก็แต่งนิยายโลกสวยไปสิ”
“ไม่อะ รออ่านนิยายแกดีกว่า”
อิงอิงเบ้ปากใส่ฉิงฉิงที่นั่นก็ติ นี่ก็ติง แต่พอให้ลองเองกลับไม่เอา
ติ๊ง!
จู่ ๆ แจ้งเตือนจากอีเมลก็ดังขึ้น
อิงอิงรีบกดเปิดอ่านทันทีโดยไม่คิดว่าจะเป็นไวรัสแต่อย่างใด
“อะไรวะเนี่ย”
อิงอิงเป็นคนเปิดอ่าน แต่คนที่สบถออกมากลับเป็นเพื่อนรักเธอที่กวาดสายตาอ่านข้อความเกือบสิบบรรทัดจบในไม่ถึงห้าวินาที
“สแปมมั้ง”
อิงอิงรีบกดลบทันที ทว่าอีเมลนั้นกลับลบไม่ได้!
“อย่าเป็นไวรัสนะเว้ย”
อิงอิงพยายามลบข้อความนั้นแต่ลบยังไงก็ขึ้น error ตลอดจนเธออยากจะร้องไห้เพราะกลัวงานในเครื่องจะหายเกลี้ยงหมด
“จะว่าไป แกระวังไว้บ้างก็ดีนะ ฉันว่าคำทำนายนั้นอ่านแล้วไม่เหมือนอีเมลลูกโซ่เลย”
ฉิงฉิงสะกิดไหล่เพื่อนรักพร้อมเตือนเสียงแผ่ว เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างเกี่ยวกับคำทำนายที่ถูกส่งมา
“จู่ ๆ ก็มีใครส่งมาทักว่าแกจะดวงกุด ระวังเรื่องที่สูง แกก็จะเชื่อง่าย ๆ เนี่ยนะ”
ถึงแม้อิงอิงจะเป็นนักเขียนนิยาย แต่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องดวงหรือเครื่องรางใด ๆ เหตุเพราะเธอเคยพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหลายหน แต่สุดท้ายที่เธอผ่านทุกอย่างมาได้ล้วนมีแต่สมองและสองมือของเธอ
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แกไม่เคยได้ยินหรือไง”
อิงอิงไร้เสียงตอบกลับ เธอกวาดสายตาอ่านข้อความตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่หยุดอยู่เพียงแค่ประโยคเดียว
‘นี่คือคำเตือน! คุณกำลังจะดวงกุด ระวังที่สูง จะพลากคุณไปไกลแสนไกล’
เปรี้ยง!
อิงอิงที่สายตาจดจ้องอยู่ที่เนื้อหาอีเมลถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าผ่ามาเปรี้ยงหนึ่ง
“บอกแล้วไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
ฉิงฉิงกระซิบแผ่วเบาอย่างเย็นยะเยือกใกล้ใบหู
“ถอยไปเลยฉันจะออกไปเก็บผ้า”
อิงอิงว่าจบก็เดินไปที่ริมระเบียงเพื่อเก็บผ้าที่ตากเอาไว้
กึก!
เสียงฟันกระทบกันเมื่อเธอเดินมาที่ริมระเบียงแล้วเผลอมองลงไปด้านล่าง ความสูงจากชั้นสิบทำให้เธอขนลุกเล็กน้อย
วืด ฟิ้ว~
จู่ ๆ ลมหอบใหญ่ก็พัดมาทำให้เสื้อตัวบางของเธอที่ตากอยู่ปลิวหล่นไป อิงอิงที่เหม่ออยู่พอเห็นเสื้อปลิวไปต่อหน้าต่อตาจึงรีบคว้าเอาไว้โดยลืมไปว่าเธอยืนอยู่ริมระเบียงที่มีรั้วกั้นแค่ครึ่งเอวเธอ
“อ๊ะ! กรี๊ด!”
“ยัยอิงอิง!”
“ลูกต้องการให้องครักษ์เหยียนไปทำเรื่องอันใด”นี่คือสิ่งที่รั่วฮูหยินปิงเซียวหลันอยากรู้เหตุผลการร้องขอของบุตรสาวในครั้งนี้“ลูกต้องการไปเอายาถอนพิษมาให้น้องหญิงเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรึ ได้สิ แม่จะเรียกองครักษ์ตู้มาเดี๋ยวนี้”กล่าวจบรั่วฮูหยินจึงหันไปสั่งทางสายตากับทิงโยให้ไปตามเหยียนตู้มาพบ“ขอบคุณท่านแม่ เช่นนั้นลูกขอตัวเข้าไปเก็บของก่อนนะเจ้าคะ”“เก็บของ ลูกจะเก็บของไปที่ใด”“ลูกต้องเดินทางไปที่ตลาดมืดกับองครักษ์เหยียนเจ้าค่ะ”“ตลาดมืด”“ว้าย! ฮูหยิน!”รั่วฮูหยินได้ยินคำกล่าวของบุตรสาวถึงกับแข้งขาอ่อนทรุดตัวลง โชคดีที่ยังเหลือสาวใช้อยู่ใกล้จึงรับร่างรั่วฮูหยินได้ทัน“ท่านแม่! พาท่านแม่ไปพักที่ศาลานั้นก่อน”รั่วอิงเหยาสั่งพลางช่วยพยุงมารดาไปั่งยังศาลาสระบัว“ท่านแม่ใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ”รั่วอิงเหยาทั้งบีบทั้งนวดให้รั่วฮูหยินเพื่อให้เลือดไหลเวียนเลี้ยงสมองและคืนสติ“เหยาเอ๋อร์”“ลูกอยู่นี่”รั่วอิงเหยารีบคว้ามือมารดามากุมไว้เมื่อเสียงเรียกหานางนั้นแผ่วเบาจนน่าเป็นห่วง“ให้เหยียนตู้ไปที่นั่นคนเดียวไม่ได้หรือลูก”น้ำเสียงแสนห่วงใย ในนัยน์ตาสั่นระรัวสบมองบุตรสาวเชิงขอร้อง“ยาที่ลูกต้องการ มี
ตอนที่ 4 : จวนราชครู :จวนราชครู“ฮูหยินคุณหนูใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”สาวใช้นางหนึ่งของจวนราชครูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องของรั่วฮูหยินกลางดึกเพื่อรายงานเรื่องสำคัญรั่วฮูหยินปิงเซียวหลันตาเบิกโต มือไม้สั่นด้วยความดีใจเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ยังดีที่มีทิงโยสาวใช้คนสนิทช่วยเตือนสติให้ออกไปต้อนรับรั่วอิงเหยา“ฮูหยินรีบไปหาคุณหนูใหญ่เถิดเจ้าค่ะ”รั่วฮูหยินได้สติว่าต้องทำอะไรจึงรีบปรี่ออกไปยังเรือนด้านหน้าเพื่อพบบุตรสาวที่เกิดจากสายเลือดตน“เหยาเอ๋อร์ เหยาเอ๋อร์กลับมาแล้ว”รั่วฮูหยินเห็นบุตรสาวก้าวผ่านประตูเรือนเข้ามายังไม่ถึงห้าก้าวน้ำตานางก็ไหลพรากด้วยความดีใจตั้งแต่ได้ข่าวว่ารั่วอิงเหยาทำอะไรลงไปจนถูกขังคุก รั่วฮูหยินแถบจะกินนอนไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านมาเกือบสามชั่วยามรั่วอิงเหยายังไม่ถูกปล่อยตัว หัวอกคนเป็นมารดาแทบแตกสลายตุบ!ทันทีที่เห็นมารดาเดินเข้ามาพร้อมนัยน์ตาเอ่อนองด้วยม่านใส รั่วอิงเหยายิ่งรู้สึกผิดรีบทิ้งตัวคุกเข่าหน้าผากโขกกับพื้นเย็นเยียบพร้อมกล่าว“เหยาเอ๋อร์เลอะเลือนเผลอทำร้ายน้องหญิง เป็นลูกอกตัญญูทำให้บุพกรีหลั่งน้ำตา ท่านแม่โปรดลงโทษลูกด้วยเจ้าค่ะ”รั่วฮูหยินได้ยินคำสารภาพผิ
“อิงเหยามีอีกวิธีที่จะช่วยน้องหญิงฟื้นทันกราบไหว้ฟ้าดินกับพระองค์เพคะ”“วิธีอะไร”“หม่อมฉันเคยได้ยินจากท่านตาว่ามียาชนิดหนึ่งสามารถช่วยให้คนตายฟื้นได้ เรียกว่า ยาชุบชีวิต”“ชิงเอ๋อร์ยังไม่ตาย!”น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าเขาเคืองรั่วอิงเหยามากที่กล่าวหาว่าว่าที่พระชายาของตนเป็นคนตายไปแล้ว“เพราะน้องหญิงยังไม่ตายถึงใช้ยานี้ได้เพคะ”ตกลงว่าเป็นยาของคนตายหรือคนเป็นกันแน่“องค์ชายใหญ่เคยเห็นคนตายฟื้นคืนชีวิตได้หรือเพคะ”หลัวอี้เฟิงคิดและตอบในใจว่าไม่เคยได้ยินข่าวลือใดเกี่ยวกับคนตายแล้วฟื้นเพราะยาวิเศษมาก่อน“นั่นเพราะยานั้นตั้งชื่อสวยหรูเพื่อให้คนคิดว่าคือยาวิเศษของเหล่าเทพเซียน แต่ความจริงเป็นเพียงยาที่ช่วยให้คนหลับใหลจากผงเจ็ดราตรีฟื้นเท่านั้น”“เจ้ามียานั่นหรือไม่”รั่วอิงเหยารีบส่ายหน้าไปมาช้า ๆ พร้อมเอ่ย“ยานั่น…หม่อมฉันไม่มีเพคะ”หลัวอี้เฟิงถึงกับเข่าอ่อน เขาถูกนางหลอกให้เสวนาตั้งนานสองนานแต่กลับไร้ประโยชน์ใด ๆ ริมฝีปากหนาเตรียมเรียกองค์รักษ์ข้างกายมานำนางไปสำเร็จโทษ หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นต่อ“แต่หม่อมฉันรู้ว่าต้องหายานั้นมาจากที่ใดเพคะ”ดวงตาคมเข้มตวัดมองรั่วอิงเหยาราวจะฉีกนางเป็นชิ้น
ตอนที่ 3 : ผงเจ็ดราตรี :“ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับข้าที่สุด แต่ราชโองการของเสด็จพ่อ ข้าหรือจะกล้าขัด”หลัวอี้เฟิงผละอ้อมกอดนั้นออกช้า ๆ เพื่อใช้แววตาที่แสนอบอุ่นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสดใสของรั่วอิงเหยาทำเป็นอ้างราชโองการของฝ่าบาทที่ไม่ว่าผู้ใดก็ขัดไม่ได้เพื่อให้ตนเองดูดี คิดหรือว่านางจะมองไม่ออกว่าเขาคาดหวังอะไร“ขอเพียงองค์ชายใหญ่ซื่อสัตย์และไม่หลอกลวงหม่อมฉัน ชีวิตของเชียนเชียนก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วเพคะ”น้ำเสียงนางบ่งบอกว่าต้องการข่มขวัญหลัวอี้เฟิงให้คล้อยตามสิ่งที่นางต้องการคนฉลาดอย่างเขามีหรือจะดูไม่ออก“ข้ารับปากเจ้าทุกอย่างขอเพียงช่วยชิงเอ๋อร์ให้ฟื้น และเข้าร่วมพิธีอภิเษกให้ทัน”พิธีอภิเสกสมรสของทั้งสองจะเกิดขึ้นในอีกห้าวัน หากรั่วอิงเหยาช่วยว่าที่พระชายาฟื้นได้ก็จะไม่ถูกลงโทษ แต่มีหรือคนอย่างหลัวอี้เฟิงจะปล่อยนางขัดความความสุขของพวกเขาต่อ“หม่อมฉันขอรางวัลหนึ่งอย่างจากพระองค์ ไม่ทราบว่าทรงอนุญาตหรือไม่เพคะ”“เจ้าอยากได้รางวัลอะไรข้าให้ได้หมด ขอเพียงช่วยชิงเอ๋อร์ให้ฟื้น”ช่างรักกันเสียจริง แต่ก็ถูกแล้วนี่เพราะหลัวอี้เฟิงกับรั่วเชียนชิงคือ พระเอก นางเอก ในนิยายของนาง“รอหม่อม
“ข้าให้เจ้าแค่หนึ่งคำถาม”นางก็บอกอยู่ว่าเพียงหนึ่งคำถาม เหตุใดต้องย้ำอยู่ได้“ขอบพระทัยองค์ชายใหญ่ อิงเหยารู้แล้วว่าพระองค์เองก็เมตตาหม่อมฉันอยู่บ้าง…”“คำถามล่ะ”คล้ายรำคาญที่รั่วอิงเหยายื้อเวลาไม่รีบถามสักที หลัวอี้เฟิงจึงชักสีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าความอดทนเขามีขีดจำกัด“อิงเหยาเข้าเรื่องแล้วเพคะ”รั่วอิงเหยาคนใหม่ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อมก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาหลัวอี้เฟิงที่ไม่แม้จะใยดีมองนางช่างเย็นชายิ่งนัก สมแล้วที่นางวางบทให้องค์ชายใหญ่ผู้นี้แกล้งหลอกใช้ความรักของรั่วอิงเหยาที่มีต่อตนบีบให้นางกลายเป็นนางร้ายที่น่ารังเกลียด“ก่อนที่อิงเหยาจะให้ท่านพ่อมาเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่ อิงเหยาฝันประหลาดเพคะ”หลัวอี้เฟิงปรายหางตามองรั่วอิงเหยาด้วยความหงุดหงิดปนอยากรู้เล็กน้อย“หม่อมฉันฝันถึงองรักษ์ตู้ รับคำสั่งจากองค์ชายใหญ่ ให้มาสังหารหม่อมฉันที่คุกหลวงเพคะ”ตุ้บ!“บังอาจ! เจ้ากล้าใส่ร้ายข้า”หลัวอี้เฟิงดูร้อนตัวเช่นนี้ เขาคงวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต้องกำจัดนางไปพร้อมกับว่าที่พระชายาตนที่ถูกพิษ‘นี่เราให้ตัวละครเอกมีความคิดชั่วร้ายขนาดนี้เลยเหรอ’“หม่อมฉันมิกล้ากล่าวหาองค์ชายใหญ่เป็นแน่ ที่หม่อมฉั
ตอนที่ 2 :: รั่วอิงเหยาคนใหม่ ::ตำหนักอี้คุนอิงอิงถูกองครักษ์ตู้ชิงหลางนำตัวมาเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงครั้งที่นางเห็นตู้ชิงหลางเข้าไปหาที่คุกหลวงถึงกับปากคอสั่นด้วยกลัวว่าจะถูกดำเนินไปตามเนื้อเรื่องในนิยายที่ตัวเองแต่ง แต่โชคดีนายทหารผู้นั้นทำตามคำสั่งเธอสำเร็จ หลังจากนำความของรั่วอิงเหยาไปแจ้งแก่ 'ราชครูรั่วหนานเฉิน' เขาจึงเร่งเข้าเฝ้าองค์ชายใหญ่เพื่อทูลขอให้นำตัวบุตรีใหญ่ของตนออกจากคุกเพื่อมาช่วยบุตรีรองอย่างรั่วเชียนชิงครานั้นอิงอิงเริ่มรู้สึกผิดที่แต่งให้รั่วอิงเหยาเป็นที่ชังของบิดาอย่างราชครู ก่อนออกมาจากคุกจึงได้สาบานกับตนเองไว้ว่า นางจะกลายเป็นรั่วอิงเหยาคนใหม่เพื่อเอาตัวรอดจากนิยายของตนเองและกลับสู่โลกที่เธออยู่“ถวายบังคมองค์ชายใหญ่”รั่วอิงเหยาย่อคำนับองค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอย่างมารยาทงาม บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวใหม่ที่เพิ่งแต่งขึ้นในหัว“ราชครูแจ้งว่าเจ้ามียาถอนพิษ”องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงไม่รีรอ เขารีบนำคำที่ว่าที่พ่อตาทูลถวายถามความจริงจากรั่วอิงเหยาทันที“กราบทูลองค์ชายใหญ่ หม่อมฉันไม่มียาถอนพิษเพคะ”“บังอาจ! เจ้ากล้ากราบทูลความเท็จ
Comments