Share

บทที่ 172

Author: จิ้งซิง
“พวกเขาพูดเหลวไหล...พวกเขากำลังพูดจาเหลวไหล!”

“พวกเขากำลังใส่ร้ายข้า พี่หญิงห้า เหตุใดท่านถึงให้พวกเขามาใส่ร้ายข้า?!”

เวินเยวี่ยกัดฟันแน่นยืนกราน พยายามที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง แต่เวินซื่อกลับยิ้ม ไม่พูดอะไร

เจ้าของร้านขายยาคนหนึ่งล้วงมือเข้าไปในอก หยิบกระดาษปึกหนึ่งออกมา “คิดว่าคุณหนูหกคงจะไม่ลืม สมุดเล่มนี้ที่เขียนไว้ในร้านยาของข้าเมื่อวานนี้กระมัง ถึงแม้ว่าชื่อและฐานะจะไม่เหมือนกับในมือของอีกสองคน แต่เวลาที่ซื้อยานั้นไม่มีทางผิดพลาด”

เจ้าของร้านขายยาอีกสองคนก็หยิบสมุดในมือของพวกเขาออกมาเช่นกัน

หลังจากที่มอบให้เป่ยเฉินหยวนแล้ว เป่ยเฉินหยวนก็มอบให้กับเวินซื่อโดยตรง

เวินซื่อดูสองสามครั้ง ก่อนจะให้คนนำไปมอบให้เวินเฉวียนเซิ่ง

เวินเฉวียนเซิ่งก้มลงกวาดตามองทีละแผ่น สุดท้ายเวินฉางอวิ้นที่ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อความจริงนี้ รับมาจากมือของท่านพ่อ หลังจากที่เขาเห็นเวลาที่ระบุไว้บนนั้นอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ค่อยๆ หลับตาลง

ทันใดนั้น หัวใจของเวินเยวี่ยก็กระตุก

นางกรอกสมุดอะไรไปกัน แต่ชื่อและฐานะอะไรพวกนั้นที่นางเขียนลงไปล้วนเป็นของปลอม แบบนี้จะใช้เป็นหลักฐานได้อย่างไร?

เป็นไปได้อย่างไร?!

“ไม่!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
WLFJ
สะใจ ดูสิจะข่มเวินซื่อยังไง พวกชั่ว
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 173

    เห็นได้ชัดว่าการล้อมอารามสุ่ยเยว่เกิดขึ้นก่อน ส่วนการสืบหาความจริงและการปกป้องเกิดขึ้นทีหลัง แต่เมื่อเป่ยเฉินหยวนเป็นคนพูด กลับกลายเป็นว่าเวินเฉวียนเซิ่งจงใจใส่ร้ายเสียอย่างนั้นสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งพลันเปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างยิ่ง“พวกท่านต้องการอะไรกันแน่?”เวินซื่อกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้ต้องการอะไร ขอเพียงท่านเจิ้นกั๋วกงไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้าง เพียงเท่านี้ก็พอ”แต่การไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้าง...อดีตบิดาผู้นี้ของนางจะสามารถทำได้จริงๆ หรือ?หากนางยังไม่ได้ออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง หากนางยังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากวันนี้คนที่ก่อเรื่องเช่นนี้เป็นนาง เวินเฉวียนเซิ่งไม่มีทางที่จะลงโทษนางเพียงแค่กักบริเวณในโถงบรรพชนและให้สำนึกผิดเป็นแน่ดังนั้น วันนี้นางจะรอดูว่า บิดาผู้สูงส่งของนางจะสามารถไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้างได้หรือไม่!เวินเฉวียนเซิ่งมองนางอย่างลึกซึ้งเมื่อเผชิญกับสายตาที่เต็มไปด้วยการพิจารณาและบีบบังคับ เวินซื่อไม่ยอมถอยแม้แต่น้อยในขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดอย่างยิ่ง ร่างกายสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามาขวางหน้าเวินซื่อในทันที“เจิ้นกั๋วกง นี่เป็นสายตาแบบ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 174

    เมื่อเผชิญกับสายตาที่ซับซ้อนของทุกคน เวินซื่อค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมามอง “มองข้าทำไมกัน คุณชายรองของท่านก็พูดแล้วมิใช่หรือว่าไม่ตายหรอก ดังนั้นรีบโบยเถอะ”น้ำเสียงของนางที่ราวกับไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทำเอาเวินเยวี่ยโกรธจนแทบจะกระอักเลือดนางกล้าเร่งเร้า ไม่ได้ดูเลยหรือไรว่าใครที่จะโดนโบย!หากมิใช่ว่าตอนนี้มีคนอยู่มากมาย เวินเยวี่ยคงอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกปากเวินซื่อเสียเดี๋ยวนี้ท้ายที่สุด ภารกิจอันหนักอึ้งในการลงโทษตามกฎประจำตระกูลนี้ ก็ตกเป็นหน้าที่ของเวินฉางอวิ้นเวินเฉวียนเซิ่งออกคำสั่ง เวินฉางอวิ้นเป็นคนลงมือ เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนไม่มีผิดเพียงแต่ครั้งนี้ คนที่ถูกโบยเปลี่ยนจากนางกลายเป็นเวินเยวี่ยเวินฉางอวิ้นถือแส้ที่สะท้อนแสงเย็นเยียบอยู่ในมือ กลับรู้สึกว่าครั้งนี้ไม่รู้จะลงมืออย่างไรดีเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเวินซื่อ ดูเหมือนว่ายังอยากจะพูดขอความเห็นใจแทนเวินเยวี่ย หากน้องห้ายกโทษให้ บางทีน้องหกอาจจะไม่ต้องถูกโบยก็ได้“น้องห้า ถึงอย่างไรน้องหกก็เป็นน้องสาวของเจ้า หรือว่า...”เวินฉางอวิ้นพูดประโยคที่เคยพูดเหมือนเมื่อก่อนอย่างไม่รู้ตัว แต่ครั้งนี้เขากลับ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 175

    “ตุบ”“น้องหก!”เวินฉางอวิ้นรีบวางแส้ลง ประคองเวินเยวี่ยด้วยความระมัดระวัง “น้องหก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ยังทนไหวหรือไม่?”เวินเยวี่ยหลับตา ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเวินเฉวียนเซิ่งรีบเดินไปหานาง อยากจะดูว่าโบยแรงเกินไปจริงๆ หรือไม่ เป่ยเฉินหยวนกลับหัวเราะเยาะ “คุณหนูหกของจวนท่านช่างอ่อนแอเสียจริง ทั้งที่เป็นบุตรสาวบุญธรรมที่เพิ่งถูกตามตัวกลับมาได้ไม่นาน แต่ร่างกายกลับบอบบางยิ่งกว่าบุตรสาวที่แท้จริงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมเสียอีก”น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย “แค่ยี่สิบทีก็สลบไปแล้ว ไม่รู้ว่าตอนที่อู๋โยวถูกโบย นางทนถูกโบยห้าสิบทีนั้นมาได้อย่างไรกัน”น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความโกรธเขาสั่งให้ลูกน้องไปสืบว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเวินซื่อได้ประสบพบเจอกับอะไรบ้างในจวนเจิ้นกั๋วกง แม้จะสืบมาได้มากมาย แต่ก็ไม่พบที่มาของบาดแผลเหล่านั้นที่อยู่บนหลังของนาง บาดแผลที่เขาเห็นในวันที่เขาพบกับนางครั้งแรกที่นอกห้องทรงพระอักษรและในวันนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว เดิมทีรอยแผลเหล่านั้นล้วนเกิดจากน้ำมือของญาติพี่น้องของนางเองนางทำผิดอะไรถึงต้องถูกโบยห้าสิบที?แส้แบบนั้น ฟาดลงบนร่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 176

    เวินเฉวียนเซิ่งมองเวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง“เรื่องวันนี้ข้าจดจำไว้แล้ว ตอนนี้คนก็ได้รับโทษแล้ว เช่นนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์ควรจะมอบยาแก้พิษออกมาได้หรือยัง?”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ท่านเจิ้นกั๋วกงต้องการยาแก้พิษ ไม่ใช่ว่าควรจะไปขอจากบุตรสาวคนเล็กของท่านหรือ? คนที่วางยาพิษคือนาง มิใช่ข้า”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านรู้ว่าข้ากำลังพูดถึงอะไร”พิษที่ทำให้จื่อเยวี่ยกระอักเลือดจนหมดสติไปนั้นเป็นฝีมือของเยวี่ยเอ๋อร์ก็จริง แต่ก่อนหน้านั้นก็ยังมีพิษที่เวินซื่อลงมือกับเขาอยู่อีกพิษที่ล่อลวงจื่อเยวี่ย ทำให้เขาพูดจาพล่อยๆ ในงานเลี้ยง!เวินซื่อยิ้มเล็กน้อย “เหตุใดท่านเจิ้นกั๋วกงถึงได้ใส่ความข้าอีกแล้ว หมอผู้นี้ท่านเป็นคนเชิญมาเอง ท่านลองถามเขาด้วยตัวเองดูสิว่า ในร่างกายของคุณชายสามของจวนท่านมีพิษชนิดที่สองอยู่หรือไม่”เวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็หันไปมองหมอชราผู้นั้น หมอชราก็ส่ายหน้าตามคาดเมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จวนของข้าก็ไม่มีอะไรจะรั้งท่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 177

    เวินจื่อเฉินเอ่ยถามด้วยแววตาที่คาดหวัง “ได้หรือไม่ น้องห้า?”“ไม่ได้”แต่เวินซื่อกลับทำลายความหวังของเขาอย่างไร้เยื่อใยสายตาของนางเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “เหตุใดข้าต้องให้โอกาสเช่นนี้แก่ท่านด้วย?”ชาติที่แล้วนางก็เคยขอร้องนับครั้งไม่ถ้วน แต่มีใครเคยให้โอกาสนางบ้าง?!“ต่อไปอย่ามายุ่งกับข้าอีก”หลังจากพูดประโยคที่ตัดเยื่อใยนี้ เวินซื่อก็ยกเท้าก้าวผ่านเขาไป แล้วเดินออกจากที่นี่โดยตรงเหลือเพียงเวินจื่อเฉินที่ยืนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เป็นเวลาเนิ่นนานหลังจากผ่านไปเนิ่นนานแล้ว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาทำอย่างไรดี...เขาจะทำอย่างไรได้อีก?เวินจื่อเฉินที่ไม่สามารถหาวิธีใดๆ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับน้องสาวของเขาได้อีกต่อไป ในตอนนี้เขารู้สึกสับสนเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง“...ท่านแม่ หากท่านยังอยู่ที่นี่ก็คงดี”ท่านแม่เก่งเรื่องง้อน้องสาวที่สุด ถ้าท่านแม่ยังอยู่ นางจะต้องสอนวิธีง้อน้องสาวให้กลับมาได้แน่ๆ ……ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหลังจากที่เวินซื่อออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ก็ขึ้นรถม้าอีกคันที่เป่ยเฉินหยวนจัดเตรียมไว้ให้นาง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 178

    เวินซื่อไม่คิดว่าเป่ยเฉินหยวนจะขอโทษนางเพราะเรื่องนี้เมื่อนางมองบุรุษตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจและสำนึกผิด น้ำเสียงจริงใจเช่นนั้น หัวใจของนางก็หยุดเต้นไปชั่วขณะนางรีบหันหน้าหนี ไม่กล้ามองเป่ยเฉินหยวนมากนัก “ไม่...ไม่เป็นไร ตอนนั้นพวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว”ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่เดินสวนทางกันครั้งหนึ่ง เอ่อ ไม่สิ ก็ไม่เชิงว่าเดินสวนทางกันตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปก็ยังจำได้ ตอนนั้นเพราะอาการของนางแย่มาก เกือบจะล้มลงตรงหน้าประตูห้องทรงพระอักษร ยังเป็นเป่ยเฉินหยวนที่ช่วยพยุงนางไว้“จริงสิ ข้าควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณท่านต่างหาก หากท่านอ๋องไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงข้าไว้ เกรงว่าตอนนั้นข้าคงจะล้มลงไปแล้ว”นางยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า หากตอนนั้นนางล้มลงไปจริงๆ จะยังลุกขึ้นมาได้อีกหรือไม่?อย่างไรเสีย วันนั้นบาดแผลของนางก็สาหัสมากจริงๆเมื่อได้ยินเวินซื่อพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา ยื่นมือลูบศีรษะของเวินซื่อผ่านหมวกสีฟ้าทะเล “ไม่เป็นไร ไม่ปล่อยให้ท่านล้มหรอก”ตอนนั้นไม่มี ต่อไปก็จะไม่มีอีกเวินซื่อที่ถูกลูบศีรษะอย่างกะทันหันถึงกับชะงักอยู่ที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 179

    เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้นต่างเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู เห็นเพียงเวินจื่อเฉินยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาแดงก่ำ ราวกับสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว“ท่านพ่อ อย่าแสร้งทำเป็นเงียบอีกเลย วันนี้ลูกอยู่ที่นี่ ขอถามท่านแค่ประโยคเดียว ในใจของท่าน ใครสำคัญที่สุด น้องห้าหรือว่าน้องหก?”“น้องรอง เจ้าพูดอะไรออกมา? น้องห้าและน้องหกต่างเป็นน้องสาวของพวกเรา อย่ามาเปรียบเทียบกันเช่นนี้”เขารู้ว่าท่านพ่อลำเอียง แต่ระหว่างน้องสาวทั้งสองคน จะไปพูดว่าใครสำคัญกว่าใครได้อย่างไร?“พี่ใหญ่!”เวินจื่อเฉินเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ท่านยังมองไม่ออกอีกหรือ? ที่น้องห้ากับพวกเรากลายเป็นแบบนี้ในวันนี้ นอกจากพวกเราจะผิด ท่านพ่อจะผิด ท่านคิดว่าน้องหกไม่ผิดอะไรเลยหรือ?”ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าน้องหกเป็นคนใสซื่อ ใจดี กลัวว่าน้องหกจะรู้สึกด้อยค่าเพราะเป็นเพียงบุตรสาวบุญธรรม จึงคอยดูแลน้องหกมากมายและค่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในจวนนี้ แค่น้องหกร้องไห้ พวกเขามักจะซักถามน้องห้าเป็นคนแรกครั้งแรกเป็นเช่นนี้ และต่อมาก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งจนกระทั่งวันนี้ทุกอย่างจึงได้ถูกเปิดเผย และน้องสา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 180

    เวินเฉวียนเซิ่งที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากคำพูดของเขา สีหน้าก็มืดมนในทันที เอ่ยชื่อแซ่ของเขาพร้อมกับเอ่ยถาม “เวินจื่อเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าในเมื่อน้องสาวไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงก็ไม่มีอะไรที่คู่ควรให้ข้าอยู่ต่อ”เมื่อเอ่ยออกไปเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น แม้แต่เวินอวี้จือที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องแล้วเพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง“ปึง!”เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนตบโต๊ะลุกขึ้นยืน เพราะบุตรชายคนรองของเขา“เหลวไหล! เจ้าคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ที่เจ้าอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปหรือไร?!”“ทำไมจะไปไม่ได้?”ในเวลานี้ เวินจื่อเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว แววตาของเขามุ่งมั่นเช่นนั้น “น้องสาวข้ายังไปได้ แล้วทำไมข้าจะไปไม่ได้? หรือว่าท่านพ่อจะใช้วิธีข่มขู่ข้าเช่นเดียวกับที่ทำกับน้องห้า ด้วยการตัดชื่อออกจากบันทึกลำดับญาติ?”เวินจื่อเฉินรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว “ไม่เป็นไร จะตัดชื่อก็ตัดไปเถิด”พอไม่มีสถานะเป็นคนของสกุลเวินแล้ว เขาจะได้ใช้นามสกุลเวินเดียวกับน้องห้าแม้ว่าน้อง

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status