공유

บทที่ 361

작가: จิ้งซิง
แต่ต่อมาหลังจากหนิงหย่วนโหวได้รับสมุนไพรสองชุดที่เขาสั่งมาในราคาถูก เขาก็รู้ว่าตัวเองได้เปรียบมากเพียงใด

แน่นอน เรื่องสำคัญของวันนี้ไม่ใช่การจำหน่ายยา

หลังจากตกลงกันด้วยวาจาอย่างเรียบง่าย เวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนก็ช่วยกันตรวจสอบสถานการณ์ภายในอำเภอหนิงอันทั้งหมด

มันดีกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มากจริง ๆ

ส่วนสถานการณ์ของสุสานหมู่ที่เห็นอยู่นอกเมืองในตอนแรกนั้นถือว่าเบาอยู่

เพราะหนิงหย่วนโหวบอกพวกเขาว่า สุสานหมู่ที่อยู่นอกเมืองก่อนหน้านี้ต้องมีการเผาศพนับร้อยศพทุกวัน

วันที่มากที่สุดก็คือวันที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในอำเภอหนิงอัน มีผู้คนเสียชีวิตห้าถึงหกร้อยคนในชั่วข้ามคืน

ทั่วทั้งอำเภอหนิงอันมีอยู่เพียงไม่กี่พันคน แต่ตอนนี้ได้เสียชีวิตไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว

เวินซื่อฟังจนจบอย่างสงบเงียบ ขณะที่เข้าไปในพื้นที่โรคระบาดของอำเภอหนิงอัน นางก็โปรยน้ำทิพย์ลงบนมงกุฎดอกไม้เพิ่มอีก

เพียงแต่ในขณะที่เดินเฉียดหัวไหล่ของเป่ยเฉินหยวนไป เป่ยเฉินหยวนก็คว้าข้อมือของนางไว้ทันใด

“บนตัวท่าน...ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ?”

เวินซื่อชะงักไป นางชักมือของตัวเองกลับ จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างราบเรียบ
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 362

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเยวี่ยด้วยความเจ็บปวดใจ “น้องหกไม่งอแงนะ ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้เจ้าได้กลับบ้านแล้ว ไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าอีกแล้ว”เวินเยวี่ยยังคงอยู่ในสภาพร้องไห้มึนงง จับแขนของเวินอวี้จือไว้แน่น ในขณะที่ร้องไห้กับเวิ่นจื่อเยวี่ย “จริงหรือพี่สาม? เยวี่ยเอ๋อร์กลับมาที่บ้านแล้วจริงหรือ? ต่อไปเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ต้องเข้าวังอีกแล้วใช่ไหม?”“ใช่แล้ว น้องหกวางใจได้ ฝ่าบาททรงตรัสแล้ว ว่าจะไม่เลือกเจ้าเป็นพระสนมแล้ว”เวินจื่อเยวี่ยรีบปลอบโยนนางแต่ตอนนี้เขาไม่กล้าบอกเล่าคำพูดที่ฝ่าบาทตรัสไว้ในตอนที่ออกคำสั่งให้เวินเยวี่ยฟังคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงดื้อรั้น ไร้กฎระเบียบ ไม่มีความรู้ ไร้ความสามารถ ตั้งแต่เข้าวังมาจนบัดนี้ยังไม่ผ่านคุณสมบัติ โง่เขลาเสียจริง ไม่คู่ควรเป็นพระสนมคำพูดจากปากของฝ่าบาท บัดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกหนทุกอย่าง เวินเยวี่ยเองนับว่ามีชื่อกระฉ่อนขึ้นมาอีกครั้งโดยเฉพาะแปดคำสุดท้าย “โง่เขลาเสียจริง ไม่คู่ควรเป็นพระสนม”อาจกล่าวได้ว่าไม่เพียงแต่ตัดขาดความคิดของเวินเยวี่ยที่จะเข้าไปในวังเท่านั้น แต่ยังตัดโอกาสการสมรสในอนาคตของนางอีกด้วยด้วยแปดคำนี้ ต่อไปจะมีตระกูลขุน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 363

    หลังจากเวินเฉวียนเซิ่งพูดคุยกับเวินเยวี่ยไม่กี่คำก็รีบจากไปโดยเร็ว เพราะยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกไม่นาน ภายในห้องก็เหลือเพียงเวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ และเวินเยวี่ยที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือคิดไว้ว่าจะปลอบโยนเวินเยวี่ยอีกสักพัก จนกว่านางหยุดร้องไห้ก็จะกลับไปแต่ในขณะที่สองพี่น้องกำลังจะกลับไปนั้น เวินเยวี่ยก็คว้าชายเสื้อของเวินจื่อเยวี่ยขึ้นมาทันใดเวินเยวี่ยที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเผยดวงตาคู่หนึ่งออกมา พลางเอ่ยด้วยท่าทีขลาดกลัว “พี่สาม ข้ามีบางอย่างจะบอกท่าน ท่านอยู่เป็นเพื่อนเยวี่ยเอ๋อร์อีกสักพักได้ไหม?”เวินจื่อเยวี่ยไม่มีทางปฏิเสธนางแน่นอน“เช่นนั้นข้าจะกลับห้องไปพักผ่อนก่อน”เวินอวี้จือเหลือบมองเวินเยวี่ยโดยไม่พูดอะไรมากนัก ก่อนจะหันหลังเดินออกจากประตูไปหลังจากเหลือเพียงเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยสองพี่น้องคู่นี้แล้ว เวินจื่อเยวี่ยจึงถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือน้องหก มีอะไรจะพูดกับพี่สามหรือ?”“พี่สาม ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้เยวี่ยเอ๋อร์ชั่วร้ายเหลือเกิน วางยาพี่สามเหมือนถูกปีศาจร้ายเข้าสิง ตอนนั้นข้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป แต่หลังจากทำแบบนั้นไปแล้วข้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 364

    เวินจื่อเยวี่ยปลอบโยนนางอยู่สีหน้าของเวินเยวี่ยซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตากวางน้อยทั้งสองเบิกกว้าง เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กลัวถูกทอดทิ้งนางกอดเวินจื่อเยวี่ยแน่น แล้วถามย้ำว่า “จริงหรือ? พี่สามจะไม่ทอดทิ้งเยวี่ยเอ๋อร์จริงหรือ? แต่เยวี่ยเอ๋อร์กลัวมาก ตอนนี้ท่านพ่อดูเหมือนจะผิดหวังในตัวเยวี่ยเอ๋อร์เป็นพิเศษ พี่รองไม่ต้องการเยวี่ยเอ๋อร์แล้ว พี่ใหญ่...พี่ใหญ่ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบข้าแล้ว สุขภาพของพี่สี่ก็ไม่ดี เยวี่ยเอ๋อร์กลัวว่าตัวเองไปพึ่งพาเขา ต้องมีสักวันที่ทำให้เขารังเกียจ หากพี่สามก็จะทอดทิ้งเยวี่ยเอ๋อร์เช่นกันล่ะก็ เยวี่ยเอ๋อร์ก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ”นางเอาแต่พูดว่ากลัว เมื่อจาระไนดูแล้ว ดูเหมือนว่าในจวนเจิ้นกั๋วกงนางเหลือเพียงเวินจื่อเยวี่ยเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้ ยิ่งฟังก็ยิ่งทำให้เวินจื่อเยวี่ยรู้สึกสงสารมากขึ้นเท่านั้น“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว พี่สามสัญญา!”เวินจื่อเยวี่ยรวบนิ้วทั้งสามเข้าด้วยกัน แล้วสาบานด้วยสีหน้าจริงจัง “หากในอนาคตพี่สามทิ้งน้องหกของพวกเรา ก็ให้พี่สามถูกฟ้าผ่าลงทัณฑ์ ตายในทันที!”“ไม่นะ!”เวินจื่อเยวี่ยรีบบอกว่า “พี่สามอย่าพูดแบบนี้ พี่สามเป็นพี่ช

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 365

    ในขณะเดียวกันลู่โจวเวินซื่อยังไม่รู้เรื่องความพลิกผันภายในจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งเมืองหลวงในเวลานี้หลังจากจัดพิธีสวดขอพรครั้งสุดท้ายในอำเภอหนิงอันเสร็จสิ้นแล้ว เวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนก็ไม่ได้ออกจากลู่โจวทันทีตามแผนเดิมที่วางไว้ แต่ยังคงอยู่ในอำเภอหนิงอันเพื่อร่วมกันให้การช่วยเหลือจนกระทั่งประชาชนในอำเภอหนิงอันทั้งหมดรอดพ้นจากภัยอันตราย และโรคระบาดในลู่โจวทั้งหมดได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว พวกเขาถึงออกเดินทางกลับเมืองหลวงในที่สุด“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ อย่าลืมสมุนไพรสองชุดนั้นที่ข้าสั่งจองไว้เด็ดขาด!”ขณะที่เวินซื่อและเป่ยเฉินหยวนจากไปในครั้งนี้ หนิงหย่วนโหวที่ยังเฝ้าดูแลอยู่ในอำเภอหนิงอันก็หาเวลาว่างจนได้ มาส่งพวกเขาเดินทางด้วยตัวเอง“หนิงหย่วนโหววางใจเถอะ ข้าไม่มีทางลืมหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากอำเภอหนิงอันอย่างช้า ๆหลังจากเวินซื่อที่ยุ่งอยู่หลายวันถอนสายตากลับมาแล้ว กำลังเตรียมจะปิดม่านลงและกลับเข้าไปในรถเพื่อพักผ่อนสักครู่แต่ในขณะที่สายตาของนางเลื่อนผ่านสุสานหมู่แห่งนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เห็น “ศพ” หนึ่งที่นอนฟุบอยู่บนพื้นอย่างฉับพลันเวินซื่อยังนึกว่าเป็นศพของประชา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 366

    ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป เวินซื่อก็นิ่งเงียบไปนางจ้องไปที่ฉางเสี่ยวหานที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อนใครก็ไม่คาดคิดว่า นางจะเป็นน้องสาวของฉางอู๋เต้าผู้นั้นจริง ๆใช่แล้ว ในเหตุการณ์ที่อำเภอหนิงอัน ฉางเสี่ยวหานถูกปล้น พ่อแม่ของนางถูกฆ่าปิดปาก พี่ชายของนางก็ถ่วงตัวเองในบ่อน้ำฆ่าตัวตายหลังจากการแก้แค้น ทุกคนนึกเอาเองโดยจิตใต้สำนึกว่าฉางเสี่ยวหานก็น่าจะตายแล้วเช่นกันแต่นึกไม่ถึงว่า นางจะยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะเกือบตายไปแล้วก็ตาม“เจ้า...ซ่อนตัวอยู่ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เลยหรือ?”ดูเหมือนว่าฉางเสี่ยวหานจะยังไม่รู้เรื่องที่พี่ชายของนางได้กลับมาตั้งนานแล้วฉางเสี่ยวหานพยักหน้าดังคาด “ใช่เจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะคาดเดาถูกอีกแล้ว”เมื่อเผชิญกับท่าทางวิตกกังวลของเวินซื่อ บางทีอาจเป็นเพราะธิดาศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้เพิ่งช่วยชีวิตนางไว้ ฉางเสี่ยวหานจึงไม่ได้มีท่าทีระแวดระวังตัวนางในเวลานี้ พอพูดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะระบายออกมาหลังจากยิ้มออกมาครู่หนึ่ง ใบหน้าผอมซูบนั้นก็เผยท่าทางเจ็บปวดออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าถูกคนจับตัวไว้ เป็นเพราะไม่เชื่อฟังเขา จึงถูกขังไว้ไม่ให้ข้าวกิน ไม่ให

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 367

    ครึ่งชั่วยามต่อมา เวินซื่อและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางอีกครั้งตลอดทางราบรื่นเป็นอย่างมากสองวันต่อมา ขบวนรถก็มาถึงจินโจวอย่างรวดเร็ว ยังเป็นสถานที่แห่งนั้นที่ใช้หยุดพักเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนหลังจากกินอาหารเย็นกับเป่ยเฉินหยวนแล้ว เวินซื่อก็กลับเข้าห้องของตัวเองขณะที่นางกำลังจะนอนลงพักผ่อน นอนหลับให้เต็มอิ่มสักตื่นวินาทีต่อมานางก็เด้งขึ้นจากเตียงอย่างกะทันหัน“สวรรค์ ข้าลืมเขาไปอย่างไม่น่าเชื่อ!”เวินซื่อรีบเข้าไปในมิติของหยกหลังจากผ่านไปหลายวัน ในที่สุดนางก็นึกถึงเวินจื่อเฉินที่ทิ้งไว้ในมิติโดยไม่สนใจอีกหลังจากจับกรอกยาแล้วตอนที่นางเข้าไปในห้องใต้หลังคา ก็เห็นเวินจื่อเฉินกำลังเล่นนิ้วมือด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ภายในกรงเหล็กใช่แล้ว เวินจื่อเฉินที่ทั้งออกไปไม่ได้และไม่มีใครคุยด้วย ก็เบื่อหน่ายจนถึงขั้นได้แต่เล่นนิ้วมือของตัวเองเท่านั้นโชคดีที่ท้องของเขาถูกป้อนอะไรลงไปก็ไม่รู้ อิ่มอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นเขาคงหิวตายอยู่ที่นี่ไปตั้งนานแล้วในเวลานี้ เวินจื่อเฉินที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างโดยฉับพลันได้เงยหน้าขึ้นมาจากภายในกรงพอหันหน้าไปก็เห็นเวินซื่อเดินเข้ามาหาเขาอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 368

    เวินจื่อเฉินดื่มอึก ๆ หลายคำ ก็ฝืนดื่มยาหม้อชามนั้นที่ขมจนหน้าตาบิดเบี้ยวลงไปทั้งอย่างนั้นเวินซื่อเห็นว่าเขาดื่มหมดแล้ว จึงปรุงยาขึ้นใหม่อีกยังคงปรุงไปพูดไปเช่นเคย “ท่านยังอยากกลับไปอีกไหม?”เวินจื่อเฉินส่ายหัวทันทีโดยไม่มีความลังเล “พี่รองบอกแล้วว่า ต่อไปเจ้าอยู่ที่ไหนข้าก็ต้องอยู่ที่นั่น”“ไม่ต้องรีบตัดสินใจขนาดนั้น ท่านควรเข้าใจว่า หากท่านยังต้องการกลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง ครั้งนี้คือโอกาสของท่าน ขอเพียงท่านแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใด ๆ แสร้งทำเป็นว่าสูญเสียความทรงจำและพิษยังไม่ถูกกำจัดเหมือนเมื่อก่อนต่อไป เช่นนั้นประตูหน้าของจวนเจิ้นกั๋วกง ท่านก็ยังสามารถก้าวเข้าไปได้เหมือนเดิม”“ปัง!”จู่ ๆ เวินจื่อเฉินที่อยู่ในกรงเหล็กก็ต่อยไปที่แผ่นกระดาน เขากัดฟันมองไปยังเวินซื่อที่อยู่แท่นหิน “ข้าทำไม่ได้ ข้าก็ไม่อยากกลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงแล้วเช่นกัน ข้าแค่อยากติดตามเจ้า”เวินซื่อหัวเราะเยาะ “ติดตามแม่ชีอย่างข้ามามีอะไรดีหรือ?”“ข้ารู้สึกดีก็พอ!”เวินจื่อเฉินเม้มริมฝีปาก หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “น้องห้า ขอร้องเจ้าล่ะ อย่าไล่พี่รองไปไหนเลยได้หรือไม่? หากเจ้าไม่ชอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 369

    ใครนะที่มารนหาที่ตาย?เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาในห้องของนาง เวินซื่อก็ไม่ได้ออกไปทันที แต่กลับคอยฟังการเคลื่อนไหวภายนอกจากในมิติแทนจู๋เยวี่ยอยู่ข้างนอก หากผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร นางจะรีบจัดการพวกเขาทันทีแต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ เวินซื่อฟังเสียงความเคลื่อนไหวอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงคนลงมือจากภายนอกหรือว่านางจะรู้จักผู้ที่มาเยือน?เวินซื่อนิ่งไปในทันใดหลังจากแน่ใจแล้วว่าคนผู้นั้นไม่ได้เข้ามาใกล้ขอบเตียงของนาง นางก็ออกไปจากมิติอย่างรวดเร็ว แล้วเอนกายลงบนเตียงในทันใดราวกับสังเกตเห็นการปรากฏตัวของนาง วินาทีต่อมา ภายในห้องก็มีตะเกียงดวงหนึ่งจุดขึ้นแสงเทียนสว่างขึ้นทันใด ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง และส่องสว่างไปยังบุคคลที่สามที่บุกรุกเข้ามาในยามกลางดึก“เสี่ยวหาน?”เมื่อเวินซื่อเห็นคนที่ซ่อนอยู่ในมุมห้องอย่างชัดเจนแล้ว นางก็อุทานด้วยความประหลาดใจทันที“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”คนที่เข้ามาในห้องของเวินซื่ออย่างเงียบ ๆ ก็คือฉางเสี่ยวหานที่ถูกพวกเขายกให้หนิงหย่วนโหวไปก่อนหน้านี้แล้วฉางเสี่ยวหานไม่คิดว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเวินซื่อ นางพูดตะกุกตะกัก “ขอ...ข

최신 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status