Share

หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก
หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก
Author: จิ้งซิง

บทที่ 1

Author: จิ้งซิง
“หม่ำ ๆๆ”

“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?”

ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุด

เบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน

ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ย

เวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?”

สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันที

เตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”

เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”

“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”

หลังจากที่เอ่ยคำพูดประโยคนี้อย่างเย็นชา เวินเยวี่ยก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนมือของเวินซื่อแล้วขยี้อย่างแรง

บดขยี้จนกระดูกมือดังกรอบแกรบ บดขยี้จนเวินซื่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“เวินซื่อ คุณหนูอย่างข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย มอบหยกแขวนชิ้นนั้นมาเสีย!”

“เหอะ...เหอะ ๆ...”

เวินซื่อที่มีสติเลือนรางเล็กน้อยได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย

นางหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงสองครั้ง “เวินเยวี่ย เจ้ามันคิดเพ้อฝัน...”

นั่นเป็นของสิ่งเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ในนาง ต่อให้ตาย นางก็ไม่มีทางมอบให้เวินเยวี่ยเป็นอันขาด

“นังแพศยา เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

เวินเยวี่ยโกรธจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ

ในเวลานี้เอง ประตูห้องลับถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ก่อนจะมีหลายร่างเดินเข้ามา

เวินเยวี่ยหันหน้าไปเห็นคนเดินมา นางก็เอาอาหารสุนัขไว้ยัดไว้ในอกของสาวใช้ทันที สีหน้าเหมือนเล่นกลก็ไม่ปาน กลับมาเป็นท่าทางบริสุทธิ์น่ารักในพริบตา ก่อนจะโถมตัวเข้าใส่ผู้ที่มาอย่างมีความสุข...

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่!”

“พวกท่านมาได้อย่างไร?”

คนที่เข้ามาทั้งห้าคนคือเจิ้นกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าหมิงกับบุตรชายทั้งสี่คนของเขา

เนื่องจากเจิ้นกั๋วกงเกิดมามีรูปร่างสูงใหญ่ รูปโฉมโดดเด่น

บุตรชายทั้งสี่คนของเขาก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากเขาเช่นเดียวกัน แต่ละคนไม่เพียงมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ยังหล่อเหล่าสง่างามมาก บุคลิกไม่ธรรมดา

อีกทั้งมีนิสัยของเจิ้นกั๋วกงไม่มากก็น้อย แต่ละคนถ้าไม่มีสีหน้าเย็นชา ก็มีสีหน้าชั่วร้าย

แต่สิ่งที่เป็นข้อยกเว้นคือ เมื่อเวินเยวี่ยใช้เสียงออดอ้อนเรียกขานพวกเขา คนที่ดูเหมือนเย็นชาไร้ความรู้สึกเหล่านี้กลับเปลี่ยนสีหน้า

เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่ชายคนรองมองเวินซื่อที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “น้องหก เป็นอย่างไรบ้าง นางมอบหยกแขวนที่ขโมยไปจากเจ้าแล้วหรือยัง?”

ไม่ได้ขโมย!

นางไม่ได้ขโมยนะ!

นั่นเป็นหยกแขวนของนาง!

“เฮ้อ ยังเจ้าค่ะ!”

เวินเยวี่ยถอนหายใจโดยใช้น้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างยิ่ง แล้วเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “พี่ห้ารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นของสำคัญที่สุดของข้า เป็นของที่ระลึกเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า แต่เมื่อครู่นี้ไม่ว่าข้าขอร้องนางอย่างไร นางก็ไม่ยอมคืนให้ข้าเลย”

“ข้าไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”

เวินเยวี่ยเอ่ยถึงตอนสุดท้าย เสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย ราวกับอยากจะร้องไห้

พวกเวินจื่อเฉินฟังแล้วปวดใจอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ ข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกินจริง ๆ”

เวินจื่อเฉินเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

เวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่ชายคนที่สามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำหน้าเย็นชาในพริบตา ในมือเผยให้เห็นมีดคมกริบ

“ในเมื่อปากแข็งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ตัดมือของนาง ตัดข้างหนึ่ง ถามหนึ่งครั้ง หากไม่ยอมพูดตลอดก็ตัดมือและเท้าของนางให้หมด กล้าขโมยสิ่งของของน้องหก ข้าจะดูว่ากระดูกของเวินซื่อจะแข็งเหมือนปากของนางหรือเปล่า!”

“ไม่จำเป็นต้องตัดมือแล้ว”

เวลานี้เอง เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ชายคนโตเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “มีคนเห็นเวินซื่อเหมือนรีบร้อนกลืนสิ่งของลงท้องก่อนที่จะโดนจับตัวกลับมา”

เวินซื่อตกใจในพริบตา แววตาดูตื่นตระหนก

พวกเวินจื่อเฉินเห็นฉากนี้ก็พากันเข้าใจทันที

เวินจื่อเฉินด่าทออย่างเกรี้ยวกราดว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ายอมกลืนลงท้องทั้งเป็น แต่ไม่ยอมนำหยกแขวนของน้องหกคืนให้นาง?!”

นัยน์ตาของเวินซื่อฉายแววความบ้าคลั่งออกมาทันที

ในเมื่อถูกจับได้แล้ว นางก็ไม่มีอะไรต้องซ่อนอีก

“ฮ่า ๆ...ใช่แล้ว ข้าบ้าไปแล้ว!”

“เวินเยวี่ยทำร้ายข้าถึงเพียงนี้ และยังอยากแย่งชิงของสิ่งสุดท้ายที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า ข้าจะไม่บ้าได้อย่างไร?”

เวินซื่อกระชากโซ่เหล็กหลายเส้นอย่างสะเทือนใจ เสียงเคร้งและเสียงของนางดังไปทั่วห้องลับแห่งนี้

“เป็นอย่างไร? ตอนนี้มีทางเลือกอยู่ตรงหน้าพวกท่านเพียงแค่สองทาง ถอดใจ? หรือว่าคว้านท้องข้า?”

พวกเวินจื่อเฉินมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง รวมถึงเวินอวี้จือผู้เป็นพี่ชายคนสี่ที่ซึ่งเฝ้าชมอยู่ทางด้านข้างด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอด

พวกเขามองไปทางบิดาของพวกเขาตามจิตใต้สำนึก หรือก็คือเจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่ง

เวลานี้มีเพียงเขาที่สามารถตัดสินใจได้

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววทะมึน นางเม้มปากแล้วเอ่ยเพียงคำพูดประโยคเดียวว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว”

เวลานั้น เวินซื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นางรู้ว่านางพ่ายแพ้การเดิมพันแล้ว

เวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจ “เวินซื่อ อย่าโทษพวกพี่ชายของเจ้าเลย จะโทษก็โทษข้าเถิด”

“ชาติหน้า หากเจ้าเป็นบุตรสาวของสกุลเวินอีก สกุลเวินจะชดเชยเจ้าให้มาก”

เวินซื่อมีหน้าคล้ายหัวเราะคล้ายร่ำไห้ คล้ายคลุ้มคลั่งคล้ายสะเทือนใจ

น้ำตาโลหิตสองสายค่อย ๆ ไหลลงมาจากหางตาของนาง

“ไม่ ชาติหน้าข้าจะไม่ขอเป็นบุตรสาวของสกุลเวินเด็ดขาด!”

เมื่อมีดเย็นเยียบกรีดท้องของเวินซื่อ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางหายไปจากในห้องลับ หยกแขวนที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนางมานานแล้วพลันเผยออกมาให้เห็นเล็กน้อย ส่องรัศมีแสงแสบตาออกมาจากในร่างของนาง

.....

ราชวงศ์ต้าหมิง ปีที่เจ็ดสิบหก

ต้นคิมหันตฤดู

จวนเจิ้นกั๋วกง

วันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงครึกครื้นมาก

คนทั้งเมืองหลวงล้วนทราบว่าบุตรสาวทั้งสองคนของเจิ้นกั๋วกงจัดพิธีปักปิ่นด้วยกัน

เวลานี้เอง ในห้องนอนแห่งหนึ่งภายในจวน...

“ไม่ อย่านะ...”

บนเตียง ดรุณีน้อยวัยสิบห้าผู้หนึ่งคล้ายกับกำลังฝันเรื่องน่ากลัวอะไรบางอย่าง พึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ

วินาทีต่อมานางลืมตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นขึ้นฉับพลัน ร้องด้วยความตกใจแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ก่อนจะยื่นมือไปบังตนเองตามจิตใต้สำนึก

“อ๊า...!”

แต่ความเจ็บปวดจากการโดนผ่าท้องอย่างที่จินตนาการกลับไม่มา

ผ่านไปสักพัก เวินซื่อจึงค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดกลัวและระมัดระวัง

เมื่อมองดูจึงพบว่าสภาพแวดล้อมแปลกไป ไม่ใช่ห้องลับแห่งนั้น

บิดา พี่ใหญ่และพวกเวินเยวี่ยก็ไม่อยู่เลยสักคน

มีเพียงห้องที่เงียบสงบ และการตกแต่งที่คุ้นเคยเล็กน้อย

เวินซื่อใคร่ครวญอยู่พักใหญ่เต็ม ๆ ด้วยสมองที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่านี่คือที่ใด

“นี่เป็นห้องเก่าของข้าไม่ใช่หรือ?”

เป็นห้องที่นางเคยอาศัยอยู่ตอนที่ยังได้รับความรักความโปรดปรานจากบิดามารดาและพี่ชายในจวนกั๋วกง

“ไม่ เหตุใดข้าถึงอยู่ที่นี่ได้?!”

เวินซื่อที่ได้สติกลับมาในที่สุดกลับตกใจจนรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะโซเซล้มลงไปที่พื้น

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? เหตุใดข้าถึงกลับมาที่นี่ได้?!”

นางต้องรีบไป!

จะให้พวกบิดากับพวกพี่ใหญ่จับตัวไม่ได้!

มิฉะนั้นนางจะต้องตายเป็นแน่!

แต่นางยังไม่ทันวิ่งไปถึงหน้าประตู ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกประตู...

“ก๊อก ๆ”

“คุณหนูห้า ท่านยังจะนอนถึงเมื่อไร วันนี้เป็นพิธีปักปิ่นของท่านกับคุณหนูหก หากสายแล้ว อย่าโทษว่าบ่าวไม่ได้เรียกท่านนะเจ้าคะ”

เสียงที่ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยของสาวใช้ดังเข้ามาในหูของเวินซื่อ ทำให้เวินซื่อที่เดิมทีเตรียมตัวจะเปิดประตูตกใจจนเก็บมือกลับมา

แต่คำพูดที่เข้ามาในหูของนางทำให้การเคลื่อนไหวของนางค่อย ๆ หยุดลง สีหน้าแข็งทื่อ

“พะ...พิธีปักปิ่น?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
rujira
สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
Phinnipha Khonhok
อ่านดีโหลดมาอ่านใหม่แต่เสียอย่างเดียวเมื่อก่อนนี้คะแนนรอนานมากแต่ทีนี้อัพเดทใหม่โหลดมาใหม่รู้สึกว่าใช้ line ยิ่งกว่าเดิมค่ะ
goodnovel comment avatar
ไม่มีที่ว่าง สำหรับคนอ่อนแอ
สนุกมากคาะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1225

    กระโดดโลดเต้นวุ่นวาย มารยาสาไถย เหมือนมารดาผู้นั้นของนางไม่มีผิดประจวบเหมาะกับตอนนั้นไม่ได้ลงมือจัดการไป๋ชูโหรวด้วยตัวเอง ตอนนี้ได้จัดการลูกสาวของนางก็นับว่าไม่เลวเหมือนกันไป๋เยวี่ยโหรวก้าวพรวดตรงไปหาเวินเยวี่ยด้วยมาดอันดุดันเวินเยวี่ยพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ช้าก่อน ท่านจะทำอะไร?! ท่านหยุดอยู่ตรงนั้น!”เมื่อเห็นไป๋เยวี่ยโหรวพุ่งเข้ามา เวินเยวี่ยที่ตื่นตระหนกไม่ไหวก็รีบถอยหลัง หลบหลีกไปพลาง ร้องถามเสินอ๋องผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องบนอย่างร้อนรนไปพลางว่า “เสินอ๋อง ข้าเพิ่งบอกเรื่องสายเลือดสกุลหลานแก่ท่านไป ท่านบอกว่าจะตกรางวัลให้อย่างงามมิใช่หรือ? เหตุใดถึงทำกับข้าเช่นนี้?!”ไป๋เยวี่ยโหรวเห็นนางยังกล้าหนีจึงตวาดลั่น “ปาถูเอ่อร์ เจ้าท่อนไม้ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่ตรงนั้น ยังไม่รีบสกัดนางไว้อีก!”ปาถูเอ่อร์ที่กำลังคิดอยู่พอดีว่าจะเรียกคนมาช่วยเยวี่ยโหรวของเขาพลันสะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปช่วยทันทีแต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าไป ปลอกดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านหน้าปาถูเอ่อร์ไป แล้วกระแทกใส่ศีรษะของเวินเยวี่ยดัง ‘ตึง’ เข้าอย่างจัง“โอ๊ย!”เวินเยวี่ยที่ศีรษะเกือบแตกร้องโหยหวนด้วยความเจ็บป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1224

    เสินอ๋องผู้เฒ่าเอ่ยถามพลางกวาดสายตาอันคมกริบมองไปยังผู้มาเยือนต่างถิ่นหลายคนในตำหนักใหญ่บุตรชายตนเองไม่จำเป็นต้องพูดถึง ลูกสะใภ้ก็ถือกำเนิดจากสกุลไป๋ ย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะเป็นคนสายเลือดนั้นส่วนสองคนจากราชสำนักชั้นนอกนั่นก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเป็นหนึ่งในผู้มาเยือนต่างถิ่นกลุ่มนี้เท่านั้นสองพ่อลูกสกุลเวินคู่นั้นตัดทิ้งไปได้ ถ้าอย่างนั้นที่เหลือก็มีเพียงแค่ความเป็นไปได้สองอย่าง!เสินอ๋องผู้เฒ่าจับจ้องไปที่หลานซื่อด้วยแววตาลุกวาวทันที จากนั้นก็ปรายตามองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหลังนางเป็นนาง? หรือว่าเป็นเขา?เวินเยวี่ยให้คำตอบเขาอย่างทนรอไม่ไหว “เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเพคะ แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะมีนามว่าเวินซื่อ แต่ต่อมาตัวนางทรยศออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา ทั้งยังเปลี่ยนไปใช้สกุลมารดา ตอนนี้มีนามว่า ‘หลานซื่อ’ หลานของสกุลหลาน ย่อมต้องเป็นสายเลือดของสกุลหลานอยู่แล้ว”เป็นไปดังคาด!เสินอ๋องผู้เฒ่าได้รับคำตอบที่แน่ชัด บนใบหน้าพลันฉีกยิ้มกว้างจนดูเกินจริงไปอย่างผิดปกติใช้สกุลตามมารดามารดาเป็นคนสกุลหลานดังนั้นในกายจึงมีเลือดของคนสายเลือดนั้นไหลเวียนอยู่โดยเฉพาะอย่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1223

    “ศิษย์น้อง เจ้ามีอะไรจะกล่าวหรือไม่?”เอ้อถานหลัวไม่อยากพูดสิ่งที่เขารู้เขาผู้นี้ย่อมรู้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนสิ่งที่เขาไม่รู้ ศิษย์พี่ก็คงรู้แล้วเช่นกันดังนั้นเขาจะพูดหรือไม่พูดยังมีความหมายอะไรอีก?แต่เสินอ๋องผู้เฒ่ายืนกรานจะถามเขา เห็นได้ชัดว่าพยายามดึงเขาให้พัวพันไปด้วยกันเอ้อถานหลัวได้แต่ถอนหายใจ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากนั้น...“ทูลเสินอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ท่านพ่อเขามีเรื่องหนึ่งที่น่าจะลืมพูดไปเพคะ”เสียงของเวินเยวี่ยดังขึ้นกะทันหัน ทำให้เอ้อถานหลัวชะงักไปเล็กน้อยเวินเฉวียนเซิ่งขมวดคิ้วทันควัน ปรายตามองลูกสาวผู้ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมผู้นี้แวบหนึ่ง “เหลวไหล เสินอ๋องและแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูด ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”“เฮ้อ เจิ้นกั๋วกงไม่ต้องทำเช่นนี้ บอกแล้วว่าวันนี้ข้าเชิญทุกท่านมาช่วย อนุญาตให้ทุกท่านพูดจาได้อย่างเสรี ย่อมไม่ต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้”เสินอ๋องผู้เฒ่าคิดไม่ถึงว่านังหนูที่ศิษย์น้องของเขาเพิ่งรับเป็นศิษย์ได้ไม่นานผู้นี้ จะพรวดพราดออกมาในช่วงเวลาเช่นนี้อย่างกะทันหันผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีหรือจะดูสายตาที่ไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1222

    หมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถง?ไป๋เยวี่ยโหรวและปาถูเอ่อร์เพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกจึงหันไปมองหลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนทั้งสองคนโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่สุนัขเฒ่าสกุลเวินนั่นบอกว่าพวกเขารับคำสั่งจากฮ่องเต้ต้าหมิงมาตามหาสถานที่ซ่อนสมบัติในภาพวาดที่นี่ เช่นนั้นอู๋โยวกับพวกก็จะไปตามหาหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงด้วยหรือ?หลังจากไป๋เยวี่ยโหรวมองพวกหลานซื่อทั้งสองคนแวบหนึ่ง นางก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่หลานซื่อสังเกตเห็นสายตาของนาง แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเวลานี้นางสนใจเรื่องที่จิ้งจอกเฒ่าเวินเฉวียนเซิ่งผู้นั้นยอมพูดเรื่องภาพวาดออกมาตรง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสักนิดเสียมากกว่า นี่ดูไม่เหมือนวิสัยของเขาเลยหรือจะบอกว่า แท้จริงแล้วเขามีแผนการอื่นใด?หลานซื่อหรี่ตาทั้งสองลงเล็กน้อย นางไม่ได้เข้าไปขัดขวางเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้นางเองก็ขัดขวางไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียปากก็อยู่ที่เขากลับกันหากนางแสดงท่าทีมากเกินไป นั่นต่างหากที่จะดึงดูดความสนใจจากเสินอ๋องผู้เฒ่าและคนอื่น ๆดังนั้นหลานซื่อจึงนั่งอย่างสงบเงียบ หลังจากฟังเวินเฉวียนเซิ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1221

    นั่นก็คือ...ความลับที่แท้จริงของเขตหวงห้ามพวกเขาไม่รู้ว่าความลับที่แท้จริงของเขตหวงห้ามคืออะไร แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ‘ประตูซีถง’ ที่ว่านี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับความลับนี้ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องรู้ให้ได้!“เกี่ยวกับเรื่องซีถงนี้ เล่าให้พวกท่านฟังเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย คิดว่าท่านอื่น ๆ ก็คงมีความสงสัยใคร่อยากถามเช่นกัน แต่อย่างน้อยพวกท่านก็น่าจะรู้มากกว่าเด็กสองคนจากราชสำนักชั้นนอกนี้อยู่บ้าง ใยท่านทั้งหลายต่างไม่เล่าสิ่งที่พวกท่านรู้ออกมาดูบ้าง จากนั้นข้าค่อยไขข้อข้องใจให้พวกท่านทีละข้อ หรือเสริมให้ในภายหลังเป็นอย่างไร?”เวินเฉวียนเซิ่งย่อมมีสิ่งที่อยากรู้อยู่แล้วหรืออาจกล่าวได้ว่า ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่นี่เขาต่างหากที่ควรจะเป็นผู้ที่อยากรู้ที่สุดว่าหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงแห่งนี้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่เพราะหากหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงมีสถานที่อยู่จริง และในนั้นมีเซียนอยู่จริง ๆ ล่ะก็ นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่เขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างสิ้นเชิง!พูดกันให้กว้างขึ้นสักนิด ยาอายุวัฒนะที่ว่านั่น หากมีอยู่ เพียงแค่เขานำกลับไปสักเม็ด ไม่ว่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1220

    เปิดประตูบานหนึ่งหรือ?“ประตูอะไรกันที่ทำให้เสินอ๋องลำบากใจถึงเพียงนี้ ถึงขั้นต้องให้พวกเรามาช่วยโดยเฉพาะ?”ผู้คนที่นั่งอยู่ในตำหนักใหญ่นี้มีจำนวนไม่น้อยเลยเอ้อถานหลัวเป็นศิษย์น้องของเสินอ๋องผู้เฒ่า ก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่อยู่แล้ว แล้วยังพาเวินเยวี่ยมาด้วยจากนั้นเวินเฉวียนเซิ่งและสองพี่น้องชางชิงหลานและฮาหลานก็มาต่อจากนั้น เสินอ๋องผู้เฒ่าก็ให้คนไปพาตัวปาถูเอ่อร์และไป๋เยวี่ยโหรวมายังตำหนักเสินอ๋องสุดท้ายก็คือหลานซื่อกับเป่ยเฉินหยวนสองคนผู้คนแปดเก้าคนนั่งรวมกันอยู่ที่นี่ แต่เสินอ๋องผู้เฒ่ากลับเอ่ยปากบอกว่าจะให้พวกเขาช่วยเปิดประตูบานหนึ่งสีหน้าของคนทั้งหลายไม่อาจอธิบายได้ ส่วนมากแฝงความสงสัยไว้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในตอนที่เสินอ๋องผู้เฒ่าเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้านั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย รูม่านตาหดตัวลงเดิมทีหลานซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็น แต่อวิ่นซิงที่ปลอมตัวเป็นเครื่องประดับผมรูปผีเสื้ออยู่บนศีรษะนางได้เก็บสีหน้าของทุกคนทั้งหมดไว้ในสายตา แล้วจึงแอบบอกหลานซื่อที่เอ้อถานหลัวมีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าผิดปกติเพียงคนเดียวหลานซื่อกวาดตามองไปทางนั้นแวบหนึ่งอย่างแนบเนียนดูท่าหลวงจีน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status