공유

บทที่ 367

작가: จิ้งซิง
ครึ่งชั่วยามต่อมา เวินซื่อและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางอีกครั้ง

ตลอดทางราบรื่นเป็นอย่างมาก

สองวันต่อมา ขบวนรถก็มาถึงจินโจวอย่างรวดเร็ว ยังเป็นสถานที่แห่งนั้นที่ใช้หยุดพักเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน

หลังจากกินอาหารเย็นกับเป่ยเฉินหยวนแล้ว เวินซื่อก็กลับเข้าห้องของตัวเอง

ขณะที่นางกำลังจะนอนลงพักผ่อน นอนหลับให้เต็มอิ่มสักตื่น

วินาทีต่อมานางก็เด้งขึ้นจากเตียงอย่างกะทันหัน

“สวรรค์ ข้าลืมเขาไปอย่างไม่น่าเชื่อ!”

เวินซื่อรีบเข้าไปในมิติของหยก

หลังจากผ่านไปหลายวัน ในที่สุดนางก็นึกถึงเวินจื่อเฉินที่ทิ้งไว้ในมิติโดยไม่สนใจอีกหลังจากจับกรอกยาแล้ว

ตอนที่นางเข้าไปในห้องใต้หลังคา ก็เห็นเวินจื่อเฉินกำลังเล่นนิ้วมือด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ภายในกรงเหล็ก

ใช่แล้ว เวินจื่อเฉินที่ทั้งออกไปไม่ได้และไม่มีใครคุยด้วย ก็เบื่อหน่ายจนถึงขั้นได้แต่เล่นนิ้วมือของตัวเองเท่านั้น

โชคดีที่ท้องของเขาถูกป้อนอะไรลงไปก็ไม่รู้ อิ่มอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นเขาคงหิวตายอยู่ที่นี่ไปตั้งนานแล้ว

ในเวลานี้ เวินจื่อเฉินที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างโดยฉับพลันได้เงยหน้าขึ้นมาจากภายในกรง

พอหันหน้าไปก็เห็นเวินซื่อเดินเข้ามาหาเขาอย
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 368

    เวินจื่อเฉินดื่มอึก ๆ หลายคำ ก็ฝืนดื่มยาหม้อชามนั้นที่ขมจนหน้าตาบิดเบี้ยวลงไปทั้งอย่างนั้นเวินซื่อเห็นว่าเขาดื่มหมดแล้ว จึงปรุงยาขึ้นใหม่อีกยังคงปรุงไปพูดไปเช่นเคย “ท่านยังอยากกลับไปอีกไหม?”เวินจื่อเฉินส่ายหัวทันทีโดยไม่มีความลังเล “พี่รองบอกแล้วว่า ต่อไปเจ้าอยู่ที่ไหนข้าก็ต้องอยู่ที่นั่น”“ไม่ต้องรีบตัดสินใจขนาดนั้น ท่านควรเข้าใจว่า หากท่านยังต้องการกลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง ครั้งนี้คือโอกาสของท่าน ขอเพียงท่านแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใด ๆ แสร้งทำเป็นว่าสูญเสียความทรงจำและพิษยังไม่ถูกกำจัดเหมือนเมื่อก่อนต่อไป เช่นนั้นประตูหน้าของจวนเจิ้นกั๋วกง ท่านก็ยังสามารถก้าวเข้าไปได้เหมือนเดิม”“ปัง!”จู่ ๆ เวินจื่อเฉินที่อยู่ในกรงเหล็กก็ต่อยไปที่แผ่นกระดาน เขากัดฟันมองไปยังเวินซื่อที่อยู่แท่นหิน “ข้าทำไม่ได้ ข้าก็ไม่อยากกลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงแล้วเช่นกัน ข้าแค่อยากติดตามเจ้า”เวินซื่อหัวเราะเยาะ “ติดตามแม่ชีอย่างข้ามามีอะไรดีหรือ?”“ข้ารู้สึกดีก็พอ!”เวินจื่อเฉินเม้มริมฝีปาก หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “น้องห้า ขอร้องเจ้าล่ะ อย่าไล่พี่รองไปไหนเลยได้หรือไม่? หากเจ้าไม่ชอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 369

    ใครนะที่มารนหาที่ตาย?เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาในห้องของนาง เวินซื่อก็ไม่ได้ออกไปทันที แต่กลับคอยฟังการเคลื่อนไหวภายนอกจากในมิติแทนจู๋เยวี่ยอยู่ข้างนอก หากผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร นางจะรีบจัดการพวกเขาทันทีแต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือ เวินซื่อฟังเสียงความเคลื่อนไหวอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงคนลงมือจากภายนอกหรือว่านางจะรู้จักผู้ที่มาเยือน?เวินซื่อนิ่งไปในทันใดหลังจากแน่ใจแล้วว่าคนผู้นั้นไม่ได้เข้ามาใกล้ขอบเตียงของนาง นางก็ออกไปจากมิติอย่างรวดเร็ว แล้วเอนกายลงบนเตียงในทันใดราวกับสังเกตเห็นการปรากฏตัวของนาง วินาทีต่อมา ภายในห้องก็มีตะเกียงดวงหนึ่งจุดขึ้นแสงเทียนสว่างขึ้นทันใด ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง และส่องสว่างไปยังบุคคลที่สามที่บุกรุกเข้ามาในยามกลางดึก“เสี่ยวหาน?”เมื่อเวินซื่อเห็นคนที่ซ่อนอยู่ในมุมห้องอย่างชัดเจนแล้ว นางก็อุทานด้วยความประหลาดใจทันที“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”คนที่เข้ามาในห้องของเวินซื่ออย่างเงียบ ๆ ก็คือฉางเสี่ยวหานที่ถูกพวกเขายกให้หนิงหย่วนโหวไปก่อนหน้านี้แล้วฉางเสี่ยวหานไม่คิดว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเวินซื่อ นางพูดตะกุกตะกัก “ขอ...ข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 370

    ฉางเสี่ยวหานส่ายหัว “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านหนิงหย่วนโหวจัดการทุกอย่างให้ข้าเป็นอย่างดีแล้ว ชดเชยให้แล้ว แต่ทุกครั้งที่พวกเขามองมาที่ข้าเหมือนกำลังมองวิญญาณที่น่าสงสาร ท่านหนิงหย่วนโหวเองก็เหมือนกัน”ฉางเสี่ยวหานรู้เรื่องพี่ชายของนางแล้วหลังจากประสบกับความกระทบกระเทือนมากมายอย่างต่อเนื่อง เวลานี้นางมีความอ่อนไหวมากในสายตาของผู้คนเหล่านั้นที่มองมาที่นาง นางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนในทุกสายตามีทั้งสงสารนาง รังเกียจนาง และโกรธแค้นนาง นางรู้หมดนางเกลียดสายตาเหล่านั้นดังนั้นนางจึงหนีออกมาจากหนิงหย่วนโหวนางไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนได้อีก คนเดียวที่นางนึกถึงมีเพียงธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยนางไว้วันนั้น ตอนที่ได้รู้ชื่อของนาง สิ่งที่แสดงออกมาจากสายตาของนางไม่ใช่ความสงสาร ไม่ใช่รังเกียจ และยิ่งไม่ใช่ความโกรธแค้นแต่เป็นความเจ็บปวดธิดาศักดิ์สิทธิ์รู้สึกเจ็บปวดกับนางในเวลานั้นฉางเสี่ยวหานที่งุนงงทำอะไรไม่ถูก ทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้นางก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจึงไล่ตามอยู่ทั้งคืน หลังจากไล่ตามมาสองวันสองคืนก็ตามมาถึงจินโจวในที่สุดนางกลัวว่าตัวเองจะถูกกั้นไว้ข้างนอก ดังนั้นจึงแอบวิ่งเข้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 371

    “เพี๊ยะ!”ภายในเรือนหลังประตูสีดำสนิท บ่าวหลายคนถือคบเพลิงไว้ในมือ แล้วล้อมอันหลันซินที่เพิ่งถูกจับตัวกลับมาหลังจากหนีไปอีกครั้งไว้ตรงกลาง ปล่อยให้คุณชายของพวกเขาทุบตีด่าทอ“เจ้ามันแพศยา แต่งเข้ามาเป็นอนุของข้าแล้ว ยังกล้าวางท่าเป็นหญิงสูงศักดิ์ของเจ้าอีกหรือ”“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ก็เป็นแค่ลูกของอนุชั้นต่ำเท่านั้น ยังกล้าลองดีกับคุณชายอย่างข้าอีก รู้หรือไม่ว่าพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าขายเจ้ามาในราคาเท่าใด?”คุณชายใหญ่ที่อ้วนถ้วนยื่นนิ้วมือกลมๆ ออกมาหนึ่งนิ้วกดลงหัวอันหลันซินอย่างแรง แล้วพูดจาราวกับเสียเปรียบใหญ่หลวง “หนึ่งหมื่นตำลึง! ลูกอนุภรรยาของราชเลขาฝ่ายขวาขายตั้งหนึ่งหมื่นตำลึงเชียวนะ! หากไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของพ่อเจ้า เจ้านึกว่าหน้าตาอย่างเจ้ามีค่าหนึ่งหมื่นตำลึงหรือ? ถุย! ตัวชูโรงในหอนางโลมยังดีกว่าเจ้านักหนา!”อันหลันซินกัดฟันทนความเจ็บปวดหยัดกายยันร่างท่อนบนให้ลุกขึ้น เมื่อเห็นเจ้าหมอนี่ที่อ้วนพุงพลุ้ย แววตานางมีความเหี้ยมเกรียมแวบผ่านแต่ต่อมาสีหน้าของนางกลับเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร ดวงตานางแดงก่ำแล้วกัดฟันพูด “คุณชายใหญ่ผาง ในเมื่อไม่ถูกใจข้า แล้วเหตุใดยังต้องบังคับขืนใจข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 372

    ดูเหมือนจะไม่ตีต่อแล้วเวินซื่อถึงได้ละสายตากลับมา บอกจู๋เยวี่ยเสียงค่อย “ไปเถอะ ควรกลับได้แล้ว”นางเป็นผู้ออกบวช และเรียนวิชาแพทย์กับอาจารย์ม่อโฉวจึงถือว่าเป็นกึ่งหมอ ที่มาที่นี่ก็เพราะไม่อยากเห็นใครถูกตีจนตายเท่านั้นในเมื่อตอนนี้ยังไม่ตาย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับนางสักนิดเวินซื่อหันหลังเตรียมจากไป แต่คนทางนั้นมีความเคลื่อนไหวกะทันหัน“ชีวิตนะเก็บไว้ให้เจ้าก็ได้ แต่คนเนี่ยนะ...”คุณชายใหญ่ผางลูบใบหน้าอันหลันซิน หัวเราะแล้วกล่าวอย่างหื่นกามอำมหิต “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมจำนนให้ข้า ถ้างั้นก็ยกเจ้าให้พวกบ่าวของข้าก็แล้วกัน เพราะอย่างไรคืนนี้เพื่อจับตัวเจ้ากลับมา พวกเขาเสียแรงไปไม่น้อย ดังนั้นเจ้าต้องปรนนิบัติพวกเขาให้ดี”“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ”“ขอบคุณรางวัลของคุณชาย!”สีหน้าอันหลันซินซีดเผือดทันใด “เจ้ากล้าหรือ! ข้าเป็นบุตรสาวของราชเลขาฝ่ายขวา ต่อให้เป็นเพียงลูกอนุ แต่ก็ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะย่ำยีอย่างไรก็ได้!”“ลูกอนุคนเดียวที่ขายให้ข้าแล้ว ข้าอยากทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น!”คุณชายใหญ่ผางทำหน้าไม่ยี่หระส่วนพวกบ่าวเหล่านั้นยิ้มพรายพร้อมก้าวมาข้างหน้า“ในเมื่ออนุอันไม่รู้จักกาลเทศะ ถ้างั้นพว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 373

    “เร็ว! รีบจับตัวพวกนางไว้!”“ต่อให้ต้องพลิกทั่วทั้งแผ่นดินจินโจว ก็ต้องจับตัวพวกมันกลับมาให้ข้า!”ในคืนนั้น ทั่วทั้งจินโจวพลุกพล่านไปด้วยผู้คนล้วนบอกว่าอนุภรรยาที่แต่งได้ไม่กี่วันของคุณชายใหญ่สกุลผาง ซึ่งเป็นคหบดีอันดับหนึ่งของจินโจวหนีไปแล้วดังนั้นครึ่งคืนหลัง จะพบเห็นองครักษ์ของสกุลผางตามหาคนไปทั่วต่อให้เวินซื่อกับอันหลันซินวิ่งหนีสุดชีวิต ก็ยังวิ่งไม่เร็วนักเมื่อเห็นด้านหลังมีคนวิ่งตามมากขึ้นเรื่อยๆ เวินซื่อจับมืออันหลันซินแล้วเลี้ยวเข้าไปหลบในตรอกเล็กเส้นหนึ่ง“เป็นอย่างไร? พบตัวหรือยัง?”“ข้างหน้าไม่มี ข้างหลังก็ไม่มี”“ค้นให้ทั่ว คุณชายบอกแล้ว ต้องจับตัวกลับไปให้ได้ หากกล้าขัดขืน ก็ตีให้ตายไปเลย!”“ขอรับ!”องครักษ์เหล่านั้นกระจายกันไปค้นหาทันทีเวินซื่อซ่อนตัวอยู่ที่มุม หันมองไปข้างนอก ยังไม่มีคนมาตามหาถึงที่นี่ชั่วคราวนางโล่งอกเล็กน้อยการเคลื่อนไหวของสกุลผางรวดเร็วเหลือเกิน หากไม่ได้จู๋เยวี่ยช่วยล่อคนส่วนใหญ่ไป เกรงว่านางกับอันหลันซินคงหนีไม่พ้นแต่ต่อให้ตอนนี้หนีออกมาได้แล้ว ก็ยังมีคนของสกุลผางไม่น้อยที่ออกค้นหาอันหลันซินตอนนี้ทำได้เพียงหลบอยู่ในนี้ก่อน ห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 374

    นางรู้ดี ตอนนี้เวินซื่อกำลังโกรธบางทีอาจเพราะคำพูดเมื่อครู่ของนาง บางทีอาจเพราะนึกถึงเรื่องในอดีตอันหลันซินไม่ได้พูดอะไรต่อ มองดูเวินซื่อใส่ยาให้นางจนเสร็จ แล้วมองอีกฝ่ายพันแผลให้นางจนเสร็จ“สาวใช้น้อยคนนั้นของเจ้าล่ะ? ทำไมไม่เห็นนาง?”เวินซื่อใส่ยาให้นางเสร็จ เหมือนนึกถึงบางอย่าง จึงขมวดคิ้วถามอันหลันซินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้น “นางตายแล้ว”“ตายแล้ว?”เวินซื่อแปลกใจ“วันที่ข้าแต่งเข้าสกุลผาง เจ้าคนแซ่ผางนั้นคิดจะใช้กำลังกับข้า แต่ข้าไม่ยอม เขาจึงลงไม้ลงมือกับข้า สาวใช้ข้าปกป้องข้า จึงถูกตีตายไปแล้ว”ระหว่างที่อันหลันซินเล่าเรื่องพวกนี้นางดูสงบนิ่งมากเหมือนไม่ใส่ใจการตายของสาวใช้คนนั้นแม้แต่น้อยเวินซื่อมองอันหลันซินแวบหนึ่ง แต่ไม่พูดสิ่งใดขณะนั้นเอง จู่ๆ ข้างนอกมีความเคลื่อนไหวดังขึ้นเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ตรอกนั้น หนำซ้ำยังเดินเข้ามาทำให้เวินซื่อตกใจ รีบหันมองข้างนอกทันที“ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งตรอก รีบเข้าไปค้น ดูสิว่าซ่อนตัวอยู่ข้างในนี้หรือไม่”องครักษ์ของสกุลผางพวกเขาค้นมาถึงตรงนี้จริงๆเวินซื่อจ้องมองพวกคนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ในตอนนั้นเอง อันหลันซินที่อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 375

    หลังจากได้ยินคนหนึ่งเอ่ยเสียงดัง คนที่เหลือล้วนตั้งสติได้ทันทีชั่วขณะนั้น เสียงคุกเข่าลงพื้นดังระงมทั่วทั้งถนนมีแต่เสียง คารวะธิดาศักดิ์สิทธิ์เวินซื่อชะงัก“หญิงผู้นี้บาดเจ็บไม่น้อย ข้าทนดูไม่ได้ อยากพานางกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงเตี๊ยม หากคุณชายของพวกเจ้าต้องการตัว จากนี้ให้เขาไปหาข้าที่โรงเตี๊ยม”“ขอรับ!”กลุ่มองครักษ์ตื้นตันมาก ไม่แม้แต่จะถามสักคำ รีบตอบรับทันทีอย่าว่าแต่ขัดขวาง เวินซื่อเพิ่งหันหลัง องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังล้วนหลีกทางให้นางเดินเวินซื่อเห็นพวกเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงให้จู๋เยวี่ยประคองอันหลันซินให้ลุกขึ้น แล้วเตรียมจากไปทว่าในขณะนั้นเอง คุณชายใหญ่สกุลผางตามมาถึงแล้ว“หยุดนะ!”“พวกสวะไร้ประโยชน์ยังคุกเข่าอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปจับตัวนางมาให้ข้าอีก!”คุณชายใหญ่ผางเคลื่อนไหวร่างกายที่อ้วนพลุ้ย แล้ววิ่งกึกๆ เข้ามา จากนั้นชี้หน้าด่าทอทันทีแต่นึกไม่ถึงว่าองครักษ์เหล่านี้คงกินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงไม่มีใครฟังคำสั่งเขาเลย ล้วนคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่ขยับ!รอจนคุณชายใหญ่ผางพาพ่อบ้านและองครักษ์อีกหลายคนมาถึงด้านหน้าสุด จึงได้หรี่ตามองสำรวจเวินซื่อวินาทีต่อ

최신 챕터

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status