Share

บทที่ 477

Author: จิ้งซิง
จวนเจิ้นกั๋วกง

“พี่สี่ วันนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่?”

เวินเยวี่ยมาเยี่ยมเวินอวี้จืออีกแล้ว

นางนั่งลงข้างเตียงของเวินอวี้จือ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สีหน้าแฝงไปด้วยความกังวล

บนเตียง เวินอวี้จือมีสีหน้าซีดเซียว สภาพจิตใจย่ำแย่มาก แต่เมื่อเห็นเวินเยวี่ยมา ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “วันนี้รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานอีก ต้องขอบคุณยาของน้องหก ไม่เช่นนั้น เกรงว่าพี่สี่ของเจ้าคงจะไปอยู่ที่ปรโลกแล้ว”

“พี่สี่อย่าพูดเช่นนี้ พี่สี่เป็นคนดีมีวาสนา ย่อมไม่เป็นอะไร ที่จริงแล้วยาของข้านั่นแหละ หากมันดีกว่านี้อีกหน่อย ก็คงจะไม่ทำให้พี่สี่ต้องเป็นแบบนี้ เป็นความผิดของข้า...”

เวินเยวี่ยก้มหน้าลง แสดงสีหน้าตำหนิตัวเองอย่างเต็มที่

ตอนนี้เวินอวี้จือจะไปโทษนางได้อย่างไร “ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า และต้องขอบคุณยาของเจ้าด้วยซ้ำ ทำให้ข้ารอดชีวิตมาได้ การที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็ดีมากแล้ว”

เขาฝืนยิ้ม

แม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่สวรรค์รู้ว่าตอนนี้เขาได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากแค่ไหน

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการที่คนอื่นมองว่าเขาเป็นคนพิการไร้ประโยชน์

เพราะว่าเขาเพียงแค่ร่างกายอ่อนแอขี้โรคเท่านั
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 478

    เวินเยวี่ยยังคงแสร้งทำท่าทางไร้เดียงสาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินอวี้จือก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของนาง สบตากับนางครู่หนึ่งเวินเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ถูกเขามองจนรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูกมองนางแบบนี้ทำไม?เดี๋ยวก่อน หรือว่าเวินอวี้จือจะพบอะไรบางอย่างแล้ว?เวินเยวี่ยหัวใจเต้นแรงทันที จากนั้นกลืนน้ำลายแต่ในตอนนั้นเอง เวินอวี้จือก็เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา “น้องหก ที่จริงเจ้าไม่ต้องกลัว พี่สี่ของเจ้ารู้ทุกอย่าง ดังนั้น เจ้าไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าพี่สี่ก็ได้ ปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าออกมาเถิด”เวินเยวี่ย “...”ไม่ใช่สิ เขารู้อะไรกัน?ตอนนี้สีหน้าของเวินเยวี่ยดูฝืนๆ ยิ่งกว่าเวินอวี้จือเมื่อครู่นี้เสียอีกโชคดีที่เวินอวี้จือมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าอยากจะเสแสร้งก็แล้วแต่เจ้าเถิด พี่สี่ไม่ถือสา”เวินเยวี่ยไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว จึงเปลี่ยนเรื่องอย่างกระทันหัน “จริงสิ พี่สี่ ดอกไม้กระถางนั้นที่ข้าให้ท่านก่อนหน้านี้ยังอยู่หรือไม่?”เวินอวี้จือพยักหน้า “แน่นอน ข้าวางไว้ในห้องลับ เกิดอะไรขึ้น?”“เมื่อวานข้าเพิ่งรู้ว่าดอกไม้นั่นก็เป็นสม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 479

    ปีนี้จวนเจิ้นกั๋วกงถูกกำหนดให้ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุขแต่ปีนี้เวินซื่อกลับใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมาก“คืนพรุ่งนี้ลงเขาไปดูงานโคมไฟหรือไม่?”วันนี้เป่ยเฉินหยวนเอ่ยชวนขึ้นมากะทันหัน“งานโคมไฟ?”เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง “งานโคมไฟอะไร?”เป่ยเฉินหยวน “คืนพรุ่งนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ในเมืองหลวงก็จัดงานโคมไฟเหมือนกับทุกปี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินซื่อก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ที่นางทูลขอพระบรมราชานุญาตออกบวช เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้วเมื่อผ่านพ้นวันส่งท้ายปีเก่าไปก็จะเป็นเทศกาลปีใหม่ และก็จะเป็นปีใหม่แล้วเวินซื่อพ่นลมหายใจอุ่นๆ ออกมา ถูมือเล็กๆ ที่เริ่มจะแข็งเพราะความหนาวเย็น ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ได้สิ แต่ว่าข้าต้องถามท่านอาจารย์ก่อน”สายตาของเป่ยเฉินหยวนจับจ้องอยู่ที่มือเล็กๆ ของนางที่เริ่มแดงเพราะความหนาวเย็นวันรุ่งขึ้น หลังจากทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จแล้ว เวินซื่อก็บอกเรื่องนี้กับม่อโฉวซือไท่“ได้แน่นอน”ม่อโฉวซือไท่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ไปเที่ยวเล่นให้สนุกเถิด อย่าตึงเครียดกับตัวเองมากเกินไป”ไม่ใช่แค่เวินซื่อเท่านั้น หลังจากทำ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 480

    เขาชินเสียแล้วตรงกันข้าม หากไม่ได้เจออู๋โยวของเขาสักสองสามวัน เขาถึงจะรู้สึกไม่ชินครั้งนี้ เป่ยเฉินหยวนมารับเวินซื่อด้วยตัวเอง ก็ยังคงเป็นนางนั่งรถม้า เขาขี่ม้าตอนมาก็รีบร้อน ตอนกลับก็ค่อยๆ ไปเป่ยเฉินหยวนควบคุมม้าตัวใหญ่ที่อยู่ใต้ร่างของตนเอง อยู่ข้างๆ รถม้าที่เคลื่อนไปข้างหน้าไม่เร็วนักด้วยความเร็วที่ไม่ช้าและไม่เร็วเหลือบมองเล็กน้อย ก็ยังสามารถมองเห็นเวินซื่อที่นั่งอยู่ข้างใน พูดคุยหัวเราะกับฉางเสี่ยวหานผ่านหน้าต่างรถม้าที่ม่านถูกลมพัดปลิวเป็นครั้งคราวสายตาเลื่อนผ่านใบหน้าเล็กๆ ของนาง เป่ยเฉินหยวนก็เอ่ยขึ้นทันที “ในรถมีเตาอุ่นมือ ท่านหยิบออกมาอุ่นมือสักหน่อย อย่าให้เป็นหวัด”เวินซื่อได้ยินดังนั้น ก็มองหาในรถม้า ก็พบเตาอุ่นมือที่เป่ยเฉินหยวนพูดถึงแทบจะในทันทีไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสองอันอันหนึ่งประณีตและเล็กกะทัดรัด เหมาะกับมือของเวินซื่อพอดี มองแวบเดียวก็รู้ว่าเตรียมไว้ให้เวินซื่ออีกอันหนึ่งอยู่ที่ด้านหลังที่นั่งของฉางเสี่ยวหาน แม้ว่าจะไม่ประณีตเท่า แต่เมื่อสัมผัสก็อุ่นมากเช่นกันไม่ต้องพูดฉางเสี่ยวหานก็เข้าใจได้ทันที นี่จะต้องเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 481

    สองชั่วยามต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงประจวบกับม่านราตรีคล้อยลงปกคลุมท้องฟ้าเมืองหลวงในค่ำคืนนี้ไม่มีประกาศห้ามออกจากเคหสถานในยามราตรี หลังจากที่เวินซื่อและคณะเข้าเมืองมาแล้วก็เห็นปรากฏการณ์ไฟระยิบระยับนับหมื่นดวงตั้งแต่เข้ามาในเมือง ถนนทุกสายต่างประดับประดาด้วยโคมไฟ ประกายไฟสว่างพร่างพราว คึกคักมีชีวิตชีวามากทีเดียวเมื่อถึงถนนที่จัดเทศกาลโคมไฟประดับโคม ก็เห็นโคมไฟหลากชนิด รวมทั้งการละเล่นสนุกสนานต่าง ๆ เช่นการชมโคมไฟ ทายปริศนาโคมไฟ เชิดมังกรและอื่น ๆ เห็นแล้วฉางเสี่ยวหานก็ร้อง “ว้าว” ตลอดทางไม่หยุดเลยขณะที่ใกล้จะถึงสถานที่จัดงาน ถนนเบื้องหน้าไม่สามารถเปิดให้รถม้าสัญจรได้แล้ว เวินซื่อและพวกของนางก็ลงจากรถปะปนไปกับคลื่นมหาชน“ให้”ในขณะนี้ จู่ ๆ เป่ยเฉินหยวนก็โยนถุงเงินใส่มือของฉางเสี่ยวหาน“ในงานเทศกาลโคมไฟประดับโคมของเมืองหลวงมีการละเล่นมากมายสำหรับเด็ก ๆ ให้จู๋เยวี่ยพาเจ้าไปเที่ยวเล่น”“หืม?! หม่อมฉันไม่ใช่เด็กนะเพคะ!”ฉางเสี่ยวหานที่เด็กกว่าเวินซื่อเพียงหนึ่งขวบปี แต่เพราะรูปร่างเตี้ย จึงดูไม่ต่างจากอายุสิบสองหรือสิบสามปี จ้องเขม็งพลางเอ่ยอย่างขุ่นเคืองทันที“

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 482

    เวินซื่อนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมา “ตกลง แม่ชีเข้าใจแล้ว”“แม่ชี?”เป่ยเฉินหยวนยังคงมองดูนาง เหมือนยังไม่ยอมเลิกราง่าย ๆเวินซื่อจนปัญญาขึ้นมาทันที “ตกลง ๆ ข้าเข้าใจแล้ว”บัดนี้แม้แต่คำแทนตัวก็เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆเมื่อพูดถึงตรงนี้ เวินซื่อก็ตระหนักถึงบางอย่างโดยพลันดูเหมือนว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะไม่ค่อยแทนตัวเองว่า “ข้าผู้เป็นอ๋อง” เมื่ออยู่ต่อหน้านาง และไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใดแต่ในเมื่ออ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็เป็นเช่นนี้ นางก็เลยตามเลยแล้วกัน“ค่ำคืนนี้ยาวนาน คืนงานเทศกาลโคมไฟ อู๋โยวมาร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับข้า สนุกให้เต็มที่กันเถอะ?”หลังจากนั้นทั้งสองก็ละลายไปกับฝูงชนในเทศกาลโคมไฟ ในระเบียงยาวภายใต้โคมไฟประดับ เดินเตร่ไปทั่วถนนทั้งสาย ชมตรงนี้ จับจ่ายตรงนั้น ไม่นานเป่ยเฉินหยวนก็ถือของเต็มมือมีโคมไฟประดับที่ซื้อพร้อมกับเวินซื่อ โคมลอยน้ำที่สามารถลอยได้ โคมไฟหลากสีสันที่ได้มาจากการทายปริศนาโคมไฟ ยังมีมันเทศอบไว้กิน และของหวานไว้ดื่ม อย่างแล้วอย่างเล่าในตอนแรกยังคงถือไว้ในมือของเวินซื่อ แต่สักพักก็มาอยู่ในมือของเป่ยเฉินหยวน อีกครึ่งทางข้างหน้าก็น่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 483

    เป่ยเฉินหยวนเห็นนางดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงเอ่ยปากขึ้น “แค่พวกโจรไม่กี่คนเท่านั้นเอง กวาดล้างหมดสิ้นแล้ว”ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?นึกไม่ถึงเลยว่านางจะไม่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย!เวินซื่อเบิกตากว้าง การแสดงออกทางสีหน้ามีความตกใจมากทีเดียว“วางใจได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขามารบกวนท่าน”เขาจัดการได้อย่างสะอาดหมดจด ทุกครั้งโจรและนักฆ่าเหล่านั้นยังไม่ทันได้เฉียดข้างกายเวินซื่อ ก็ถูกเป่ยเฉินหยวนกำจัดทั้งหมดแล้วหลังจากสังหารจนหมดสิ้น เป่ยเฉินหยวนก็รู้สึกแปลก ๆเขาหรี่ตาลงเล็กน้อยคนเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้เจาะจงที่อู๋โยวเพียงผู้เดียว มีดดาบของสองคนในนั้นวาววับอยู่ข้างลำตัวของเขาอย่างชัดเจนคนกลุ่มนี้จับจ้องพวกเขาทั้งสองคนจะเป็นใครกันนะ?ใครกันที่หาญกล้าเช่นนี้ กล้าพุ่งเป้าไปที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนและธิดาศักดิ์สิทธิ์ในเวลาเดียวกัน?ในเมื่อถูกกำจัดหมดแล้ว เวินซื่อก็ไม่อยากเสียอารมณ์ จึงยังไม่ได้ว่าอะไร พลางยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ใกล้จะถึงริมแม่น้ำแล้วพอดี”ถนนที่จัดงานเทศกาลโคมไฟอยู่ไม่ไกลจากริมแม่น้ำดังนั้นทุกครั้งที่มีการจัดงานเทศกาลโคมไฟในเมืองหล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 484

    “นักฆ่าในงานเทศกาลโคมไฟ ท่านมีใครที่น่าสงสัยบ้างหรือไม่?”ระหว่างทางไปส่งเวินซื่อกลับอารามสุ่ยเยว่ เป่ยเฉินหยวนได้ถามขึ้น“คนที่ต้องการฆ่าข้าก็มีเพียงไม่กี่คน ถ้าไม่ใช่คนของจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเวินเยวี่ย ข้าเอนเอียงไปทางผู้ลึกลับกลุ่มนั้นที่อยู่เบื้องหลังเวินเยวี่ยมากกว่า”เวินซื่อนึกถึงที่จู๋เยวี่ยบอกนางไว้ก่อนหน้านี้ ยอดฝีมือลึกลับที่เฝ้าอยู่ในเรือนของเวินเยวี่ยผู้นั้นในเมื่อมีคนลอบสังหาร ก็ต้องเกี่ยวข้องกับยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นเป็นแน่แต่ในขณะนี้เป่ยเฉินหยวนได้บอกว่า “ไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว”“หืม?”เวินซื่อมองไปยังเป่ยเฉินหยวนที่อยู่นอกหน้าต่างด้วยความฉงนเป่ยเฉินหยวนอธิบายว่า “คืนนี้ในบรรดาผู้ที่ลอบสังหาร มีสองคนที่มีทักษะแตกต่างจากคนอื่น ๆ”เวินซื่อแปลกใจขึ้นมาทันที “ยังมีคนต้องการฆ่าข้าด้วยหรือ?”“หรือบางทีอาจจะไม่ได้ต้องการฆ่าท่าน”“แล้วคือ…?”เวินซื่อนิ่งไปชั่วครู่ นึกอะไรได้บางอย่างขึ้นมาในหัวอย่างฉับพลัน พลางขมวดคิ้ว “พวกเขามาเพื่อฆ่าท่านหรือ?”นางมีสีหน้าเป็นกังวลทันที “ท่านมีใครที่น่าสงสัยบ้างหรือไม่?”คำพูดนี้ถึงคราวที่เวินซื่อใช้ถามเป่ยเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 485

    เมื่อคิดดูแล้วต้องเป็นเรื่องโรคระบาดในลู่โจวก่อนหน้านี้ได้แพร่กระจายออกไปนอกพรมแดนตะวันตกแน่นอน จึงมีผู้สอดแนมต่างเผ่าฉวยโอกาสขณะที่หนิงหย่วนโหวไม่ได้เตรียมตัวแอบข้ามพรมแดนตะวันตก แทรกซึมเข้ามาในหมู่ประชาชน แล้ววิ่งเข้ามาในเมืองหลวงเพียงแต่ก็ไม่รู้ว่าไปปลุกเร้าความกล้ามาจากไหน กล้าลอบสังหารอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนของพวกเขาอย่างไม่น่าเชื่อ!โชคดีที่ท่านอ๋องของพวกเขาตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ยอมให้คนเหล่านั้นเป็นต่อสำหรับเรื่องเสียโฉมนั้นคาดเดาได้ง่าย หน้าตาของต่างเผ่าแตกต่างจากคนในราชวงศ์ต้าหมิง หากไม่ทำให้เสียโฉม มองปราดเดียวก็อาจจะแยกแยะได้แล้วแต่เมื่อเกาเย่าคิดถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกทันใดว่าไม่ปกติทำไมการเตรียมตัวของชาวต่างเผ่าเหล่านี้ดูเหมือนจะรอบคอบ แต่ก็ไม่รอบคอบมากนัก?การลอบสังหารทำได้อย่างน่าประหลาดไม่พอ ซ้ำยังกระจอกงอกง่อยเหมือนเด็กเล่นเช่นนี้อีกยังไม่ต้องพูดว่าพวกทำเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ แต่ในเมื่อใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังถึงมาที่เมืองหลวงได้ หากต้องการลอบสังหารก็ควรจะวางแผนดี ๆ ถึงจะถูกแต่เห็นสภาพพวกเขาเช่นนี้ที่ส่งคนมาเพียงไม่กี่คนสามารถทำให้ท่านอ๋องของพวกเขาผิวถลอกไ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status